บทที่ 634 ห้ามเข้าร้าน
บทที่ 634 ห้ามเข้าร้าน
ในที่สุดเสี่ยวเถียนก็ขอลากลับบ้านได้สำเร็จ
เพื่อนร่วมห้อง 18 อิจฉาตาร้อนมาก
ตั้งแต่เปิดเรียน ครูฮวางเหมือนคนบ้าคลั่งบังคับเราให้ใช้เวลาสองสามเดือนนี้ในการฝึกทำข้อสอบ
เราทุกคนเหนื่อยกันมาก แต่ไม่ว่าจะเหนื่อยแค่ไหน ก็ทำได้เพียงฝึกทำข้อสอบอย่างกับเครื่องจักรต่อไป
เราเองก็รู้ดีว่ามีแค่เสี่ยวเถียนที่ลาได้ ผลการเรียนก็ต่างกันเสียขนาดนี้ อิจฉาไปก็ไม่มีประโยชน์
พี่ชายทั้งสองรู้อยู่แล้วว่าออกัสและคริสติน่าจะเดินทางมาถึงประเทศจีนในวันนี้ และเสี่ยวเถียนจึงอยากกลับไปอยู่ด้วย
เพราะงั้นเราจึงทำข้อสอบต่อโดยไม่สนใจอะไร
คนอื่น ๆ มองทั้งสอง จากนั้นก็ยอมจำนนต่อชะตากรรมทันที
ขนาดคนเรียนเก่งกว่าเรายังตั้งใจเลย แล้วเขามีเหตุผลอะไรที่ต้องอิจฉาคนที่ขอลาด้วยล่ะ?
ซ่งหลิงหลิงมองเสี่ยวเถียนเดินสะพายกระเป๋าจากไป แววตาลุกเป็นไฟพรึ่บพรั่บ
แต่เธอไม่กล้าขัดขวางเอาไว้
ตั้งแต่มาเรียนห้องนี้ ใช้เวลาไม่ถึงสองปี ซ่งหลิงหลิงประสบกับความสูญเสียเพราะเสี่ยวเถียนหลายต่อหลายครั้ง
นี่เป็นครั้งแรกที่เธอเกือบถูกไล่ออกจากชั้นเรียน ถ้าไม่ใช่เพราะพื้นเพครอบครัวดีป่านนี้ก็ไม่รู้ว่าตัวเองจะระหกระเหินไปอยู่แห่งหนใด
ถ้าตอนนี้บอกว่าทุกสายตาในเมืองหลวงจดจ้องมาที่ห้องเราคงจะเกินจริงไปเสียหน่อย แต่ห้องเรียนพิเศษ 18 ของโรงเรียนมัธยมอันดับเจ็ดดึงดูดความสนใจของผู้คนส่วนมากจริง ๆ
แม้กระทั่งมีข่าวลือแล้วว่า เด็กของห้องนี้จะต้องสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้อย่างแน่นอน
ซ่งหลิงหลิงยอมจำนนต่อชะตากรรมและเริ่มฝึกทำข้อสอบ
ฝั่งอวี๋ซีเยว่กำลังประหลาดใจที่เห็นเสี่ยวเถียนออกจากโรงเรียนในตอนเที่ยง
วันนี้เธอมาดักรอถึงประตูโรงเรียนเลย
เพราะวันนั้นเสี่ยวเถียนบอกจะพาคุณออกัสและคุณคริสติน่าไปร้านอาหารหออีหมิง
เธอไม่เชื่อเลยสักนิด
วันนี้ตอนเที่ยงจึงซ่อนตัวอยู่หลังต้นไม้หน้าโรงเรียนอย่างระมัดระวัง เพื่อรอดูว่าเสี่ยวเถียนจะออกมาจากโรงเรียนหรือเปล่า
