บทที่ 665 เขารนหาเรื่องเอง

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

ซง​เจิ​้​งอ​วี​้​เอ๋อร​์​เหยียด​ยิ้ม​ ​ความ​อวดดี​ของ​นาง​จะ​ต้อง​จบ​ลง​วันนี้​ด้วย​ฝีมือ​ของ​เซ​วี​ยน​ปิง​!

ซง​เจิ​้​งอ​วี​้​เอ๋อร​์​เชื่อ​ว่า​เซ​วี​ยน​ปิง​มีแผน​การ​ของ​ตัวเอง​ใน​การ​รับมือ​กับ​นาง​ ​เพราะ​เขา​ย่อม​ไม่มีวัน​ปล่อย​ให้​ใคร​หยาม​เกียรติ​นาง​ได้​เช่นนี้

เป็น​อย่างที่​ซง​เจิ​้​งอ​วี​้​เอ๋อร​์​คาด​เอาไว้​ ​เซ​วี​ยน​ปิง​หลับตา​ลง​เล็กน้อย​ก่อน​จะ​ขยับ​ริมฝีปาก​เหมือน​กำลัง​ท่อง​คาถา​ออกมา​โดย​ไร้​เสียง

เสี่ยว​ไป๋​ที่อยู่​ใน​มิติ​สวรรค์​ได้ยิน​เสียง​เอะอะโวยวาย​ที่เกิด​ขึ้น​ ​น้ำเสียง​เย็นชา​ของ​มัน​ดัง​ขึ้น​ใน​หู​ของ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​”​เวย​เวย​ ​เจ้า​ได้ยิน​สิ่ง​ที่​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นั้น​พูด​อยู่​หรือเปล่า​ ​เขา​กำลัง​ท่อง​คาถา​หรือ​”

“​น่าจะเป็น​เช่นนั้น​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ใช้​กระแสจิต​ของ​ตัวเอง​สื่อสาร​กับ​สัตว์​อสูร​ผู้พิทักษ์​ ​ดวงตา​ของ​นาง​เรืองแสง​วาบ​ ​ก่อน​จะ​บอก​เขา​ ​”​ถ้า​เจ้า​ไม่​พูด​ขึ้น​มา​ ​ข้า​ก็​คง​ไม่ทันสังเกต​ ​คาถา​ที่​เขา​ท่อง​อยู่​ฟัง​ดู​ค่อนข้าง​แปลก​ทีเดียว​”

เสี่ยว​ไป๋​ตอบ​เสียง​อู้อี้​ว่า​ ​”​เขา​เริ่ม​ท่อง​คาถา​ตั้งแต่​การ​ประลอง​ยัง​ไม่​เริ่ม​เลย​ด้วยซ้ำ​ ​ข้าว​่า​มัน​คงมี​อะไร​มากกว่า​ที่​เรา​เห็น​ ​เจ้า​ต้อง​ระวังตัว​เอาไว้​ให้​ดี​”

“​อืม​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​หรี่​ตาลง

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​แรก​ใน​แถว​เป็น​ชายหนุ่ม​ที่​ไม่มี​จุดเด่น​อะไร​จาก​เมือง​หวง​จื่อ​ ​เขา​เริ่ม​พิธี​ด้วย​การ​ใช้​กระบี่​ไม้ขีด​เส้น​สอง​เส้น​ลง​บน​พื้น​ ​จากนั้น​จึง​หยิบ​ยันต์​ผ้าเหลือง​ออกมา​ ​ก่อน​จะ​เริ่ม​ท่อง​คาถา​ตาม​จังหวะ​การ​หายใจ

