ตอนที่ 715 กงเสวี่ยฉินยุแยงให้ร้าวฉาน

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 715 กง​เสวี่ย​ฉิน​ยุแยง​ให้​ร้าวฉาน​

วันนี้​เป็น​วัน​ปีใหม่​ และ​จะมีการประกวด​ชิงรางวัล​นางแบบ​ห้อง​เสื้อ​จิ่น​ซิ่ว​ใน​ตอนเย็น​

ใน​ช่วง​ปี​ 1980 แม้แต่​สถานีวิทยุโทรทัศน์​กลาง​ก็​ไม่ยัง​ไม่สามารถ​ถ่ายทอดสด​ได้​

แต่ละ​รายการ​ได้รับ​การ​บันทึก​การถ่ายทำ​ล่วงหน้า​ จากนั้น​จึงนำมา​ตัดต่อ​และ​ออกอากาศ​

ใน​ฐานะ​ CEO ของ​ว่าน​ถงกรุ๊ป​ หลิน​ม่าย​จำเป็นต้อง​ไป​ยัง​สถานี​เพื่อ​แสดง​ความเสียใจ​ต่อ​ผู้เข้าแข่งขัน​ที่​ยังคง​มาบันทึก​รายการ​ใน​ช่วง​เทศกาล​วันหยุด​

เธอ​ปฏิบัติตาม​หนทาง​ที่​เป็นมิตร​กับ​ผู้คน​เสมอมา​ และ​กลายเป็น​บุคลิก​ที่​ขาดไม่ได้​

เมื่อ​มาถึงห้อง​อัด​ของ​สถานีวิทยุโทรทัศน์​กลาง​ การแสดง​กำลัง​ดำเนิน​ไป​อย่าง​เต็ม​รูปแบบ​

ทั้ง​กง​เสวี่ย​ฉิน​และ​ตู้​เจวียน​ต่าง​เข้าร่วม​การแข่งขัน​ใหม่​

ทีมงาน​ของ​รายการ​ได้​ทำให้​ทั้งสอง​กลายเป็น​เทพี​ผู้เชี่ยวชาญ​ด้าน​วิชาการ​ที่​ผสมผสาน​ด้วย​ภูมิปัญญา​และ​ความงาม​เข้าด้วยกัน​อย่าง​สมดุล​

ทั้งสอง​กลาย​เป็นที่นิยม​มาก​ใน​หมู่​ผู้ชม​

ใน​ตอนนั้น​กง​เสวี่ย​ฉิน​ลาก​ตู้​เจวียน​เข้าร่วม​การประกวด​ เพราะ​ต้องการ​ให้​ตู้​เจวียน​วิ่ง​ไล่ตาม​และ​เป็นการ​เน้นย้ำ​ความเป็นเลิศ​ของ​ตัวเอง​

แต่​ไม่คาดคิด​ ตู้​เจวียน​ที่​หน้าตา​ไม่ดี​เท่า​หล่อน​กลับ​แสดงออก​ได้ดี​ยิ่งกว่า​

ความนิยม​ของ​ตู้​เจวียน​ได้รับ​การ​โหวต​ให้​อยู่​ใน​สิบ​อันดับ​แรก​ ขณะที่​กง​เสวี่ย​ฉิน​อยู่​ใน​อันดับ​ที่​สามสิบ​

ตู้​เจวียน​ได้​กลายเป็น​คน​ที่​หล่อน​เข้า​ไม่ถึง ซึ่งนั่น​เกือบ​ทำให้​หล่อน​ระเบิดอารมณ์​ด้วย​ความ​เดือดดาล​

ในเวลานี้​ตู้​เจวียน​กำลัง​แข่งขัน​กับ​ผู้สมัคร​อีก​ห้า​คน​

มีผู้สมัคร​เพียง​สอง​จาก​ห้า​เท่านั้น​ที่​ผ่าน​การ​เข้ารอบ​

หนึ่ง​ใน​นั้น​มีความนิยม​เทียบ​เท่ากับ​ตู้​เจวียน​ ส่วน​อีก​สามคน​เรียก​ได้​ว่า​ไม่มีอะไร​พิเศษ​มาก​พอที่จะ​เอาชนะ​สอง​คน​นี้​ได้​

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ประทับใจ​ต่อ​ผู้สมัคร​คน​นี้​เช่นกัน​ ซึ่งหล่อน​มีความ​โดดเด่น​เทียบ​เท่ากับ​ตู้​เจวียน​

หญิงสาว​คน​นั้น​มีชื่อว่า​เหมา​เซียงเอ๋อร์​

คุณสมบัติ​ที่​ครอบคลุม​ของ​เหมา​เซียงเอ๋อร์​ค่อนข้าง​โดดเด่น​มาก​ใน​หมู่​ผู้สมัคร​

น่าเสียดาย​เมื่อ​นึกถึง​บุคลิก​ของหล่อน​ หลิน​ม่าย​ไม่ค่อย​ชอบ​นัก​ ดังนั้น​จึงเลิก​สนใจ​และ​หันไป​มอง​ผู้สมัคร​อีก​สี่คน​ที่​เหลือ​

