ตอนที่ 701 ไปซื้อของ

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 701 ไป​ซื้อ​ของ​

วันนี้​ไม่ใช่เพียง​วัน​เปิด​ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​แรก​ใน​กรุง​ปักกิ่ง​ของ​หลิน​ม่าย​เท่านั้น​ แต่​ยัง​เป็น​วัน​เปิดร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​ด้วย​

นับตั้งแต่​ที่​ไป๋​เหยียน​ถูก​หลิน​ม่าย​ชักชวน​ให้​เปิดร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ ทั้งคู่​ก็​เริ่ม​มองหา​ร้าน​

หยาง​จิ้น​วางแผน​ที่จะ​เปิดร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ เขา​ต้อง​จัดการ​ทุกอย่าง​ด้วยตัวเอง​ จึงวางแผน​จะขาย​เฉพาะ​เซาปิ่ง​ไส้เนื้อ​และ​นมถั่วเหลือง​ ดังนั้น​ร้าน​จึงไม่จำเป็นต้อง​ใหญ่​เกินไป​

ภายใต้​การ​แนะนำ​ของ​หลิน​ม่าย​ หยาง​จิ้น​ได้​เช่าร้าน​ขนาด​แปดสิบ​เก้า​ตารางเมตร​ใกล้​กับ​โรงเรียนมัธยม​แห่ง​หนึ่ง​และ​เปิดร้าน​ขาย​ขนม​เซาปิ่ง​

วันนี้​เป็น​วันอาทิตย์​และ​นักเรียน​ก็​ไม่ไป​โรงเรียน​ จึงแทบ​ไม่มีนักเรียน​คน​ไหน​มาซื้อ​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​

แต่​ร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​เขา​อยู่​ใน​พื้นที่​ที่​เต็มไปด้วย​ครอบครัว​ และ​ลูกค้า​จำนวนมาก​จาก​พื้นที่​นั้น​ก็​มาเยี่ยมชม​ เรียก​ได้​ว่า​ธุรกิจ​ของ​เขา​ดำเนิน​ไป​ได้​ด้วยดี​

เมื่อ​ครอบครัว​ของ​หลิน​ม่าย​มาเยี่ยมเยียน​ หยาง​จิ้น​ก็​มีหน้าที่​ทำ​เซาปิ่ง​ ส่วน​ไป๋​เหยียน​มีหน้าที่​เก็​บเงิน​และ​ขาย​ขนม​ พวกเขา​ยุ่ง​กัน​มาก​

เถียนเถียน​ถูก​พ่อ​ของ​ตน​มัด​ไว้​ที่​หลัง​ เมื่อ​เห็น​หลิน​ม่าย​และ​คนอื่น​ ๆ มาเยี่ยม​ หล่อน​ก็​ยิ้มเผล่​ให้​จน​น้ำลาย​หยด​ลง​บน​หลัง​ของ​พ่อ​

ใน​ร้าน​มีโต๊ะ​และ​เก้าอี้​เพียง​สอง​ชุด​ ซึ่งมีลูกค้า​นั่ง​อยู่แล้ว​

ครอบครัว​ของ​หลิน​ม่าย​ไม่มีแม้แต่​ที่นั่ง​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงต้อง​ยืน​กิน​เซาปิ่ง​ไส้เนื้อที่​ไป๋​เหยียน​ยื่น​ให้​

มีเนื้อสัตว์​สอง​ชนิด​ใน​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​ คือ​เนื้อ​แกะ​และ​เนื้อวัว​

หลิน​ม่าย​ลอง​ทั้งสอง​อย่าง​แล้ว​รู้สึก​ว่า​อร่อย​ทุกอย่าง​

ตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​ของ​หลิน​ม่าย​เป็น​คน​จัดหา​เนื้อวัว​และ​เนื้อ​แกะ​ให้​หยาง​จิ้น​ เซาปิ่ง​ของ​คนอื่น​ไม่มีเนื้อวัว​และ​เนื้อ​แกะ​ได้​ แต่​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​มีเนื้อ​แสน​อร่อย​เหล่านี้​ขาย​อยู่​ด้วย​ นี่​เป็น​ข้อได้เปรียบ​

แต่​เซาปิ่ง​เนื้อวัว​และ​เนื้อ​แกะ​นั้น​มีราคา​สูง คน​ส่วนมาก​จึงไม่ค่อย​ซื้อ​มัน​นัก​

