บทที่ 675 เริ่มการป้องกันการเข้ารุกราน

หวางเฟยเสด็จ ท่านอ๋องหลีกไป

ตั้งแต่ที่ฮ่องเต้และทูตแต่ละประเทศมาถึงทั้งหมดแล้ว และขณะที่หลานเยาเยาปรากฏตัวบนดาดฟ้าของเรือ เขาก็ติดตามออกมา และยืนอยู่ตลอด

ทีแรกคิดว่าน่าเบื่อเป็นที่สุด เพียงแค่อยากดูความสนุกสนาน ฆ่าเวลาเท่านั้น

อันที่จริงก็อยากรู้ว่า

หลานเยาเยากับเย่แจ๋หยิ่งจะใช้วิธีแบบใดหลอกล่อฮ่องเต้แต่ละคน พวกผู้นำให้ร่วมกันต่อต้านการเข้ารุกรานของคนจากนอกแผ่นดิน

เขารู้สึกกระทั่งว่าการลงมือนี้ยอดเยี่ยมมาก

แต่เมื่อหลานเยาเยาแสดงยาน้ำสีม่วงออกมาแล้ว เขาก็ตะลึงงันอยู่ตรงนั้นแล้ว ตลอดจนถึงตอนนี้ ก็ไม่ได้เคลื่อนที่เลยสักก้าวเดียว……

เขาคิดไปเองว่าเขาเข้าใจหลานเยาเยามาก เข้าใจมาโดยตลอด

แต่ดูจากตอนนี้ เขาไม่เคยเข้าใจนางอย่างแท้จริงเลย กลับเป็นอ๋องเย่และนางที่มีความรู้ใจกันยิ่งกว่า เหมาะสมกันยิ่งกว่า

จุดนี้ หากก่อนหน้านี้เขายังสามารถหลอกตัวเองได้ เช่นนั้นตอนนี้แม้แต่จะหลอกตัวเองเขาก็ทำไม่ได้แล้ว

จนถึงยามค่ำคืน

หานแสล้วนอยู่บนดาดฟ้า จนอ๋องเย่เดินเข้ามา ทั้งสองหาเรื่องคุยกันเรื่อยเปื่อยไม่กี่ประโยค หานแสกลับพูดขึ้นอย่างฉับพลันว่า:

“ข้าไม่เคยพูดมาก่อนว่าข้าอิจฉาท่านมาก?”

เสียงของเขาทุ่มต่ำ เศร้ามาก เอือมระอามาก และไร้เรี่ยวแรงมาก

ได้ยินดังนั้น เย่แจ๋หยิ่งเลิกคิ้ว ถอนสายตาที่มองไปยังผิวน้ำกลับมา หันและตกไปอยู่บนร่างของหานแส ตอบอย่างสนใจ: “ไม่มี!”

หานแสพยักหน้า และไม่ได้อธิบาย

นิ่งเงียบเล็กน้อยครู่หนึ่ง ก็เปิดปากพูดอีก: “ข้าอิจฉาท่านจริงๆ ตั้งแต่รู้จักนาทีนั้นก็อิจฉาแล้ว”

เหมือนกับว่าเขาจะบรรยายเรื่องราวที่แสนห่างไกล แต่กลับเป็นเรื่องราวที่พะวงอยู่ในใจมาตลอดระหว่างเย่แจ๋หยิ่ง ความพะวงที่อยู่ในใจชนิดนี้ คือความอิจฉา และคือความริษยา

เย่แจ๋หยิ่งไม่ได้พูดจา

ที่ผ่านมาเขามองเย่แจ๋หยิ่งเป็นศัตรูที่แข็งแกร่ง หลังจากที่ได้กำจัดไปแล้วก็จะพอใจ

แต่เขารู้ เขาเคยมีโอกาสฆ่าเขาให้ตาย แต่เขากลับไม่ได้ทำเช่นนั้น

นี่ทำให้คนเข้าใจยากยิ่งนัก!

ตอนนี้ ราวกับว่าเข้าใจได้อย่างรางๆแล้ว

“ตอนนี้ล่ะ?”