เมื่อ​เขา​ชู​ยันต์​ผ้าเหลือง​ขึ้น​ ​ทุกคน​ก็​พลัน​รู้สึก​ได้​ถึง​การเปลี่ยนแปลง​จาก​อากาศ​ที่อยู่​ใน​ท้องพระโรง​ ​สายลม​เย็นยะเยือก​พัด​กรรโชก​เข้ามา​จาก​ทั่วทุกทิศ​ทุก​ทาง​ ​ทุกคน​ที่อยู่​ที่นั่น​ต่าง​เสียว​สันหลัง​วาบ​ไป​ตาม​ๆ​ ​กัน​ ​ความรู้สึก​นี้​ไม่​สามารถ​อธิบาย​ออกมา​เป็น​คำพูด​ได้​ ​มัน​เหมือนกับ​มี​คน​ยืน​มอง​พวกเขา​อยู่​จาก​ทาง​ด้านหลัง​ ​แต่​พอ​หันกลับ​ไป​ก็​ไม่​พบ​ใคร

ท้องพระโรง​ดูเหมือน​จะ​สูญเสีย​ความมีชีวิตชีวา​ไป​ ​พวกเขา​ได้ยิน​เสียง​บางอย่าง​ดัง​ขึ้น​ท่ามกลาง​ความเงียบสงบ​นั้น​ ​บางครั้ง​มัน​ก็​ดัง​คล้าย​กับ​เสียง​ลม​ ​แต่​บางครั้ง​ก็​ฟัง​ดูเหมือน​เสียง​หอบ​หายใจ​ของ​ใคร​สัก​คน

ยิ่ง​เสียง​นั้น​ดัง​ใกล้​เข้ามา​เพียงใด​ ​หน้าผาก​ของ​ชายหนุ่ม​ก็​ยิ่ง​มี​เม็ด​เหงื่อ​ผุด​พราย​ ​แต่​เขา​ก็​ไม่​สามารถ​บอก​ได้​ว่า​สาเหตุ​ที่​ทำให้​เขา​เหงื่อ​ออก​ถึง​เพียงนี้​คือ​อะไร​กัน​แน่​ ​ชายหนุ่ม​พึมพำ​ระหว่าง​เดิน​หมุน​อยู่​ใน​สนาม​ประลอง​นั้น​ ​”​เป็น​เช่นนี้​ได้​อย่างไร​”

“​เกิด​อะไร​ขึ้น​”​ ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​จาก​เมือง​ใกล้เคียง​ที่​ยืน​อยู่​ข้าง​เขา​โน้มตัว​เข้ามา​มอง​ ​สีหน้า​ของ​เขา​พลัน​บูดบึ้ง​ไป​ใน​ทันใด​ ​”​มี​…​ ​มี​…​”

ใบหน้า​ของ​เด็กหนุ่ม​ซีดเผือด​ ​เขา​ตัวสั่น​ไป​ทั้ง​ร่าง​ ​”​มีย​มทูต​สอง​ตน​”

“​อย่า​ตกใจ​ไป​ ​เจ้า​…​ ​เจ้า​ควร​ใจเย็น​เข้า​ไว้​ ​ค่อยเป็นค่อยไป​”​ ​แม้​เขา​จะ​พยายาม​ปลอบใจ​เด็กหนุ่ม​ ​แต่​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คน​นั้น​ก็​ยัง​เผลอ​ก้าว​ถอยหลัง​ไป​โดยไม่รู้ตัว

ยมทูต​ตน​เดียว​ก็​รับมือ​ได้​ยาก​พอ​อยู่​แล้ว​ ​แต่​ตอนนี้​กลับ​มีมา​ถึง​สอง​ตน​ ​ต่อให้​เขา​จะ​สามารถ​ส่ง​ยมทูต​ตน​แรก​กลับ​ไป​ได้​สำเร็จ​ ​แล้ว​เขา​จะ​ทำ​อย่างไร​กับ​ยมทูต​ตน​ที่สอง​ล่ะ

เพียงแค่​คิด​เขา​ก็​กลัว​จน​ทำ​อะไร​ไม่​ถูก

ใน​ตอนแรก​ทุกคน​ยัง​ไม่เข้าใจ​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​ ​แต่​เมื่อ​พื้นที่​โดยรอบ​เริ่ม​เย็น​และ​มืด​ลงมาก​เข้า​ ​ในที่สุด​ผู้ชม​ก็​สังเกตเห็น​เงา​ร่าง​สอง​ร่าง​ที่​ปรากฏ​ขึ้น

