บทที่ 644 มีคนมาฟ้องร้องเหมียวเอ้อร์

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 644 มีคนมาฟ้องร้องเหมียวเอ้อร์

บทที่ 644 มีคนมาฟ้องร้องเหมียวเอ้อร์

ดังนั้นเมื่อมองไปที่ดวงตาของลวี่เทา นอกจากความคับข้องใจแล้วยังเต็มไปด้วยการหลอกลวง

ในทางกลับกัน หลี่ฝานก้มศีรษะลงและขมวดคิ้วอย่างไม่พอใจ

ลวี่เทาเหลือบมองเหมียวซื่ออีกครั้ง และเห็นนางมองมาที่เขาด้วยความชื่นชม ภายใต้การจ้องมองดังกล่าว ลวี่เทาก็รู้สึกพึงพอใจ

และพูดขึ้นโดยไม่คิดอีกว่า “แม่และลูกตกอยู่ในความลำบากในตอนนี้ หลี่ฝาน ข้าผู้นี้สัญญากับเจ้าว่าหากเจ้าสามารถชดเชยเงินจำนวนหนึ่งให้เหมียวซื่อได้ เพื่อให้แน่ใจว่าแม่และลูกชายสามารถมีชีวิตอย่างไร้ความกังวล ข้าคนนี้สาบานว่าจะไม่สอบสวนเรื่องนี้อีก”

ความเมตตาเช่นนั้นพอแล้วหรือไม่? แม้ว่าจะเจ้าฆ่าคน แต่ตราบใดที่เจ้าเอาเงินออกมา ข้าก็จะไม่ยุ่งเรื่องนี้อีก!

เมื่อเห็นการขยิบตาที่ลวี่เทามอบให้ เหมียวซื่อก็เข้าใจทันทีและเริ่มร้องไห้อีกครั้ง “เถ้าแก่หลี่ อย่าโทษข้าเลย เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวข้าตายไปแล้ว พวกเราแม่ลูกไม่ได้กินหรือดื่ม แต่ต่อให้ข้าไปนอนข้างถนน ข้าก็ไม่สนใจ หากข้าตาย ข้าก็สามารถลงไปหาเหมียวเอ้อร์ได้ แต่เด็กสองคนนี้ไร้เดียงสา เจ้าจะทนมองดูเด็กสองคนนี้เร่ร่อนโดยไม่ให้การช่วยเหลือเลยได้หรือ!”

“เฮ้อ! สิ่งที่เหมียวซื่อพูดถูกต้อง!”

“เขาตายไปแล้ว เช่นนั้นจะสืบหาต่อไปเพื่ออะไร ให้เงินดีกว่าเพื่อให้เด็กสองคนนี้เติบโตโดยไม่ต้องกังวลอะไร!”

หลังจากฟังคำพูดของลวี่เทาและเหมียวซื่อ ทุกคนก็รู้สึกว่ามันสมเหตุสมผลมาก

หลี่ฝานเย้ยหยัน เมื่อเขาเห็นว่าทุกคนเปลี่ยนน้ำเสียงไปเป็นวิพากษ์วิจารณ์เขา

“แล้วเจ้าต้องการเงินเท่าไร?” หลี่ฝานเอ่ยถาม

อยากรู้ว่าเหมียวซื่อผู้นี้จะต้องการเงินเท่าไร?

“ก็…” เมื่อได้ยินหลี่ฝานถามตนเองว่าต้องการเงินเท่าไร ในใจก็ดีใจมากและคิดว่าหลี่ฝานจะต้องใช้เงินเพื่อแก้ปัญหา

เมื่อคิดดูแล้วจึงกล่าวว่า “สามพันตำลึงเงิน!”

“ว้าว…” เมื่อทุกคนได้ยินตัวเลขก็อ้าปากค้าง

แม้หลี่ฝานจะเป็นถึงเถ้าแก่ใหญ่ แต่ตัวเลขนี้ก็ช่างน่ากลัวจริง ๆ!