“ไม่แน่ บางทีอาจจะยังคงอิจฉาล่ะมั้ง! แต่ข้าในตอนนี้กลับสับสนเป็นที่สุด” หานแสมองดูท้องฟ้ายามค่ำคืน ดาวเป็นจุดๆเต็มท้องฟ้า แสงจันทร์สว่างไสว แต่เขากลับถอนใจแล้ว ยังคงรู้สึกว่างเปล่าเป็นที่สุด

เกลียดเย่แจ๋หยิ่งไม่ลงแล้ว

ราวกับว่าทุกอย่างล้วนไม่มีความหมายแล้ว

“สับสนอะไร? สงสัยในความหมายของการดำรงอยู่ของเรือแห่งความสิ้นหวัง? เหอะ!”

เย่แจ๋หยิ่งหัวเราะอย่างเย็นชาเสียงหนึ่งอย่างฉับพลัน

“ข้าก็เคยมีเวลาชั่วพริบตาที่เคยอิจฉาเจ้า”

“อิจฉา?” หานแสประหลาดใจ

อ๋องเย่อิจฉาเขา?

ไม่ใช่ว่าที่ผ่านมาเขาเกลียดเขามาโดยตลอดอย่างงั้นหรือ?

“เมื่อข้ารู้ว่าระหว่างเรือแห่งความสิ้นหวังของเจ้ากับเยาเยามีโชคชะตาที่ลึกซึ้งแยกออกจากกันได้ยากตั้งแต่อดีตถึงตอนนี้ และบางทีข้าก็เป็นเพียงของทดแทน ก็หงอยเหงาไปช่วงหนึ่ง ตอนนี้กลับมาคิด ชั่งน่าขันจริงๆ”

ไม่ว่าจะเป็นของทดแทนหรือไม่ ความรู้สึกของเขาที่มีต่อหลานเยาเยาไม่เคยลดลง และจากเวลาที่ผ่านเลยไป ยิ่งความรักต่อนางลึกซึ้งขึ้นเรื่อยๆ ยิ่งไร้หนทางถอนตัว

จนกระทั่งหลังจากนั้นรู้ว่าเขาไม่ใช่ตัวแทนของฮ่องเต้รุ่นแรก แต่คือฮ่องเต้รุ่นแรกเวลานั้น ก็หัวเราะอย่างยินดีปรีดาเท่านั้น

หลานเยาเยาพยายามทุ่มเททำทุกอย่างเพื่อเขา มากมายจนกระทั่งการที่จะต้องอยู่ที่นี่ไปตลอดกาล

สิ่งเดียวที่เขาต้องการทำก็คือปกป้องทั้งชีวิตของนางให้ดีๆ

“หมายความว่าอย่างไร?”

หานแสไม่เข้าใจ

“เจ้ารู้หรือไม่ว่าเรือแห่งความสิ้นหวังดำรงอยู่ด้วยเหตุผลใด?”

“ตามบันทึกโบราณที่สืบทอดต่อมาของเรือแห่งความสิ้นหวังบอกว่าไว้ แค่เพราะปกป้องสิ่งลวงตาที่มองไม่เห็น” ด้านบนยังมีเบาะแสที่เกี่ยวข้องกับคนจากนอกแผ่นดิน

“ปกป้องอะไร?” เย่แจ๋หยิ่งถามอีก

หานแสกลับส่ายศีรษะ “ผีถึงจะรู้”

เจ้าของเรือแต่ละยุคของเรือแห่งความสิ้นหวังล้วนรู้เพียงแค่ปกป้อง สำหรับปกป้องอะไร ไม่มีผู้ใดรู้ตั้งนานแล้ว รู้เพียงน่าจะเกี่ยวข้องกับคนรุ่นหลังของตระกูล อย่างอื่นไม่รู้ทั้งสิ้น

