บทที่ 699 กินอะไรทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 699 กินอะไรทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?

บทที่ 699 กินอะไรทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?

ซูอันมีสีหน้าแปลก ๆ เหมียนหมานใหญ่ ร่างกายของเจ้าเป็นงานศิลปะที่ไม่เหมือนใครจนสุดแสนจะจดจำได้ง่ายดาย เจ้าไม่มีทางปกปิดตัวเองได้จากคนที่คุ้นเคยกับเจ้าแน่

ว่าแต่ผู้หญิงคนนี้ชอบออกกำลังกายหรืออะไร? ต่อให้เจ้าอาจจะเกลียดชุดกระโปรงรุ่มร่าม แต่…ทำไมเจ้าต้องใส่ชุดรัดรูปอยู่เสมอ?

เพ่ยเหมียนหมานหันกลับมากระชากประตูรถม้าให้หลุดออก ก่อนนางจะคว้าตัว ‘ซูอัน’ โดยไม่รู้ตัว อยากจะพาเขาไปด้วย แต่แทบจะในทันทีที่นางจับแขนอีกฝ่าย นางรู้สึกตัวว่าคนที่นางคว้าไว้คือซ่างเชียน!

ด้วยความตกใจ นางมองออกไปด้านข้างและเห็นซูอันตัวจริงในชุดเจ้าบ่าวและเจิ้งตานในชุดเจ้าสาว แขนของพวกเขาโอบรอบกันและกัน ใบหน้าของนางมืดลงพร้อมกับพ่นลมหายใจอย่างเย็นชา “ข้าคิดว่าเจ้ากำลังมีช่วงเวลาที่ยากลำบาก แต่ดูเหมือนว่าเจ้ากำลังมีความสุขดีนี่!”

“นางนั่นเอง” ชิวฮัวเล่ยพึมพำกับตัวเอง นางเคยต่อสู้กับผู้หญิงคนนี้ในเมืองจันทร์กระจ่าง นอกจากซูอันแล้ว นางน่าจะเป็นคนเดียวในที่นี้ที่รู้จักหญิงสาวผู้มาใหม่ดีที่สุด

นางหวนกลับไปคิดถึงการต่อสู้ครั้งก่อน แต่ดวงตาของนางล่องลอยไปที่หน้าอกของอีกฝ่ายโดยไม่รู้ตัว นางกัดริมฝีปาก ผู้หญิงคนนี้กินอะไรทำไมถึงได้ใหญ่ขนาดนี้?

นางค่อนข้างภูมิใจในรูปร่างของตัวเอง แต่เมื่อเทียบกับเพ่ยเหมียนหมานแล้ว เห็นได้ชัดว่ายังขาดแคลนขนาดหน้าอกอยู่ไม่น้อย

“ฆ่าซูอันซะ!” หัวหน้าภูตดำคำรามออกคำสั่ง ขณะนี้ใบหน้าของเขาซีดเผือด เขาวางคันธนูลง การยิงลูกธนูพิเศษนี้ส่งผลเสียต่อร่างกายของเขามาก ตอนนี้ตัวเองถึงขีดจำกัดแล้วและเขาจะไม่สามารถยิงธนูได้ในระยะเวลาหนึ่ง

หลังจากได้ยินคำสั่งของเขา ภูตดำคนอื่น ๆ ก็เคลื่อนไหวแทบจะพร้อมกัน มุ่งหน้าเข้าหารถม้าด้วยเจตนาสังหาร

ซ่างเชียนเริ่มหวาดกลัว ที่เขายอมแต่งตัวเป็นซูอันเพราะต้องการเอาชีวิตรอด เขาชี้ไปที่ซูอันและตะโกนสุดเสียง “ข้าไม่ใช่ซูอันโว้ย! เขาต่างหาก! อย่าเข้าใจผิดว่าข้าเป็นเขา!”