ทันทีที่เห็นเด็กสาว จู่ ๆ ก็คิดว่าสิ่งที่พูดกันวันนั้นคงจะเป็นเรื่องจริง
อดไม่ได้ที่จะกำฝ่ามือให้แน่นขึ้น
ไม่คิดเลยว่ายัยเด็กนี่จะมีความสามารถถึงขนาดได้เป็นเพื่อนกับสองพี่น้องคู่นั้นด้วย
อวี๋ซีเยว่รู้ว่าคนในตระกูล Fessenger รับมือยากขนาดไหน
ขนาดที่ประเทศเยอรมนีเอง คุณออกัสยังสนิทชิดเชื้อกับคนอื่นได้ยากเลย ส่วนคุณคริสติน่าเวลาเจอคนไม่รู้จักก็ชอบทำตัวเย็นชาใส่! อวี๋ซีเยว่คิดแล้วว่าหากให้เสี่ยวเถียนและลูกชายสนิทสนมกันเหมือนจะไม่แย่เท่าไร ถึงพื้นเพจะไม่ได้ดีนักแต่เธอมีความสามารถ อนาคตไกลแน่นอน
ทว่าอายุเพิ่งจะแค่นี้กลับสามารถขโมยหัวใจลูกชายไปได้แล้ว ถ้าให้สองคนนั้นอยู่ด้วยกันคงไม่ใช่เรื่องดีนัก
ฝั่งเสี่ยวเถียนไม่ได้รู้เลยว่าโดนคนจ้องมองอยู่ ตอนนี้ใจลอยไปถึงร้านอาหารแล้ว
ตลอดหนึ่งปี เสี่ยวเถียนและคริสติน่าไม่เคยขาดการติดต่อกันเลย ถึงในแต่ละครั้งจะไม่ง่าย แต่มิตรภาพเรายังคงรักษาไว้ได้อย่างน่าอัศจรรย์
หออีหมิงอยู่ไม่ไกลจากโรงเรียน เสี่ยวเถียนสับเท้าโดยไม่สนใจคนข้างหลัง ตอนมาถึงก็เจอหลี่ว์หรูหยารออยู่ที่ร้านพร้อมกับออกัสและคริสติน่าแล้ว
ไม่ใช่แค่นั้น ยังมีคนติดตามอีกหลายคนตามมาด้วยซึ่งเสี่ยวเถียนไม่รู้จักมาก่อน นั่นไม่ใช่สิ่งที่ควรสนใจเสียหน่อย ประเด็นสำคัญคือคริสติน่าต่างหาก
“เถียน ในที่สุดเธอก็มาแล้ว เธอรู้ไหม? ว่าฉันคิดถึงมากเลยนะ!”
ทันทีที่คริสติน่าเห็นเด็กสาวก็วิ่งเข้าไปหาอย่างตื่นเต้นและกอดเอาไว้
อวี๋ซีเยว่ที่อยู่นอกร้านเห็นภาพนั้นพอดี
เธอเคยเห็นคริสติน่ามาก่อน นั่นคือคุณคริสติน่าจากตระกูล Fessenger ไม่ใช่หรือ?
นึกแบบนั้นอารมณ์เธอพลันหมุนเหวี่ยง!
และอยู่ ๆ ก็ตระหนักขึ้นได้ว่าอะไรหลาย ๆ อย่างเหมือนจะต่างไปจากที่คิดเอาไว้
หรือเธอจะคิดผิด?
หรือประเทศจีนมีโอกาสจริง ๆ ที่สามารถทำให้คนตระกูลนี้ชื่นชอบได้?
นี่คือเหตุผลที่บริษัทส่งเธอมาใช่ไหม?
