ตอนที่ 703 มอบเสื้อผ้ากันหนาวให้เถียนเถียน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 703 มอบ​เสื้อผ้า​กัน​หนาว​ให้​เถียนเถียน​

เมื่อ​กลับ​ไป​ยัง​มหาวิทยาลัย​ใน​วัน​จันทร์​ หลิน​ม่าย​ก็​ขอให้​ฟางจั๋ว​หรา​น​ขับรถ​ไป​ที่​ประตู​ร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​ เพื่อ​ที่​เธอ​จะได้​มอบ​เสื้อผ้า​กัน​หนาว​ที่​ซื้อ​ให้​เถียนเถียน​กับ​หยาง​จิ้น​

หยาง​จิ้น​ก็​เหมือนกับ​เมื่อวาน​ เขา​แบก​เถียนเถียน​ไว้​บน​หลัง​และ​ทำงาน​ไป​ด้วย​

แม้วันนี้​จะเป็น​วันที่​นักศึกษา​เดินทาง​กลับ​มายัง​มหาวิทยาลัย​ แต่​ธุรกิจ​ของ​หยาง​จิ้น​ก็​ไม่ได้ดี​ไป​กว่า​เมื่อวาน​มาก​นัก​

เหตุผล​หลัก​คือ​ราคา​ของ​เซาปิ่ง​เนื้อ​มีราคาแพง​กว่า​อาหารเช้า​อื่น​ ๆ

นัก​ศึดษา​หลาย​คน​ไม่สามารถ​จ่าย​ได้​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงได้​แต่​มองดู​อย่าง​หมดหนทาง​ กลืนน้ำลาย​และ​เดิน​จากไป​อย่าง​ไม่เต็มใจ​

กำลัง​หลัก​ใน​การ​ซื้อ​เซาปิ่ง​ยังคง​เป็น​ชาวบ้าน​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​

อย่างไรก็ตาม​ จาก​สถานการณ์​ปัจจุบัน​ หลิน​ม่าย​ประมาณการ​ว่า​หยาง​จิ้น​จะสามารถ​สร้าง​รายได้​สอง​สามร้อย​หยวน​ใน​หนึ่ง​เดือน​ ซึ่งดีกว่า​การทำงาน​ใน​โรงงาน​มาก​

ฟางจั๋ว​หรา​น​หยุด​รถ​ที่​หน้า​ร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​ หลิน​ม่าย​ลง​จาก​รถ​พร้อมกับ​เสื้อผ้า​ที่​เธอ​ซื้อ​ให้​เถียนเถียน​ เรียก​หยาง​จิ้น​ด้วย​รอยยิ้ม​ “พี่เขย​”

หยาง​จิ้น​ทำ​เซาปิ่ง​เนื้อ​ด้วยตัวเอง​และ​ขาย​ด้วยตัวเอง​ ดังนั้น​เขา​จึงยุ่ง​มาก​

เขา​ไม่ได้​สังเกตว่า​หลิน​ม่าย​กำลัง​เข้ามา​ใน​ร้าน​ เพียง​เงยหน้า​ขึ้น​เมื่อ​ได้ยิน​เสียง​ของ​เธอ​และ​พูด​อย่าง​ยินดี​ว่า​ “ม่าย​จื่อ​มาแล้ว​เหรอ​?!”

เขา​หยิบ​เซาปิ่ง​เนื้อ​ขึ้น​มา “ยัง​ไม่ได้​กินข้าว​เช้าใช่ไหม​? มาเอา​เซาปิ่ง​เนื้อ​ไป​กิน​สิ”

หลิน​ม่าย​โบกมือ​ “ไม่เป็นไร​ค่ะ​ เมื่อวาน​ฉัน​ไป​ซื้อ​ของ​กับ​ปู่​ ย่า​ และ​พ่อ​ เลย​ซื้อ​เสื้อ​โค้ท​ผ้าฝ้าย​สอง​ตัว​กับ​กางเกง​มาให้​เถียนเถียน​ด้วย​”

หยาง​จิ้น​กล่าว​ด้วย​ความ​ขอบคุณ​ “ขอบคุณ​นะ​ที่​เอ็นดู​หลาน​”

เขา​เช็ดมือ​ด้วย​ผ้าขี้ริ้ว​ หยิบ​ถุงผ้าฝ้าย​และ​กางเกงขายาว​จาก​หลิน​ม่าย​ใส่ไว้​ใน​ตู้​แล้ว​ล็อก​

จากนั้น​เขา​เอียง​คอ​หันไป​พูดคุย​กับ​เทียน​เทียน​ซึ่งอยู่​ด้านหลัง​ “เถียนเถียน​ น้า​ของ​ลูก​เอา​เสื้อผ้า​ใหม่​มาให้​ ลูก​มีความสุข​ไหม​?”

