ตอนที่ 666 ความหล่อเหลาของลูกชายสามารถฆ่าเด็กสาวตายได้ภายในไม่กี่วินาที
“ระวังหน่อย ประเดี๋ยวโดนแผลที่แขนของหล่อน” เจียงโม่หานเปิดกระบอกเก็บความร้อนแล้วยื่นให้หลินเว่ยเว่ยซึ่งก็เข้าใจจุดประสงค์ของเขาได้ทันที ในมุมที่ถานจิงจิงมองไม่เห็น เธอนำกระบอกเก็บความร้อนมาใส่น้ำพุวิญญาณลงไป
เจียงโม่หานรับมาถือไว้อีกครั้ง ก่อนจะฉีกแขนเสื้อของเธอออกเบา ๆ แล้วใช้น้ำพุวิญญาณล้างแผลให้ ทันใดนั้นความแสบร้อนที่บาดแผลก็กลายเป็นความรู้สึกเย็นสบายขึ้นมาทันที
ถานจิงจิงอยากรู้อยากเห็นสุด ๆ ขณะมองหนุ่มหล่อตรงหน้าราวกับกำลังตรวจสอบบัญชี เธอก็ถามว่า “พี่ชายสุดหล่อชื่ออะไร ? เป็นนักศึกษาในมหาวิทยาลัยเกษตรของเราหรือ ? ทำไมเมื่อก่อนไม่เคยเห็นพี่ชายมาก่อน ? พี่ชายรู้จักกับน้องเล็กของเราได้อย่างไร ? บอกมาดี ๆ นะ ไม่อย่างนั้นอย่าหวังว่าจะจีบเว่ยเว่ยที่ทั้งเก่งและน่ารักของเราเด็ดขาด ! ”
หลินเว่ยเว่ยเองก็สงสัยเช่นกัน คนที่ตาเฒ่ารูปงามทะลุมิติมาเข้าร่าง เป็นคนแบบไหนกันแน่ แต่ไม่ว่าจะทำอาชีพอะไรหรือยากไร้เป็นขอทาน เธอก็จะเลี้ยงดูเขา…ใต้เท้าโฉวฝู่ชอบกินข้าวนิ่มหรือไม่ ?
เจียงโม่หานนำผ้าเช็ดหน้าที่หลินเว่ยเว่ยเพิ่งยื่นให้มาชุบน้ำแล้วเช็ดใบหน้าน้อย ๆ ของภรรยาจนสะอาด เมื่อเช็ดคราบเลือดและคราบสกปรกบนใบหน้าหมดแล้ว ใบหน้าอวบอิ่มของเธอก็ถูกเผยออกมา ขนตางอนยาว ปากนิดจมูกหน่อย…ไม่จัดว่าสวยมาก แต่ในสายตาของเขากลับดูน่ารักสุด ๆ
เขาหัวเราะเบา ๆ “ฉันชื่อเจียงโม่หาน เจียง มาจากเจียงจื่อหยา (นักยุทธศาสตร์การสงครามที่เก่งกาจที่สุดในประวัติศาสตร์จีน) โม่ มาจากบี่โม่ (พู่กันและหมึก) หาน มาจากหานเฟยจื่อ (ยอดตำราปรัชญาที่ประกอบด้วยบทความทั้งสิ้น 55 บท เนื้อหาภายในมีความยาวกว่า 100,000 ตัวอักษร) ปีนี้อายุ 24 ปี เรียนอยู่ในสำนักวิชาโบราณคดีและพิพิธภัณฑ์วิทยา มหาวิทยาลัยปักกิ่ง ที่บ้านเปิดร้านขายของเล็ก ๆ ในตลาดพานเจียหยวน ส่วนรู้จักกับเว่ยเอ๋อร์ได้อย่างไร…ฉันคิดว่าคงเป็นเพราะวาสนาจากชาติก่อน ! ”
ถานจิงจิงยกมือขึ้นจับแก้มแล้วพูดด้วยสีหน้าหลงใหล “ว้าว ! นักศึกษาหัวกะทิของมหาวิทยาลัยปักกิ่ง หล่อกันแบบนี้หมดเลยหรือ ? ได้กลับมาพบกันจากอดีตชาติอีกครั้ง พล็อตเรื่องนี้น่าตื่นเต้นยิ่งกว่าในนิยายเสียอีก ! ”
ดวงตาของหลินเว่ยเว่ยค่อย ๆ เบิกโตขึ้น “นายไม่ใช่นักศึกษามหาวิทยาลัยของเรา ? แล้วทำไมนั่งรถคันเดียวกับเราได้ล่ะ ? ”
เจียงโม่หานเกาจมูกเธอ…การกระทำนี้ เขาไม่ได้ทำมานานมากแล้ว หลังหัวเราะแล้วเขาก็พูดต่อ “พวกอาจารย์ที่ปรึกษาของฉันเจอวัตถุโบราณในหุบเขาลึกจึงโทรเรียกให้ฉันไปช่วยดู พอดีกับที่รถบัสของมหาวิทยาลัยพวกเธอผ่านไปทางนั้น ฉันจึงขอติดรถมาด้วย…”
