บทที่ 601 กลับประเทศ

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ไอริณตอบรับกลับมาสองคำ“สัญญานะ”

วารุณีคลายมือออกจากเธอ“ งั้นหม่ามี๊ก็สัญญา หม่ามี๊รับปาก หากเจอคุณพ่อ จะรีบกลับมารับหนูทันที ”

แม่ลูกสามคนเกี่ยวก้อยสัญญา เพื่อเป็นการยืนยัน

จากนั้นไอริณก็ถึงได้ยิ้มออกมา

ในตอนนี้เอง โทรศัพท์มือถือของเธอก็ดังขึ้น

วารุณีดึงมือกลับ แล้วหยิบโทรศัพท์มือถือจากหัวเตียง เมื่อเห็นว่าใครโทรเข้ามา เธอก็จึงรีบกดรับสายทันที

ยังไม่ทันที่เธอจะได้อ้าปากพูด ปลายสายก็มีเสียงราวกับทุ่นระเบิดดังขึ้น“วารุณี ฉันเห็นออฟฟิเชียลหลักของทางผู้จัดงาน เรื่องที่เธอถอนตัวออกจากการแข่งขันนี่มันอะไรกัน ? เธอถอนตัวออกมาเองหรือว่ามีใครเล่นไม่ซื่ออะไรกับเธอ? ”

“ปาจรีย์ เธอใจเย็นๆก่อน” วารุณีมือกุมไปที่หน้าผาก

เธอรู้อยู่แล้ว ว่าปาจรีย์จะต้องโทรหาเธออย่างแน่นอน

“ฉันไม่ได้ถูกใครทำอะไร การถอนตัวออกจากการแข่งขันก็เป็นความตั้งใจของฉันเอง ” วารุณีตอบ

ปาจรีย์ก็เงียบลง จากนั้นก็พูดเสียงสูงขึ้นมาอีกครั้ง“วารุณี คงไม่ได้เป็นอย่างที่เขาพูดกันใช่ไหม ว่าเธอคลอดก่อนกำหนด?”

“อืม”วารุณีพยักหน้า

ปาจรีย์สูดหายใจลึก จากนั้นก็ร้อนรนถามด้วยความเป็นห่วงว่า“นี่มันเรื่องอะไรกัน ? เธอเพิ่งจะท้องได้แค่หกเดือนเท่านั้น จะคลอดก่อนกำหนดได้ยังไง ? ลื่นล้มอะไรหรือเปล่า?”

“ไม่ใช่ เพราะฉันมีอาการเครียด”

“เครียดเรื่องอะไร ? ”

“รู้ข่าวนัทธีหายตัวไปเมื่อวานนี้แล้วหรือยัง ? ”

“ฉันรู้แล้ว”ปาจรีย์พยักหน้า “ข่าวใหญ่ขนาดนี้ ฉันจะไม่รู้ได้อย่างไร แต่…..เดี๋ยวก่อนนะ อย่าบอกนะว่าเรื่องนี้เป็นเรื่องจริง?”

มุมปากวารุณียกหยักขึ้นอย่างขมขื่น “ใช่ นัทธีหายตัวไป คลิปวิดีโอบนโลกออนไลน์ ฉันเป็นคนให้อารัณแปลงเสียงเอง ก็เพื่อปกปิดข่าวการหายตัวไปของนัทธี ไม่อย่างนั้นบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ปคงต้องวุ่นวายแน่ๆ ”

“พระเจ้า เป็นแบบนี้ไปได้ยังไง!”ปาจรีย์เดินไปเดินมาที่สำนักงานอย่างร้อนรน“เกิดอะไรขึ้นกับประธานนัทธี เขาหายตัวไปได้ยังไง ?”

“นิรุตติ์กับนวิยากลับไปที่นั่น นัทธีพบที่กบดานของพวกเขา จึงไล่ตามไป ไม่คิดว่ามันจะเป็นกับดัก นิรุตติ์วางระเบิดเอาไว้ เพื่อที่จะหลบมัน นัทธีกระโดดลงแม่น้ำ จากนั้นก็ไม่มีข่าวคราวอะไรอีกเลย หลายวันมานี้ เราก็ยังทำการค้นหาอยู่ทุกวัน แต่ไม่พบร่องรอยอะไรของนัทธีเลย”

ปาจรีย์สูดหายใจเข้าลึกๆอีกครั้ง“ ในช่วงที่ฉันไม่อยู่ เกิดเรื่องขึ้นมากมายขนาดนี้เลยเหรอ ไม่มีข่าวคราวของประธานนัทธีมานานขนาดนี้ งั้นเขาจะเป็นหรือตายก็ยังไม่รู้นะสิ ?”