แม้เถียนเถียน​จะยัง​พูด​ไม่ได้​ แต่​หล่อน​ก็​เข้าใจ​สิ่งที่​พ่อ​ของ​ตน​พูด​ได้​

เด็กน้อย​หัวเราะ​คิกคัก​ หลิน​ม่าย​จับมือ​ของ​หลานสาว​แล้ว​โบก​ด้วย​ความ​เอ็นดู​

หยาง​จิ้น​ยื่น​เซาปิ่ง​เนื้อ​ให้​หลิน​ม่าย​อีกครั้ง​ “กิน​เถอะ​ เธอ​รังเกียจ​ฉัน​เหรอ​ถึงจะไม่กิน​??”

เป็นเรื่อง​ยาก​สำหรับ​หลิน​ม่าย​ที่จะ​ปฏิเสธ​ แต่​เซาปิ่ง​เนื้อ​นั้น​แพง​เกินไป​ เธอ​เกรง​ว่า​หยาง​จิ้น​และ​พี่สาว​คนโต​จะขาดทุน​จึงลังเล​ที่จะ​รับ​ไว้​

เมื่อ​เห็น​ว่า​มีเนื้อ​หัวหมู​ตุ๋น​ หลิน​ม่าย​ก็​รู้สึก​อยาก​ชิม จึงกล่าว​ “ฉัน​ขอ​เป็น​เซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​แทน​ก็แล้วกัน​”

หยาง​จิ้น​วาง​เซาปิ่ง​เนื้อใน​มือ​ของ​เขา​ลง​ และ​รีบ​ทำ​เซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​ให้​เธอ​อย่าง​รวดเร็ว​

เมื่อ​เห็น​ว่า​อยู่​คนเดียว​ยุ่ง​เกินไป​ หลิน​ม่าย​จึงแนะนำ​ให้​เขา​หา​ผู้ช่วย​

หยาง​จิ้น​ใส่หัวหมู​ตุ๋น​สับ​ลง​ใน​เซาปิ่ง​ “ไว้​ขอ​ลอง​ดูก่อน​ หาก​ธุรกิจ​ดำเนิน​ไป​ได้​ด้วยดี​ ฉัน​ก็​อาจจะ​หา​ผู้ช่วย​ เพราะ​หาก​รีบ​หา​ผู้ช่วย​ใน​ตอนนี้​แล้ว​กิจการ​ดำเนิน​ไป​ไม่ดี​ สุดท้าย​ก็​ต้อง​ไล่ออก​ การ​ทำ​แบบ​นั้น​คง​น่าละอาย​ไม่น้อย​!”

เขา​ส่งเซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​และ​เซาปิ่ง​เนื้อที่​เตรียม​ไว้​ให้​กับ​หลิน​ม่าย​

ก่อน​มอง​ไป​ที่​รถ​เบนซ์​ของ​หลิน​ม่าย​ “เซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​เป็น​ของ​เธอ​ ส่วน​เซาปิ่ง​เนื้อ​เป็น​ของ​สามีเธอ​นะ​”

เมื่อ​เห็น​หยาง​จิ้น​มอง​มาที่​เขา​ ฟางจั๋ว​หรา​น​ก็​รีบ​ลด​กระจกรถ​ลง​และ​พยัก​หน้าเป็น​การทักทาย​

ในขณะที่​หลิน​ม่าย​กำลังจะ​พูด​ หญิง​ชรา​คน​หนึ่ง​ก็​พูด​ด้วย​น้ำเสียง​แปลกประหลาด​ “ม่าย​จื่อ​ ว่าที่​พี่เขย​ของ​เธอ​จะเริ่มต้น​ธุรกิจ​ได้​ไม่ใช่เรื่อง​ง่าย​ เธอ​ร่ำรวย​มาก​ แต่กลับ​ยัง​มาที่​ร้าน​เซาปิ่ง​ของ​ลูกชาย​ฉัน​เพื่อ​ขอ​กิน​ฟรี​จาก​เขา​ เธอ​ไม่มีจิตใต้สำนึก​เลย​หรือ​ยังไง​?”