“โอ้?” หลี่ฝานเห็นความโลภของเหมียวซื่อ จึงเอ่ยว่า “เจ้าคำนวณได้อย่างไร ข้าต้องให้เงินเจ้ามากขนาดนี้เลยหรือ?”

“เงินเดือนคนทำบัญชีปัจจุบันของเจ้าคือสิบห้าตำลึงเงินต่อเดือน ภายในหนึ่งปีเท่ากับหนึ่งร้อยแปดสิบตำลึงเงิน ลูกคนโตของข้าอายุเพียงสี่ขวบ และคนสุดท้องอายุเพียงสองขวบ ข้าต้องเลี้ยงพวกเขาอย่างน้อยสิบปี สำหรับลูกสองคนเป็นเงินสามพันหกร้อยตำลึงเงิน ไม่รวมของข้า” เหมียวซื่อพูดคำเหล่านี้ด้วยความเสียใจ และดูเหมือนางจะมีความเอื้อเฟื้อเผื่อแผ่มาก

“เพียงสามพันตำลึงเงินเท่านั้น นี่อาจเป็นราคาที่สูงเสียดฟ้าสำหรับคนเช่นเรา แต่สำหรับเถ้าแก่หลี่ เงินเหล่านี้ก็ราวกับละอองฝน!” เหมียวซื่อกล่าว

“อืม…” หลี่ฝานพยักหน้าและดูเหมือนจะเห็นด้วยกับคำพูดของเหมียวซื่อ “เจ้าพูดไม่ผิด!”

เหมียวซื่อผู้นี้ไม่เคยเรียนหนังสือแม้แต่วันเดียว แต่มันน่าทึ่งนักที่นางสารามารถคำนวณเงินได้แม่นยำขนาดนี้ ดูเหมือนว่าจะเป็นการเตรียมการมาอย่างดี! มีคนเบื้องหลังไม่รู้กี่คน!

ไม่รู้ว่าจะเอาเงินสามพันตำลึงเงินไปแบ่งใครบ้าง!

ใบหน้าของเหมียวซื่อมีความประหลาดใจ แต่สิ่งที่หลี่ฝานพูดต่อไปทำให้นางหน้าซีด

“ถึงข้าจะมีเงินมากเพียงไหน แต่ข้าก็จะไม่ให้เจ้าแม้แต่เหรียญเดียว” หลี่ฝานพูดด้วยใบหน้าซีดเผือด

“ได้ ถ้าไม่ให้ก็ลืมมันไปเสีย!” เหมียวซื่อพูดด้วยความโกรธ แล้วมองไปที่ลวี่เทา “ใต้เท้า เหมียวเอ้อร์ของครอบครัวข้าตายอย่างไร้ค่า หนึ่งชีวิตมีค่าเท่าหนึ่งชีวิต มันไม่ใช่การพูดเกินจริง!”

ลวี่เทาพยักหน้าอย่างสงบ

“เช่นนั้นใต้เท้าก็ส่งคนไปที่ร้านจิ่นฝูและจับกุมกู้เสี่ยวหวานเสีย!” เหมียวซื่อกล่าว “แม้ว่าทุกอย่างจะแสดงให้เห็นว่าเรื่องนี้เกี่ยวข้องกับเถ้าแก่หลี่ แต่เถ้าแก่หลี่ปฏิเสธที่จะยอมรับ ข้าคงต้องไปหากู้เสี่ยวหวานเท่านั้น ข้าไม่ต้องการอะไรแล้ว แต่ต้องการชีวิตของนางไปเพื่อไปเคารพสามีที่ตายไปแล้วของข้า!” เหมียวซื่อกัดฟันด้วยความเกลียดชัง หรี่ตาลงมองหลี่ฝานอย่างดุดัน

ใบหน้าของหลี่ฝานยังคงไม่แสดงอารมณ์ ซึ่งทำให้หัวใจของเหมียวซื่อรู้สึกไม่มั่นใจ

“ใครก็ได้ ไปที่ร้านจิ่นฝูแล้วจับกุมกู้เสี่ยวหวานมา!” ลวี่เทาไม่สนใจที่จะโต้เถียงกับหลี่ฝานอีกต่อไป คำพูดของเหมียวซื่อนั้นถูกต้องแล้ว

เขายังสามารถเข้าใจได้ว่าหลี่ฝานไม่ได้คิดเกี่ยวกับตัวเอง และเขาคิดถึงกู้เสี่ยวหวาน!