วารุณีเงียบไปชั่วขณะ แล้วตอบอืมกลับมาคำหนึ่ง“ ใช่ แต่ฉันคิดว่าเขาน่าจะยังมีชีวิตอยู่ ดังนั้นฉันก็จึงจะกลับประเทศคืนนี้เพื่อตามหาเขา ”

ยังไงก็ตาม ไม่ว่านัทธีจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่ เธอก็จะไปตามหาเขา

หากยังมีชีวิตก็ต้องเจอตัว หรือหากตายแล้วก็ต้องพบศพ

ปาจรีย์พยักหน้า“ นิสัยของเธอ เกิดเรื่องขึ้นกับประธานนัทธีขนาดนี้ เธอกลับมาตามหาเขาก็ไม่แปลกอะไร เพราะฉะนั้นเหตุผลที่เธอถอนตัวออกจากการแข่งขัน ไม่ใช่เพราะคลอดก่อนกำหนดอย่างเดียว แต่ยังรวมไปถึงเรื่องนี้ด้วยใช่ไหม ?”

คนที่เข้าใจเธอดีที่สุด นอกจากนัทธีกับลูกทั้งสองคนแล้ว ก็เพื่อนรักอย่างปาจรีย์คนนี้นี่แหละ

วารุณีขบริมฝีปากแน่น“ ใช่ ตอนนี้ทางผู้จัดงานเขาตอบตกลงแล้ว และผู้ช่วยมารุตก็ไปจัดการเรื่องกลับประเทศให้ฉันแล้ว เมื่อคืนอาจารย์ของฉันก็มาหา และรู้เรื่องที่เกิดขึ้นกับฉันทั้งหมดแล้ว ตอบตกลงให้ฉันถอนตัวแล้วกลับประเทศได้ ”

“แล้วลีน่ากับเชอรีน……”

“พวกเขาก็เห็นด้วย และสนับสนุนฉัน แต่ฉันก็ติดหนี้พวกเขา รอเจอตัวนัทธี ฉันจะชดเชยให้พวกเขาเป็นเท่าตัว”วารุณีพูดด้วยสีหน้าที่รู้สึกผิด

ปาจรีย์ถอนหายใจ “เจอเรื่องแบบนี้ ก็คงทำได้แค่นี้ และฉันก็เชื่อว่าหากเรื่องนี้เกิดขึ้นกับพวกเขา เธอก็ยินดีให้พวกเขาถอนตัวอย่างแน่นอน”

วารุณียกยิ้ม ไม่ได้แสดงความคิดเห็นอะไร

“แล้วเด็กล่ะ ? เด็กยังอยู่ไหม?” ปาจรีย์ถามขึ้นมาอีกครั้ง

เมื่อวารุณีนึกถึงลูกชายตัวน้อยที่ยังอยู่ในตู้อบ หัวใจของเธอก็ราวกับมีเข็มมาทิ่มแทง เจ็บปวดจนเธอหายใจแทบไม่ออก

“ยังอยู่ ลูกน้อยยังมีชีวิตอยู่ แต่ต้องอยู่ในตู้อบสักสองสามเดือน”

“ทารกน้อยที่คลอดก่อนกำหนดจะต้องอยู่ในตู้อบเป็นเรื่องปกติ ขอแค่ทารกปลอดภัยก็พอแล้ว ประธานนัทธีมีเงิน รอให้เด็กน้อยออกจากตู้อบได้ ก็ค่อยมาดูแลและบำรุงเอาทีหลังก็ได้ เออนี่ เด็กผู้ชายหรือเด็กผู้หญิงล่ะ?” ปาจรีย์ถามด้วยรอยยิ้ม

“เด็กผู้ชาย”วารุณีตอบ

ปาจรีย์พยักหน้า “เด็กผู้ชายก็ดีนะสิ อีกหน่อยก็มีผู้พิทักษ์ไอริณเพิ่มอีกคนแล้ว ”

“ใช่”วารุณีเหลือบมองไปยังเด็กน้อยสองคนที่อยู่บนโซฟา

จากนั้น ทั้งสองคนก็พูดคุยกันเรื่องอื่น แล้ววางสายไป

แต่หลังจากวางสายไปได้ไม่นาน พงศกรก็โทรมาเพื่อถามไถ่เธอด้วยเช่นกัน

เพราะเขากับนัทธีไม่ค่อยลงรอยกัน ดังนั้นวารุณีก็จึงบอกเขาแค่ว่า เธอถอนตัวเพราะคลอดก่อนกำหนด และไม่ได้บอกเขา ว่าเกิดอะไรขึ้นกับนัทธี

พงศกรก็ไม่ได้ถามถึงนัทธีเช่นกัน ดังนั้นการสนทนา ก็จึงสิ้นสุดลงไปอย่างรวดเร็ว

ในตอนค่ำ ภายใต้การมาส่งของเชอรีนและลีน่า รวมถึงไอริณ วารุณีก็ได้ขึ้นเครื่องเดินทางกลับประเทศพร้อมมารุตและอารัณ

เมื่อเดินทางมาถึง ก็เป็นเวลาเช้าแล้ว

ทันทีที่วารุณีลงจากเครื่อง ก็ไม่ได้สนใจจะพักผ่อน มุ่งตรงไปยังโรงพยาบาลก่อน เพื่อไปเยี่ยมป้าส้ม

