บทที่ 667 ทั้งหมดของเจ้าเป็นของข้า

องค์ชายสาม หยุดไล่ตามข้าเสียที!

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ยืดตัว​ขึ้น​ก่อน​กระแอม​ใน​ลำคอ​ ​แล้ว​เอ่ย​ว่า​ ​‘​ท่าน​เลิก​แอบมอง​ความคิด​ของ​ข้า​สักที​ได้​หรือเปล่า​ ​ข้า​ลำบากใจ​’

 

 

 

ทันทีที่​ได้ยิน​เช่นนั้น​ ​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยก​็​มอง​ไป​ที่นาง

 

 

 

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​คิด​ว่าการ​ขัดขืน​ของ​นาง​ได้ผล​ ​นาง​จึง​รีบ​ยืน​ตัวตรง

 

 

 

แต่​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยก​ลับ​ไม่ได้​มี​ปฏิกิริยา​ตอบสนอง​เหมือน​ดังที่​นาง​คาดการณ์​เอาไว้​ ​เขา​กลับ​ใช้​สายตา​ตัวเอง​ประเมิน​นาง​ ​แม้ว่า​เขา​จะ​อยู่​ไกล​ออก​ไป​ ​แต่​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ก็​รู้สึก​เหมือน​มี​เขา​พูด​อยู่​ข้าง​หู​ ​นาง​ได้ยิน​เสียง​อัน​น่า​ดึงดูด​แต่​เต็มไปด้วย​ความอบอุ่น​ของ​เขา​อย่างชัดเจน​ ​‘​ร่างกาย​ทุก​ส่วน​ของ​เจ้า​ล้วน​เคย​ถูก​ข้า​จุมพิต​มา​แล้ว​ ​ทั้งหมด​ของ​เจ้า​เป็น​ของ​ข้า​ ​แม้แต่​จิตใจ​ของ​เจ้า​ก็​ไม่มี​ข้อยกเว้น​’

 

 

 

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​รู้​ว่า​เขา​กำลัง​หมายถึง​วิธี​ที่​เขา​ใช้​ทรมาน​นาง​ตอน​อยู่​ที่​บ่อน้ำพุร้อน​เมื่อคืนนี้​ ​นาง​สะดุด​ลมหายใจ​ตัวเอง​ ​และ​ตั้งใจ​ว่า​จะ​รีบ​ออก​ไป​จาก​ที่​แห่ง​นั้น​ให้​เร็ว​ที่สุด​ ​แต่​น่าเสียดาย​ที่​ความรู้สึก​เย็นวาบ​ไป​ถึง​สันหลัง​นั้น​กลับมา​ถึง​นาง​ก่อน​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​ไม่มีทาง​เลือก​นอกจาก​ร้องขอ​ความเมตตา​จากไป​๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย

 

 

 

สุดท้าย​นาง​ก็​ถูก​บังคับ​ให้​ได้​ตระหนักถึง​คำพูด​ของ​เขา​ ​หลังจาก​นาง​ยอมรับ​ว่านาง​เป็น​ของ​เขา​ ​เขา​จึง​ยอม​ปล่อย​นาง​ให้​เป็นอิสระ​ในที่สุด

 

 

 

ใบหน้า​ของ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​แดงก่ำ​ ​ดังนั้น​นาง​จึง​รีบ​ตัด​กระแสจิต​ก่อนที่​องค์​ชาย​จะ​พูด​อะไร​ไปมา​กก​ว่านี​้​ ​แล้ว​หันมา​จดจ่อ​อยู่​ที่​การ​ประลอง​แทน

 

 

 

แต่​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋​ยดู​เหมือน​ยัง​ไม่​คิด​ที่จะ​ปล่อย​นาง​ไป​ ​ดวงตา​สีเข้ม​เป็นประกาย​ของ​เขา​ยังคง​จับจ้อง​อยู่​ที่นาง​ ​ก่อน​เขา​จะ​เชื่อม​กระแสจิต​หานา​งอี​กค​รั้ง​ ​‘​เจ้า​ไม่​อยาก​ให้​ข้า​อ่าน​ความคิด​ของ​เจ้า​หรือ​’