หลิน​ม่าย​แนะนำ​ให้​หยาง​จิ้น​ทำ​เซาปิ่ง​หมู​ขาย​ด้วย​

เนื้อหมู​ถูก​กว่า​เนื้อวัว​และ​เนื้อ​แกะ​มาก​ หาก​เขา​นำมา​ขาย​ จะต้อง​มีลูกค้า​มากมาย​เข้ามา​ชิมและ​ซื้อ​กลับบ้าน​อย่าง​แน่นอน​

ขณะที่​ยุ่ง​อยู่​กับ​งาน​ หยาง​จิ้น​พูด​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ถ้าต้องการ​ให้ราคา​ถูก​ลง​ ใช้เนื้อ​หัวหมู​จะดีกว่า​ เซาปิ่ง​ที่​ทำ​จาก​เนื้อ​หัวหมู​ก็​อร่อย​เช่นกัน​”

หลิน​ม่าย​พยักหน้า​ “งั้น​ก็​ใช้เนื้อ​หัวหมู​แล้วกัน​ค่ะ​”

ในขณะที่​ทุกคน​กำลัง​คุย​กัน​ พ่อ​ไป๋​ก็​มาพร้อมกับ​ไป๋​เซี่ย​และ​ไป๋​ลู่​

ลูกเขย​เปิดร้าน​เพื่อ​เริ่มต้น​ธุรกิจ​ พ่อตา​จึงต้อง​มาร่วม​แสดงความยินดี​ด้วย​

พ่อ​ไป๋​ยิ้ม​ให้​ครอบครัว​ของ​หลิน​ม่าย​จาก​ระยะไกล​พลาง​กล่าว​ “หนาว​ขนาด​นี้​ ทำไม​มากัน​เร็ว​จังล่ะ​?!”

คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางยิ้ม​พลาง​กล่าว​ “เรา​เดิน​มาจึงไม่ค่อย​หนาว​นัก​”

พ่อ​ไป๋​เดิน​มาหา​พวกเขา​และ​สัมผัสมือ​เล็ก​ ๆ ของ​หลานสาว​ทั้ง​อย่าง​คน​อย่าง​โต้​ว​โต้​ว​และ​เถียนเถียน​ มือ​ของ​เด็ก​ทั้งสอง​ยังคง​อุ่น​ ดังนั้น​เขา​จึงรู้สึก​โล่งใจ​

เขา​กล่าว​กับ​ไป๋​เหยียน​ “เสื้อ​โค้ท​กับ​กางเกง​ผ้าฝ้าย​บน​ตัว​ของ​เถียนเถียน​สั้น​เกินไป​นะ​ ลูก​ต้อง​ทำ​ใหม่​แล้ว​”

“สัปดาห์​นี้​ฉัน​ไม่มีเวลา​เลย​ คง​ต้อง​สัปดาห์​หน้า​ล่ะ​ค่ะ​ฉัน​ถึงจะหา​เวลา​ไป​ร้านตัดเสื้อ​เพื่อ​ทำ​ชุด​ใหม่​สอง​ชุด​ให้​เถียนเถียน”​

ไป๋​เหยียน​ยิ้ม​และ​ยื่น​เซาปิ่ง​เนื้อ​ให้​พ่อ​ไป๋​ก่อน​จะมอบให้​กับ​น้อง ๆ​ ของหล่อน​

พวกเขา​กิน​และ​แสดงความคิดเห็น​เกี่ยวกับ​เซาปิ่ง​เนื้อ​ของ​หยาง​จิ้น​ จากนั้น​แม่ไป๋​ก็​ตามมา​

เมื่อ​เห็น​หล่อน​ พ่อ​ไป๋​ก็​รีบ​กิน​เซาปิ่ง​ใน​มือ​แล้ว​บอกลา​ไป๋​เหยียน​กับ​สามีของหล่อน​ราวกับ​จะรีบเร่ง​เดินทาง​กลับ​

วันนี้​หลิน​ม่าย​ซื้อ​วัตถุดิบ​มามากมาย​ เพราะ​เธอ​ต้องการ​ชวน​พ่อ​ไป๋​และ​คนอื่น​ ๆ มาที่​บ้าน​เพื่อ​กิน​หม้อไฟ​

แต่​ก่อนที่​เธอ​จะทัน​ได้​พูด​อะไร​ พ่อ​ไป๋​ก็​วิ่ง​ไป​ไกล​จน​มองไม่เห็น​เงาราวกับ​มีผี​ไล่ตาม​เขา​แล้ว​

