บทที่ 653 บรรพชน จุดยืนของเหล่าจื่อ

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 653 บรรพชน จุดยืนของเหล่าจื่อ

“ถามเจ้าอยู่ จะตอบหรือไม่!”

หานเจวี๋ยเห็นหานอวี้ใจลอย ก็อดไม่ได้ที่จะเอ่ยขึ้น

เจ้าเด็กคนนี้แสร้งเคร่งขรึมอันใดกัน!

ถ้ายังเสแสร้งอีก หานเจวี๋ยจะจับเขาโยนเข้าไปในคุกสวรรค์อนธการ!

หานอวี้ได้สติกลับมา เอ่ยอย่างลังเล “เจ้าแม่หนี่ว์วาก็มีพระคุณต่อข้าเช่นกัน ข้าเกรงว่า…”

หานเจวี๋ยเอ่ยด้วยความหงุดหงิด “เจ้ารู้หรือไม่ว่าข้าเป็นใคร”

“ท่านคือผู้ใดหรือ”

“ข้าคือบรรพชนของเจ้า!”

“เป็นไปไม่ได้!”

หานอวี้ปฏิเสธตามสัญชาตญาณ เขาเคยพบหานทั่วแล้ว ช่างโอหังและเสแสร้งยิ่งนัก

ช้าก่อน!

หานอวี้นึกอะไรขึ้นมาได้ สีหน้าพลันตื่นตะลึง ร่างเขาสั่นสะท้านอย่างไม่อาจควบคุมได้

ความทรงจำอันขมขื่นทรมานที่ปิดผนึกอยู่ในส่วนลึกที่สุดในใจเขาผุดขึ้นมาอีกครั้ง ปีนั้น ช่วงเวลาที่เขาสิ้นหวังที่สุด อ้อนวอนให้บรรพชนหานทั่วช่วยเหลือตระกูลหาน ทว่าหานทั่วไม่ตอบรับเขา

ในยามที่เขาเปี่ยมไปด้วยความโกรธแค้นและชิงชัง ดาวช่วยชีวิตที่เขาไม่เคยคาดฝันถึงก็ปรากฏขึ้น

เป็นท่านบรรพชนของบรรพชนเขา!

เวลาผ่านมาเนิ่นนานหลายปี หานอวี้ก็เคยคิดจะตามหาบรรพชนที่เคยช่วยชีวิตผู้นี้ แต่ทว่าไม่เคยหาพบเลย

ที่แท้….

เขาเฝ้ามองข้ามาโดยตลอด

ซ้ำยังมอบวิชายุทธ์ให้ข้า

ในใจหานอวี้เต็มไปด้วยความตื้นตันและคับข้องหมองใจ ถึงแม้เขาจะมีทายาทรุ่นหลังของตนแล้ว แต่เมื่ออยู่ต่อหน้าบรรพชนของตน เขาก็ยังคงเป็นเด็กน้อยตลอดกาล

มองเห็นหานอวี้ขอบตาแดงเรื่อ หานเจวี๋ยก็รู้สึกปวดหัวขึ้นมา

เขารังเกียจฉากอารมณ์อ่อนไหวเช่นนี้เป็นที่สุด!

“ในเมื่อทราบแล้วว่าข้าคือผู้ใด เช่นนั้นก็ทราบชัดเจนแล้วกระมังว่าเหตุใดข้าถึงช่วยเจ้า และก็น่าจะทราบแล้วกระมังว่าเหตุใดหนี่ว์วาถึงมาหาเจ้า” หานเจวี๋ยแค่นเสียง น้ำเสียงขุ่นเคืองยิ่ง

หานอวี้ถูกขัดอารมณ์ แต่ถึงอย่างไรเขาก็เป็นตัวตนระดับเทพแล้ว ย่อมไม่อาจทำตัวเยี่ยงเด็กๆ ได้อีก

เขาไม่ใช่คนโง่ บนโลกนี้ไม่มีความปรานีโดยไร้เหตุผล เหตุที่เจ้าแม่หนี่ว์วาถึงมาหาเขา เพราะเล็งเห็นพรสวรรค์ของเขาจริงๆ น่ะหรือ

[ความประทับใจที่หานอวี้มีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 6 ดาว]