เสียง​โซ่​เหล็ก​กระทบ​กัน​ ​ร่าง​ทั้งสอง​ร่าง​นั้น​กำลัง​เดิน​เข้าไป​หา​เด็กหนุ่ม​ด้วย​ใบหน้า​ราบเรียบ​ปราศจาก​ซึ่ง​อารมณ์​ใดๆ​ ​พวกเขา​กวาดตา​มอง​ไปร​อบ​ๆ​ ​ด้วย​ดวงตา​ไร้​ชีวิตชีวา​เหมือน​คนตาย​ ​ภาพ​นี้​ดู​น่าสะพรึงกลัว​กว่า​ผี​สาวก​่อน​หน้า​นี้​เสียอีก

แต่​ทำไม​ถึง​มีย​มทูต​ปรากฏตัว​ขึ้น​ในเวลาเดียวกัน​ถึง​สอง​ตน​ได้​ล่ะ

มือ​ที่​ถือ​ยันต์​ผ้าเหลือง​ของ​เด็กหนุ่ม​เริ่ม​สั่น​ระริก​ ​ยมทูต​ทั้งสอง​มาถึง​ตัว​เขา​แล้ว​ ​หนึ่ง​ใน​นั้น​ยืน​อยู่​ด้าน​ซ้าย​ของ​เขา​ ​ในขณะที่​อีก​ตน​หนึ่ง​ยืน​อยู่​ทางขวา​ ​ทั้งสอง​ทำท่า​เหมือน​กำลัง​พยายาม​ดมกลิ่น​อะไร​บางอย่าง​อยู่

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​หรี่​ตา​ ​ก่อน​จะ​เอ่ย​ขึ้น​ว่า​ ​”​โยน​ยันต์​ใน​มือ​เจ้า​ลง​ใน​กองไฟ​ซะ​”

ภูตผี​วิญญาณ​กลัว​ไฟ​ ​และ​ยันต์​ผ้าเหลือง​ก็​เป็นตัว​ดึงดูด​ยมทูต​ชั้นดี​ ​ยมทูต​จะ​ตาม​ยันต์​ผ้าเหลือง​ผืน​นั้น​ไป​ ​และ​ทันทีที่​พวกเขา​เห็น​ไฟ​นั้น​ ​พวกเขา​จะ​ต้อง​หนี​ไป​อย่างแน่นอน

มัน​เป็น​เหตุผล​ที่​เข้าใจ​ได้​ง่าย​จะ​ตาย​ไป

แต่​เด็กหนุ่ม​คน​นั้น​กลับ​ปฏิเสธ​ที่จะ​เชื่อ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​ท่าน​กำลัง​ล้อ​ข้า​เล่น​อยู่​หรือ​ ​ท่าน​อยาก​ให้​ข้า​ทิ้ง​ยันต์​ผ้าเหลือง​นี่​น่ะ​หรือ​ ​นี่​เป็น​เพียง​สิ่ง​เดียว​ที่จะ​สามารถ​ปกป้อง​ชีวิต​ข้า​ได้​นะ​!

ตอนนั้น​เอง​ที่​เซ​วี​ยน​ปิง​พูด​ขึ้น​ด้วย​น้ำเสียง​มั่นใจ​ว่า​ ​”​พี่​มู่​ไป๋​อย่า​ไป​ฟัง​คำพูด​ของ​นาง​เลย​ขอรับ​ ​ถ้า​ท่าน​ทิ้ง​ยันต์​ผ้าเหลือง​ ​ทัน​จะ​พ่ายแพ้​ใน​การ​ประลอง​นี้​ทันที​ ​ท่าน​ควรจะ​ต้าน​พวกเขา​เอาไว้​ขอรับ​ ​อย่างไร​ยมทูต​ก็​อยู่​ใน​โลก​คน​เป็นได้​ไม่นาน​นัก​ ​ทันทีที่​หมดเวลา​ของ​พวกเขา​ ​พวกเขา​จะ​ต้อง​กลับ​ไป​ ​ตราบใดที่​ท่าน​ยัง​มียันต​์​ผ้าเหลือง​ผืน​นั้น​อยู่​ใน​มือ​ ​ท่าน​ย่อม​ไม่ได้​รับ​บาดเจ็บ​แต่อย่างใด​ขอรับ​”