 

 

 

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​พยักหน้า​อย่างจริงจัง​ ​สิ่ง​สำคัญ​สำหรับ​คนรัก​กัน​คือ​ความสนใจ​ใคร่รู้​ ​หาก​เขา​สามารถ​อ่าน​ความคิด​ของ​นาง​ได้​ ​ความสัมพันธ์​ของ​พวก​นาง​คงจะ​น่าเบื่อ​อย่างมาก

 

 

 

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ไตร่ตรอง​คำขอ​ของ​นาง​อยู่​ครู่หนึ่ง​ ​ก่อน​จะ​ถาม​ขึ้น​ว่า​ ​‘​เจ้า​จะ​ให้​อะไร​ข้า​เป็นการ​แลกเปลี่ยน​’

 

 

 

นี่​ท่าน​กำลัง​เจรจา​ข้อแลกเปลี่ยน​กับ​ข้า​อยู่​หรือ

 

 

 

ช่าง​เป็น​คนที​่​หน้าด้าน​ได้​เสมอต้นเสมอปลาย​จริงๆ

 

 

 

เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ผาย​มือ​ ​‘​ข้า​ยัง​มี​แกนกลาง​มังกร​อยู่​อีก​ชิ้น​หนึ่ง​’

 

 

 

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​หัวเราะ​ก่อน​จะ​ตอบ​ด้วย​น้ำเสียง​อวดดี​เหมือนเคย​ ​‘​เวย​เวย​ ​เจ้า​คิด​จะ​ใช้​สิ่ง​นี้​หลอก​ข้า​หรือ​’

 

 

 

‘​เช่นนั้น​ท่าน​ต้องการ​อะไร​ล่ะ​’​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​เข้าใจ​เรื่อง​นั้น​ดี​ ​หาก​นาง​ติดหนี้​ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​ ​นาง​ย่อม​ไม่มีทาง​เลือก​นอกจาก​ต้อง​ทำตาม​คำสั่ง​ของ​เขา​ ​ในเวลานี้​นาง​รู้สึก​อยาก​กัด​องค์​ชาย​ผู้​ไม่รู้​จัก​พอค​นนี​้​จริงๆ

 

 

 

ไป๋​หลี​่​เจีย​เจ​วี​๋ย​วาง​คาง​ลง​บน​มือ​ ​พร้อมกับ​ยิ้ม​ออกมา​เล็กน้อย​ ​‘​นานๆ​ ​ที​คืนนี้​เจ้า​น่าจะเป็น​ฝ่าย​นำ​บ้าง​ ​เจ้า​ต้อง​เป็น​ฝ่าย​จูบ​ข้า​ก่อน​ ​ขึ้น​มา​อยู่​ข้างบน​แล้ว​ยั่ว​ข้า​เสียดี​ๆ​’

 

 

 

ทันทีที่​ได้ยิน​เช่นนั้น​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ก็​ถึงกับ​อับจน​ด้วย​คำพูด

 

 

 

แน่​ล่ะ​ว่าย​่​อม​ไม่มีใคร​ไร้ยางอาย​ไป​กว่า​องค์​ชาย​อีกแล้ว​ ​นี่​คือ​ความคิด​แรก​ที่​แล่น​เข้ามา​ใน​สมอง​ขอ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ ​ก็ได้​ ​นาง​ตกลง​ ​อย่างไร​ใน​อีก​ไม่​กี่​วัน​ก็​จะ​ถึง​คืน​วันพระ​จันทร์เต็ม​ดวง​ ​และ​พิธี​เสพสังวาส​ ​องค์​ชาย​คง​เกลี้ยกล่อม​ให้​นาง​ทำ​เช่นนั้น​อยู่ดี​ ​สู้​นาง​ยอมรับ​ข้อเสนอ​เสีย​ตั้งแต่​ตอนนี้​คงดี​กว่า

 

 

 

อย่างไร​ ​องค์​ชาย​ก็​หล่อเหลา​ถึง​เพียงนี้​ ​ดังนั้น​นาง​ไม่​เสียใจ​หรอก​ที่​ได้​นอน​กับ​เขา​!