แต่เย่แจ๋หยิ่งกลับยิ้มบางๆ มั่นใจตั้งนานแล้ว ตอนนี้กล่าวมาอย่างช้าๆ

“เรือแห่งความสิ้นหวังถือกำเนิดขึ้นในยุคแรก โดยเทพธิดาเป็นผู้สร้างแบบจำลองด้วยตัวเอง นำทหารฝีมือดีแข็งแกร่งกลุ่มใหญ่สร้างขึ้นจนสำเร็จ พลังในการรบแข็งแกร่งเป็นที่สุด เป็นประจักษ์พยานสงครามครั้งใหญ่ของคนจากนอกแผ่นดินและฮ่องเต้รุ่นแรก ขณะที่รุ่งเรืองที่สุด จำนวนกว่าร้อยลำ พวกมันเป็นฉากกำบังของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ และเป็นผู้ปกป้องที่ซื่อสัตย์และจริงใจ

ถ้าหากเจ้าคิดว่าพวกมันแค่เพียงเพราะปกป้องแผ่นดินใหญ่ผืนนี้และได้ทำการปกป้อง เช่นนั้นก็ผิดอย่างมหันต์

อันที่จริงที่พวกมันต้องการปกป้องจริงๆคือ เทพธิดาของแผ่นดินใหญ่ผืนนี้ ทุกรุ่นทุกสมัย ไม่หยุดพักตลอดกาล

ต่อจากนั้น ฮ่องเต้รุ่นแรกและเทพธิดาสิ้นชีพทั้งคู่ เจ้าของเรือที่ดูแลควบคุมเรือแห่งความสิ้นหวังตั้งแต่เริ่มจนจบไม่เคยลืมภารกิจอันหนักอึ้งของตัวเอง ลอยไปลอยมาในบริเวณริมฝั่งทะเลมาโดยตลอด ตั้งแต่อดีตถึงปัจจุบัน

ความหมายในนั้นเริ่มเปลี่ยนแปลง จำนวนเรือก็ค่อยๆลดน้อยลง จนถึงตอนนี้ ก็เหลือเพียงลำเดียวแล้ว แต่เรือแห่งความสิ้นหวังในอดีตได้ถูกยกย่องว่าเป็นเจ้าแห่งทะเลที่ทรงอำนาจตอนนี้เสื่อมลงไปเป็นเรือทำการค้า นี่ก็อาจเป็นเพราะยุคสมัยและหนทางการดำรงชีพที่เปลี่ยนไปเป็นเหตุ”

หานแสตะลึง!

เขาไม่เคยรู้มาก่อนว่าที่แท้เรือแห่งความสิ้นหวังก็มีที่มาเช่นนี้

เฝ้ารักษา ที่แท้ก็ความหมายเช่นนี้!

ในใจเกิดความรู้สึก แต่บนหน้ากลับมองอย่างดูถูก

“อย่าแต่งเรื่องมั่วซั่วมาหลอกข้า คิดว่าข้าจะหลงกลและถูกหลอก ยินยอมพร้อมใจต่อต้านคนจากนอกแผ่นดินพร้อมกับพวกเจ้า?”

เย่แจ๋หยิ่งยิ้มอย่างเย็นชา และไม่ได้โต้แย้ง

เพียงแค่หัวเราะอย่างเย็นชาอีกเสียงหนึ่ง ราวกับว่าไม่ยอมที่จะพูดกับเขาอีก เขาเดินไปแล้วไม่กี่ก้าว ในที่สุดก็หยุดลงมาแล้ว และไม่ได้หันตัวมา แต่กลับกล่าวอย่างเรียบๆ:

“หากว่าเรือแห่งความสิ้นหวังเดินทางผิด หนทางคือความตาย เช่นนั้นทำไมไม่ละทิ้งเปลือกนอกของความลุ่มหลงในชีวิตที่หรูหรา ปฏิบัติตามคำสัญญาที่มันควรจะเฝ้ารักษา ไปเฝ้ารักษาคนที่เดิมทีมันควรจะเฝ้ารักษา”

พูดจบ

เย่แจ๋หยิ่งก็จากไปโดยไม่หันกลับมา

หานแสตะลึงเล็กน้อย ดึงสติกลับมาไม่ได้อยู่นาน ในที่สุดก็หัวเราะอย่างชั่วร้าย……

“ชิ! กำลังหลอกข้าอีกแล้ว”

