ตอนที่ 512 วันนี้ ข้า เทพแห่งท้องทะเลจะรักษาใบหน้าของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม! (2)
“โอ้ สำนักบำเพ็ญประจิม… แน่นอนว่า ไม่ยินดีต้อนรับสำนักบำเพ็ญประจิม”
นักพรตเต๋าชราทั้งหกอดจะขมวดคิ้วไม่ได้ พวกเขาไม่ทันระวังตัวที่หลี่ฉางโซ่วฉีกหน้าพวกเขาทันที
“ตามวิธีปฏิบัติของ “กลอุบายแบบเก่า” ในโลกบรรพกาลนั้น ในตอนแรกพวกเขาจะไม่ปั้นหน้าต้อนรับด้วยรอยยิ้มและซ่อนดาบไว้ในรอยยิ้มก่อนเสมอหรอกหรือ? พวกเขาเชี่ยวชาญใช้วาจาแฝงนัย และสุดท้ายก็เดินหมากวางเบี้ยกัน ซึ่งหากไม่ได้ผลจริงๆ ก็จะเผยโฉมหน้าที่แท้จริงออกมาและต่อสู้ให้ตกตายกันไปข้างหนึ่งในท้ายที่สุด”
“เทพแห่งท้องทะเล เจ้าหมายความอันใดกัน?”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ยืนตัวตรงและมองไปที่ใบหน้าของนักพรตเต๋าชรา
“ครั้งล่าสุดที่ข้าตามเสด็จฝ่าบาทไปเฝ้าดูสถานการณ์ในทะเลประจิม ข้าถูกจั๊กจั่นสีทองหกปีกที่พวกเจ้าเลี้ยงเอาไว้ในทะเลประจิมดักซุ่มโจมตี มันต้องการสังหารข้า วันนี้ จริงๆ แล้ว พวกเจ้ายังคงทำผยองมางานเลี้ยงที่ศาลสวรรค์ได้ ฮ่าฮ่า สำนักบำเพ็ญประจิมจะยึดเอาสิ่งดีๆ ทั้งหมดในระหว่างสวรรค์และปฐพีไปจริงๆ!”
ชายชราอีกคนในชุดผ้าขาดรุ่งริ่งพลันลุกยืนขึ้น ดวงตาของเขาเต็มไปด้วยโชนแสงศักดิ์สิทธิ์ เขาจ้องมองหลี่ฉางโซ่วและกล่าวอย่างเย็นชา “สหายเต๋า อย่าได้โจมตีใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่นอย่างชั่วช้าสามานเช่นนี้ จั๊กจั่นสีทองหกปีกมีอันใดเกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญประจิม? ”
หลี่ฉางโซ่วแค่นเสียงเยาะและกล่าวว่า “เป็นกลอุบายนั้นอีกแล้ว! คำโกหกนั้นออกมาจากปากของเจ้าหลุดถ้อยคำโป้ปดออกมาจากปากอย่างง่ายดาย เจ้ามันไร้ยางอายและเจ้าเล่ห์นัก! สำนักบำเพ็ญประจิมช่างเต็มไปด้วยเล่ห์เหลี่ยมร้ายกาจจริงๆ”
บัดนั้น นักพรตเต๋าชรากำลังจะข้ามผ่านโต๊ะเตี้ยไปโจมตีหลี่ฉางโซ่ว ทว่าที่ด้านหลังของหลี่ฉางโซ่ว อาจารย์ลุงจ้าวก็ก้าวไปข้างหน้าครึ่งก้าวอย่างสงบและกล่าวอย่างสบายๆ ว่า “เหตุใดพื้นสระหยกถึงลื่นเล็กน้อย?”
นักพรตเต๋าชราทั้งหกคนต่างจ้องมองไปที่เขา ทว่าพวกเขาก็ยืนอยู่นิ่งที่นั่นอย่างเชื่อฟังและควบคุมระงับลมปราณของพวกเขาเอาไว้
ในสถานการณ์วันนี้ เขาทำได้เพียงต่อสู้ เขากลัวว่า…เขาจะสู้ไม่ได้
เวลานั้น นักพรตเต๋าชราซึ่งเป็นคนแรกที่ยืนขึ้นกล่าวอย่างสงบว่า “จักจั่นทองหกปีกเป็นสัตว์ร้ายบรรพกาล แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับสำนักบำเพ็ญประจิม?
ลือกันว่าในโลกบรรพกาลนั้น จั๊กจั่นทองหกปีกเก่งกาจเวทเฉียนคุน หากได้กินเนื้อของมัน ก็จะทำให้ผู้ที่ยังไม่บรรลุสู่การมีอายุขัยยืนยาวให้มีชีวิตยืนยาวได้ เช่นนั้นแล้ว หากพวกเราจับสัตว์ร้ายเช่นนี้ได้ พวกเราจะปล่อยให้มันมีชีวิตอยู่ได้อย่างไรกัน?”
