บทที่ 653 ในที่สุดก็ได้มาเยี่ยมพี่
บทที่ 653 ในที่สุดก็ได้มาเยี่ยมพี่
“ท่านแม่ พี่อาเถิงอยู่จวนไหนเจ้าคะ?”
“จวนถัดไปจากเจ้านี่เอง แม่กลัวว่าเจ้าจะเป็นกังวล ดังนั้นจึงพากลับมาอยู่ในจวนสองหลังนี้ของพวกเจ้า ป้าเจี่ยงของเจ้าก็อยู่ในจวนถัดไปเช่นกัน”
“ท่านป้าเจี่ยงก็อยู่หรือเจ้าคะ? คิดว่าครานี้คงสร้างความตกใจให้ป้าเจี่ยงไม่น้อยเลยสินะ?” ครั้นได้ยินว่าเจี่ยงฉีอยู่ด้วย หลินซือก็รู้สึกผิดบางอย่างในใจ ถ้าไม่ใช่เพราะตัวเอง ตอนนี้พี่อาเถิงคงมีชีวิตที่ดีไปแล้ว
มารดาของตนยังเป็นห่วงตนเพียงนี้ แต่จนถึงตอนนี้พี่อาเถิงยังไม่มีท่าทีว่าจะฟื้น ไม่รู้ว่าป้าเจี่ยงจะอดหลับอดนอนมาแล้วกี่วัน
“แน่นอน แต่เจี่ยงเถิงทำเพื่อเจ้า ป้าเจี่ยงของเจ้ารู้ดี นางคิดว่าอาเถิงทำถูกต้องแล้ว”
“เช่นนั้นเราไปเยี่ยมท่านป้าเจี่ยงกันดีหรือไม่?”
“ดี” เหยาซูลูบศีรษะของบุตรสาว แล้วเอ่ยด้วยน้ำเสียงอบอุ่น
นางคือคนที่มีประสบการณ์มาก่อน ย่อมรู้ดีว่าช่วงเวลานี้สิ้นหวังเพียงใด แต่เจี่ยงฉีก็มีเจี่ยงเถิงเป็นบุตรชายเพียงคนเดียว เจี่ยงเถิงคือคนที่สำคัญยิ่งกว่าสิ่งใดในใจของนาง ครานี้คาดว่าในใจของนางคงยากจะทนรับไหว
แม้ว่าจะเป็นพี่น้องที่ดีต่อกัน แต่ครั้นเหยาซูได้เห็นเจี่ยงฉีในตอนนี้ ก็ยิ่งรู้สึกเสียใจอยู่ภายใน
ในตอนที่มาถึงจวนถัดไป เจี่ยงฉียังคงนั่งอยู่ข้างเตียงของเจี่ยงเถิง เช็ดหน้าให้เขาอย่างแผ่วเบาและละเมียดละไม
“ท่านป้าเจี่ยง”
“เอ้อเป่ามาแล้วหรือ?” ครั้นได้ยินเสียงของหลินซือ เจี่ยงฉีก็อดเงยหน้าขึ้นมองหลินซือไม่ได้
ข่าวที่หลินซือฟื้นแล้วนางเองก็รับรู้ แต่ตอนนั้นเจี่ยงเถิงยังมีไข้สูง นางไม่สามารถห่างจากเขาได้ ดังนั้นจึงไม่เคยไปเยี่ยมหลินซือเลย
ตอนนี้กลับให้หลินซือมาเยี่ยมนางแทน ตัวเองอายุอานามก็ตั้งเท่านี้แล้ว ช่างไม่เหมาะสมกับความเป็นอาวุโสนี้เสียเลย
“ท่านป้าเจี่ยง ข้าขอโทษ”
ครั้นเจอกับเจี่ยงฉี ในใจของหลินซือก็ยิ่งรู้สึกแย่ ถ้าไม่ใช่เพราะนาง ตอนนี้ป้าเจี่ยงน่าจะอยู่พักผ่อนอยู่ในจวนของตนเอง ไม่ต้องมาเหนื่อยล้าถึงเพียงนี้
“เด็กโง่ เหตุใดต้องโทษเจ้าด้วย? อาเถิงแค่ทำในสิ่งที่เขาอยากทำเท่านั้น” เจี่ยงฉีรู้ว่าหลินซือมีความสำคัญต่อหัวใจบุตรชายของตนมาก ดังนั้นจึงไม่เคยคิดถือโทษโกรธหลินซือเพราะเรื่องในครั้งนี้เลย
อีกทั้งตอนนั้นต่อให้เปลี่ยนเป็นคนแปลกหน้า เชื่อว่าบุตราชายก็จะต้องเข้าไปช่วยเหลือ เพียงแต่คนผู้นี้เป็นหลินซือก็เท่านั้น
“พี่อาเถิงเป็นอย่างไรบ้าง?”