แม้ว่าจะพูดเช่นนี้

แต่หานแสก็ไม่ได้สับสนอีก ฟื้นคืนกลับมามีท่าทีในอดีตที่เดี๋ยวดีเดี๋ยวร้ายแล้ว

แต่วันที่สองเขาก็หยิบบันทึกโบราณที่สืบทอดมาออกมา สั่งให้คนเอาสิ่งอำนวยความสะดวกของบ่อนเดิมพันในเรือแห่งความสิ้นหวังยกไปทิ้ง ดำเนินการปรับแก้ตามรูปแบบเดิมทีของเรือแห่งความสิ้นหวัง เอามันเปลี่ยนเป็นเรือรบอย่างแท้จริง

เพราะเหตุนี้ หลานเยาเยาตกตะลึงเป็นอย่างมาก

ชั่วข้ามคืนหานแสเป็นบ้าไปแล้วหรือ?

“หานแส เจ้า……ไม่เป็นไรหรอกนะ?” มองดูหานแส หลานเยาเยาถามอย่างไม่เข้าใจเล็กน้อย

“จะเป็นอะไรได้? ไม่ใช่ว่าเจ้าต้องการจะปรุงยาน้ำเพื่อรักษาให้มากยิ่งขึ้นหรือ? สมุนไพรของประเทศก่วงส้าถูกเจ้าขนมาจนหมดเกลี้ยงแล้วสินะ ยาน้ำเพื่อการรักษาเพียงพอแล้วหรือ?”

“ไม่พอน่ะสิ!”

“เช่นนั้นก็เรื่องใหญ่แล้ว ไปเถอะ!”

ในขณะที่หลานเยาเยาตกใจ หานแสออกคำสั่งเสียงหนึ่ง เรือแห่งความสิ้นหวังออกเดินเรือแล้ว

…….

สามเดือนหลังจากนั้น

สัตว์ประหลาดรูปร่างเหมือนคนที่ใหญ่โตสองคน ผุดหัวขึ้นมาจากทะเล ครั้งนี้การปรากฏตัวของคนจากนอกแผ่นดินไม่เหมือนก่อนหน้านี้

พวกเขาสวมชุดเกราะสีแดงแก่

ในมือถืออาวุธแหลมคมที่รูปร่างแตกต่างกัน เดินร่างกายโยกเยกขึ้นฝั่ง กินบรรดาชาวบ้านและสัตว์ป่าในภูเขารอบๆเป็นอาหาร เสียงคำรามดั่งฟ้าร้องเป็นระยะๆ

“ตึง……”

“ตึง……”

“ตึง……”

เดิมทีเมื่อเวลาผ่านไป ความกลัวที่ถูกคนจากนอกแผ่นดินครอบงำค่อยๆจางไป มีคนเริ่มคิดว่า คนจากนอกแผ่นดินจะไม่มาอีกแล้ว พวกมันก็ปรากฏตัวขึ้นอีกครั้งแล้ว

ประเทศเชียนหลิงลั่นกลองรบเสียงดัง พลทหารม้าที่เฝ้ารักษาบริเวณรอบๆชายฝั่งทุกวันทุกคืน พบที่ซ่อนตัวของคนจากนอกแผ่นดินสองคนแล้ว

แรกเริ่มผู้คนหวาดกลัวเป็นอย่างมาก

สำหรับการทำศึกกับคนจากนอกแผ่นดินที่พ่ายแพ้อย่างต่อเนื่อง เสียหายล้มตายแสนสาหัส

ฮ่องเต้ประเทศเชียนหลิงรีบขอความช่วยเหลือไปทางอ๋องเย่ อ๋องเย่มาแล้ว พร้อมยาน้ำเพื่อรักษา ให้พลทหารทั้งหมดผสมน้ำดื่ม

เวลานี้ ประเทศเชียนหลิงเพิ่งจะได้รู้ว่า ยาน้ำเพื่อการรักษานอกจากใช้ภายนอกแล้ว นึกไม่ถึงว่ายังสามารถใช้กินได้อีกด้วย

ความจริง!