ขณะมองคนบาดเจ็บที่นั่งกระจัดกระจายตัวกันออกไป ถานจิงจิงก็ถอนหายใจ “คาดไม่ถึงว่าการขอติดรถมานี้เกือบพาพี่ชายไปเยือนนรก ? ”
ขณะมองเศษซากรถบัสที่ระเบิดและยังติดไฟอยู่ เธอก็เริ่มหวาดกลัว ถ้าไม่ได้คู่ ‘วาสนา’ ของเว่ยเว่ยช่วยพาทุกคนออกจากรถ พวกเธอก็คงจะตายเพราะการระเบิดเมื่อครู่แล้ว
ฮือฮือฮือฮือ ถ้าช้าอีกหน่อย น้องเล็กของพวกเธอก็คง…ถานจิงจิงเข้าไปสวมกอดหลินเว่ยเว่ยเพราะเกือบจะต้องสูญเสียเพื่อนสนิทไปแล้ว
เจียงโม่หานพยายามอดทน แต่สุดท้ายก็ทนไม่ได้อยู่ดี เขาดึงมือที่ถานจิงจิงกอดภรรยาออก “แขนของหล่อนบาดเจ็บ เธอทำแบบนี้จะทำให้หล่อนเจ็บกว่าเดิม”
“เธอทำแบบนี้จะทำให้หล่อนเจ็บกว่าเดิม…” ถานจิงจิงมุ่ยปากพลางพูดทวนประโยคของเขาด้วยเสียงแผ่วเบา ก่อนจะเข้าไปกระซิบข้างหูหลินเว่ยเว่ยว่า “ดูเถอะว่าเป็นห่วงเธอขนาดไหน ! เฮ้อ…ฉันไม่เล่นด้วยแล้ว เทพบุตรของฉันโดนเธอแย่งไปแล้ว ยัยน้องเล็ก เธอจะชดใช้ให้ฉันอย่างไร ? ”
“หม้อไฟที่ตงไหลซุ่น หรือกินเป็ดย่างที่เฉวียนจี้เต๋อ เธอเลือกได้เลย ! ” หลินเว่ยเว่ยพูดแบบคนรวย
“สุดยอด ! คนที่มีแฟนแล้วแตกต่างไปจริง ๆ ! ” ถานจิงจิงมองหลินเว่ยเว่ยตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้า เหมือนน้องเล็กจะแตกต่างไปจากเดิม…ส่วนต่างไปตรงไหน เธอก็ไม่รู้เหมือนกัน บางทีอาจดูร่าเริงและมั่นใจในตัวเองมากขึ้นกระมัง ?
ถานจิงจิงไม่พูดเรื่องพวกนี้อีก เธอโบกมือ “รอดพ้นจากอันตรายมาได้ ย่อมมีโชคดีรออยู่ ควรกินอะไรฉลองหน่อย ฉันคิดว่าพวกเราคงไม่ได้ไปฝึกงานแล้วล่ะ ! รอกลับถึงปักกิ่งแล้วเรียกพี่ใหญ่กับพี่สาวมากินข้าวด้วยกันสักมื้อ ! โอย หิวจัง…”
ขณะพูด ท้องของเธอก็ร้อง เพียงเพื่อลดน้ำหนักแล้วเธอจึงไม่ได้กินข้าวเช้า ตอนนี้เป็นยามบ่ายแล้วไม่รู้ว่าหน่วยกู้ภัยจะมาเมื่อใด เธอคงไม่ได้รอดจากรถตกเหว แต่ต้องมาตายเพราะหิวแทนหรอกนะ ?
หลินเว่ยเว่ยจำได้ว่าก่อนเกิดเหตุ ตัวเองกินบะหมี่กึ่งสำเร็จรูปไปหนึ่งถ้วยจึงไม่ได้รู้สึกหิวเท่าไร เธอมองเพื่อนสนิทด้วยความเห็นใจ…ในห้วงมิติน้ำพุวิญญาณของเธอมีอาหารสำเร็จรูปอยู่มากมาย แต่หยิบออกมาไม่ได้ ! จึงได้แต่พูดเบา ๆ ว่า ‘ขอโทษนะ เพื่อนรัก ! ’
โชคดีที่ผ่านไปไม่นานก็มีเสียงไซเรนของรถพยาบาลและรถกู้ภัยดังขึ้น พวกเขามาพร้อมกันและยังมีพวกนักข่าวที่ได้ยินแล้วตามมารายงานข่าวด้วย ตอนพวกเขารู้จากพวกอาจารย์และนักศึกษามหาวิทยาลัยเกษตรว่าคนที่ช่วยพวกตนไว้คือเจียงโม่หาน พวกนักข่าวก็เข้ามาจ่อไมค์ใกล้ปากเขาทันที…เสียสละ ช่วยเหลือผู้อื่น ใช้กำลังของตนช่วยเหลืออาจารย์ นักศึกษาและคนขับไว้ได้หมดทั้งคันรถ นอกจากนี้ยังช่วยทำแผลแบบง่าย ๆ ให้พวกผู้บาดเจ็บ ไม่มีคนเสียชีวิตในเหตุการณ์นี้สักคน นี่เป็นความยอดเยี่ยมขนาดไหน ! สมควรแล้วที่จะทำข่าวและได้รับรางวัล !