“เขาไม่เป็นไร หมอหลวงกล่าวไว้ แค่ได้รับบาดเจ็บค่อนข้างสาหัส ต้องใช้เวลาในการพักฟื้นนาน ให้เขานอนให้พอไม่นานเขาก็ฟื้นขึ้นมาเอง เจ้าไม่ต้องกังวลเกินไป” เจี่ยงฉีปัดผมที่ปกลงมาบนหน้าผากให้หลินซืออย่างแผ่วเบาพลางเอ่ยปลอบใจ
เพราะไม่เคยเห็นเอ้อเป่าเป็นห่วงใครมากเท่านี้มาก่อน ในใจของเอ้อเป่า คงมีบุตรชายของตนอยู่เต็มหัวใจ
แต่น่าเสียดายที่บุตรชายจอมโง่ของตน ไม่เคยได้เห็นความโชคดีนี้
“ท่านป้าเจี่ยง ข้าว่าท่านดูเหนื่อยล้ามาก ไปพักสักหน่อยดีหรือไม่เจ้าคะ ทางนี้ข้าจะช่วยท่านเฝ้าเอง”
“ไม่ต้องหรอก เจ้าก็ได้รับบาดเจ็บเช่นกัน ร่างกายยังอ่อนแอ ต้องพักผ่อนเยอะ ๆ” เจี่ยงฉีปฏิเสธข้อเสนอของหลินซือพลางส่ายหน้า
“ไม่เป็นไร ข้าไหว หมอหลวงบอกว่าข้าดีขึ้นแล้ว”
“ในเมื่อเอ้อเป่าอยากเฝ้า เช่นนั้นก็ให้นางเฝ้าเถอะ เจ้าเองก็เฝ้ามานานแล้ว ควรไปพักได้แล้ว” เหยาซูคอยพูดเสริมอยู่ข้างกาย
“นั้นสิ ท่านป้าเจี่ยง ท่านไม่ต้องเป็นห่วง ข้าไหว ท่านยกการดูแลพี่อาเถิงให้เป็นหน้าที่ข้าได้อย่างวางใจเถอะ”
“งั้นก็ได้ ข้าไปพักสักประเดี๋ยว เอ้อเป่า ถ้าเจ้าเหนื่อยก็ให้สาวใช้มาเรียกข้า” เมื่อต้านทานการโน้มน้าวของทั้งสองคนไม่ได้ ในที่สุดเจี่ยงฉีก็ปล่อยวาง
เหยาซูพาพี่น้องของตัวเองออกไปข้างนอก ก่อนจากไปก็ยังไม่วายหันไปมองหลินซือแวบหนึ่ง ส่งสัญญาณให้นางดูแลเจี่ยงเถิงอย่างดี
ครั้นเห็นมารดาพาป้าเจี่ยงออกไปแล้ว หลินซือจึงได้มีเวลาเฝ้าเจี่ยงเถิงที่นอนอยู่บนเตียงอย่างดี เห็นได้ชัดว่าเพียงแค่เดือนเดียวที่ไม่ได้เจอกัน เหตุใดนางถึงรู้สึกว่าพี่อาเถิงซูบผอมไปมากถึงเพียงนี้?
นี่คือพี่อาเถิงที่เคยช่วยชีวิตนางหลายครั้งหลายคราจริง ๆ หรือ? นางนับไม่ได้เลย แต่ทุกครั้งพี่อาเถิงมักจะสละชีวิตของตัวเองปกป้องนางเสมอ ความรักแบบนี้ช่างหนักหนาเกินไป นางยอมให้พี่อาเถิงดูแลตัวเองมากกว่า
“พี่อาเถิง หนึ่งเดือนที่ไม่ได้เจอกัน เหตุใดท่านถึงได้ซูบผอมลงเพียงนี้? ข้ามาเยี่ยมท่านแล้ว เหตุใดถึงไม่สนใจข้า? ท่านดูสิ นานแค่ไหนแล้วที่ไม่ได้โกนหนวด หนวดของท่านทิ่มแทงข้าแล้ว” หลินซือลูบใบหน้าของเจี่ยงเถิง กระทั่งสัมผัสได้ถึงทิศทางของกระดูกบนใบหน้าของเจี่ยงเถิง
หลับมานานหนึ่งเดือน จะไม่ผอมก็คงแปลก
อ่างน้ำข้างกายถูกยกมาวางข้างเตียง จากนั้นก็หยิบผ้าเช็ดหน้าด้านข้างมาชุบน้ำ บิดพอหมาดแล้วนำเช็ดใบหน้าของเจี่ยงเถิงอย่างแผ่วเบา ราวกับกลัวว่าจะทำให้เขาเจ็บก็มิปาน