ช่างเถอะ​ กลับ​ไป​แล้ว​ค่อย​โทร​หา​เขา​เพื่อ​ชวน​มากิน​หม้อไฟ​ก็ได้​

เมื่อ​เห็น​ว่า​แม่ไป๋​กำลัง​มา หลิน​ม่าย​ก็​ไม่ต้องการ​อยู่​อีกต่อไป​ เธอ​บอกลา​พี่สาว​และ​พี่เขย​ก่อน​เตรียม​จะจากไป​

ก่อน​จากไป​ เธอ​บอก​พี่สาว​คนโต​และ​พี่เขย​ว่า​ให้​พวกเขา​ทำ​ธุระ​ให้​เสร็จ​และ​ไป​กิน​หม้อไฟ​ที่​บ้าน​ตอนเที่ยง​

เธอ​ตบ​แขน​ของ​ไป๋​ลู่​ “พี่สาว​และ​พี่ชาย​ก็​ไป​ด้วยกัน​นะคะ​”

ไป๋​เซี่ย​มอง​ไป​ยัง​ตะกร้า​ผัก​ใน​มือ​ของ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ ดวงตา​ของ​เขา​เปล่งประกาย​พลาง​กล่าว​ “กิน​หม้อไฟ​เนื้อ​สินะ​ ฉัน​จะไป​แน่นอน​!”

ไป๋​เหยียน​เหลือบมอง​แม่ไป๋​ผู้​โดดเดี่ยว​และ​ทน​ไม่ได้​ “ให้​ลู่​ลู่​กับ​เซี่ยเซี่ย​ไป​กิน​หม้อไฟ​ที่​บ้าน​เธอ​เถอะ​ เรา​คง​ไม่ได้​ไป​ พี่เขย​ของ​เธอ​กับ​ฉัน​ต้อง​ยุ่ง​กับ​การ​จัดการ​เปิดร้าน​ใหม่​ทั้งวัน​!”

หลิน​ม่าย​รู้​ว่า​ไป๋​เหยียน​ปฏิเสธ​เธอ​เพราะ​กลัว​แม่ไป๋​จะเสียหน้า​

หล่อน​เป็น​ลูกสาว​แท้ ๆ​ ของ​แม่ไป๋​และ​เติบ​โตมา​กับ​แม่ไป๋​ แน่นอน​ว่า​ย่อม​มีความรัก​ต่อ​แม่ไป๋​มาก​

ตราบใดที่​แม่ไป๋​เต็มใจ​ที่จะ​หันหลัง​กลับ​เมื่อ​หลงทาง​ ไป๋​เหยียน​ก็​จะให้อภัย​หล่อน​

ไป๋​เหยียน​จะปฏิบัติ​ต่อ​แม่ไป๋​อย่างไร​ก็​เรื่อง​ของหล่อน​

หลิน​ม่าย​จะไม่ห้าม​คนอื่น​ไม่ให้​ปฏิบัติ​ดี​ต่อ​แม่ไป๋​เพียง​เพราะ​เธอ​ไม่ชอบ​แม่ไป๋​

หลิน​ม่าย​บอกลา​ไป๋​เหยียน​และ​จากไป​พร้อมกับ​ฟางจั๋ว​หรา​น​และ​คนอื่น​ ๆ

แม่ไป๋​ฝืนยิ้ม​และ​ทักทาย​พวกเขา​ “ไป​กัน​เถอะ​ เอา​เซาปิ่ง​สอง​ชิ้น​กลับ​ไป​ให้​โต้​ว​โต้​ว​กิน​ด้วย​สิ”

หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​ “ไม่เป็นไร​ค่ะ​ โต้​ว​โต้​ว​กิน​ไป​แล้ว​”

รอยยิ้ม​บน​ใบหน้า​ของ​แม่ไป๋​ค่อย ๆ​ เลือนหาย​ไป​ ขณะ​เฝ้าดู​ครอบครัว​ของ​พวกเขา​เดิน​จากไป​อย่าง​เศร้าโศก​

ก่อนเที่ยง​ ไป๋​ลู่​และ​ไป๋​เซี่ย​มาที่​บ้าน​ของ​หลิน​ม่าย​อย่าง​ตื่นเต้น​

ใน​ช่วง​วันหยุด​ คุณป้า​พี่เลี้ยง​ลาพักร้อน​ เมื่อ​เห็น​หลิน​ม่าย​ล้าง​ผัก​ด้วยตัวเอง​ สอง​พี่น้อง​จึงเข้ามา​ช่วย​เธอ​

หลิน​ม่าย​ถามอย่าง​เป็นกันเอง​ “ทำไม​พ่อ​ถึงวิ่งหนี​เมื่อ​เห็น​คุณ​หลัว​ล่ะ​?”

