บทที่ 697 อำนาจแห่งโคมไฟ
บทที่ 697 อำนาจแห่งโคมไฟ
ซูอันเฝ้าดูการต่อสู้ดำเนินต่อไป ไม่ว่าการโจมตีของเหล่าภูตดำจะน่าทึ่งและสลับซับซ้อนแค่ไหน กลุ่มของแปดเดียวดายยังคงไม่สะทกสะท้านอย่างสมบูรณ์ภายใต้เกราะม่านพลังโปร่งแสง พวกเขาไม่ได้รับผลกระทบจากการโจมตีโดยสิ้นเชิง
เหล่าภูตดำยังคงโจมตีอย่างรุนแรง แต่เกราะโปร่งแสงของแปดเดียวดายดูเหมือนจะไม่ได้รับความเสียหาย ในทางตรงกันข้ามแปดเดียวดายกลับมีอิสระที่จะใช้ธาตุของตนเพื่อโจมตีตอบโต้ได้ตามต้องการ ในไม่นานค่ายกลผสานพลังของเหล่าภูตดำก็สลายลง
ซ่างหงกล่าวด้วยน้ำเสียงจริงจังว่า “ทุกอย่างล้วนมีคู่ปรับตามธรรมชาติ ไม่มีอะไรอยู่ยงคงกระพัน ตัวอย่างเช่น หากโล่ธาตุของแปดเดียวดาย ถูกโจมตีจากธาตุที่เป็นปฏิปักษ์ การโจมตีนั้นจะมีประสิทธิภาพมากขึ้น”
ซูอันคิดถึงการบรรยายที่สถาบันจันทร์กระจ่าง น้ำชนะไฟ ไฟชนะโลหะ โลหะชนะไม้ ไม้ชนะดิน ดินชนะน้ำ นอกจากนี้ ไม้ยังต้านลม ในขณะที่ดินต้านสายฟ้า ไฟฟ้าชนะน้ำแข็ง…
ธาตุเหล่านี้ไม่เพียงแต่มีปฏิสัมพันธ์ที่ตรงกันข้ามเท่านั้น แต่กลับมีคุณสมบัติเสริมฤทธิ์กันได้หลายอย่าง เมื่อใช้ร่วมกันจะก่อให้เกิดพลังที่มากกว่าธาตุเดียวได้
ราวกับว่าคำพูดของซ่างหงได้จุดประกายความคิดให้กับพวกภูตดำ พวกเขาจึงเปลี่ยนกลยุทธ์และเริ่มโจมตีเป้าหมายที่พวกเขาได้เปรียบ
ในเวลาอันสั้นแปดเดียวดายก็เริ่มสั่นคลอน เกราะธาตุของผู้บ่มเพาะธาตุไม้เป็นคนแรกที่ถูกเจาะ และในไม่ช้า การป้องกันของคนอื่น ๆ อีกหลายคนก็ล้มเหลวเช่นกัน แม้แต่ชิวฮัวเล่ยยังต้องก้าวเข้ามาช่วยพวกเขา
แม้จะมีความสับสนวุ่นวายอย่างกะทันหัน แต่สำนักมารก็ค่อย ๆ กลับมาได้เปรียบอีกครั้ง พวกเขาทั้งหมดเป็นผู้เชี่ยวชาญอย่างยิ่งยวดในธาตุของตน แม้จะไม่มีเกราะป้องกัน พวกเขาก็ยังแข็งแกร่งมหาศาล
อย่างไรก็ตาม ม่านพลังที่ทำให้พวกเขาอยู่ยงคงกระพันได้ถูกทำลายลงแล้ว
ซูอันเข้าใจทันทีว่าทำไมสถาบันจันทร์กระจ่างถึงเน้นว่าผู้บ่มเพาะระดับหกขึ้นไปสามารถเอาชนะได้ไม่ง่ายนัก
ผู้บ่มเพาะระดับหกทุกคนสามารถใช้ธาตุของตนเองเป็นม่านพลังป้องกันได้ ในกรณีส่วนใหญ่ เกราะป้องกันธาตุนี้จะถูกทำลายโดยธาตุที่แพ้ทางกันเท่านั้น ผู้บ่มเพาะระดับล่างไม่อาจใช้พละกำลังเพียงอย่างเดียวในการเจาะทะลุการป้องกันของผู้บ่มเพาะระดับหกได้ไม่ว่าจะพยายามมากแค่ไหนก็ตาม
หรือต่อให้ผู้บ่มเพาะระดับห้าคนไหนโชคดีพอที่เขานั้นมีธาตุที่ชนะทางและทำลายเกราะธาตุของผู้บ่มเพาะระดับหกได้ แต่ท้ายที่สุด ความหนาแน่นของพลังชี่ และระดับการบ่มเพาะของเขาก็ยังคงต่ำกว่า ส่งผลให้พ่ายแพ้เช่นเดิม
ซูอันเกิดความคิดขึ้นมาอย่างกะทันหัน “ถ้างั้นหากเราสามารถใช้ธาตุได้หลายธาตุพร้อมกัน มันก็แปลว่าเราสามารถสู้กับผู้บ่มเพาะได้หลายคนในเวลาเดียวกันงั้นเหรอ?”