หลิน​ม่าย​หันไป​มอง​แม่หยาง​และ​พูด​กับ​หยาง​จิ้น​ “ขอบคุณ​นะคะ​พี่เขย​”

เดิมที​เธอ​วางแผน​ที่จะ​รับ​เซาปิ่ง​เนื้อหมู​ตุ๋น​เพียง​หนึ่ง​ชิ้น​ แต่​ตอนนี้​เธอ​จงใจรับ​เซาปิ่ง​ทั้งสอง​ชิ้น​

เมื่อ​เห็น​สีหน้า​โกรธจัด​ของ​แม่หยาง​ เธอ​ก็​รู้สึก​สดชื่น​

เมื่อ​ขึ้นรถ​ เธอ​ได้ยิน​หยาง​จิ้น​พูด​กับ​แม่ของ​เขา​ “แม่ ม่าย​จื่อ​ซื้อ​เสื้อกันหนาว​บุ​นวม​ผ้าฝ้าย​สอง​ชุด​ให้​เถียนเถียน​ การ​ที่​ผม​ให้​เซาปิ่ง​เธอ​แทน​คำขอบคุณ​ก็​สมควร​แล้ว​ไม่ใช่เหรอ​?”

แม่หยาง​รู้ตัว​ว่า​ผิด​ แต่​ยืนกราน​ที่จะ​แก้ตัว​ “เธอ​ร่ำรวย​มาก​และ​เป็น​น้า​ของ​เถียนเถียน​ การ​ที่​เธอ​ซื้อ​เสื้อผ้า​กัน​หนาว​ให้​กับ​หลาน​ก็​เป็นเรื่อง​ปกติ​ไม่ใช่เหรอ​?”

เมื่อ​เห็น​ว่า​แม่ของ​เขา​ไม่มีเหตุผล​ หยาง​จิ้น​ก็​ทำ​อะไร​ไม่ถูก​

โชคดี​ที่​หลิน​ม่าย​และ​สามีของ​เธอ​ขับรถ​ออก​ไป​แล้ว​ มิฉะนั้น​เขา​คง​ไม่มีหน้า​มาเจอ​หน้า​ทั้งสอง​หาก​พวกเขา​ได้ยิน​คำพูด​ที่​รุนแรง​ของ​แม่เขา​

แม่หยาง​กล่าว​ “ฉัน​ขอ​เซาปิ่ง​เนื้อ​แปด​ชิ้น​”

หยาง​จิ้น​ให้​เซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​สี่ชิ้น​แก่​แม่ของ​เขา​

แม่หยาง​โกรธ​เป็นอย่างมาก​ “แม่เลี้ยง​แก​มา แต่​แก​กลับ​ไม่แม้แต่​จะให้​เซาปิ่ง​เนื้อ​กับ​แม่งั้น​เหรอ​?”

หยาง​จิ้น​รู้​ว่า​แม่ของ​เขา​กำลัง​ทำตัว​วุ่นวาย​ ดังนั้น​เขา​จึงไม่ต้องการ​ใส่ใจเรื่อง​นี้​และ​มุ่งความสนใจ​ไป​ที่​ธุรกิจ​เท่านั้น​

ยิ่ง​เห็น​ดังนั้น​ แม่หยาง​ก็​ยิ่ง​โกรธ​ “หาก​แก​ไม่ให้​เซาปิ่ง​เนื้อ​แปด​ชิ้น​กับ​ฉัน​ ฉัน​จะทำลาย​ร้าน​ของ​แก​!”

หยาง​จิ้น​ยก​เปลือกตา​ขึ้น​และ​มอง​ไป​ที่​แม่หยาง​ด้วย​ความ​ดูถูก​เหยียดหยาม​ “อยาก​ทำ​ก็​ทำ​เลย​ครับ​ ให้​ทุกคน​เห็น​ว่า​แม่กำลังจะ​ทุบ​ทำลาย​ร้าย​ขาย​อาหาร​ของ​ลูกชาย​คนโต​ เพราะ​ลูกชาย​คนโต​ไป​ยอมให้​เซาปิ่ง​เนื้อที่​แม่จะนำ​กลับ​ไป​ให้​ลูกชาย​คน​เล็ก​และ​ภรรยา​ของ​เขา​!”