ป้าส้มก็เป็นหนึ่งในคนในที่รู้เรื่องการหายตัวไปของนัทธีผู้ดูแลเป็นคนบอกเธอ

และเพราะเหตุนี้ ช่วงนี้ป้าส้มก็เอาแต่โทษตัวเองอยู่ตลอด หากไม่ใช่เพราะตัวเองได้รับบาดเจ็บ นัทธีก็คงจะไม่กลับมา และไม่หายตัวไป วารุณีก็ไม่ต้องมาเครียดจนต้องคลอดก่อนกำหนด

ดังนั้นเมื่อป้าส้มเห็นวารุณี ก็เอาแต่โทษตัวเองและพูดขอโทษ

วารุณีรีบพยุงเธอขึ้น “ป้าส้มค่ะ เรื่องนี้ไม่เกี่ยวกับป้า ป้าไม่จำเป็นต้องโทษตัวเอง ไม่ต้องเอาความผิดทุกอย่างมาลงที่ตัวเองเลย มันเป็นความผิดของพวกนิรุตติ์ ”

“ใช่ครับคุณยายส้ม มันไม่เกี่ยวอะไรกับคุณยายเลย” อารัณก็พูดปลอบ

เมื่อป้าส้มได้ยิน ก็ยิ่งรู้สึกละอายมากขึ้น

วารุณีใช้ความพยายามอย่างมาก กว่าจะทำให้ป้าส้มสงบสติอารมณ์ลงได้

รอจนป้าส้มเหนื่อย และผล็อยหลับไป วารุณีก็จึงได้พาอารัณกลับไปที่คฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์

“คุณผู้หญิง คุณกับคุณชายน้อยไม่ได้พักผ่อนบนเครื่องบินกันเลย พักผ่อนกันก่อนเถอะครับ พักแล้วค่อยหาท่านประธานกัน ครั้งล่าสุดหลังจากที่นิรุตติ์โผล่มาที่นี่ ท่านประธานก็ได้เสริมมาตรการรักษาความปลอดภัยมากขึ้น คุณผู้หญิงกับคุณชายน้อยพักผ่อนอย่างสบายใจได้ครับ ” หลังจากที่มารุตวางกระเป๋าเดินทางลง ก็เอ่ยพูดกับวารุณี

วารุณีพยักหน้า “ได้ ขอบคุณนะผู้ช่วยมารุต”

“ไม่เป็นไรครับ งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”มารุตพูดจบ หันหลัง และกำลังจะเดินออกไป

จู่ๆวารุณีก็นึกอะไรขึ้นมาได้ เรียกเขาไว้ “เดี๋ยวก่อน”

“คุณผู้หญิงยังต้องการอะไรเพิ่มอีกเหรอครับ ? ”มารุตหยุดลง

วารุณีคลึงไปที่ขมับ“เรื่องที่ฉันกับอารัณกลับมา ไม่ต้องพูดออกไป และไม่ต้องให้ใครรู้ ไม่งั้นที่เรากลับมา และไม่เห็นนัทธีมาด้วย ข่าวการหายตัวไปของนัทธี ก็จะปิดเอาไว้ไม่ได้อีก ”

“วางใจได้ครับ เรื่องนี้ผมคิดเอาไว้แล้ว และสั่งการไปแล้วครับ ” มารุตพยักหน้า

วารุณียกยิ้ม “งั้นก็ดี”

“งั้นผมขอตัวก่อนนะครับ”ครั้งนี้มารุตไปแล้วจริงๆ

วารุณีพาอารัณขึ้นชั้นบนไป แล้วต่างก็พักผ่อน

ในช่วงบ่าย สองคนแม่ลูกขึ้นรถ ภายใต้การนำทางของผู้ดูแล ไปยังนิคมอุตสาหกรรมที่ถูกเผาไหม้

เมื่อมองดูซากปรักหักพังที่ถูกเผาไหม้ ในใจของวารุณีก็พองโต

พื้นที่อุตสาหกรรมขนาดใหญ่เช่นนี้ถูกไฟไหม้จนเกลี้ยง นึกภาพตอนถูกเผาไหม้ไม่ออกเลยว่าจะลุกลามใหญ่โตขนาดไหน

โชคยังดีที่ตรงนี้ยังมีแม่น้ำสายหนึ่ง มีไว้ใช้สอยในส่วนของนิคมอุตสาหกรรมโดยเฉพาะ มิเช่นนั้นในตอนนั้นนัทธีคงไม่มีทางหนีทีไล่ และต้องถูกเผาทั้งเป็นไปแล้ว

เมื่อคิดถึงความเป็นไปได้นี้ หัวใจของวารุณีก็เหมือนมีใครมาบีบรัด เจ็บปวดจนใบหน้าซีดเซียว

“หม่ามี๊?”อารัณสังเกตเห็นความผิดปรกติของเธอร้องทักเธอด้วยความเป็นห่วง

วารุณีส่ายหัว “หม่ามี๊ไม่เป็นไร”

พูดจบ เธอก็หันไปหาผู้ดูแลที่อยู่ด้านข้าง“ นัทธีกระโดดลงแม่น้ำจากตรงไหน พาฉันไปดูหน่อยค่ะ ”

“ได้ครับ”ผู้ดูแลพยักหน้าให้ จากนั้นก็เดินนำหน้าไป

วารุณีจูงมืออารัณ แล้วเดินตามหลัง