บทที่ 521-2 จบสิ้น (2)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 521 จบสิ้น (2)

กู้เจียวเชื่อฟังคนเป็นพี่อย่างดี

ไม่ได้หันหลังกลับไปมอง

พวกเขาทั้งหมดข้ามสะพานแขวนและมาถึงอีกฟากหนึ่งได้สำเร็จ

ท้องฟ้าเกิดหิมะตกอีกครั้ง และแม้ว่าพวกเขาต้องการหันกลับไปมองฉากต่อสู้เบื้องหลังเพียงใดก็ทำไม่ได้แล้ว พวกเขาได้ยินเพียงเสียงกระดูกหัก และเสียงของอาวุธแหลมคมที่กระทบกัน…

สักพัก พวกเขาก็ได้ยินเสียงฝีเท้าบนสะพานแขวนดังขึ้น

เสียงฝีเท้าเริ่มเข้าใกล้พวกเขาเรื่อยๆ พร้อมกับกลิ่นคาวของโลหิต!

ไม่นานเสียงกระทบรุนแรงของบางอย่างดังตามมาติดๆ !

ปรากฏว่าเป็นเสียงของสะพานแขวนที่ถูกตัดขาด!

กู้เจียวหันกลับไปมองในทันที

ร่างใหญ่ที่มาพร้อมกับรังสีอำมหิตและกลิ่นคาวเลือดทั่วตัวโผกอดเข้าหากู้เจียวโดยพยายามไม่ให้ส่วนที่เปื้อนเลือดถูกเนื้อตัวของนาง “ข้าบอกแล้วใช่ไหมว่าไม่ให้หันหลังกลับ ทำไมไม่เชื่อฟังเล่า”

ทันใดนั้นรังสีอำมหิตของเขาก็พลันสลายไป

กู้เจียวเอียงหัวเล็กๆ ของตัวเองแนบลงไปที่อกของเขา และยกนิ้วชี้ไปข้างหลัง “นั่นต่างหากข้างหลัง ข้าเปล่าหันย้อนกลับนะ”

“ยังจะเถียงข้างๆ คูๆ อีกนะ” กู้ฉังชิงยกมุมปากขึ้นอย่างอดไม่ได้

กู้เจียวสูดหายใจลึก พลางกล่าว “เจ้าบาดเจ็บ”

“เลือดของมันน่ะ ข้าไม่ได้บาดเจ็บ” กู้ฉังชิงเอ่ย

“แล้วมันตายหรือยัง”

“อืม”

ไม่ว่าใครหน้าไหนที่มารังแกน้องสาวของเขา เขาไม่มีวันปล่อยให้ลอยนวลแม้แต่คนเดียว

ท่ามกลางหิมะที่โปรยปรายในถ้ำ ร่างของทหารหน่วยกล้าตายถูกแทงที่หน้าอกด้วยแท่งน้ำแข็งย้อยขนาดใหญ่ และข้างๆ กันนั้น ร่างของหวงฝู่เจิงถูกแทงตรงกลางอกด้วยดาบคมพร้อมกับศีรษะที่หันไปทางสะพานแขวน

ไม่เพียงแต่กู้เจียวที่ไม่ยอมหันกลับไปมองเบื้องหลัง

หนิงอันเองก็เช่นกัน

แผนที่ที่องค์หญิงหนิงอันเคยเห็นเป็นเพียงแค่ครึ่งหนึ่งของเส้นทางเท่านั้น ดังนั้นที่เหลือพวกเขาต้องเดากันเอาเอง

พวกเขาเดินผ่านปากถ้ำในภูเขานับไม่ถ้วน และพวกเขาไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตอนนี้อยู่ที่ไหน

กู้ฉังชิงแบกกู้เจียวไว้บนหลังพร้อมกับแบกอาวุธของนางไว้ข้างหน้า

“ข้าป่วยอยู่นะ” กู้เจียวเอ่ย “ป่วยด้วยโรคติดต่อ”

ดังนั้นเจ้าต้องวางข้าลง

กู้เจียวพูดด้วยน้ำเสียงจริงจังในฐานะที่ตัวเองเป็นหมอ

แต่สำหรับคนเป็นพี่อย่างกู้ฉังชิง พอฟังแล้วกลับคิดไปว่าน้องสาวของเขากำลังเจ็บปวดและทรมานอยู่อย่างแน่นอน

“เป็นความผิดของข้าเอง” กู้ฉังชิงเอ่ย “ข้าดูแลเจ้าไม่ดีเอง”

กู้เจียว “…”

อะไรของเขากันเนี่ย

กู้เจียว “ข้าไม่อยากให้เจ้าแบกข้า”

กู้ฉังชิง “งั้นเดี๋ยวข้าอุ้มเจ้าแทนนะ”

กู้เจียว “ไม่เอา”

กู้ฉังชิงครุ่นคิดอย่างจริงจัง “เช่นนั้น…เจ้าขี่คอข้า”

กู้เจียว“…!!”