แม่หยาง​ไม่ได้​ตั้งใจ​จะทุบ​ร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​ลูกชาย​คนโต​จริง ๆ​

หล่อน​เพียง​พร่ำ​บ่นว่า​เป็น​เพราะ​ครอบครัว​ของ​เขา​ให้กำเนิด​ลูกสาว​ จึงต้องการ​ยก​มรดก​ทั้งหมด​ของ​ครอบครัว​นี้​ให้​กับ​ครอบครัว​ของ​ลูกชาย​คน​เล็ก​

หล่อน​มัก​พยายาม​หา​ผลประโยชน์​จาก​ครอบครัว​ลูกชาย​คน​โตมา​เสริม​ลูกชาย​คน​เล็ก​อยู่​เสมอ​

เมื่อ​เห็น​ว่า​ลูกชาย​คนโต​ไม่สนใจ​เรื่อง​นี้​ แม่หยาง​จึงไม่มีทางเลือก​อื่น​นอกจาก​หยิบ​เซาปิ่ง​หัวหมู​ตุ๋น​สี่ชิ้น​ด้วย​ความรำคาญ​ และ​จากไป​อย่าง​โกรธแค้น​

……

ณ ประตู​มหาวิทยาลัย​ชิงหวา​ ฟางจั๋ว​หรา​น​หยุด​รถ​ หลิน​ม่าย​ผลัก​ประตู​และ​ลง​จาก​รถ​

แต่​ฟางจั๋ว​หรา​น​รั้ง​เธอ​ไว้​และ​จูบ​เธอ​เป็นเวลา​นาน​ก่อนที่จะ​ปล่อยไป​

หลิน​ม่าย​จะเขินอาย​ทุกครั้งที่​ฟางจั๋ว​หรา​น​จูบ​เธอ​ แต่​หลังจากนั้น​เธอ​ก็​อารมณ์ดี​ แม้ว่า​ลมหนาว​จะพัด​มาปะทะ​ใบหน้า​ เธอ​ก็​ไม่รู้สึก​หนาว​

เนื่องจาก​เธอ​เสียเวลา​ไป​มาก​ที่​ร้าน​ขาย​เซาปิ่ง​ของ​หยาง​จิ้น​ จึงทำให้​เธอ​เดินทาง​มาถึงมหาวิทยาลัย​สาย​เล็กน้อย​

หลิน​ม่าย​ไม่ได้​ไป​ยัง​หอพัก​ แต่​ตรง​ไป​ยัง​ห้องเรียน​ทันที​

ระหว่างทาง​ก็​เห็น​สวี​ชิงห​ยา​กำลัง​โต้เถียง​กับ​หญิงสาว​ชื่อ​หยวน​เฉียนเฉียน​หน้า​ห้องเรียน​ของ​เธอ​

ผู้หญิง​หลาย​คนใน​ห้อง​เดียวกัน​ช่วย​แก้ต่าง​ให้​หยวน​เฉียนเฉียน​ ทำให้​สวี​ชิงห​ยา​น้ำตาไหล​ โดย​บอ​กว่า​ทุกคน​รุม​รังแก​หล่อน​

เพื่อนร่วมชั้น​ของ​เสิ่นอวิ้น​กำลัง​เฝ้าดู​ด้วย​ความสนใจ​อย่าง​มาก​

หลิน​ม่าย​เดิน​มาหา​พวกเขา​และ​ถามอย่าง​ซุบซิบ​ “หยวน​เฉียนเฉียน​และ​ฉวี​ชิงห​ยา​กำลัง​โต้เถียง​กัน​เรื่อง​อะไร​? ฉัน​ได้ยิน​พวก​เธอ​พูดถึง​บุคคลที่สาม​ด้วย​ เป็น​ใคร​กัน​เหรอ​?