ซูอันจ้องไปที่ซ่างเชียนครู่หนึ่ง ก่อนที่จะส่ายหัวและพูดว่า “นายน้อยซ่าง เจ้ากำลังละทิ้งชื่อเสียงของตัวเองอย่างน่าสังเวช”

ซ่างเชียนเห็นแววดูถูกในสายตาของเจิ้งตาน เช่นเดียวกับการขมวดคิ้วของบิดาของเขา เขารู้ว่าการกระทำที่ขี้ขลาดของเขาค่อนข้างน่าละอาย แต่ตอนนี้เรื่องอื่น ๆ ล้วนไร้ความหมาย ขณะนี้การเอาตัวรอดสำคัญกว่าสิ่งอื่นใด!

หัวหน้าภูตดำขมวดคิ้ว ตอนนี้เขาเองก็เริ่มรู้สึกสับสน เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นตั้งแต่แรกจวบจนตอนนี้ต่างบ่งชี้ว่าคนที่อยู่ในชุดเจ้าบ่าวน่าจะเป็นซูอัน แต่เขาก็ยังกังวลว่าศัตรูอาจจงใจหลอกเขา

นอกจากนี้ คุณลักษณะที่โดดเด่นอย่างหนึ่งของซูอันก็คือชอบดูถูกเหยียดหยาม

แน่นอน คนที่เพิ่งตะโกนขายเพื่อนดูเหมือนจะรวมเอาคุณลักษณะนี้ไว้อย่างสมบูรณ์…

เขาออกคำสั่งทันที “ช่างมัน! ฆ่าพวกมันให้หมดไปเลย!”

เขายอมฆ่าผู้บริสุทธิ์มากกว่าปล่อยให้ซูอันหนีไปได้

ซ่างเชียนหยุดส่งเสียงทันทีแล้วขมวดคิ้วอย่างงุนงง

ทำไมคนพวกนี้ไม่ทำตามที่ข้าคิดไว้?

เหล่านักฆ่าภูตดำได้ล้อมรถม้าไว้แล้ว ทุกคนกวัดแกว่งกระบี่ไปมา

เพ่ยเหมียนหมานส่งเปลวไฟสีดำไปทางซ้ายและขวา นางรู้ว่าระดับการบ่มเพาะของภูตดำพวกนี้ไม่ต่ำไปกว่านาง ดังนั้นนางจึงไม่ได้คาดหวังสักเท่าไหร่ว่านางจะชนะ นางเพียงสวดอ้อนวอนให้ซื้อเวลาได้เพิ่มอีกนิด เผื่อว่าผู้หญิง ‘คนนั้น’ จะสอดมือเข้ามา

แน่นอนว่าขณะที่สถานการณ์ยิ่งสิ้นหวังมากขึ้น ชิวฮัวเล่ยก็รีบเรียกสหายของนาง “ช่วยพวกเขา!”

แปดเดียวดายเข้าใจวัตถุประสงค์ของภารกิจเป็นอย่างดี เจ้าสำนักกล่าวอย่างชัดเจนว่าจะต้องได้ตัวซูอันไม่ว่าจะเกิดอะไรขึ้น พวกเขาจะปล่อยให้ศัตรูฆ่าเป้าหมายของภารกิจได้อย่างไร?

ผู้บ่มเพาะธาตุดินซึ่งมีการป้องกันที่แข็งแกร่งที่สุดอยู่ข้างหลังเพื่อคอยปกป้องชิวฮัวเล่ยในขณะที่คนอื่น ๆ ทั้งหมดรีบพุ่งไปที่รถม้า

หัวหน้าภูตดำแม้จะหมดแรงแต่เขาไม่มีทางเลือกอื่นนอกจากต้องชักอาวุธเข้าร่วมการต่อสู้อีกครั้ง

ท้ายที่สุด ทั้งสองฝ่ายต้องการบรรลุวัตถุประสงค์โดยเร็วที่สุด นี่เป็นเหตุผลที่ไม่มีใครยอมถอย เคล็ดวิชาการโจมตีต่าง ๆ ที่ดูตื่นตาถูกปลดปล่อยออกมามากมายทุกคนต่างต่อสู้กันอย่างเอาเป็นเอาตายใช้บาดแผลแลกบาดแผล