หานอวี้สูดหายใจเข้าลึกๆ เอ่ยว่า “เจ้าแม่หนี่ว์วาบอกข้าว่า อริยะมรรคาสวรรค์มิได้หวังดีต่อมรรคาสวรรค์อย่างแท้จริง นางถูกอริยะเล่นงาน จำเป็นต้องแสร้งดับสูญสิ้นชีพ นางอยากชุบเลี้ยงข้าให้สำเร็จเป็นอริยะ ให้ข้านำพาเผ่ามนุษย์ขึ้นครอบครองตำแหน่งเผ่าพันธุ์มรรคาสวรรค์”

เจ้าแม่หนี่ว์วายังนึกถึงเผ่ามนุษย์อยู่อีกหรือ

ในความทรงจำของหานเจวี๋ย เจ้าแม่หนี่ว์วาให้ความสำคัญกับเผ่าปีศาจมากกว่าเผ่ามนุษย์

มิเช่นนั้นหากมีอริยะหนุนหลังอยู่ เผ่ามนุษย์จะประสบภัยยากลำบากมากมายอีกหรือ

หานเจวี๋ยถามในใจ ‘คำพูดของหานอวี้เป็นความจริงหรือไม่’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยห้าพันล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เจ้าแม่หนี่ว์วาบอกกับเขาเช่นนี้จริง]

หานเจวี๋ยมองหานอวี้ เอ่ยขึ้นว่า “ในเมื่อพวกเราพบกันแล้ว เช่นนั้นข้าจะเทศนาธรรมให้เจ้าแล้วกัน”

หานอวี้ปรีดานัก รีบคำนับขอบคุณ

หานเจวี๋ยใช้มหามรรคต้นกำเนิดครอบคลุมจิตรับรู้ของหานอวี้ ทำให้เขาจมจ่อมอยู่ท่ามกลางมหามรรคอันยิ่งใหญ่

ไม่ทราบว่าเวลาผ่านไปนานเพียงใด

หานอวี้ลืมตาขึ้น ราวกับเขาหลับฝันไปตื่นหนึ่ง หนึ่งความฝันยาวนานนับพันปี ทันทีที่ตื่นขึ้นมา เขาก็ตระหนักได้ว่าโลกของเขาเปลี่ยนแปลงไปอย่างมหาศาล

ด้วยความช่วยเหลือของหานเจวี๋ย เขานับว่าได้สัมผัสกับมหามรรคอย่างแท้จริงแล้ว ถึงแม้จะยังไม่ก้าวเข้าสู่มหามรรคต้นกำเนิดอย่างแท้จริง แต่อย่างน้อยๆ ก็วางรากฐานแล้ว

หลังจากทำความเข้าใจมหามรรค ประสาทสัมผัสและจิตรับรู้ของหานอวี้ก็เปลี่ยนแปลงไปอย่างสิ้นเชิง บุคลิกตัวตนก็เปลี่ยนเป็นสุขุมลุ่มลึกมากขึ้น

จู่ๆ หานอวี้ก็นึกบางอย่างขึ้นมาได้ เขาเผยสีหน้าหงุดหงิดออกมาก่อนเอ่ยพึมพำ “ลืมถามนามของท่านบรรพชนไปเลย…เฮ้อ”

ถึงแม้จะถอนหายใจออกมา แต่สีหน้าของหานอวี้ก็เต็มไปด้วยรอยยิ้มอย่างรวดเร็ว

ที่ผ่านมา เขารู้สึกอยู่เสมอว่าตนนั้นโดดเดี่ยวนัก แต่เมื่อได้พบกับหานเจวี๋ยในวันนี้ เขาถึงได้ทราบว่าตนก็มีคนที่คอยห่วงใยอยู่เช่นกัน เขารู้สึกอบอุ่นใจนัก

เขานึกถึงหานทั่วขึ้นมาอีกครั้ง

เฮอะ!

รอก่อนเถอะ ข้าจะก้าวข้ามเจ้าไปให้ได้!

จิตวิญญาณแห่งการต่อสู้ลุกโชนอยู่ในดวงตาของหานอวี้

….