แม้ว่า​พ่อ​ไป๋​และ​แม่ไป๋​จะหย่าร้าง​กัน​ แต่​พวกเขา​ก็​ควร​เข้ากันได้ดี​เหมือน​คน​ทั่วไป​

แต่​พ่อ​ไป๋​วิ่งหนี​ทันทีที่​เห็น​แม่ไป๋​ ซึ่งทำให้​หลิน​ม่าย​งุนงง​เล็กน้อย​

ไป๋​เซี่ย​ใส่ผักโขม​ที่​ล้าง​แล้ว​ลง​ใน​ชามผัก​ “แม่อยาก​ขอคืนดี​กับ​พ่อ​อีกครั้ง​ แต่​พ่อ​ไม่อยาก​ พอ​เขา​เห็น​แม่ก็​เลย​วิ่งหนี​”

ไป๋​ลู่​ถอนหายใจ​ “มัน​เป็น​ความผิด​ของ​แม่ทั้งหมด​ แม่ทำร้าย​จิตใจ​พ่อ​เพราะ​ไป๋​ซวง​ ตอนนี้​คง​เป็นไปไม่ได้​ที่จะ​หันหลัง​กลับ​แล้ว​ล่ะ​”

เมื่อ​ถึงเที่ยงวัน​ พ่อ​ไป๋​ได้​รับโทรศัพท์​จาก​หลิน​ม่าย​ให้​มากิน​หม้อไฟ​

ทุกคน​ร่วมกัน​กิน​หม้อไฟ​แสน​อร่อย​และ​พูดคุย​กัน​อย่าง​สนุกสนาน​

ส่วน​ที่​บ้าน​ของ​ไป๋​เหยียน​ แม่ไป๋​ไม่อาจ​กลืน​อาหาร​ที่​ไป๋​เหยียน​ปรุง​เป็นพิเศษ​ได้​เลย​

หล่อน​ร่ำไห้​บอก​ลูกสาว​คนโต​และ​ลูกเขย​ว่า​อยาก​คืนดี​กับ​พ่อ​ไป๋​ และ​อยาก​ให้​ลูก​ทั้งสอง​ ช่วย​ทำให้​พวกเขา​คืนดีกัน​

ไป๋​เหยียน​เงียบ​ไป​นาน​ ก่อน​จะกล่าว​ด้วย​ความ​กระดากใจ​ “แม่ แม่เคย​ขอให้​พ่อ​กลับมา​อยู่​ด้วยกัน​หลายครั้ง​นะคะ​ แต่​พ่อ​น่ะ​สิไม่ยอม​ ถ้าแม่ให้​เรา​คุย​อีก​ ผลลัพธ์​ก็​ยัง​เหมือนเดิม​นั่นแหละ​ค่ะ​”

แม่ไป๋​ยก​ผ้าเช็ดหน้า​ขึ้น​ซับ​น้ำตา​ “ลูก​ขอให้​ลู่​ลู่​และ​เซี่ยเซี่ย​บอก​พ่อ​ของ​ลูก​ว่า​พี่น้อง​ทุกคน​ต้องการ​ให้​พ่อ​กับ​แม่คืนดีกัน​ได้​ไหม​? บางที​พ่อ​ของ​ลูก​อาจจะ​เห็นด้วย​”

ไป๋​เหยียน​มอง​แม่ของ​ตน​และ​พูดไม่ออก​

หล่อน​คิด​ว่า​แม่ไป๋​ถอยห่าง​จาก​ไป๋​ซวง​และ​กลายเป็น​คน​ที่​ดีขึ้น​และ​ไม่ใช่คน​เอาแต่ใจ​อีกต่อไป​แล้ว​เสีย​อีก​

แต่​จาก​มุมมอง​ของ​วันนี้​ หล่อน​ยัง​เหมือนเดิม​ ไม่ว่า​คนอื่น​จะคิด​อย่างไร​และ​อยู่​ใน​ฐานะ​ไหน​ก็​ต้อง​ฟังหล่อน​อยู่ดี​