แม้ว่าจะผ่านไปแล้วหนึ่งเดือน แต่บาดแผลตามร่างกายของเจี่ยงเถิงก็ยังคงชัดเจน บางแผลก็ตกสะเก็ด บางแผลก็นูนเป็นเนื้อสีขาว ซึ่งดูไม่เข้ากับสีผิวที่ค่อนไปทางสีเหลืองข้าวสาลีของเจี่ยงเถิงเลยแม้แต่อน้อย
หลินซือพยายามหลีกเลี่ยงบาดแผลเหล่านั้นอย่างระมัดระวัง ครั้นเห็นเจี่ยงเถิงนอนหลับอยู่เช่นนี้ ก็ยิ่งปวดใจ
“พี่อาเถิง ท่านรู้หรือไม่ว่าท่านแม่ร้ายกาจเพียงใด? ข้าฟื้นนานแล้ว และอยากมาเยี่ยมท่าน แต่ท่านแม่บอกว่าร่างกายของข้ายังไม่หายดี อาจจะป่วยได้ง่าย จึงไม่ยอมให้ข้ามาเยี่ยมท่าน ดังนั้นข้าจึงพยายามดื่มยาขม ๆ เหล่านั้นทุกวัน จากนั้นก็ต้องดื่มน้ำแกงบำรุงร่างกายหลากหลายอย่าง จนร่างกายของตัวเองดีขึ้น ในที่สุดก็ได้มาเยี่ยมท่านเสียที”
“ใครจะไปรู้เล่าว่าท่านแม่บอกข้าว่า ความจริงแล้วพี่อาเถิงอยู่ในจวนถัดไปจากจวนของข้ามาตลอด ข้าโกรธมากจริง ๆ แต่เมื่อเห็นท่าทางที่ท่านแม่เป็นห่วงข้า ก็อดไม่ได้ที่จะระบายอารมณ์ใส่ท่านแม่ พี่อาเถิง นิสัยของข้าก็ไม่ดีเอามาก ๆ เลยใช่หรือไม่?”
ผ้าพันแผลสีขาวบนตัวของเจี่ยงเถิงค่อย ๆ ถูกเปิดออก กระทั่งเห็นบาดแผลที่ค่อนข้างลึกบนนั้น หลินซือนำขี้ผึ้งมาทาให้เจี่ยงเถิงอย่างระมัดระวัง จากนั้นก็เปลี่ยนผ้าพันแผลให้เจี่ยงเถิงหนึ่งรอบ
นางทำเรื่องเหล่านี้เป็นครั้งแรก ดังนั้นจึงไม่ค่อยชำนาญนัก พันแผลก็พันออกมาได้ไม่งดงามเป็นระเบียบ แต่ก็นึกไม่ออกว่าควรต้องทำอย่างไร
พี่อาเถิงดีกับนางถึงเพียงนั้น นางก็ควรต้องดูแลพี่อาเถิงอย่างดีเช่นกันถึงจะถูก
“จริงสิ พี่อาเถิงท่านรู้หรือไม่? วันนั้นท่านพ่อคุยกับข้านานมาก เขาถามข้าว่ามีใครในหัวใจของข้าแล้วหรือไม่ ทั้งยังบอกให้ข้ารู้จักทะนุถนอมไว้ ข้าคิดเสียตั้งนาน คนผู้นั้นไม่ใช้ใครคนอื่น ก็คือพี่อาเถิง ดังนั้นพี่อาเถิงต้องรีบฟื้นขึ้นมานะ มิเช่นนั้นข้าคงเสียใจมากแน่ ๆ”
จากนั้นนางก็กุมมือของพี่อาเถิงไว้ในมือของตัวเองอย่างแผ่วเบา มือที่ปกติมักจะคอยดึงกลับ บัดนี้ปล่อยให้หลินซือเล่นได้เช่นนี้ ราวกับไร้ความรู้สึกก็มิปาน
ในส่วนที่หลินซือไม่เคยเห็น เจี่ยงเถิงได้แอบหลั่งน้ำตาออกมาอย่างเงียบ ๆ ดูเหมือนเขาจะได้ยินทุกอย่าง ดังนั้นจึงได้ตอบสนองต่อคำพูดของหลินซือ แต่ทำเหมือนเขาจะไม่ได้ยินสิ่งใด มิเช่นนั้นเขาจะมองข้ามหลินซือไปได้อย่างไร จะปล่อยให้หลินซือต้องรู้สึกแย่เพียงลำพังได้อย่างไร?
ไม่รู้อยู่ในห้องนี้นานเพียงใด หลินซือรู้สึกแค่ว่าการได้อยู่เคียงข้างพี่อาเถิงนั้นทำให้สบายใจอย่างมาก ความรู้สึกเช่นนี้ ไม่มีใครทำให้นางได้ มีแค่พี่อาเถิงที่ทำได้ นางจึงอยากได้ความปลอดภัยจากพี่อาเถิงเพียงผู้เดียว