เทพธิดาได้เคยพูด เพียงแค่พวกเขาไม่กล้าทดลองเท่านั้น

ตอนนี้ได้เห็น นึกไม่ถึงว่าประสิทธิภาพจะเหมือนกัน อีกทั้งเห็นได้ชัดเป็นอย่างมากว่าผสมน้ำดื่มค่อนข้างประหยัดยาน้ำเพื่อการรักษากว่าการใช้ภายนอก

ไม่รู้ว่าทำไม

มีอ๋องเย่อยู่ ไม่ว่าทหารของประเทศก่วงส้า หรือว่าทหารของประเทศเชียนหลิงที่เคยเป็นศัตรูกับเขา ดูเหมือนว่าล้วนเห็นได้ถึงความหวังแล้ว

อ๋องเย่มีประสบการณ์รับมือกับคนจากนอกแผ่นดิน อีกทั้งทหารในบัญชาการทั้งหมดล้วนเชื่อฟังคำบัญชาการของเขา ไม่ช้าคนจากนอกแผ่นดินผู้หนึ่งถูกโจมตีล้มลงแล้ว

ทันทีที่เห็นเหตุการณ์นี้ ความมั่นใจของทุกคนเพิ่มเป็นเท่าตัว ไม่ช้าตามคำแนะนำของอ๋องเย่คนจากนอกแผ่นดินอีกคนหนึ่งก็ถูกโจมตีแพ้แล้ว

เผชิญหน้ากับคนจากนอกแผ่นดินที่ล้มลงทั้งสองคน บรรดาทหารส่งเสียงโห่ร้องด้วยความดีใจ

แต่อ๋องเย่ขมวดคิ้วแน่น จากนั้นพึมพำกล่าวประโยคหนึ่ง:

“ไม่เกินหนึ่งปี พวกเขาก็จะบุกเข้ามาทั้งชนเผ่า”

ทีแรกเขาคิดว่าอย่างน้อยยังมีเวลาอีกสามปี

แต่ตอนนี้เห็นคนจากนอกแผ่นดินสวมชุดเกราะ จึงรู้ว่า คนจากนอกแผ่นดินไม่รู้ว่าด้วยเหตุผลอันใดที่แทบจะทนรอไม่ได้คิดต้องการบุกเข้ามาแล้ว

แม้ว่าเวลาหนึ่งปีของพวกเขาก็เกรงว่าจะไม่มีแล้ว

อาวุธโบราณและอุปกรณ์โบราณมากมายผลิตออกมาในปริมาณมากๆไม่ทัน เช่นนั้นโอกาสชนะของพวกเขาก็ลดลงระดับลงไปอีกครั้ง

ได้ยินเสียงของเขา ทุกคนล้วนแสดงสีหน้าหวาดกลัว ไม่มีผู้ใดสงสัยว่าคำพูดของเขาจริงหรือเท็จ

เพราะตอนนี้พวกเขาได้เห็นอ๋องเย่ก็เหมือนดั่งได้เห็นเทพธิดาในสวรรค์ชั้นฟ้าเช่นนั้น เพียงแค่เขาพูดจา พวกเขาล้วนคิดว่าจริง

ตอนนี้เห็นอ๋องเย่กังวลแล้ว

พวกเขาจะไม่สะพรึงกลัวได้อย่างไร?

แต่ทว่า!

อ๋องเย่พูดไม่ผิด ผ่านไปเพียงแค่แปดเก้าเดือน ทุกที่ในเขตบริเวณรอบๆริมฝั่ง ไม่ว่าจะเป็นประเทศเชียนหลิง ประเทศก่าวส้า หรือว่าบริเวณริมฝั่งทะเลของประเทศผึงไหล ล้วนปรากฏการบุกโจมตีของคนจากนอกแผ่นดิน

ครั้งนี้ทุกคนล้วนรู้ว่าการบุกโจมตีเริ่มขึ้นอย่างเป็นทางการแล้ว…..