หลังจากเทศนาธรรมให้หานอวี้เป็นเวลาห้าสิบปี หานเจวี๋ยก็สลายแดนความฝัน และไม่ได้ฝึกบำเพ็ญต่อในทันที แต่ทอดสายตาสอดส่องโลงศพสื่อหยวนหงเหมิงที่อยู่นอกยมโลก

โลงศพสื่อหยวนหงเหมิงยังอยู่ จารึกเบิกฟ้าก็มั่นคงไม่ไหวติง

แต่หานเจวี๋ยสัมผัสได้ว่ามีร่องรอยกลิ่นอายของอริยชนอยู่ใกล้ๆ ดูเหมือนช่วงที่ผ่านมาเหล่าอริยชนจะค้นพบโลงศพสื่อหยวนหงเหมิงแล้ว

หานเจวี๋ยสอดส่องมรรคาสวรรค์ต่อ มรรคาสวรรค์ไร้รูปลักษณ์ แต่ดวงชะตามรรคาสวรรค์เสมือนโดมแก้วขนาดใหญ่ที่ครอบคลุมแดนเซียนและปวงสวรรค์หมื่นโลกาไว้ เขาพบว่าด้านข้างของโดมแก้วดวงชะตานี้ปรากฏเส้นสายเล็กๆ ขึ้น ดวงชะตาสายนี้ทอดตัวเข้าไปในส่วนลึกของแดนต้องห้ามอันธการ เชื่อมต่อกับแดนเซียนพิภพที่อยู่ห่างไกลออกไป

จอมอริยะเสวียนตูก็กลับมาแล้วเช่นกัน

หานเจวี๋ยลังเลอยู่ครู่หนึ่ง แต่ยังคงตัดสินใจไปหาจอมอริยะเสวียนตู

หานเจวี๋ยไปเยือนชั้นฟ้าที่สามสิบสาม ประตูใหญ่ก็เปิดออกทันทีทั้งที่เพิ่งปรากฏตัวขึ้นหน้าตำหนักเอกภพ

หานเจวี๋ยเดินเข้าไปหาจอมอริยะเสวียนตู

จอมอริยะเสวียนตูเปิดปากถาม “เจ้ามาเพราะโลงศพลึกลับนอกยมโลกกระมัง”

หานเจวี๋ยพยักหน้า

จอมอริยะเสวียนตูถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง เอ่ยว่า “ข้าเคยติดต่อหาอาจารย์แล้ว โลงศพนี้มีความเป็นมายิ่งใหญ่นัก เขาหลบหนีออกมาจากแดนบรรพกาล เหตุผลที่มายังมรรคาสวรรค์ เพียงเพราะอยากพึ่งพาดวงชะตามรรคาสวรรค์หลีกหนีจากสิ่งอัปมงคลและมารมรรคา”

หานเจวี๋ยถามด้วยความแปลกใจ “มรรคาสวรรค์สามารถสกัดสิ่งอัปมงคลและมารมรรคาได้หรือ”

ก่อนหน้านี้มีดวงจิตอัปมงคลหลุดเข้ามาในแดนเซียน หากมิใช่เพราะดวงจิตประหลาดไปกลืนกินมัน แดนเซียนต้องโกลาหลยกใหญ่แน่

“ถูกต้อง นี่ก็คือเหตุผลที่ว่าเหตุใดสิ่งอัปมงคลถึงอยู่แค่ในแดนต้องห้ามอันธการ และมารมรรคาก็อยู่แค่ในแดนเทพหวนปัจฉิม มรรคาสวรรค์อาจไม่นับว่าแข็งแกร่งมากนัก แต่กฎเกณฑ์มรรคาสวรรค์กลับมีระดับสูงยิ่ง เช่นเดียวกับเทพยักษาผานกู่ มรรคาสวรรค์เป็นสถานที่ที่ปลอดภัยที่สุดในฟ้าบุพกาล แต่ก็เป็นสถานที่ที่มีข้อผูกมัดมากที่สุดเช่นกัน เปรียบเสมือนคุกคุมขังแห่งหนึ่ง เจ้าจะปลอดภัยเมื่ออยู่ที่นี่ แต่เจ้าก็หนีออกไปไม่ได้” จอมอริยะเสวียนตูพยักหน้าพลางบอกเล่า

หานเจวี๋ยถาม “หากว่าสิ่งอัปมงคลบุกเข้าสู่มรรคาสวรรค์ จะหมายความว่าอย่างไร”

จอมอริยะเสวียนตูส่ายหน้า “เป็นไปไม่ได้!”