เถียน​เฟิน​โบกมือ​ “หึ​! ใคร​ที่​ได้​เป็น​เพื่อนร่วมห้อง​กับ​สวี​ชิงห​ยา​ถือว่า​โชคร้าย​กัน​ทั้ง​นั้นแหละ​”

หยวน​เฉียนเฉียน​กำลัง​มีปัญหา​

เป็น​เพราะ​ก่อนหน้านี้​ปากกา​หาย​ไป​ หล่อน​จึงถามเพื่อนร่วมห้อง​ว่า​มีใคร​เห็น​ปากกา​ของหล่อน​บ้าง​ไหม​

เพื่อนร่วมห้อง​คนอื่น​ ๆ ไม่ได้​คิดมาก​เกี่ยวกับ​เรื่อง​นี้​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงตอบ​ทุกอย่าง​ตาม​ความจริง​โดย​ไม่ได้คิด​อะไร​

แต่​เมื่อ​เธอ​ถามคำถาม​นี้​กับ​สวี​ชิงห​ยา​ อีก​ฝ่าย​กลับ​รู้สึก​ว่า​หยวน​เฉียนเฉียน​สงสัย​ว่า​หล่อน​เป็น​หัวขโมย​

ดังนั้น​หล่อน​จึงเก็บ​ความขุ่นเคือง​ไว้​และ​กระจาย​ข่าวลือ​ไป​ทุกที่​ โดย​บอ​กว่า​หยวน​เฉียนเฉียน​กำลัง​คบชู้​นอก​มหาวิทยาลัย​

หยวน​เฉียนเฉียน​โกรธ​มาก​ เมื่อ​ทำการ​สืบหา​ต้นตอ​ของ​เรื่องราว​นาน​กว่า​หนึ่ง​สัปดาห์​ หล่อน​ก็​พบ​ว่า​สวี​ชิงห​ยา​เป็น​คน​ปล่อย​ข่าวลือ​ ทั้งสอง​จึงทะเลาะ​กัน​

หลิน​ม่าย​ส่าย​ศีรษะ​ “สวี​ชิงห​ยา​กังวล​และ​อ่อนไหว​มากเกินไป​ ตอนนี้​หล่อน​เริ่ม​จะกลายเป็น​คน​ไม่ดีแล้ว​สิ”

“ถูกต้อง​” เพื่อนร่วมห้อง​หลาย​คน​พยักหน้า​ “โชคดี​ที่​เรา​กำจัด​หล่อน​ไป​ได้​ ไม่เช่นนั้น​เรา​จะเป็น​คน​ที่​ต้อง​ทนทุกข์ทรมาน​”

หลังจาก​คุย​กัน​ไม่กี่​คำ​ ทุกคน​ก็​เข้า​ห้องเรียน​

การบรรยาย​ใน​ชั้น​เรียนจบ​ลง​อย่าง​รวดเร็ว​ หลิน​ม่าย​และ​เพื่อนร่วมชั้น​ก็​เก็บ​หนังสือเรียน​เตรียม​จะออก​ไป​ ทว่า​ที่ปรึกษา​ของ​พวก​เธอ​ก็​เดิน​เข้ามา​พร้อมกับ​ผู้หญิง​ที่​ดูเหมือน​นักข่าว​และ​ผู้ชาย​ที่​ถือ​กล้อง​

ทันทีที่​ที่ปรึกษา​เข้ามา​ เขา​ก็​โบกมือ​ให้​หลิน​ม่าย​ “นักเรียน​หลิน​ม่าย​ นักข่าว​จาก​สถานีโทรทัศน์​ต้องการ​สัมภาษณ์เธอ​ โปรด​ให้ความร่วมมือ​”

เมื่อ​นักเรียน​ได้ยิน​สิ่งนี้​ พวกเขา​ทั้งหมด​มอง​ไป​ยัง​หลิน​ม่าย​

ทุกคน​ไม่รีบร้อน​ไป​ที่​โรงอาหาร​และ​รอ​ดู​หลิน​ม่าย​ให้​สัมภาษณ์

ทุกวันนี้​การ​ให้​สัมภาษณ์สถานีโทรทัศน์​ถือเป็น​เรื่องใหญ่​และ​น่าตื่นเต้น​

หลิน​ม่าย​ถามนักข่าว​และ​ช่างภาพ​ที่​มาหา​เธอ​ด้วย​สีหน้า​งุนงง​ “ต้องการ​สัมภาษณ์ฉัน​เรื่อง​อะไร​คะ​?”

