ตอนที่ 1285 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (3) / ตอนที่ 1286 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (4)
ตอนที่ 1285 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (3)
จวินอู๋เย่ายิ้ม รอยยิ้มของเขาในครั้งนี้แตกต่างจากเมื่อก่อน เขายื่นมือออกไปกอดจวินอู๋เสีย อ้อมกอดที่นุ่มนวลอ่อนโยนของเขาโอบรอบร่างเล็กๆ นั้น หัวใจของเขาพองโตด้วยความสุข
ในอดีตเขามีอำนาจเกียรติยศสูงส่งและครองตำแหน่งสูงสุดเหนือผู้คนทั้งสามโลกแล้วอย่างไร
เคยมีสักครั้งหรือไม่ที่เขาได้รู้สึกอย่างที่รู้สึกในตอนนี้ ความรู้สึกที่เหมือน…เขาได้ครอบครองทุกสิ่งทุกอย่างในโลก…ทุกอย่างเลย
เขาปรารถนาเหลือเกิน อยากจะให้เวลาหยุดลงที่ตรงนี้
จวินอู๋เย่าหรี่ตาลง ประกายเย็นเยียบผ่านเข้ามาในดวงตาของเขา
การเดินทางไปยังผาสุดขอบฟ้าเป็นไปอย่างราบรื่นสงบสุข ไม่มีเหตุการณ์อะไรเกิดขึ้น นอกเหนือจากการเดินทาง สิ่งที่พวกเขาทำก็มีแค่หยุดพักเป็นครั้งคราวเพื่อพักผ่อน พวกเขาจะลงมาจากรถม้าและรวมตัวกันรอบกองไฟ
อากาศเปลี่ยนเป็นอุ่นขึ้นเล็กน้อย ลมไม่เย็นจัดอีกต่อไป แม้ว่าอากาศจะยังเย็นอยู่ แต่มันก็ดีขึ้นกว่าเดิมมากแล้ว
เสี่ยวเจว๋ถูกพามาพร้อมกับจวินอู๋เสียและสหายของนาง ด้วยเหตุผลอะไรบางอย่าง ดูเหมือนเด็กน้อยจะไว้วางใจในตัวจวินอู๋เสียเป็นอย่างมาก แม้ว่าสิ่งที่เขาพูดบ่อยที่สุดในชีวิตประจำวันคือ ‘จิน… ’ แต่เมื่อไรก็ตามที่จวินอู๋เสียปรากฏตัวต่อหน้าเขา ดวงตาสีแดงของเขาก็จะจับจ้องอยู่ที่ร่างของจวินอู๋เสีย เหมือนสัตว์ตัวเล็กๆ ที่กลัวจะถูกทอดทิ้ง
แต่เนื่องจากรถม้าของจวินอู๋เสียถูกจวินอู๋เย่ายึดครองไปแล้ว แม้ว่าเสี่ยวเจว๋จะยังไม่ค่อยเข้าใจอะไร แต่เขาก็ไม่กล้าขึ้นรถคันนั้น และต้องไปใช้รถม้าคันอื่นที่พวกเฉียวฉู่ใช้อย่างไม่มีทางเลือก
ตัวเลือกที่สองของเสี่ยวเจว๋ก็คือหรงรั่ว ดูเหมือนว่าหลังจากที่รู้ตัวว่าไม่สามารถอยู่กับจวินอู๋เสียได้ เขาก็ยื่นมือเล็กๆ ออกไปหาหรงรั่วเพื่อขอให้อุ้มทันที
แต่สุดท้าย…
เขาก็ถูกเฟยเยียนอุ้มขึ้นมาไว้ที่ด้านหนึ่ง ไม่กล้าปล่อยให้เขาเข้าไปใกล้หรงรั่วแม้แต่น้อย
ไม่รู้ว่าเห็นมากี่ครั้งแล้ว พอเสี่ยวเจว๋อยากจะเข้าไปใกล้หรงรั่ว ก็จะถูกเฟยเยียนดึงคอเสื้อเขาไปอีกด้านทันที เฉียวฉู่ที่เพิ่งลงมาจากรถม้าด้านหน้าอดหัวเราะออกมาดังๆ ไม่ได้
“นี่เสี่ยวเยียน เจ้าต้องกังวลถึงขนาดนั้นเลยหรือ ข้าว่าเสี่ยวเจว๋ไม่อันตรายอะไรหรอก เขาอาจจะชอบเสี่ยวรั่วจริงๆ ก็ได้ ทำไมเจ้าต้องคอยระวังเหมือนเขาเป็นขโมยด้วย” เฉียวฉู่พูด ไม่สามารถระงับรอยยิ้มขำของเขาได้ ตลอดการเดินทาง หลังจากเสี่ยวเจว๋ล้มเหลวทั้งสองครั้งในการไปเกาะติดอยู่กับจวินอู๋เสียและหรงรั่ว เขาก็ถูกทิ้งเอาไว้กับฟ่านจัว ตอนนี้พวกเขามีโอกาสลงมาจากรถม้าเพื่อพักผ่อน เฟยเยียนก็ยังคอยเฝ้าระวังเด็กน้อยคนนี้
เฟยเยียนจ้องเฉียวฉู่ด้วยสายตาดุร้าย
ถ้าเสี่ยวเจว๋เป็นแค่เด็กธรรมดา เขาก็คงไม่กังวลมากขนาดนี้หรอก
แต่ทุกครั้งที่เด็กนั่นเห็นหรงรั่ว เขาก็จะพูดคำเดิมๆ อยู่ตลอด ‘จินพี่ชาย’
สัตว์ประหลาดตัวน้อยที่สามารถเคี้ยวหินหยกได้แบบนั้น เขาจะกล้าปล่อยให้เจ้าเด็กที่เอาแต่คิดเรื่อง ‘จินพี่ชาย’ ไปอยู่ตรงหน้าหรงรั่วได้อย่างไร
จะยอมให้เกิดเรื่องแบบนั้นขึ้นไม่ได้เด็ดขาด!