กู้เจียวสวมหน้ากากให้ตัวเองรวมถึงกู้ฉังชิง อีกทั้งให้กู้ฉังชิงกินยาเพื่อป้องกันการติดเชื้อ และแน่นอนว่าองค์หญิงกับเหลียนเอ่อร์ด้วยเช่นกัน

สองพี่น้องเดินนำขบวนแถว

ตอนนี้อีกสามคนที่เหลือรู้แล้วว่ากู้ฉังชิงคือนายน้อยแห่งกองทัพตระกูลกู้ ส่วนกู้เจียวเป็นน้องสาวของเขา

ระหว่างทาง เมื่อใดก็ตามที่เจอของดี กู้ฉังชิงจะมอบให้น้องสาวของเขาก่อน

สำหรับเขาแล้ว หน้าที่ของพี่ชายต้องมาก่อน รองลงมาคือข้ารับใช้ขององค์หญิง

“เจ้าหาที่นี่เจอได้อย่างไร” กู้เจียวเอ่ยถาม

กู้ฉังชิงพูดตอบเสียงเรียบ “ข้าไปถามจากข้าหลวงคนหนึ่งของพวกอดีตราชวงศ์มาน่ะ”

เขาจะไม่ลงรายละเอียดว่าเขาถามมันมาด้วยวิธีใด

เขารู้แล้วว่าทำไมกู้เจียวถึงฆ่าหมาป่ายักษ์ วันนั้นเขาตามหานางทั่วทั้งป่าแต่ก็ไม่พบ จึงย้อนกลับไปที่จวนไท่โส่วเพื่อตามหาเบาะแส จึงได้ไปรู้เรื่องจากปากของข้าราชบริพารคนนั้นที่รับใช้หวงฝู่เจิง

ปรากฏว่า หวงฝู่เจิงได้ทำการซื้อกลุ่มทหารหน่วยกล้าตายที่ทรงพลังจากแคว้นเยี่ยนมา โดยคนที่เป็นหัวหน้ามีนามว่าหมาป่ายักษ์ และดูเหมือนอีกคนก็คือคนที่เขาเพิ่งฆ่าไปก่อนหน้านี้

ยี่อ๋องและหวงฝู่เจิงต้องการนำผู้ป่วยโรคระบาดไปแพร่เชื้อในกองทัพตระกูลกู้ ส่วนหมาป่ายักษ์จุดประสงค์คือเอาไว้ต่อกรกับกู้ฉังชิง

พวกมันต้องการท่อนขาทั้งสองข้างของเขาและให้เขาใช้ชีวิตอยู่แบบตายทั้งเป็น

กู้เจียวคงล่วงรู้แผนการของหวงฝู่เจิงมาโดยบังเอิญ

นางถึงได้ทำเพื่อเขา

เขายิ่งรู้สึกปวดใจ

เขามีน้องสาวที่ดีที่สุดในโลก และเขาเองก็ต้องเป็นพี่ชายที่ดีที่สุดให้จงได้

“เจ้าไม่เชื่อฟัง!” กู้เจียวพูดจบก็ผล็อยหลับเอนหัวลงบนหัวไหล่ของเขา

เสียงหายใจเป็นจังหวะค่อยๆ ดังขึ้น เผยให้เห็นแววตาของความรู้สึกเอ็นดูของผู้เป็นพี่

จากนั้นเขาหยิบผ้าห่มขึ้นมาคลุมบนหลัง ห่อหุ้มร่างเล็กบางของนาง

ไม่ว่านางจะพบเจอกับความเจ็บปวดมากแค่ไหน เขาจะตอบแทนนางทีละนิดในวันข้างหน้า

ลมหนาวอันขมขื่นและหิมะที่ปลิวว่อนอย่างบ้าคลั่งตัดผ่านหน้าเขาราวกับมีด แต่กู้เจียวกลับไม่รู้สึกเลยสักนิด

นางผล็อยหลับไปบนแผ่นหลังอันอบอุ่นและกว้างของเขา

อำนาจของอดีตราชวงศ์เริ่มทรุดลง

กองทัพของแคว้นเฉินในเมืองเป่ยหยางและเมืองเยี่ยยังมีกำลังพลเหลืออยู่อีกแปดหมื่นนาย

วันที่ยี่สิบเจ็ด เดือนสิบเอ็ด กู้ฉังชิงนำกองกำลังหกหมื่นนายเข้าโจมตีเมืองเป่ยหยาง กองกำลังของศัตรูสองหมื่นนายถูกกำราบในชั่วข้ามคืน ป๋อชินอ๋องพ่ายแพ้และนำกองทหารที่เหลืออีกสองหมื่นคนของแคว้นเฉินละทิ้งเมืองและหลบหนีไปเข้าร่วมกับกองกำลังกับทหารตระกูลหรงอีกสี่หมื่นนายที่เมืองเยี่ย