 

 

 

‘​ย่อม​ได้​’​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ถอน​สายตา​กลับมา​อย่างใจ​เย็น

 

 

 

องค์​ชายเลิ​กคิ​้ว​ขึ้น​อย่าง​มีเลศนัย​ ​เขา​ประหลาดใจ​ทีเดียว​ ​แต่​เมื่อ​เห็น​ใบ​หู​ที่​กลายเป็น​สีแดง​ของ​นาง​ ​ริมฝีปาก​ของ​เขา​ก็​โค้ง​ขึ้น​เป็น​รอยยิ้ม​อีกครั้ง

 

 

 

ในขณะที่​ทั้งสอง​กำลัง​ส่งกระแสจิต​คุย​กัน​อยู่​กัน​ ​เซ​วี​ยน​ปิง​ก็​เริ่ม​ลงมือ​แล้ว​ ​เขา​ถือ​กระบี่​ไม้​ไว้​ใน​มือ​ข้าง​หนึ่ง​ ​พร้อมกับ​ใช้​ฟัน​กัด​นิ้ว​ตัวเอง​ ​แล้ว​ป้าย​เลือด​นั้น​ลง​บน​ยันต์​ผ้าเหลือง​ ​ยันต์​สีเหลือง​ลอย​ขึ้น​ใน​อากาศ​ตามที่​เขา​สั่ง​ ​ยันต์​ทั้ง​สี่​หยุด​อยู่​ที่​ด้าน​ซ้าย​ ​ด้าน​ขวา​ ​ด้านหน้า​ ​และ​ด้านหลัง​เป็นตัวแทน​ของ​ทิศ​ทั้ง​สี่​ ​ได้แก่​ ​ทิศเหนือ​ ​ทิศใต้​ ​ทิศตะวันออก​ ​และ​ทิศตะวันตก​ ​พวก​มัน​ทำหน้าที่​ปกป้อง​เซ​วี​ยน​ปิง​ที่​ยืน​อยู่​ตรงกลาง

 

 

 

ยันต์​ผ้าเหลือง​ของ​เขา​แตกต่าง​จาก​อัน​ที่​มู่​ไป๋​ใช้​ก่อนหน้านี้​ ​แม้แต่​เหล่า​เสนาบดี​ที่​ไม่มีความรู้​เรื่อง​ศาสตร์​แห่ง​หยิน​หยาง​ใน​การขับไล่​วิญญาณ​ร้าย​ก็​ยัง​นึก​ชื่นชม​แสง​ที่​ยันต์​ผ้าเหลือง​เหล่านั้น​เปล่ง​ออกมา

 

 

 

“​นั่น​มัน​อะไร​กัน​”​ ​เสนาบดี​หลาย​คน​อุทาน​ขึ้น

 

 

 

เด็กหนุ่ม​ขมวดคิ้ว​ ​”​นั่น​คือ​พลัง​วิญญาณ​ของ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ขอรับ​ ​เขา​สามารถ​ใช้​มัน​เพื่อ​ป้องกันตัว​เอง​จาก​ภูตผี​วิญญาณ​ได้​ ​แต่​…​ ​ไม่ใช่​ทุกคน​ที่จะ​สามารถ​ทำให้​พลัง​ของ​ตัวเอง​เรืองแสง​ออกมา​ได้​เช่นนี้​ ​เซ​วี​ยน​ปิง​เป็น​ชาย​ที่​แข็งแกร่ง​อย่างแท้จริง​”​ ​เขา​อาจจะ​อยู่​ใน​ระดับ​เดียวกัน​กับ​ผู้อาวุโส​ที่อยู่​ที่นี่​เลย​กระมัง​ ​แม้​เด็กหนุ่ม​จะ​ไม่ได้​พูด​ออกมา​ ​แต่​ใน​คำพูด​ของ​เขา​ก็​มี​ความนัย​แฝง​อยู่