เด็กหนุ่ม​พยักหน้า​หลังจาก​ได้ยิน​คำพูด​ของ​เซ​วี​ยน​ปิง​ ​ก่อน​จะ​เพิ่มพลัง​วิญญาณ​ของ​ตัวเอง​ขึ้น​อีก​เล็กน้อย

เมื่อ​เห็น​ว่า​เขา​ไม่​คิด​ที่จะ​ทำตาม​คำแนะนำ​ของ​นาง​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​จึง​หันหน้า​ไป​มอง​เด็กชาย​ตัว​น้อย​ที่นั่ง​ย่อ​ตัว​อยู่​ข้าง​นาง​ ​”​เจ้า​เจ็ด​ ​เจ้า​อยู่ห่างๆ​ ​พวกเขา​เอาไว้​ล่ะ​ ​ใน​อีก​ไม่​ถึง​ครึ่ง​ก้านธูป​ ​ยมทูต​ทั้งสอง​ตน​จะ​ต้อง​ตระหนัก​ได้​แน่ว​่า​สิ่ง​ที่​พวกเขา​ได้กลิ่น​ไม่ใช่​วิญญาณ​ ​แต่​เป็น​ยันต์​ผ้าเหลือง​นั่น​”​ ​คน​พวก​นี้​คิด​ว่าย​มทูต​โง่​หรือ​ ​พวกเขา​บอก​ไม่ได้​หรือว่า​ยมทูต​แตกต่าง​จาก​มนุษย์​ทั่วไป

“​จะ​เกิด​อะไร​ขึ้น​หรือ​ถ้า​ยมทูต​รู้​ว่านั​่น​เป็น​ยันต์​ผ้าเหลือง​”​ ​อู่​จิ้ง​ยังคง​งง​อยู่

หลิว​อวี​้​บ่น​อุบ​ให้​กับ​สติปัญญา​อัน​โง่เขลา​ของ​เขา​ ​แล้วจึง​อธิบาย​ว่า​ ​”​พวกเขา​เป็น​ยมทูต​เชียว​นะ​ ​พวกเขา​มาที​่​โลก​มนุษย์​เพื่อ​เก็บเกี่ยว​วิญญาณ​ ​ถ้า​พวกเขา​รู้​ว่า​สิ่ง​ที่​พวกเขา​เก็บ​กลับ​ไป​ไม่ใช่​วิญญาณ​ ​แต่​เป็น​ยันต์​ผ้าเหลือง​ ​พวกเขา​จะ​เอา​วิญญาณ​ของ​ผู้​อัญเชิญ​ไป​ทันที​”

เด็กหนุ่ม​เหงื่อ​แตก​พลั่ก​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​เอะอะ​ที่เกิด​ขึ้น

เซ​วี​ยน​ปิง​หัวเราะ​ราวกับ​ดูถูก​ ​ก่อน​จะ​หัน​มอง​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​”​พระ​ชายา​สาม​ไม่​ควร​ทำตัว​เป็น​กระต่ายตื่นตูม​นะ​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​ ​ก่อนหน้านี้​กระหม่อม​เคย​อัญเชิญ​ยมทูต​มาก​็​หลายครั้ง​ ​ตราบใดที่​เรา​มียันต​์​ผ้าเหลือง​อยู่​ใน​มือ​ ​และ​สามารถ​ยื้อ​เวลา​การ​เผชิญหน้า​ออก​ไป​ได้​ ​ย่อม​ไม่มี​เรื่อง​ร้าย​อัน​ใด​เกิดขึ้น​พ่ะ​ย่ะ​ค่ะ​”