ทันใดนั้น คล้ายว่าเขาจะนึกอะไรขึ้นมาได้ เผยสีหน้าตื่นตะลึง

หานเจวี๋ยชี้ทางให้แล้ว!

จอมอริยะเสวียนตูลุกขึ้นยืนพลางเอ่ยว่า “ข้าต้องไปคุยกับอาจารย์ให้ชัดเจน”

หานเจวี๋ยพยักหน้ารับ จากนั้นก็จากมา

เมื่อกลับมาถึงเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยรู้สึกผ่อนคลายลง

ต้องบอกเลยว่า มีจอมอริยะเสวียนตูอยู่นับเป็นเรื่องดีจริงๆ มีเรื่องใดก็ให้เขาไปจัดการได้

หานเจวี๋ยหวนนึกถึงหลี่ชิงจื่อขึ้นมาอย่างน่าประหลาด

ปีนั้นเขาตั้งใจฝึกบำเพ็ญ เรื่องราวใดๆ ในสำนักล้วนยกให้หลี่ชิงจื่อไปจัดการ อย่างมากหลี่ชิงจื่อก็แค่มาขอคำแนะนำจากเขาว่าควรจัดการอย่างไร

เฮ้อ

อายุมากขึ้นแล้วจริงๆ นึกถึงอดีตมากขึ้นเรื่อยๆ

หานเจวี๋ยยิ้มเยาะตัวเอง

เขาฝึกบำเพ็ญต่อ

แปดร้อยปีต่อมา จอมอริยะเสวียนตูถ่ายทอดเสียงหาหานเจวี๋ย บอกว่ามีเรื่องจะปรึกษา หานเจวี๋ยตอบกลับไปว่าให้คอยไปก่อน เขาต้องปิดด่านให้ครบพันปี ยังขาดไปอีกสองร้อยปี

ถึงแม้จอมอริยะเสวียนตูจะไม่เข้าใจ แต่ก็ทำได้เพียงยอมคล้อยตามเท่านั้น

หลังจากครบเวลาหนึ่งพันปี หานเจวี๋ยมาหาจอมอริยะเสวียนตูที่ตำหนักเอกภพ

หานเจวี๋ยถาม “มีเรื่องใดหรือ”

จอมอริยะเสวียนตูกล่าวว่า “ข้าสอบถามไปแล้ว นั่นคือดวงจิตอัปมงคล เป็นตัวตนที่ก่อเกิดจิตวิญญาณและปัญญาขึ้นจากสิ่งอัปมงคล ยามนี้ในหมู่ดวงจิตอัปมงคลมีตัวตนลึกลับที่คอยรวบรวมพวกมันอยู่ มีแนวโน้มว่าจะทำสำเร็จ ไม่ส่งผลกระทบต่อมรรคาสวรรค์ชั่วคราว ให้พวกเราวางใจได้”

“โอ้”

หานเจวี๋ยตอบรับคำหนึ่ง เขารู้สึกสนใจใคร่รู้ในตัวเหล่าจื่อยิ่งนัก

จุดยืนของเหล่าจื่อคล้ายจะเอนเอียงมาทางมรรคาสวรรค์

จอมอริยะเสวียนตูเอ่ยว่า “ไม่ว่าจะเป็นดวงจิตอัปมงคลหรือว่าโลงศพของเทพมารฟ้าบุพกาลตนนั้น พวกเราสามารถปล่อยผ่านไปได้ ข้ากลับมาจากแดนเทพหวนปัจฉิมครานี้ ได้พาบุตรแห่งสวรรค์คนหนึ่งกลับมาด้วย สหายเต๋าหานอยากรับเป็นศิษย์หรือไม่”

“ท่านจะมอบศิษย์นิกายเหรินให้ข้า ท่านคิดจะวางสายสืบไว้หรือไร” หานเจวี๋ยกลอกตาใส่จอมอริยะเสวียนตูแวบหนึ่ง

………………………………………………………………