 

 

 

เสนาบดี​กลับมา​หน้า​เครียด​กัน​อีกครั้ง

 

 

 

เมือง​เซ​วี​ยน​หยวน​ชนะ​ไป​แล้ว​ยก​หนึ่ง

 

 

 

แม้​พวกเขา​จะ​ไม่พอใจ​กับ​ความพ่ายแพ้​ใน​ยก​ที่ผ่านมา​ ​แต่​พวกเขา​ก็​ไม่​อาจ​เถียง​ได้​ ​เพราะ​ใน​กติกา​ระบุ​ไว้​อย่างชัดเจน​ว่า​ผู้​ที่​ใช้เวลา​น้อยที่สุด​จะ​ได้​เป็น​ผู้ชนะ

 

 

 

ถ้า​เซ​วี​ยน​ปิง​จาก​เมือง​เซ​วี​ยน​หยวน​เอาชนะ​ใน​ยก​นี้​ได้​อีกครั้ง​ ​เช่นนั้น​การ​ประลอง​ก็​จะ​จบ​ลง​ที่นี่

 

 

 

จากนั้น​พวกเขา​จะ​หมด​สิทธิ์​ปกป้อง​เมืองหลวง

 

 

 

เมื่อ​คิดได้​ดังนี้​ ​หลิว​อวี​้​และ​อู่​จิ้ง​ก็​กำหมัด​แน่น​ ​พวกเขา​ได้​แต่​ภาวนา​ขอให้​คู่ต่อสู้​ทำ​พลาด

 

 

 

ถ้า​เซ​วี​ยน​ปิง​ทำสำเร็จ​ ​พระ​ชายา​สาม​จะ​ต้อง​พ่ายแพ้​ใน​การ​ประลอง​นี้​อย่างแน่นอน

 

 

 

เพราะ​ไม่มีทาง​ที่​พระ​ชายา​จะ​สามารถ​อัญเชิญ​ยมทูต​มากกว่า​สี่​ตน​ออกมา​ได้

 

 

 

ไม่ใช่​แค่นั้น​ ​การ​ประลอง​นี้​ยัง​มี​เวลา​จำกัด​อีกด้วย

 

 

 

ผู้ชม​ทุกคน​ต่าง​ก็ได้​เห็น​โศกนาฏกรรม​เมื่อครู่นี้​กับ​ตา​ตัวเอง​แล้ว​ ​ถ้า​ผู้​ร่วม​ประลอง​ไม่​สามารถ​ควบคุมสถานการณ์​ได้​ ​พวกเขา​อาจจะ​ต้อง​ทิ้ง​ชีวิต​ตัวเอง​ให้​กับ​ยมทูต

 

 

 

ยิ่งกว่านั้น​ ​พระ​ชายา​ก็​ไม่ได้​พก​ยันต์​ผ้าเหลือง​ติดตัว​เลย​แม้แต่​แผ่น​เดียว​ ​ดังนั้น​กระทั่ง​ยมทูต​สัก​ตน​นาง​ก็​อาจจะ​อัญเชิญ​ออกมา​ไม่ได้​เลย​ด้วยซ้ำ​…

 

 

 

ขณะที่​หลิว​อวี​้​กับ​อู่​จิ้ง​กำลัง​เป็นกังวล​อยู่​นั้น​ ​พวกเขา​ก็​พลัน​ได้ยิน​เสียง​ของ​เซ​วี​ยน​ปิง​ ​สายลม​เย็นยะเยือก​หวนกลับ​มา​อีกครั้ง​ ​”​ภูตผี​ใน​ยมโลก​เอ๋ย​จงฟัง​ ​รับคำ​สั่ง​ข้า​และ​ปรากฏ​กาย​ขึ้น​มา​เดี๋ยวนี้​!​”