ในเวลานั้น ถ้ากู้เสี่ยวหวานทำความผิดจริง ๆ เจ้าจะยังลังเลที่จะให้เงินหรือไม่?

เจ้าหน้าที่ที่ได้รับคำสั่งแล้วหันหลังเดินจากไป

ทันใดนั้นก็มีเสียงกลองดังสนั่นจากภายนอก

ลวี่เทาขมวดคิ้วและตะโกนเสียงดัง “ใครกัน?”

“ใต้เท้า ท่านต้องตัดสินแทนข้า! การตายของลูกสาวของข้านั้นไม่ยุติธรรม การตายไม่ยุติธรรม!” เสียงของหญิงชราดังมาจากข้างนอก เสียงของนางช่างน่าสงสารและเต็มไปด้วยความโกรธ

“เรื่องนี้ยังไม่จบ พานางออกไปก่อน แล้วให้รอสักครู่!” ลวี่เทาสั่ง

เมื่อเห็นว่าเจ้าหน้าที่รับคำสั่ง เขาก็วิ่งกลับมาด้วยสีหน้าหงุดหงิด “ใต้เท้า หญิงคนนั้นไม่ยอมไปขอรับ”

“ไม่ไปหรือ? ถ้าไม่ไปก็ไล่ออกไปเสีย!” ลวี่เทาพูดโดยไม่ต้องคิด

“แต่ว่า…”

“อย่ารีรอ มีอะไรก็รีบพูดมา!”

“นางบอกว่าคนที่นางต้องการฟ้องคือผู้เสียชีวิตในคดีแรกของเรา เหมียวเอ้อร์…” เจ้าหน้าที่คนนั้นพูดขึ้น

แน่นอนว่า ลวี่เทาเหลือบมองเจ้าหน้าที่คนนั้นด้วยความประหลาดใจ เพื่อให้แน่ใจว่าเขาไม่ได้พูดเล่น จากนั้นก้มศีรษะลงราวกับว่ากำลังคิดอะไรบางอย่าง

ในทางกลับกัน หลี่ฝานกลับคลี่ยิ้มและเมื่อเห็นว่าลวี่เทาไม่ได้พูดอะไร เขาจึงเอ่ยขึ้นเสียงดัง “ทุกท่านเห็นแล้วหรือไม่ มีคนมาฟ้องเหมียวเอ้อร์ น่าเหลือเชื่อจริง ๆ! หรือเขาอาจจะยังไม่ตายกันแน่?” เมื่อได้ยินเช่นนี้ การแสดงออกของลวี่เทา เสี่ยวหลีจื่อ และเหมียวซื่อก็เปลี่ยนไปอย่างมาก!

หลังจากฟังคำพูดของหลี่ฝาน ผู้คนรอบ ๆ ตัวก็ยืดคอตั้งตรงด้วยความประหลาดใจ อยากจะดูว่าใครคือผู้หญิงที่อยู่ข้างนอก!

“ใต้เท้า ทำไมท่านไม่เชิญหญิงชราผู้นั้นเข้ามาและดูว่านางจะพูดอะไร!” หลี่ฝานกล่าวด้วยรอยยิ้ม

คำพูดไม่กี่คำทำให้หัวใจของเหมียวซื่อเต้นรัว คนผู้นั้นคือใครกัน?

เหมียวซื่อรู้สึกหวาดกลัวเล็กน้อย ร่างกายสั่นสะท้านโดยไม่ได้ตั้งใจ จากนั้นนางก็พยายามอย่างเต็มที่ที่จะยับยั้งตัวเองไม่ให้หวาดกลัว ลวี่เทาก็ขมวดคิ้ว ไม่รู้ว่าเขากำลังคิดอะไรอยู่