ตัวเอกของนิยายที่เขาอ่านล้วนมีทักษะในทุกธาตุ การบ่มเพาะสองธาตุไม่ถือว่าพิเศษเลย
เสียงเยาะเย้ยของซ่างเชียนดังขึ้นก่อนที่ซ่างหงจะทันได้ตอบ “คิดแล้วไม่มีผิด จะไปคาดหวังอะไรมากได้ยังไงจากสวะที่ใช้ชีวิตอยู่แต่ข้างถนนมาโดยตลอด เฮอะ แม้แต่ความรู้ในเรื่องพื้นฐานที่สุดก็ยังไม่มี! ธาตุที่แตกต่างกันจะเกิดปฏิกิริยารุนแรงทันทีเมื่อพวกมันสัมผัสกัน ดังนั้นแล้วใครกันจะสามารถปลุกธาตุหลาย ๆ อย่างในตัวเองได้? เจ้านี่มันโคตรโง่เลย!”
ซูอันตอบโต้ด้วยการโอบแขนรอบเอวอันอ่อนนุ่มของเจิ้งตาน “ที่รัก มานี่สิ กอดข้าหน่อย”
ในขณะนี้พวกเขาอยู่ต่อหน้าผู้คนมากมาย! เจิ้งตานหน้าแดงก่ำ นางผลักเขาออกไป และใช้หมัดทุบเขาสองสามครั้ง
ซ่างเชียนโกรธมาก เจ้ากล้าลวนลามภรรยาต่อหน้าข้าเหรอ!!!
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
เขากำลังจะหมดความอดทน แต่ซูอันกลับชี้นิ้วไปที่ชุดของตัวเองและ เจิ้งตาน “เจ้าต้องระวังตัวตนของเราตอนนี้! ข้ากอดภรรยาของตัวเองแล้วมันเป็นยังไง?”
ซ่างเชียนรู้สึกอับจน เพราะทุกคนต่างมองว่าเขาคือซูอันและไม่อาจแก้ไขความเข้าใจผิดนี้ได้
สัตว์ประหลาดทั้งสองกลุ่มนี้มาเพื่อแย่งชิงตัวซูอันอย่างชัดเจน ทุกคนที่ไม่เกี่ยวข้องจะถูกฆ่าตายอย่างแน่นอน มันคงจะดีกว่าหากเขายังคงเป็นซูอันต่อไปอีกซักพัก
การอยู่รอดเป็นสิ่งที่สำคัญที่สุด! เขาสามารถทนต่อสิ่งอื่นได้ในตอนนี้ มาดูกันว่าใครจะหัวเราะเป็นคนสุดท้าย…
แต่สิ่งหนึ่งที่ทำให้เขากังวลก็คือชิวฮัวเล่ย นางจำเขาได้ เขาจึงไม่แน่ใจว่านางจะเปิดโปงเขาหลังจากนี้หรือเปล่า
ทว่าความโกรธแค้นในตัวเขาเริ่มเดือดพล่านมากขึ้น เมื่อเขามองเห็นซูอันโอบเจิ้งตานเข้าไปในอ้อมกอดแล้วทำท่ากล่อมโยกไปโยกมา
กวนประสาท!