“​ท่าน​เคย​อัญเชิญ​ออกมา​แค่​ยมทูต​ตน​เดียว​ ​แต่​ตอนนี้​มี​ถึง​สอง​ตน​ ​ยันต์​ผ้าเหลือง​ผืน​เดียว​จะ​ไป​พอ​ไล่​ยมทูต​สอง​ตน​ได้​อย่างไร​กัน​”​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​อธิบาย​ช้าๆ​ ​แต่​ไม่​อ้อมค้อม

เซ​วี​ยน​ปิง​ชะงัก​ไป​ครู่หนึ่ง​ ​แต่​ผ่าน​ไป​ไม่นาน​เขา​ก็​ตอกกลับ​อย่าง​เย็นชา​ว่า​ ​”​คุย​กับ​คนที​่​ไม่รู้​อะไร​เรื่อง​การขับไล่​วิญญาณ​ร้าย​ไป​ก็​เปล่าประโยชน์​”​ ​เขา​มั่นใจ​ว่า​ตราบใดที่​เขา​สามารถ​ยืนหยัด​อยู่​จนถึง​เวลา​ที่​กำหนด​ได้​ ​ยมทูต​ก็​จะ​กลับ​ไป​เอง

ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​หนุ่ม​เอง​ก็​คิด​ในทำนองเดียวกัน​ ​เขา​เสริม​ขึ้น​ว่า​ ​”​พี่​เซ​วี​ยน​ปิง​อย่า​เสียเวลา​อธิบาย​กับ​นาง​เลย​ขอรับ​ ​ข้า​ต้อง​ยื้อ​ไว้​อีก​นาน​เพียงใด​หรือ​”

“​เจ้า​พวก​นี้​ช่าง​โง่เขลา​เสีย​ไม่มี​!​”​ ​เด็กชาย​ตัว​น้อย​เคี้ยว​ซาลาเปา​ไส้​เนื้อ​พร้อมกับ​มอง​พวกเขา​ด้วย​ดวงตา​เต็มไปด้วย​ความ​ดูถูก​ ​”​พี่สะใภ้​สาม​ ​ท่าน​น่าจะ​ปล่อย​ให้​พวกเขา​ตาย​ไป​เสีย​เลย​ขอรับ​ ​พวกเรา​จักรวรรดิ​จ้าน​หลง​ได้​ทำหน้าที่​เจ้าบ้าน​ที่​ดี​เตือน​พวกเขา​แล้ว​ ​แต่​เขา​ก็​อวดดี​เกินไป​ ​และ​เขา​จะ​ต้อง​ชดใช้​ความผิดพลาด​นี้​ด้วย​ชีวิต​ของ​ตน​ขอรับ​”

ฟิ​้ว​!

ทันทีที่​เด็กชาย​พูด​จบ​ ​สายลม​เย็น​ก็​โหมกระหน่ำ​ไป​ทั่ว​ห้อง

ตอนแรก​ยมทูต​ที่​ยืน​อยู่​ทาง​ด้าน​ขวา​ของ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ยัง​ง่วนอยู่กับ​การดมกลิ่น​นั้น​ ​แต่​จู่ๆ​ ​เขา​ก็​เคลื่อน​สายตา​ขึ้น​มอง​ยันต์​ผ้าเหลือง​ผืน​นั้น​ ​เขา​คว้า​มัน​มา​ไว้​ใน​มือ​ ​ก่อน​จะ​ฉีก​มัน​จน​กลายเป็น​ชิ้นๆ​ ​ด้วยมือ​ข้างเดียว

จากนั้น​ริมฝีปาก​ของ​เขา​ก็​กระตุก​ขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​ชั่วร้าย​จน​เห็น​เขี้ยว​ใน​ปาก​ ​ในเวลาเดียวกัน​นั้น​ ​เคียว​เล่ม​หนึ่ง​ก็​ปรากฏ​ขึ้น​ใน​มือ​ของ​เขา

เมื่อ​ตระหนัก​ได้​ว่า​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​พูด​ถูก​ ​ดวงตา​ของ​เขา​ก็​เบิกโพลง​ด้วย​ความหวาดกลัว​ ​เขา​หันไป​มอง​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เพื่อ​ขอความช่วยเหลือ

