บทที่ 647 ข้าเป็นคนทำคลอด

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 647 ข้าเป็นคนทำคลอด

บทที่ 647 ข้าเป็นคนทำคลอด

หมอตำแยหวังกล่าวต่อ “แต่เดิมข้าก็สงสัย หญิงสาวคนหนึ่งที่ยังไม่แต่งงานจะมาเรียกหาหมอตำแยไปเพื่ออะไร! หลังจากที่มาถึงข้าก็พบว่าแม่นางว่านกำลังจะคลอดลูก!”

ว่าอย่างไรนะ?

หญิงสาวที่ยังไม่แต่งงาน ท้องสิบเดือน แล้วกำลังจะคลอดลูก?

ทุกคนประหลาดใจ

“ถึงจะมีคำถามมากมายในใจ แต่อย่างไรเสียข้าก็เป็นหมอตำแย และมันคงไม่ดีที่จะถามถึงความลับของคนอื่น ข้าทำได้เพียงทำคลอดให้แม่นางว่าน แล้วเด็กคนนี้ก็เกิดมา! หากพวกเจ้าไม่เชื่อ เด็กคนนี้มีปานอยู่ที่หลัง เขามีปานมาตั้งแต่เกิด และมันไม่สามารถหายไปได้!”

เมื่อทุกคนได้ยินคำพูดของหมอตำแยหวัง พวกเขาก็หันเหความสนใจไปยังลูกของเหมียวซื่อ ครั้นเห็นสายตาของทุกคน ใบหน้าของเหมียวซื่อก็ซีดเผือดด้วยความตกใจ นางกอดลูกชายคนโตไว้ราวกับไม่ต้องการให้ทุกคนเห็นเขา

เมื่อทุกคนเห็นท่าทางปกปิดของเหมียวซื่อ พวกเขาก็สามารถเข้าใจได้ทันที

จากนั้นก็ได้ยินหมอตำแยหวังพูดว่า “แม่นางว่านให้เงินแก่ข้าเป็นจำนวนมาก โดยบอกว่าพ่อของเด็กคนนี้มีปัญหาที่ไม่อาจบรรยายได้ และไม่สามารถแต่งงานกับนางได้ในขณะนี้ โปรดช่วยเก็บเรื่องนี้เป็นความลับและห้ามพูดออกไปเด็ดขาด ขณะนั้นข้าคิดว่าหากเรื่องนี้รู้ไปถึงคนภายนอก ชีวิตของแม่นางผู้นี้ก็คงสิ้นสุดลงอย่างแน่นอน ดังนั้นข้าจึงปิดปากเงียบไม่พูดอะไรสักคำ…”

“หนึ่งปีต่อมา เหมียวเอ้อร์ได้มาหาข้าและบอกว่าภรรยากำลังจะคลอดบุตร ลูกของเหมียวเอ้อร์เป็นสมบัติของตระกูลเหมียว ข้าจึงไม่กล้าล่าช้าและไปกับเขา ต่อมาภรรยาของเขาให้กำเนิดลูกสาว และเมื่อได้ยินว่าเป็นลูกสาว สีหน้าของเหมียวเอ้อร์พลันเปลี่ยนเป็นไม่น่ามองและไม่ได้พูดอะไรเลย และเมื่อภรรยาของเขาอาการดีขึ้นแล้ว ข้าจึงจากไป แต่สิ่งที่คาดไม่ถึงก็คือ วันรุ่งขึ้น ข้าได้ยินว่าภรรยาของเขาเสียชีวิตจากการเสียเลือดมาก และได้ยินว่าเด็กคนนั้นเป็นโรคขาดสารอาหารจึงทำให้เสียชีวิต! ข้ารู้สึกสับสนในใจ เห็นได้ชัดว่าตอนข้าทำคลอดนางก็แข็งแรงดี จากนั้นข้าจึงไปที่บ้านของตระกูลเหมียวเพื่อถามเหมียวเอ้อร์ แต่เหมียวเอ้อร์ข่มขู่ว่าข้าว่ามันเป็นความผิดของข้า และต้องการพาข้าไปพบเจ้าหน้าที่! ข้าเป็นเพียงหมอตำแย ข้าหวาดกลัวมาก! ข้าจึงรีบหนีไปในที่ที่คนไม่รู้จักข้า และเลิกเป็นหมอตำแย!” หมอตำแยหวังกล่าวอย่างเศร้าหมอง ผู้หญิงคนหนึ่งไม่รู้ว่าต้องทนทุกข์มากเพียงใด