นักพรตเต๋าชรายังเยาะเย้ยใส่หลี่ฉางโซ่วหลังจากกล่าวเช่นนั้นแล้ว
เห็นได้ชัดว่า เขากำลังเยาะเย้ยหลี่ฉางโซ่วโดยอาศัยวาจาคารมที่หลี่ฉางโซ่วเพิ่งใช้ไป และข้ออ้างที่เขาใช้ในตอนนี้ก็คือ ข่าวลือที่ว่า หลี่ฉางโซ่วทำให้เผ่ามังกรแผ่ขยายตัวออกไป
ข้าจะยืมใช้โล่ของเจ้าสกัดกั้นหอกของเจ้าเอง
ทว่า… ดวงตาของหลี่ฉางโซ่วพลันเปล่งประกายขณะที่เขาตะโกนออกไปว่า “เจ้ายังกล้าพูดเช่นนั้นอีกหรือไม่?”
ทันใดนั้น นักพรตเต๋าชราก็ตอบกลับว่า “จักจั่นทองหกปีกเป็นสัตว์ร้ายบรรพกาล แล้วเกี่ยวข้องอันใดกับสำนักบำเพ็ญประจิม?”
“ช่างเป็นข้อแก้ตัวที่ดีจริงๆ ไม่มีอันใดเกี่ยวข้องกับสำนักบำเพ็ญประจิมหรือ!?!”
หลี่ฉางโซ่วถอยหลังไปสองก้าวและเร้นกายอยู่ข้างหลังจ้าวกงหมิง จากนั้นเขาก็ตะโกนว่า “ฝ่าบาท! โปรดมีพระบัญชาให้จัดการผู้แอบอ้างปลอมตัวมาทั้งหกคนนี้ด้วยเถิด กระหม่อม!”
เมื่อได้ยินเช่นนั้น องค์เง็กเซียนที่นั่งอยู่บนบัลลังก์ก็พลันขมวดคิ้วมุ่น
ในขณะนั้น บรรดาแม่ทัพทั้งหมดแห่งศาลสวรรค์และเหล่ามังกรแห่งเผ่ามังกรล้วนลุกยืนขึ้นพร้อมกัน
เหล่าเสนาบดีแห่งศาลสวรรค์ซึ่งอยู่ใกล้ๆ กับพวกนักพรตเต๋าแห่งสำนักบำเพ็ญประจิมทั้งหกคนต่างกระโดดหนีออกไปให้ไกล
เมื่อแม่ทัพตงมู่เห็นเช่นนั้น เขาก็กางแขนออกและรีบพุ่งออกไปทันที
เขากล้าหาญและทรงคุณธรรม บัดนั้น เขาไปยืนอยู่ด้านหน้าองค์เง็กเซียนและพระแม่หวังหมู่อย่างไม่เกรงกลัวต่อความตายพร้อมกับร้องตะโกนว่า “องครักษ์ อารักขาฝ่าบาท!”
แม่ทัพตงมู่ถือเป็นผู้ทรงอำนาจมากเป็นอันดับสองในศาลสวรรค์ และเขายังเป็นจอมทัพใหญ่แห่งศาลสวรรค์อีกด้วย
ขณะนั้นเอง ก็ได้ยินเสียงร้องตะโกนลั่นดังขึ้น บรรดาทหารสวรรค์นับหมื่นที่อยู่ใกล้กับสระหยกล้วนเคลื่อนพลมาด้วยกัน บัดนี้ แม่ทัพสวรรค์มากกว่าร้อยคนต่างพากันรวมกลุ่มเข้ามาทันที
ในขณะนี้ จ้าวกงหมิงเครากระตุก เขากำลังเผชิญกับความยากลำบากที่จะกลั้นหัวเราะเอาไว้ได้
ปรมาจารย์นิรนามผู้หนึ่งที่อยู่ในสวนด้านหลังของวังดุสิตมองไปที่กระจกเมฆตรงหน้าเขาและหัวเราะงอหายจนหายใจไม่ออก
ศิษย์ทั้งหกของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิมล้วนมีเส้นสายสีดำเต็มไปทั่วศีรษะจนถึงกับพูดไม่ออก และหนึ่งในพวกเขาเหล่านั้น ก็ตวาดว่า “ข้ามักได้ยินมาบ่อยครั้งว่า เทพแห่งท้องทะเลนั้นขึ้นชื่อทางด้านความเลิศล้ำสติปัญญาจนเป็นที่ยกย่องชื่นชมอย่างมากขององค์เง็กเซียน แต่ไม่คิดเลยว่าเขาจะเป็นแค่สุดยอดตัวป่วนกวนปัญหาที่ไร้เหตุผลและเอาแต่ใส่ร้ายป้ายสีผู้อื่น!”