 

 

 

ฟุ่บ​…

 

 

 

พวกเขา​รู้สึก​เหมือน​มี​อะไร​บางอย่าง​เคลื่อนไหว​อยู่​ใน​อากาศ

 

 

 

ท้องพระโรง​ราวกับ​ถูก​แช่แข็ง​ ​พวกเขา​ถูก​พลัง​ปราณ​หยิน​ถาโถม​เข้าใส่​ ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​บางส่วน​หมด​ความอดทน​ ​พวกเขา​ยืน​ขึ้น​แล้ว​จ้องเขม็ง​ไป​ที่​เซ​วี​ยน​ปิง

 

 

 

มีเสียง​ดัง​ตามมา​ ​จากนั้น​โคมไฟ​ที่​แขวน​อยู่​บริเวณ​ทางเข้า​ท้องพระโรง​ก็​ดับ​ลง​ ​เหลือ​เพียง​เงา​ของ​โคม​ที่​สั่น​อยู่​บน​พื้น

 

 

 

รอยยิ้ม​จาง​ติดจะ​เย็นชา​ฉาบ​อยู่​บน​ใบหน้า​ของ​เซ​วี​ยน​ปิง​ ​ก่อนที่​เขา​จะ​มอง​ไป​ที่​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​อย่าง​ดูถูก

 

 

 

แต่​ตอนที่​เขา​กำลังจะ​ท่อง​คาถา​ ​เขา​ก็​สังเกตเห็น​ว่ายันต​์​ผ้าเหลือง​ที่อยู่​ทางซ้าย​มือ​นั้น​สั่น​อย่าง​ไม่​อาจ​ควบคุม​ได้​ ​มัน​เริ่ม​สั่น​อย่างรุนแรง​ก่อนที่​เขา​จะ​รู้สึก​ได้​ถึง​ความรู้สึก​เย็นยะเยือก​ที่​ใบหน้า​ซีก​ซ้าย​ของ​ตัวเอง

 

 

 

เซ​วี​ยน​ปิง​ไม่ได้​หันหน้า​ไป​ ​ใน​ฐานะ​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​ ​ย่อม​ไม่มีใคร​เข้าใจ​เรื่อง​คบไฟ​ทั้ง​สาม​ที่​ติดตัว​มนุษย์​มาตั​้ง​แต่​เกิดดี​ไป​กว่า​เขา​ ​คบเพลิง​ทั้ง​สาม​ตั้งอยู่​ที่​ด้าน​ซ้าย​ ​ด้าน​ขวา​ ​และ​ด้านหลัง

 

 

 

ตราบใดที่​คบไฟ​ทั้ง​สาม​ยัง​ส่องแสง​ ​ปราณ​หยาง​ของ​คนเรา​ย่อม​แข็งแกร่ง​กว่า​ปราณ​หยิน

 

 

 

หาก​คบไฟ​หนึ่ง​ใน​สาม​ดับ​ลง​ ​คน​คน​นั้น​จะ​ถูก​ปราณ​หยิน​แผดเผา

 

 

 

นี่​จึง​เป็นสาเหตุ​ที่​ผู้เฒ่าผู้แก่​มัก​เตือน​เรา​อยู่​เสมอ​ว่า​อย่า​มอง​ไปร​อบ​ตัว​เวลา​ที่​เดิน​คนเดียว​ตอนกลางคืน​ ​แม้​จะ​ได้ยิน​เสียง​เรียก​จาก​ข้างหลัง​ก็​ไม่​ควร​หันกลับ​ไป​มอง​ ​มัน​เป็น​วิธี​ป้องกัน​ไม่​ให้​ถูก​วิญญาณ​สะกดรอย​ตามมา​นั่นเอง

 

 

 

เช่นเดียวกัน​ ​ในเวลานี้​เซ​วี​ยน​ปิง​ได้ยิน​คน​เรียกชื่อ​ตัวเอง​อยู่​ข้างหลัง​ไม่ได้​ขาด