ซูอันสังเกตสถานการณ์อย่างระมัดระวัง เขากังวลเรื่องความปลอดภัยของเพ่ยเหมียนหมานเพราะระดับการบ่มเพาะของนางนั้นต่ำที่สุดในบรรดาคนทั้งหมด มีเพียงเปลวไฟสีดำที่ไม่ธรรมดาของนางเท่านั้นที่ทำให้นางต่อสู้กับผู้บ่มเพาะระดับสูงกว่าเหล่านี้ได้จนถึงตอนนี้

ซ่างหงถอนหายใจ “คนรุ่นใหม่เดี๋ยวนี้ช่างมากพรสวรรค์กันเสียจริง ทั้ง ๆ ที่เด็กขนาดนี้แต่กลับสำเร็จถึงระดับหกแล้ว! พรสวรรค์ระดับนี้หายากยิ่งนัก”

“ระดับหก?”ซูอันสามารถบอกได้ว่าซ่างหงกำลังพูดถึงเพ่ยเหมียนหมาน เมื่อตรวจสอบอย่างละเอียดถี่ถ้วนแล้ว เขาสังเกตเห็นว่ามีชั้นเกราะธาตุที่ทำจากเปลวไฟสีดำห่อหุ้มร่างกายของนางอยู่ซึ่งเป็นเครื่องหมายของผู้บ่มเพาะระดับหก ไม่น่าแปลกใจที่นางสามารถยืนหยัดต่อสู้กับคู่ต่อสู้ที่ทรงพลังมากมายได้ยาวนานจนถึงตอนนี้

ดูเหมือนว่านางจะซ่อนความแข็งแกร่งที่แท้จริงไว้ตลอดเวลา!

ซูอันเดาะลิ้น โลกนี้มันอะไรมากมาย? ทำไมถึงมีปลาฉลามเต็มสระไปหมด? ในอนาคตข้าควรจะลดการคุยโวโอ้อวดบ้าง ไม่อย่างนั้นข้าอาจจะกลายเป็นอาหารของฉลามเหล่านี้…

ขณะที่ชายหนุ่มกำลังถอนหายใจในเรื่องนี้ รถม้าก็กระตุกในทันใด ทุกคนในรถหน้าคะมำลงและซูอันก็ทรุดตัวลงในอ้อมอกของเจิ้งตาน

นุ่มนิ่มจริง ๆ!

น่าเสียดายที่เขาไม่มีเวลาอิ่มเอมอย่างเต็มที่ในตอนนี้ เขาหันกลับมาและเห็นว่าหวงฮุ่ยฮงที่ได้รับบาดเจ็บสาหัสได้กระโดดไปที่ด้านหน้าของรถม้า และรีบฟาดแส้บังคับรถม้าให้มุ่งลึกเข้าไปในหุบเขา

ทั้งภูตดำและผู้คนจากสำนักมารต่างก็สังเกตเห็นสิ่งนี้ พวกเขาทั้งหมดต้องการไล่ตามรถม้า แต่พวกเขาก็พัวพันกันจนไม่สามารถหลุดพ้นได้ในทันที เพ่ยเหมียนหมานต้องการไล่ตามรถม้าไปเช่นกัน แต่ทั้งสองฝ่ายต่างก็กักตัวนางไว้ เห็นได้ชัดว่าไม่ต้องการให้โอกาสนางร่วมมือกับซูอัน

ซูอันและคนอื่น ๆ ยังคงอยู่ในรถม้าของหลิวเหย่า รถม้าคันนี้ได้รับการออกแบบใหม่เป็นพิเศษ ลากโดยม้าที่ดีที่มีความแข็งแกร่งสูง ล้อของรถม้าทั้งหมดถูกสลักอักขระด้วยธาตุลม ซึ่งไม่เพียงแต่ทำให้พวกมันเบาแต่ยังเพิ่มความเร็วอย่างเห็นได้ชัดอีกด้วย

หวงฮุ่ยฮงพึ่งพาความพิเศษของรถม้านี้หนีออกจากสนามรบได้สำเร็จ และพวกเขาก็หายตัวเข้าไปในป่าอย่างรวดเร็ว