หมอตำแยหวังกล่าวอย่างเศร้าสร้อย หยาดน้ำตาหลั่งรินราวกับทำนบแตก

“หากข้าไม่เคยได้ยินเกี่ยวกับตระกูลเหมียวอีกครั้ง ข้าก็ยังคิดว่าตนเองเป็นคนบาป! ข้าได้ยินมาว่าหลังจากภรรยาของเหมียวเอ้อร์ตายไปได้ไม่นาน เหมียวเอ้อร์ก็แต่งงานกับคนอื่น และข้ายังได้ยินมาว่าสิบเดือนต่อมานางได้คลอดลูกชาย ข้าจึงแอบกลับมาดู แต่ผู้ใดเล่าจะรู้ หลังจากที่แอบดูลูกคนโตของเหมียวเอ้อร์ ข้าจึงรู้ตัวว่าถูกหลอก พวกเขารวมหัวกันหลอกข้า หลอกข้ามาห้าปีเต็ม!”

หมอตำแยหวังไม่ได้บอกว่าพวกเขาเป็นใคร แต่นางยังคงชี้ไปที่เหมียวซื่อ และใครก็ตามที่มีสายตาเฉียบแหลมจะรู้ว่ามันหมายถึงอะไร!

“เจ้ากำลังพูดเรื่องไร้สาระ ลูกของข้าอายุเพียงสี่ขวบ สี่ขวบเท่านั้น!” เหมียวซื่อคำรามเสียงดัง

“ไม่ว่าเขาจะอายุเท่าไรก็มีรอยปานบนหลังที่ลบออกไม่ได้ เจ้ากล้าแสดงหลังของลูกเจ้าให้ทุกคนดูว่าข้าพูดผิดไปหรือไม่!” เมื่อหมอตำแยหวังเห็นเหมียวซื่อไม่ยอมรับ นางก็ตะโกนเสียงดังและเดินไปข้างหน้าเพื่อไปดูเด็ก

“ทำไมข้าต้องแสดงให้เจ้าดู ทำไมข้าต้องแสดงให้เจ้าดูด้วย!” เมื่อเห็นว่าหมอตำแยหวังกำลังจะก้าวไปข้างหน้าเพื่อคว้าตัวลูกของนาง เหมียวซื่อก็รีบขวางเอาไว้ ปากพ่นคำสาปแช่งที่ไม่น่าฟังอย่างยิ่งออกมา

เหมียวซื่อหยุดอยู่ข้าง ๆ และขัดขวางไม่ให้หมอตำแยหวังก้าวเข้ามา

แต่นางไม่ได้สังเกตเลยสักนิดว่าลูกชายคนโตของเขาถูกเซี่ยเหอซื่อดึงตัวไปแล้ว

ในเวลานี้เพิ่งเริ่มต้นฤดูร้อนและเสื้อผ้าที่เขาสวมก็ค่อนข้างบาง เพียงได้ยินเซี่ยเหอซื่อก็อุ้มเด็กด้วยมือข้างหนึ่ง และอีกมือหนึ่งกำลังจะฉีกเสื้อผ้าของเด็กออก

ลวี่เทาเห็นเช่นนั้นก็อยากจะหยุดการกระทำของนาง แต่เมื่อคำพูดมาถึงริมฝีปากของเขา เขาก็ได้ยินเสียงฉีกขาด และเห็นเซี่ยเหอซื่อกำลังฉีกเสื้อผ้าของเด็กชายออก แผ่นหลังของเด็กน้อยทั้งหมดก็เปิดเผยต่อหน้าฝูงชน