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ไม่​คิด​ที่จะ​ช่วย​เขา​ ​นาง​เห็นด้วย​กับ​เจ้า​เจ็ด​ว่า​พวก​นาง​ได้​ทำหน้าที่​เจ้าบ้าน​ที่​ดี​ของ​ตน​เป็น​ที่​เรียบร้อย​แล้ว

ยิ่งกว่านั้น​เด็กหนุ่ม​จอม​อวดดี​คน​นี้​ก็​หาเรื่อง​เยาะเย้ย​พวก​นาง​มาตั​้ง​แต่แรก

หึ​ ​รน​หาเรื่อง​เอง​แท้ๆ

“​ช่วย​ด้วย​ ​ช่วย​ข้า​ด้วย​…​”

ฟุ่บ​!

ตาม​กฎ​แล้ว​ ​หาก​มี​ใคร​ขัดขวาง​ยมทูต​ใน​ระหว่าง​ที่​พวกเขา​กำลัง​ทำการ​เก็บเกี่ยว​วิญญาณ​มนุษย์​อยู่​ ​คน​คน​นั้น​ย่อม​ต้อง​ชดใช้​ด้วย​ศีรษะ​ของ​ตัวเอง

เสียง​ลง​ดาบ​ดังก้อง​ไป​ทั่ว​ท้องพระโรง​เมื่อ​เคียว​เล่ม​นั้น​บั่น​เข้าที่​ศีรษะ​ของ​เขา

เสนาบดี​หลาย​คน​ถึงกับ​ทรุด​เมื่อ​เห็นภาพ​นั้น​ ​ส่วน​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คนอื่นๆ​ ​ก็​รู้สึก​เสียววาบ​ไป​ทั้ง​สันหลัง

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ยืน​อยู่​ท่ามกลาง​ความวุ่นวาย​ที่เกิด​ขึ้น​ ​นาง​ไม่สน​ใจ​ภาพ​นั้น​เลย​แม้แต่​นิดเดียว

ทุกอย่าง​เกิดขึ้น​ใน​เวลา​เพียงแค่​ชั่วพริบตา

ก่อนที่​เซ​วี​ยน​ปิง​จะ​ทัน​ได้​มี​ปฏิกิริยา​ ​ยมทูต​ทั้งสอง​ตน​นั้น​ก็​หาย​ไป​ใน​หมอก​สีดำ​พร้อมกับ​ศีรษะ​ของ​มู่​ไป๋​ที่อยู่​ใน​มือ

เมื่อย​มทูต​เหล่านั้น​จากไป​ ​ท้องพระโรง​ก็​กลับคืน​สู่​ความสงบ​สุข​ดังเดิม

สิ่ง​เดียว​ที่​เตือน​ให้​ทุกคน​นึกถึง​เหตุการณ์​เมื่อครู่นี้​มี​เพียงแค่​ร่าง​เย็นชืด​ของ​มู่​ไป๋​เท่านั้น

เด็กชาย​ตัว​น้อย​ที่​หมั่นไส้​เซ​วี​ยน​ปิง​อยู่นาน​แล้ว​ขยับตัว​เข้าไป​หา​เขา​พร้อม​ซาลาเปา​เต็มปาก​ ​เขา​ถาม​เซ​วี​ยน​ปิง​ที่​เคย​มีท​่า​ทาง​มั่นใจ​ด้วย​ใบหน้า​ดุดัน​ว่า​ ​”​เวลานี้​ ​คนที​่​เชื่อ​คำแนะนำ​ของ​ท่าน​ดัน​ตาย​ไป​เสีย​แล้ว​ ​ท่าน​แน่ใจ​หรือว่า​คน​ของ​เมือง​เซ​วี​ยน​หยวน​รู้​วิธี​ขับไล่​วิญญาณ​ร้าย​จริงๆ​ ​ไม่ใช่​เป็น​เพียงแค่​หนทาง​ใน​การทำร้าย​ผู้อื่น​”