เกิดเขาเผลอขึ้นมา แล้วเจ้าเด็กนั่นกัดหรงรั่วเข้า ด้วยฟันของเจ้าเด็กนั่น เขาจะต้องกัดลึกเข้าไปถึงกระดูกของนางได้แน่ๆ!
“ไม่ต้องมายุ่ง!” เฟยเยียนตะคอกใส่เฉียวฉู่ แล้วลดสายตาลงมองเสี่ยวเจว๋ที่เขากำลังอุ้มอยู่
เด็กน้อยมองมาที่เขาอย่างขลาดกลัว ดวงตาดูเศร้าและเต็มไปด้วยความกลัว มุมปากของเฟยเยียนกระตุก ภายนอกเจ้าสัตว์ประหลาดน้อยนี่ก็ดูเหมือนเด็กธรรมดาทั่วไป แต่จวินอู๋เย่าเคยบอกแล้วเมื่อวันก่อน ถ้าพวกเขาต่อสู้กันจริงๆ ไม่มีใครในพวกเขาที่จะเป็นคู่ต่อสู้ของเด็กน้อยคนนี้ได้เลย
แม้ว่าเฟยเยียนจะเห็นว่าเสี่ยวเจว๋น่าสงสาร แต่เขาก็ไม่ยอมให้ ‘ว่าที่ฮูหยิน’ ของเขาต้องเผชิญกับความเสี่ยงเช่นนี้แน่
“เอ้า! ทำตัวดีๆ จำไว้ว่าห้ามไปหาพี่หรงรั่วเด็ดขาด เข้าใจหรือไม่” เฟยเยียนดึงเอาถุงเล็กๆ ออกมา มีเสียงกระทบดังกรุ๊งกริ๊งอยู่ในถุง
ตอนที่ 1286 เยือนผาสุดขอบฟ้าอีกครั้ง (4)
เสี่ยวเจว๋กะพริบตาและเปิดถุงออกดู ดวงตาของเขาเป็นประกายทันที
ข้างในถุงนั้นมีหินหยกที่ยังไม่ได้เจียระไนทุกขนาดทั้งใหญ่และเล็ก สำหรับเสี่ยวเจว๋ที่สนใจแต่แก่นวิญญาณของหินหยก จึงไม่สำคัญว่าหินหยกนั้นจะมีรูปลักษณ์เป็นอย่างไร
พอมีหินหยกหนึ่งถุงอยู่ในมือ แววตาเศร้าสร้อยของเสี่ยวเจว๋ก็หายไป เขากระโดดไปทางด้านหนึ่งแล้วเริ่มต้นเคี้ยว
หรงรั่วเฝ้าดูการกระทำของเฟยเยียนแล้วได้แต่แอบส่ายหัวอย่างจนปัญญา ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
“อีกห้าวันเราจะไปถึงผาสุดขอบฟ้า ครั้งนี้เราจะไม่ตกอยู่ในสภาพทุเรศแบบคราวที่แล้วอีก” พวกเขานั่งอยู่รอบกองไฟ เฉียวฉู่พูดขึ้นพลางถูกำปั้น ดูเหมือนเขาทนรอที่จะปีนลงไปด้านล่างของผาสุดขอบฟ้าไม่ไหวแล้ว
ประสบการณ์ครั้งที่แล้วกับผาสุดขอบฟ้าพูดได้ว่ามันได้ทิ้งร่องรอยที่ลบไม่ออกให้แก่พวกเขา จนถึงเดี๋ยวนี้พวกเขาก็ยังไม่ลืมเรื่องของมันเลยสักอย่างเดียว
สถานที่นั้นเป็นเหมือนฝันที่เลวร้ายที่สุดที่กลายเป็นจริง ตอนนี้มีแผนที่ฉบับสมบูรณ์แล้ว โฉมหน้าที่แท้จริงของมันจึงได้เปิดเผยให้พวกเขาเห็น
“ดินแดนเทพมารนี่สมชื่ออันดับหนึ่งแห่งสามโลกชั้นกลางจริงๆ พวกเขาสามารถสร้างสุสานที่ซับซ้อนขนาดนั้นได้ ใครก็จินตนาการไม่ได้แน่” ฟ่านจัวพูดขณะหยิบเอาแผนที่ที่พวกเขาประกอบเข้าด้วยกันแล้วขึ้นมา แผนที่แปดส่วนที่สมบูรณ์ของด้านล่างผาสุดขอบฟ้าได้เผยให้พวกเขาเห็นทุกอย่างที่ซ่อนอยู่ภายใต้หมอกลึกลับนั่น
อันตรายที่ดินแดนเทพมารได้สร้างไว้รอบๆ สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินั้น มันเกินกว่าที่สิ่งที่พวกเขาได้เจอมาเมื่อครั้งที่แล้วเสียอีก
แม้จะมีแผนที่อยู่ในมือ แต่สิ่งที่เห็นก็ทำให้พวกเขาเหงื่อแตกพลั่กอยู่ดี ยิ่งแผนที่มีรายละเอียดมากเท่าไร มันก็ยิ่งทำให้พวกเขาตระหนักได้ว่าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินั้นอันตรายมากแค่ไหน พวกเขาจินตนาการกันไม่ออกเลยว่า บิดามารดาของพวกเขาต้องเสียสละกันไปมากแค่ไหนในครั้งนั้น กว่าจะพบที่ตั้งที่แน่นอนของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ
“เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเป็นเสาหลักของดินแดนเทพมาร แม้ว่าเขาจะตายไปหลายปีแล้ว แต่ดินแดนเทพมารก็ยังนับถือเขาเป็นผู้นำสูงสุดอยู่ มีการกล่าวกันมานานแล้วว่าผู้คนในดินแดนเทพมารเคารพเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจนเกือบจะคลั่งไคล้บูชา ตอนที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตาย ไม่มีความโกลาหลวุ่นวายเกิดขึ้นในดินแดนเทพมารเลยสักนิด กองทัพราตรีที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิสร้างขึ้นได้ส่งทรัพย์สมบัติทั้งหมดที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิครอบครองตอนที่มีชีวิตอยู่ไปไว้ในสุสานเพื่อให้อยู่กับเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ เรื่องแบบนี้ ถ้าเกิดขึ้นกับที่อื่นละก็ ไม่มีทางเป็นไปได้แน่” หรงรั่วพูดด้วยน้ำเสียงประทับใจ
ไม่ว่าจะเป็นราชาหรือผู้ปกครองสูงสุดของอะไรก็ตาม หลังจากพวกเขาตายไปแล้ว ลูกน้องของพวกเขาจะยังภักดีอยู่หรือเปล่านั้น ไม่มีใครรู้ได้เลย การที่คนของเขาเอาทุกอย่างไปฝังไว้ใต้ดินโดยไม่เก็บซ่อนอะไรเอาไว้เลย และยังทุ่มเททั้งกำลังและความคิดอย่างเต็มที่เพื่อสร้างอุปสรรคมากมายนับไม่ถ้วน บารมีของบุรุษคนนั้นและการอุทิศตัวที่คนของเขาทำให้เขา ไม่ใช่สิ่งที่คนทั่วไปจะมีได้
“ตอนที่ข้ายังเด็ก ข้าเคยได้ยินตำนานของดินแดนเทพมารมาบ้าง ว่ากันว่าหลังจากที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายไป ดินแดนเทพมารก็เก็บตัวไม่ออกมาเคลื่อนไหวอะไรในสามโลกชั้นกลาง พวกเขาจะไม่ไปหาเรื่องใคร และก็ไม่มีใครกล้าไปหาเรื่องพวกเขาเช่นกัน แม้ว่าเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิจะไม่อยู่แล้ว แต่กองทัพราตรีที่เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิสร้างไว้ยังอยู่ในดินแดนเทพมาร ว่ากันว่าทุกคนในกองทัพราตรีเป็นยอดฝีมือที่ไร้เทียมทาน ในกองทัพนั้นไม่ว่าใครก็มีฝีมือเทียบได้กับผู้อาวุโสของสิบสองตำหนัก แต่ข้าก็ไม่รู้ว่าจริงหรือเปล่า” เมื่อได้ยินคนอื่นพูดคุยกัน เฉียวฉู่ก็ตื่นเต้นขึ้นมาทันที
หรงรั่วพยักหน้าเห็นด้วย สายตาหันไปมองที่จวินอู๋เย่าโดยไม่ได้ตั้งใจ แต่นางก็รีบหันกลับมาอย่างรวดเร็วและพูดต่อว่า “เป็นเรื่องจริง เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิมีอำนาจยิ่งใหญ่เหนือทุกคนในสามโลกชั้นกลาง กองทัพราตรีที่อยู่ใต้บังคับบัญชาของเขาสร้างความหวาดกลัวเอาไว้ในใจของผู้คน กล่าวกันว่าเมื่อกองทัพราตรีเคลื่อนพล ทุกคนจะถอยกลับ ไม่มีใครกล้าเผชิญหน้ากับพวกเขา”