สามวันถัดมา กู้ฉังชิงนำกองทัพเก้าหมื่นนายบุกเมือง

และในตอนนั้นเอง กองกำลังเสริมแปดหมื่นนายของแคว้นเฉินก็ได้เดินทางมาถึง

ป๋อชินอ๋องพอใจเป็นอย่างยิ่งที่ได้กองกำลังเสริมพร้อมทั้งวางแผนที่จะโจมตีกองทัพตระกูลกู้ แต่หารู้ไม่ว่า ผู้นำกำลังเสริมที่ว่านั้นกลับเป็นหยวนถัง

หยวนถังควบอาชาไนยนำทัพ พร้อมเงยหน้ามองไปทางป๋อชินอ๋องและหรงเหยาที่อยู่บนหอคอย เขาแสดงราชโองการสีเหลืองสดใสในมือของเขา พร้อมกับกล่าวด้วยวาจาที่รัดกุม “เสด็จพ่อของข้าได้รับคำสั่งให้ยอมจำนนต่อพวกกบฏ ผู้ที่กลับมาจะได้รับการอภัยโทษ และผู้ที่เป็นกบฏจะต้องถูกกำจัด!”

ทั้งกองทัพตระกูลกู้เกือบแสนนาย และกองกำลังแปดหมื่นนายของแคว้นเฉิน เรียกได้ว่ากองกำลังหกหมื่นนายของป๋อชินอ๋องและหรงเหยาในตอนนี้กำลังอยู่ในสถานการณ์หนีเสือปะจระเข้ ยากที่จะคว้าชัยชนะ

ยังไม่นับที่หยวนถังนำพระราชโองการออกมาให้ดูด้วยตนเอง

นายทหารหกหมื่นคนถึงกับอกสั่นขวัญเสีย

หยวนถังมองไปที่หรงเหยาอีกครั้งพร้อมกับคลี่ยิ้มอย่างอ่อนโยนแล้วเอ่ย “ท่านลุง สิ่งที่เสด็จพ่อของต้องการคือจับกุมป๋อชินอ๋อง หากท่านกำจัดเขา ความผิดของท่านทั้งหมดจะได้รับการยกโทษ”

เขาพูดราวกับกลัวว่าหรงเหยาจะไม่เชื่อ เขามอบฎีกาในมือให้กับทหารที่อยู่ข้างๆ แล้วส่งเข้าไปในเมือง

ในฎีกามีบันทึกไว้ว่าป๋อชินอ๋องผู้ทรยศต้องถูกตัดศีรษะ

หรงเหยากำม้วนกระดาษแน่น แววตาเริ่มสั่นคลอ

ป๋อชินอ๋องแสดงสีหน้าตื่นตระหนก พลางตะโกน “หรงเหยา! อย่าหลงกลพวกมัน! เจ้าหันหลังให้พวกมันแล้ว ถ้าเจ้าฆ่าข้า เสด็จพี่ของข้าจะไม่ปล่อยเจ้าไว้แน่!”

หรงเหยาเอ่ยตอบด้วยน้ำเสียงเย็นชา “หลังจากที่ข้ากลับเมืองหลวง ฮ่องเต้จะไม่มีทางปล่อยข้าแน่ๆ แต่ถ้าข้าไม่ฆ่าเจ้าในตอนนี้ หยวนถังคงไม่ปล่อยข้า ข้าขอโทษ… ป๋อชินอ๋อง!”

กู้ฉังชิงไม่สนใจเรื่องการเมืองภายในแคว้นเฉิน แต่ถ้าเขาสามารถชนะโดยไม่ต้องเปิดสงครามได้ก็นับว่าเป็นกลยุทธ์ที่ดี

และแล้วป๋อชินอ๋องและหรงเยาเปิดฉากไล่สังหารกันบนหอคอย

หยวนถังควบม้าอย่างสบายใจเฉิบไปทางกู้ฉังชิง กองทัพของตระกูลกู้ต้องการรั้งเขาไว้ แต่กู้ฉังชิงยกมือขึ้นห้าม

หยวนถังขี่ม้ามือเปล่าไร้อาวุธ แสดงให้เห็นถึงความบริสุทธ์ใจของเขา

“ข้าเป็นสหายของท่านหมอกู้ นามหยวนถัง” หยวนถังแนะนำตัวให้กับกู้ฉังชิง

กู้ฉังชิงมองคนตรงหน้าอยู่พักหนึ่ง ยืดอกขึ้น พร้อมกับเอ่ยด้วยท่าทางภูมิใจ “ข้าคือพี่ชายของเจียวเจียว นามกู้ฉังชิง”

ทหารที่ยืนอยู่ข้างๆ “…”

เหตุใดประโยคแนะนำตัวของพวกเขาถึงฟังดูแปลกๆ นะ

ควรจะเป็นองค์ชายหกจากแคว้นเฉินและแม่ทัพของกองทัพตระกูลกู้มิใช่หรอกรึ

หรือในสายตาของพวกท่าน ตำแหน่งพวกนี้ยังไม่สูงส่งพอเท่ากับการเป็น ‘สหายของท่านหมอกู้’และ’พี่ชายของเจียวเจียว’ อย่างนั้นรึ