หล่อน​บอ​กว่า​อยาก​คืนดี​กับ​พ่อ​ไป๋​ และ​ต้องการ​ให้​ทุกคน​ช่วยเหลือ​เพื่อ​ให้การ​คืนดี​นี้​สำเร็จ​

แม้ไป๋​เหยียน​จะรู้สึก​ไม่ชอบ​การกระทำ​ของ​แม่ไป๋​ แต่​หล่อน​ก็​เต็มใจ​ที่จะ​ปฏิบัติ​ต่อ​แม่อย่าง​ดี​เพราะ​แม่ไป๋​คือ​แม่บังเกิด​เกล้า​ของหล่อน​

แต่​หล่อน​จะไม่บังคับ​พ่อ​ไป๋​เพราะ​เห็นแก่​แม่ไป๋​ เพราะ​นั่น​จะไม่ยุติธรรม​กับ​พ่อ​ไป๋​

ไป๋​เหยียน​ปฏิเสธ​อย่าง​ราบเรียบ​ “ฉัน​จะไม่กดดัน​พ่อ​เพราะ​แม่ต้องการ​คืนดี​กับ​พ่อ​หรอก​ค่ะ​”

แม่ไป๋​เปลี่ยนไป​แล้ว​จริง ๆ​

หาก​เมื่อก่อน​ไป๋​เหยียน​ปฏิเสธ​หล่อน​เช่นนี้​ หล่อน​จะต้อง​กล่าว​หาว่า​ไป๋​เหยียน​ไม่อยาก​ช่วยเหลือ​ตน​อย่าง​แน่นอน​

แต่​ตอนนี้​หล่อน​ได้​แต่​ถอนหายใจ​

ณ เรือน​สี่ประสาน​

หลังจากที่​ครอบครัว​กิน​หม้อไฟ​เสร็จ​ หลิน​ม่าย​และ​สามีก็​พา​ทุกคน​ไป​ยัง​ห้างสรรพสินค้า​เพื่อ​รับประทาน​อาหาร​และ​ซื้อ​เสื้อผ้า​กัน​หนาว​สำหรับ​ทุกคน​

หลิน​ม่าย​มีเสื้อผ้า​มากมาย​ ดังนั้น​เธอ​จึงไม่จำเป็นต้อง​ซื้อ​เพิ่ม​ เธอ​ต้องการ​ซื้อ​เสื้อผ้า​กัน​หนาว​สำหรับ​ฟางจั๋ว​หรา​น​และ​คนอื่น​ ๆ เป็นหลัก​

ทั้ง​ฟางจั๋ว​หรา​น​และ​คุณปู่​ฟางต่าง​โบกมือ​

ครั้ง​ล่าสุด​ที่​ฟางจั๋วเยวี่ย​มาที่นี่​ หลิน​ม่าย​ซื้อ​เสื้อผ้า​ให้​พวกเขา​แล้ว​

เสื้อผ้า​บาง​ตัว​ที่​มียัง​ไม่เคย​ได้​ใส่ ดังนั้น​หาก​ซื้อ​ใหม่​อีก​ครา​ก็​คง​เยอะ​เกินไป​ หลิน​ม่าย​จึงตัดสินใจ​ไม่ซื้อ​

หลิน​ม่าย​ไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​ยอมแพ้​และ​ซื้อ​เสื้อผ้า​ให้​โต้​ว​โต้​ว​ พ่อ​ไป๋​ ไป๋​ลู่​และ​ไป๋​เซี่ย​

ไป๋​เซี่ย​ไม่ต้องการ​รับ​เสื้อผ้า​เหล่านั้น​ โดย​ให้เหตุผล​ว่า​เขา​เป็น​พี่ชาย​

มีเพียง​พี่ชาย​ที่​ต้อง​ดูแล​น้องสาว​ ดังนั้น​ไม่มีทาง​ที่​น้องสาว​จะซื้อ​เสื้อผ้า​ให้​พี่ชาย​ได้​

เมื่อ​ไป๋​ลู่​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​ หล่อน​ก็​รู้สึก​ละอาย​เกิน​กว่า​จะรับ​เสื้อผ้า​ไว้​ เพราะ​หล่อน​เป็น​พี่สาว​ของ​หลิน​ม่าย​

หลิน​ม่าย​กล่าว​พลาง​เอา​มือ​เท้าสะเอว​ “ใน​บรรดา​พวก​พี่​มีใคร​รวย​กว่า​ฉัน​บ้าง​? ถ้าพวก​พี่​รวย​กว่า​ฉัน​ ฉัน​ก็​จะไม่ซื้อ​เสื้อผ้า​ให้​”