ทันใดนั้น องค์เง็กเซียนก็กล่าวว่า “ขุนนางฉางเกิง แล้วเจ้าแน่ใจได้อย่างไรว่าพวกเขาไม่ใช่ศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม?”
หลี่ฉางโซ่วแอบชื่นชมในใจทันที ฝ่าบาทช่างเป็นผู้ช่วยที่ดีจริงๆ!
ภาพเหตุการณ์นั้นไม่ได้ถูกบันทึกเอาไว้ในบันทึกความทรงจำก่อนหน้านี้ของหลี่ฉางโซ่ว
ก่อนหน้านี้ หลี่ฉางโซ่วได้ให้คำแนะนำถึงกระบวนการโดยรวมของงานเลี้ยงผลท้อเซียนในรูปแบบบันทึกความทรงจำมาแล้วสองสามครั้ง
แม้เขาและองค์เง็กเซียนจะรู้ว่า นักพรตเต๋าชราจากสำนักบำเพ็ญประจิมจะมา แต่พวกเขาก็ไม่รู้ว่านักพรตเต๋าชราเหล่านั้นจะเริ่มโจมตีเมื่อใด
ดังนั้นพวกเขาจึงกำหนดแผนกลยุทธ์คร่าวๆ เพื่อจัดการกับนักพรตเต๋าชราเหล่านี้เท่านั้น พวกเขาไม่อาจพูดคุยรายละเอียดได้มากนัก
ในขณะนั้น เห็นได้อย่างชัดเจนว่า นักพรตเต๋าทั้งหกไม่อาจตามหลี่ฉางโซ่วได้ทัน ทว่าองค์เง็กเซียนก็หาตำแหน่งเฉพาะที่จะเตรียมพร้อมส่งคนให้เข้าไปช่วยเหลือได้อย่างทันท่วงที ก่อนจะถอยห่างออกมายืนชมการต่อสู้อยู่ด้านนอก…
มันไม่ง่ายเลย
หลี่ฉางโซ่วโค้งคำนับให้องค์เง็กเซียนและอธิบายว่า “ฝ่าบาท อาจไม่ทรงรู้เรื่องนี้ แต่เทพน้อยได้ถูกจั๊กจั่นสีทองโจมตีครั้งสุดท้าย
โชคดีที่ฝ่าบาท ทรงโจมตีและขับไล่จักจั่นทองไป ในเวลานั้น เทพน้อยโกรธ และยังรู้สึกว่าตัวเองไร้สามารถและไร้ประโยชน์!
เทพน้อยจึงแอบเตรียมการวางแผนอยู่ลับๆ ก่อนอื่นก็ล่อให้จั๊กจั่นสีทองออกจากวังมังกรทะเลประจิม!”
เมื่อกล่าวถึงจุดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็มองไปยังเหล่ามังกรที่อยู่ด้านหลังราชามังกรทะเลประจิม สายตาจ้องมองของเขาราวกับกระบี่คมกริบจนเหล่ามังกรไม่กล้ามองเขา
ในขณะนั้น เหล่ามังกรตัวอื่นๆ ในวังทั้งสามพลันเข้าใจอะไรบางอย่าง พวกเขาขมวดคิ้วและมองไปที่มังกรทะเลประจิมด้วยสายตาระแวดระวัง
ส่วนราชามังกรเฒ่าทั้งสี่ก็ยังคงนั่งนิ่งเงียบราวกับรูปปั้นหิน
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่อว่า “พลังเวทเฉียนคุนของจักจั่นสีทองนี้ อาจกล่าวได้ว่าสุดแสนอัศจรรย์ยิ่ง การหลบหนีและการไล่ตามของมันนั้นทรงพลังมากทีเดียว
เทพน้อยโจมตีเต็มกำลังและล่อให้จั๊กจั่นสีทองเข้าไปในค่ายกลใหญ่ที่เตรียมการไว้ก่อนล่วงหน้า จากนั้น เทพน้อยก็ใช้พลังเวทและคาถาเวทด้วยหวังจะสังหารมันในทันที!
ทว่าจั๊กจั่นสีทองก็ มีพลังเวทที่ทำให้มันกลับคืนสู่คราบของมันได้ เทพน้อยทำร้ายมันจนมันอยู่ในรูปตัวอ่อนในรังดักแด้ได้เท่านั้น ทว่าเพียงขณะที่กำลังจะโจมตี…”
“เกิดอันใดขึ้น?”
องค์เง็กเซียนอดจะถามไม่ได้ ในยามนั้น ทุกสายตาล้วนจับจ้องไปที่หลี่ฉางโซ่ว
………………………………………………………………..