—
ท่านยั่วยุซ่างเชียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 516…516…516…
—
ซ่างหงกล่าวพร้อมกับไอค่อกแค่กว่า “โลกนี้ช่างกว้างใหญ่ ไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้เลยที่จะมีผู้บ่มเพาะสองธาตุ อย่างไรก็ตาม แม้ข้าจะพบเห็นหลายสิ่งที่แปลกประหลาดมามากมายในชีวิตนี้ แต่ข้ายังไม่เคยเจอใครแบบนั้นมาก่อนเลย”
ถ้าแม้แต่ชายชราอย่างซ่างหงยังพูดแบบนี้ ดูเหมือนว่าซูอันจะมีโอกาสปลุกธาตุเกินหนึ่งไม่มากนัก ซ่างหงเป็นผู้บ่มเพาะระดับแปดแล้ว และถึงกับดำรงตำแหน่งสำคัญในเมืองหลวง ซึ่งหมายความว่าเขาได้เห็นสิ่งต่าง ๆ มากมายมาตลอดชีวิตอย่างแน่นอน
ถ้าเขาสามารถเป็นเจ้าแห่งธาตุทั้งหมดได้เหมือนกับตัวเอกในนิยาย เขาจะสามารถฆ่าศัตรูใด ๆ ก็ตามที่พบเจอในโลกนี้
อย่างไรก็ตาม ซูอันรู้สึกหดหู่ทันทีที่ความคิดนี้ปรากฏในหัวของเขา อย่าเพิ่งคิดถึงความเชี่ยวชาญในหลายธาตุเลย มาถึงระดับห้าแล้วข้ายังปลุกไม่ได้แม้แต่ธาตุเดียว…
สถานการณ์ในสนามรบพลิกผันอย่างกะทันหันเมื่อชิวฮัวเล่ยโยนโคมที่เรืองแสงสีเหลืองขึ้นไปบนท้องฟ้า แม้แสงไฟของมันจะดูอ่อนแอราวกับว่าแค่ลมเพียงแผ่วเบาก็สามารถดับมันได้ แต่ผ่านไปเพียงพริบตาสนามรบทั้งหมดกลับถูกอาบไปด้วยแสงของมัน
แสงสีเหลืองอ่อน ๆ ดูอบอุ่น แต่ภูตดำทั้งหมดกลับรู้สึกหนาวสั่นในทันที พวกเขาไม่สามารถล่องหนได้อีกแล้ว! ภายใต้แสงสีเหลือง ทุกคนสามารถมองเห็นร่างที่พร่ามัวหลายร่าง แม้ว่าจะไม่ชัดเจนนักแต่ก็มากเกินพอสำหรับผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังจะจับเป้าได้
ที่น่ากลัวยิ่งกว่าสำหรับภูตดำก็คือว่าโคมดูเหมือนจะสามารถจำกัดการเคลื่อนไหวของพวกเขาได้! คุณลักษณะที่แข็งแกร่งที่สุดของพวกเขาคือความเร็ว แต่เมื่อสัมผัสกับแสงสีเหลืองนี้ พวกเขารู้สึกราวกับว่ากำลังเคลื่อนที่ผ่านหนองน้ำ ความเร็วในการเคลื่อนที่ลดลงอย่างมาก
แปดเดียวดายใช้โอกาสนี้ร่วมมือกันโจมตีอย่างดุเดือด ในชั่วพริบตาภูตดำบางคนก็ถูกสายฟ้าฟาด ในขณะที่อีกคนหนึ่งถูกแช่แข็งและถูกทุบจนแหลกเป็นชิ้น ๆ ด้วยหมัดอันทรงพลัง เหยื่อรายที่สามส่งเสียงร้องอย่างน่าสมเพชขณะที่ถูกเผาทั้งเป็น ทุกคนในรถม้าตัวสั่นเมื่อได้ยินเสียงกรีดร้องอันโหยหวน