ดวงตาของทุกคนเบิกกว้าง และแน่นอนว่าพวกเขาเห็นปานบนหลังของเด็กชายชัดเจน

เมื่อเหมียวซื่อได้ยินเสียงร้องกระจองอแงของเด็กชาย นางถึงรู้ตัวว่าลูกชายของตนถูกพาตัวไปแล้ว

เหมียวซื่อตวัดสายตามองก็เห็นว่าเสื้อผ้าบริเวณหลังของลูกชายถูกฉีกขาด ปานที่ว่านั้นปรากฏสู่สายตาทุกคน

“ฮือ ๆ…” เด็กชายมองซ้ายแลขวาอย่างหวาดนระแวง และร้องไห้ด้วยความหวาดกลัวเล็กน้อย เหมียวซื่อจึงดึงลูกชายกลับมาในอ้อมกอดด้วยน้ำตาอาบแก้ม

“พวกเจ้า… พวกเจ้าใช้เวลาที่เหมียวเอ้อร์ไม่อยู่มารังแกเด็กขาดพ่อและแม่ม่ายอย่างข้า สวรรค์ เหมียวเอ้อร์เจ้ามันโหดร้าย เหตุใดจึงทิ้งลูกสองคนให้ข้าดูแลตามลำพังเช่นนี้ ข้าถูกคนพวกนี้รังแกจนจะตายอยู่แล้ว ทำไมเจ้าถึงไม่พาข้าไปด้วย! เจ้าช่างใจร้ายเสียจริง…” เหมียวซื่อโอบกอดลูกชายแน่น ทรุดตัวลงบนพื้นพลางร้องไห้คร่ำครวญ

หลี่ฝานมองดูอย่างเย็นชา เหมียวซื่อผู้นี้เก่งกาจเสียจริง เมื่อเห็นว่าความจริงของนางถูกเปิดเผยก็ทำเพียงแค่ร้องห้มร้องไห้ และแม้แต่คนชั่วร้ายก็ฟ้องก่อน

เสียงร้องของเหมียวซื่อนั้นดังสนั่น แต่เสียงของผู้คนที่กำลังเฝ้าดูอยู่นั้นกลับดังยิ่งขึ้นทวีคูณ และในท้ายที่สุดคำพูดของเหมียวซื่อก็ถูกกลบด้วยเสียงจอแจรอบด้าน

“สวรรค์ ดูเหมือนว่าเหมียวซื่อจะอยู่กับเหมียวเอ้อร์ก่อนแต่งงานจริง ๆ!”

“ถูกต้อง ไม่เช่นนั้นหมอตำแยหวังจะรู้ได้อย่างไรว่ามีปานซ่อนอยู่บนร่างกายของเด็ก หมอตำแยหวังไปจากเมืองหลิวเจียหลายปีแล้ว ตามคำกล่าวของเหมียวซื่อ เด็กคนนี้เกิดหลังจากหมอตำแยหวังจากไป! แต่นางรู้ในสิ่งที่เราไม่รู้ หมอตำแยหวังต้องเป็นคนทำคลอดเด็กคนนี้อย่างแน่นอน!”

“ข้าบอกแล้วว่าเด็กคนนี้จะอายุเพียงสี่ขวบได้อย่างไร เด็กคนนี้โตทันหลานชายอายุห้าขวบของข้าแล้ว ข้าก็สงสัยมาตลอดว่าหลานข้าไม่ได้กินดีเท่าลูกของตระกูลเหมียวอย่างนั้นหรือ? แต่ในความเป็นจริง เด็กคนนี้แต่เดิมอายุห้าขวบ!” ชายชรากล่าววาจาเสียดสี

“ด้วยเหตุนี้ การตายของเซี่ยชิวเฉ่าอาจไม่ง่ายขนาดนั้น” ทันใดนั้นมีคนในฝูงชนตะโกนเสียงดัง

เมื่อคนอื่นได้ยิน ต่างก็พยักหน้าเห็นด้วย