อวี๋ซีเยว่ตัดสินใจหาโอกาสที่จะสานสัมพันธ์สองพี่น้องคู่นั้นในตอนเย็น
ส่วนสถานที่เข้าหา คงเป็นโรงแรมจึงจะธรรมชาติที่สุด
โรงแรมที่เธอพักก็เป็นโรงแรมที่ดีที่สุดในประเทศจีน เธอเชื่อว่าทั้งคู่น่าจะพักอยู่ที่นี่ด้วย ถ้าได้อยู่ที่เดียวกัน ยังไงก็มีโอกาสได้พบกันเสมอ และในตอนที่อวี๋ซีเยว่กำลังจะกลับ สายตาบังเอิญเหลือบไปเห็นรถอีกคันขับเข้ามาใกล้
ในยุคนี้รถที่สามารถเห็นได้ตามท้องถนนของประเทศจีน หมายความว่าเจ้าของเป็นเจ้าหน้าที่ระดับสูงอย่างแน่นอน
หญิงวัยกลางคนหันเหความสนใจไปทันที
ก่อนจะเห็นรถหยุดที่หน้าประตูร้านอาหาร
ชายหนุ่มคนหนึ่งลงจากรถอย่างรวดเร็ว ก่อนเปิดประตูด้านหลังออก
จากนั้นชายสวมเสื้อจงซานชวนอายุราวห้าสิบหกสิบปีได้ลงจากรถ
ถึงอายุจะไม่น้อย แต่เห็นได้ชัดเลยว่ามีกลิ่นอายที่ไม่ธรรมดา
อวี๋ซีเยว่เพ่งมอง แล้วก็ต้องตกใจยิ่งกว่าเดิม
คนผู้นี้แม้จะยังไม่เคยเอ่ยถึง แต่ไม่ใช่คนธรรมดาแน่นอน
เขาคือฉางหัวเซิน เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงพาณิชย์
ตั้งแต่มาประเทศจีนเธอต้องไปเยี่ยมเยียนท่านรัฐมนตรีด้วย จึงทำการบ้านมาไม่น้อยเลย แต่กลับหาวิธีเหมาะ ๆ เพื่อที่จะได้พบเจอรัฐมนตรีท่านนี้ไม่ได้ด้วย และไม่คิดไม่ฝันเลยว่าอีกฝ่ายจะยอมลดตัวมาหออีหมิง
อยู่ ๆ อวี๋ซีเยว่ก็เข้าใจ ไม่ใช่ว่าเขายอมลดตัวหรอก แต่ท่านรัฐมนตรีมาเพื่อพบคุณออกัส
ตอนนั้นเธอสัมผัสได้ถึงความต่างชั้น ใครใช้ให้สถานะคุณออกัสสูงส่งกัน บริษัทเธอเทียบไม่ได้เลย
อย่าว่าแต่บริษัทขอให้เธอมาเลย ต่อให้ตัวผู้รับผิดชอบจะมาด้วยตัวเอง ก็คงไม่มีทางเทียบเทียมอีกฝ่ายได้หรอก
ในเมื่อมีรัฐมนตรีกระทรวงพาณิชย์มา อวี๋ซีเยว่จะเข้าไปให้ได้ไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้น
แสร้งทำเป็นกินข้าวและได้พบกันก็ได้ จากนั้นก็เริ่มบทสนทนากัน
โชคดีที่นี่เป็นร้านอาหาร ทั้งยังเป็นร้านธรรมดา ๆ
แต่หลังจากที่เฝ้ามองอีกฝ่ายเข้าประตูไป ก็ถูกคนของร้านขวางเอาไว้ข้างนอก
“ทำไมพวกแกไม่ให้ฉันเข้าไป? ฉันมากินข้าวนะ!”
อวี๋ซีเยว่หน้าแดงด้วยความโกรธ
ไม่คิดเลยว่าร้านจะปฏิเสธไม่ให้เข้า
จากนั้นก็เริ่มอับอาย อวี๋ซีเยว่ที่คิดว่าตนพอมีหน้ามีตาอยู่บ้าง จู่ ๆ ก็คิดประโยคอันโด่งดังนั่นขึ้นมา แบบนี้มันก็เหมือนป้ายห้ามเข้าเลยไม่ใช่หรือไง
ดวงตาคู่สวยแทบจะลุกเป็นไฟ
ไอ้พวกบ้านนอกนี่มันทำอะไรกัน?
หรือแม้แต่หน้าตาอี้หย่วนก็ไม่สนใจหรือ?
ไหนบอกความสัมพันธ์ระหว่างสองครอบครัวดีนักไง?