ไป๋​ลู่​และ​ไป๋​เซี่ย​ต่าง​นิ่งเงียบ​

ในที่สุด​หลิน​ม่าย​ก็​ซื้อ​เสื้อกันหนาว​ให้​พ่อ​ไป๋​และ​พี่​ ๆ ของ​เธอ​คนละ​ตัว​

อันที่จริง​เธอ​ต้องการ​ซื้อ​ให้​ทุกคน​ คนละ​สอง​ตัว​ แต่​พวกเขา​ปฏิเสธ​ที่จะ​รับ​

พ่อ​ไป๋​สวม​แจ๊กเก็ต​ขน​เป็ด​สีดำ​ที่​หลิน​ม่าย​เพิ่ง​ซื้อ​ให้​เขา​ และ​ลังเล​ที่จะ​ถอด​มัน​ออก​ ใบ​หน้าที่​มีความสุข​ของ​เขา​เต็มไปด้วย​เสียงหัวเราะ​

วันนี้​ไป๋​ซวง​แต่งตัว​เหมือน​ต้น​คริสต์มาส​พร้อมกับ​ทาปาก​สีแดงสด​มายัง​ห้างสรรพสินค้า​เช่นกัน​

เมื่อ​เห็น​หลิน​ม่าย​พูดคุย​และ​หัวเราะ​กับ​พ่อ​ไป๋​และ​พี่น้อง​ไป๋​ด้วย​ความ​สนิทสนม​ หล่อน​ก็​รู้สึก​อิจฉา​เป็นอย่างมาก​

แต่​ไม่สามารถ​ทำ​อะไร​ได้​นอกจาก​สาปแช่ง​พวกเขา​ใน​ใจ

ไป๋​ซวง​ไม่ต้องการ​ดู​พ่อ​และ​ลูก​ทั้งสอง​แสดง​ความรัก​ต่อ​หลิน​ม่าย​ หล่อน​จึงหันหลัง​จากไป​

หลังจาก​เดิน​ไป​ได้​สอง​ก้าว​ หล่อน​ก็​รู้สึก​คัน​ที่​ร่างกาย​ส่วนล่าง​

ใน​ช่วง​เวลานี้​หล่อน​รู้สึก​คัน​ที่​ร่างกาย​ส่วนล่าง​มาโดยตลอด​ แต่​อาย​เกิน​กว่า​จะไป​พบ​แพทย์​ที่​โรงพยาบาล​

(ชี้แจง: ใน​ทศวรรษ​ที่​ 1980 ยัง​ไม่มีคลินิก​รักษาโรค​หรือ​ร้านขายยา​ ดังนั้น​จึงต้อง​ไป​ยัง​โรงพยาบาล​เพื่อ​ทำการ​รักษาโรค​ทุกชนิด​)

หล่อน​เคย​โกหก​เรื่อง​ที่​เป็น​โรคหัวใจ​ และ​กลัว​ว่าการ​ไป​โรงพยาบาล​จะทำให้​เหล่า​แพทย์​และ​พยาบาล​จ้องมอง​หล่อน​ด้วย​ความ​ดูถูก​เหยียดหยาม​

ทั้งหมด​เป็น​เพราะ​หลิน​ม่าย​ ผู้หญิง​คน​นั้น​ทำให้​หล่อน​ต้อง​ขายตัว​เพื่อ​หาเลี้ยงชีพ​

ไป๋​ซวง​หันกลับ​ไป​มอง​หลิน​ม่าย​ด้วย​สายตา​เกลียดชัง​ และ​รู้สึก​คัน​จน​เหลือทน​

………………………………………………………………………………………………………………………….

สาร​จาก​ผู้แปล​

ทั้ง​พ่อ​และ​ลูกสาว​หมดใจ​ขนาด​นั้น​จะตาม​ง้อ​ขอคืนดี​ได้​เหรอ​แม่ไป๋​ คง​ต้อง​ตัดใจ​แล้ว​มูฟออน​แล้ว​มั้ง

ใคร​แอบ​เอา​หมามุ่ย​ไป​โรย​ใส่กระโปรง​ยัย​งูพิษ​หรือเปล่า​น้า​ ถึงได้​คันคะเยอ​ขนาด​นั้น​ หรือ​ไม่งั้น​ก็​น่าจะเป็น​หนองใน​แล้ว​ล่ะ​

ไหหม่า​(海馬)