 

 

 

ท่ามกลาง​ความโกลาหล​นั้น​ ​เขา​เห็นภาพ​ของ​สุนัข​ล่า​เนื้อที่​เขา​เคย​ทรมาน​จนตาย​ปรากฏ​ขึ้น

 

 

 

มัน​จ้องมอง​มาที​่​เขา​ด้วย​สายตา​เคียดแค้น​และ​ชวน​ขนลุก​ราวกับ​กำลัง​รอ​ให้​เขา​พ่ายแพ้​ใน​การ​ประลอง​ครั้งนี้​ ​มัน​จะ​ได้​กระโจน​เข้าใส่​เขา​แล้ว​ฉีก​เขา​ให้​เป็น​ชิ้นๆ

 

 

 

เซ​วี​ยน​ปิง​เป็น​คน​เกลียด​ความล้มเหลว​ ​ระหว่าง​การ​ฝึก​วิชา​ ​เขา​จะ​ระบาย​ความโกรธ​ลง​กับ​สุนัข​ล่า​เนื้อ​ของ​ตัวเอง​ทุกครั้งที่​ได้​เจอ​คนที​่​เก่ง​กว่า

 

 

 

ไม่มีใคร​รู้เรื่อง​นี้​ ​เพราะ​ทุกคน​รู้จัก​เขา​ใน​ฐานะ​ชาย​ผู้​ไม่เคย​สนใจ​เรื่อง​ทางโลก

 

 

 

จนกระทั่ง​ ​หลังจาก​สุนัข​ล่า​เนื้อ​ของ​เขา​ตาย​ลง​ ​ศิษย์​พี่​และ​ศิษย์​น้อง​จาก​จวน​ผู้อาวุโส​ต่าง​ก็​ร่วม​แสดง​ความเสียใจ​และ​เสนอ​ให้​จัด​พิธีศพ​ให้​กับ​สุนัข​ล่า​เนื้อตัว​นั้น​ ​ด้วย​หวัง​ว่าวิญ​ญาณ​ของ​มัน​จะ​ได้​พักผ่อน​อย่างสงบ

 

 

 

ภายนอก​นั้น​เซ​วี​ยน​ปิง​ดู​มีท​่า​ทาง​โศกเศร้า​ ​แต่​แท้จริง​แล้ว​เขา​ไม่ได้​สนใจไยดี​สุนัข​ล่า​เนื้อ​ของ​ตัวเอง​เลย​แม้แต่​นิดเดียว​ ​นอกจาก​จะ​ไม่ได้​ช่วย​ให้​วิญญาณ​ของ​มัน​ได้​พักผ่อน​อย่างสงบ​สุข​แล้ว​ ​เขา​ยัง​ขโมย​แก่น​วิญญาณ​ของ​สุนัข​ล่า​เนื้อตัว​นั้น​ออกมา​และ​ทำลาย​วิญญาณ​ของ​มัน​อย่างถาวร​อีกด้วย​ ​ผลสุดท้าย​วิญญาณ​ของ​สุนัข​ตัว​นั้น​จึง​ไม่ได้​รับ​การยอ​มรับ​จาก​ยมโลก​ ​และ​ทำได้​เพียงแค่​ร่อนเร่​ไป​ใน​โลก​มนุษย์​ด้วย​ความสิ้นหวัง​เท่านั้น​…

 

 

 

แม้​ผู้ขับ​ไล่​วิญญาณ​ร้าย​คนอื่น​จะ​มองไม่เห็น​ ​แต่​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​กลับ​สามารถ​มองเห็น​สุนัข​ล่า​เนื้อตัว​นั้น​ได้​อย่างชัดเจน​ ​เฮ่อ​เหลียน​เวย​เวย​ขมวดคิ้ว​ก่อน​จะ​ขยี้ตา​อีกครั้ง​ ​นี่​มัน​เกิด​อะไร​ขึ้น