เปลพยาบาลมีไม่เพียงพอจึงได้แต่ช่วยคนที่บาดเจ็บหนักก่อน เจียงโม่หานตอบคำถามนักข่าวไปพลางมองหลินเว่ยเว่ยไปด้วย เมื่อเห็นว่าถานจิงจิงกำลังประคองเธอให้ลุกขึ้น เขาก็พูดกับนักข่าวว่า “ขอโทษนะครับ อาจารย์และนักศึกษาที่บาดเจ็บพวกนั้นต้องการผม ต้องขอตัวก่อน ! ”
นักข่าวเหล่านี้มีทั้งที่มาจากหนังสือพิมพ์ปักกิ่งหรือจากสถานีโทรทัศน์ นี่เป็นโอกาสดีที่จะได้สร้างชื่อเสียงเชียวนะ ! พวกเขาคาดไม่ถึงว่านักศึกษาหนุ่มคนนี้จะมีจิตอาสามากเหลือเกิน เพียงเพื่อช่วยคนเจ็บแล้วถึงขั้นทิ้งโอกาสสร้างชื่อเสียงตามหน้าหนังสือพิมพ์หรือสื่อโทรทัศน์ ! เด็กหนุ่มที่ดีถึงขนาดนี้สมควรถูกยกย่องให้เป็นแบบอย่างและเผยให้โลกได้รู้…
เจียงโม่หานสาวเท้าไปสองสามก้าวแล้วอุ้มหลินเว่ยเว่ยขึ้นมา เขาพาเธอไปที่รถพยาบาล ถานจิงจิงที่เดินอยู่ข้างหลังก็มีดวงตาเป็นประกาย…ว้าว ! ท่าอุ้มองค์หญิง แมนมาก !
กล้องของสื่อก็จับภาพชายหนุ่มผู้ ‘ชอบช่วยเหลือผู้คน’ คนนี้อยู่เช่นกัน ในการถ่ายทอดสด นักข่าวใช้คำพูดที่สละสลวยเพื่อบรรยายความมีจิตใจดีของนักศึกษาหนุ่มหล่อคนนี้
…
ณ ตลาดพานเจียหยวน…ในร้านขายวัตถุโบราณขนาด 3 ชั้น 5 ห้องและมีสวนดอกไม้หลังร้าน ปรากฏผู้ชายอายุ 40 ปีคนหนึ่งกำลังใช้มือจับถ้วยน้ำชาสีม่วงไว้และถือรีโมทโทรทัศน์ไว้ด้วยมืออีกข้าง เขากำลังกดปุ่มเลื่อนดูรายการโทรทัศน์ด้วยความเบื่อหน่าย…เขาเลี้ยงลูกชายสุดที่รักมาแบบเสียเปล่า เพราะอาจารย์ที่ปรึกษาโทรมาแค่สายเดียวก็สามารถเรียกตัวลูกชายไปได้แล้ว ปล่อยร้านใหญ่ ๆ นี้ให้พ่อดูแลเพียงคนเดียว ช่างอกตัญญูจริง ๆ !
ทันใดนั้นเอง ท่านั่งที่ดูสบายของเขาก็แปรเปลี่ยนเป็นนั่งตัวตรง…ใบหน้าหล่อเหลาในโทรทัศน์นั้นไม่ใช่ลูกชายอกตัญญูของเขาหรือ ? เจ้าตัวแสบ ทำไมถึงไปออกโทรทัศน์ได้ ? หรืออยากเข้าวงการบันเทิง ? ใช่ว่าตนเข้าข้างลูกชายนะ แต่ใบหน้าของเจ้าลูกเนรคุณนี้สามารถฆ่าสาว ๆ ให้ตายได้ภายในไม่กี่วินาที ถ้าอยู่ในวงการบันเทิงจะต้องเป็นตัวท็อปแน่นอน…
รอเดี๋ยว ! อุบัติเหตุรถบัสตกเหว ? จะ…เจ้าตัวแสบทำตัวประมาทเกินไปหน่อยแล้ว ?
แม้ปากจะด่าเจ้าตัวแสบอย่างโน้นอย่างนี้ แต่ใบหน้าที่เคยสง่างามของเขาก็เปลี่ยนไปทันที เขารีบโยนรีโมททิ้งแล้วหยิบโทรศัพท์ขึ้นมา ขณะที่มือกดหมายเลขก็เริ่มสั่นอย่างไม่อาจควบคุมได้
สายแรก ไม่มีคนรับ สายที่สอง ยังไม่มีคนรับ สายที่สาม ก็ยังไม่รับ…เจียงเฉิงซู่กดโทรออกอย่างไม่รู้จักเหน็ดเหนื่อย ในที่สุด…ปลายสายก็มีเสียงที่คุ้นเคยของเจ้าตัวแสบดังขึ้นและเสียงไซเรนของรถพยาบาลด้วย…