นักข่าว​ยิ้ม​อย่าง​เป็นมิตร​ “ฉัน​แค่​ต้องการ​สัมภาษณ์เธอ​เกี่ยวกับ​แนวคิด​ที่​เธอ​ตัดสินใจ​เข้า​ครอบครอง​และ​พัฒนา​ตลาดสด​ของ​รัฐ​ที่​กำลังจะ​ล้มละลาย​ และ​ยัง​เริ่มต้น​พัฒนา​ได้ดี​อีกด้วย​”

หลิน​ม่าย​ไม่คาดคิด​มาก่อน​ว่า​ตลาดสด​ขนาดเล็ก​ของ​เธอ​จะได้รับ​ความสนใจ​จาก​สถานีโทรทัศน์​เช่นนี้​

แต่​เธอ​ก็​ไม่พลาดโอกาส​ที่จะ​ทำการ​โฆษณาตลาดสด​ฝูตัว​ตัว​

ใน​การ​ให้​สัมภาษณ์ หลิน​ม่าย​บอกเล่า​ถึงสาเหตุ​ที่​เธอ​เลือก​เข้า​ซื้อ​กิจการ​ตลาดสด​ของ​รัฐ​ที่​กำลังจะ​ล้มละลาย​ นั่น​เป็น​เพราะ​เธอ​สงสาร​คนใน​ท้องถิ่น​ที่​ต้องหา​ซื้อ​ผัก​และ​เนื้อสด​ใน​ที่​ห่างไกล​ขึ้น​ และ​คนงาน​ที่​ถูก​เลิกจ้าง​

หาก​ตลาดสด​แห่ง​นั้น​ปิด​ทำการ​ ประชาชน​ใน​บริเวณ​ใกล้เคียง​จะต้อง​เดินทาง​แวะ​ซื้อ​ผัก​เพิ่ม​หลาย​จุด​ ซึ่งจะไม่สะดวก​

ยิ่งไปกว่านั้น​ เหล่า​คนงาน​ที่ทำงาน​อย่าง​สัตย์ซื่อ​และ​ขยันขันแข็ง​กลับ​ถูก​เลิกจ้าง​ ซึ่งเป็นเรื่อง​ยาก​สำหรับ​พวกเขา​ที่จะ​หา​งาน​ใหม่​ได้​

เธอ​จึงมอบ​โอกาส​ให้​กับ​คนงาน​ที่​ซื่อสัตย์​เหล่านั้น​ได้​ด้วย​การ​เข้า​ครอบครอง​ฟาร์ม​ตลาดสด​ของ​รัฐ​ และ​นั่น​ก็​เป็นเรื่อง​เดียว​ที่​เธอ​สามารถ​ทำ​เพื่อ​สังคม​ได้​

หลิน​ม่าย​พูด​ทุกสิ่ง​ที่​นักข่าว​ต้องการ​จะได้ยิน​ และ​แน่นอน​ว่า​เธอ​ไม่ลืม​ที่จะ​ยกย่อง​ผลประโยชน์​ที่​ได้รับ​จาก​การปฏิรูป​และ​การ​เปิด​องค์กรเอกชน​และ​ประชาชน​ทั่วไป​

นักข่าว​หญิง​พอใจ​กับ​การ​สัมภาษณ์มาก​ หล่อน​จับมือ​กับ​หลิน​ม่าย​อย่าง​จริงจัง​ก่อน​ออกเดินทาง​

หลิน​ม่าย​ขอ​นามบัตร​นักข่าว​หญิง​คน​นี้​ และ​ได้​รู้​ชื่อ​เต็ม​ของหล่อน​ นั่น​คือ​คือ​แอน​นา​ เผิง​ ซึ่งเป็น​ชื่อ​ที่​ฟังดู​ฝรั่ง​จ๋าที่สุด​ใน​ยุค​ 80

…………………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

ป้า​ควร​อยู่​เฉย​ๆ นะคะ​ อยาก​ยก​มรดก​ให้​ลูก​คน​เล็ก​ก็​ยก​เงิน​ป้า​ให้​เอง​ ไม่ต้อง​มาขูด​รีดลูก​คนโต​หรอก​

สวี​ชิงห​ยา​ไม่ปกติ​แล้ว​ พา​ไปหา​จิตแพทย์​เถอะ​

ไหหม่า​(海馬)