กง​เสวี่ย​ฉิน​ได้รับ​ก้าว​ขึ้นไป​อีก​ระดับ​ ก่อน​จะพบเห็น​หลิน​ม่าย​ยืน​อยู่​ตรง​มุมหนึ่ง​

หล่อน​เกิด​ความลังเล​อยู่​นาน​และ​ไม่กล้า​ขึ้นไป​

คราว​ที่​ลงทะเบียน​ครั้ง​ล่าสุด​ หล่อน​ต้องการ​ให้​หลิน​ม่าย​ใช้สิทธิ์​พิเศษ​ปล่อย​ให้​พวก​หล่อน​เข้า​แถวหน้า​ แต่​หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​อย่าง​ตรงไปตรงมา​

กง​เสวี่ย​ฉิน​รู้ดี​ว่า​ตนเอง​ไม่เก่ง​เรื่อง​การ​เลือก​ใช้คำ​ หาก​เกิด​เผลอ​พลั้ง​พูด​สิ่งใด​ผิด​ไป​ มัน​อาจ​ทำให้​อีก​ฝ่าย​เกิด​อคติ​

มัน​จึงดีกว่า​ที่จะ​ไม่ทักทาย​หรือ​พูดคุย​กับ​อีก​ฝ่าย​เลย​

หญิงสาว​ตาเหล่​เห็น​หลิน​ม่าย​เช่นกัน​ หล่อน​เดิน​เข้าไป​ทักทาย​หลิน​ม่าย​ด้วย​ท่าทาง​เขินอาย​

ทั้งสอง​พูดคุย​กัน​เพียง​สอง​ถึงสามประโยค​ หลิน​ม่าย​ได้​รู้​ว่า​หญิงสาว​ตาเหล่​ชื่อว่า​กู่​เยี่ยน​

กู่​เยี่ยน​มีเสน่ห์​ดึงดูด​ความสนใจ​อย่าง​มาก​บน​เวที​

หล่อน​จึงได้รับ​ความสนใจ​อย่าง​มาก​ ไม่เพียง​เพราะ​รูปร่างหน้าตา​ที่​โดดเด่น​เป็น​เอกลักษณ์​เท่านั้น​ แต่​เพราะ​หล่อน​ล้มลุกคลุกคลาน​อย่าง​หนัก​กว่า​จะมาถึงจุด​นี้​

ทุกครั้งที่​กู่​เยี่ยน​ฝ่าระดับ​ มัน​น่าตื่นเต้น​จน​ประทับ​อยู่​ใน​ใจผู้ชม​

ท้ายที่สุด​แล้ว​ภูมิหลัง​ของหล่อน​อ่อนแอ​เกินไป​ ยิ่ง​เข้าแข่งขัน​บ่อยครั้ง​แค่​ไหน​ก็​ยิ่ง​ดีขึ้น​เท่านั้น​ การ​ทำงานหนัก​ระยะสั้น​ไม่สามารถ​เปลี่ยนแปลง​ข้อบกพร่อง​มากมาย​ได้​ใน​พริบตา​

ดังนั้น​ทุก​การ​เลื่อนตำแหน่ง​จึงดู​เป็นเรื่อง​ยากเข็ญ​

แม้ว่า​กู่​เยี่ยน​จะเป็น​เด็กสาว​จาก​ชนบท​ แต่​หล่อน​รู้​ว่า​ตอน​ไหน​ควร​รุก​ตอน​ไหน​ควร​ถอย​ หลังจาก​พูดคุย​กับ​หลิน​ม่าย​สอง​ถึงสามคำ​ หล่อน​จึงขอตัว​จากไป​

หล่อน​ไม่ได้​มีเจตนา​ประจบประแจง​หลิน​ม่าย​เพื่อให้​เส้นทาง​การประกวด​ง่ายดาย​ขึ้น​

หลิน​ม่าย​ละสายตา​จาก​เวที​

บน​เวที​ ตู้​เจวียน​ไม่ผ่าน​เข้ารอบ​และ​กำลัง​ร้องไห้​อย่าง​ขมขื่น​

หล่อน​ไม่คาดคิด​ว่า​ตัวเอง​จะล้มเหลว​ใน​การ​เลื่อน​ระดับ​ แต่​มาได้​เท่านี้​ก็​ดีมาก​แล้ว​

แม้ว่า​เหมา​เซียงเอ๋อร์​จะโดดเด่น​มาก​เช่นกัน​ แต่​หล่อน​จบ​การศึกษา​ชั้นประถม​เท่านั้น​ และ​แทบ​อ่านไม่ออก​เขียน​ไม่ได้​ กระนั้น​รูปร่างหน้าตา​ของหล่อน​อ่อนเยาว์​และ​งดงาม​กว่า​

สิ่งนี้​ทำให้​ตู้​เจวียน​เจ็บใจ​มากขึ้น​เรื่อยๆ​ ขณะ​หลั่ง​น้ำตา​ออกมา​อย่าง​น่าเวทนา​

ใน​กลุ่ม​ผู้ชม​ ผู้คน​ที่​สนับสนุน​หล่อน​ล้วน​น้ำตา​คลอ​เมื่อ​ได้​เห็น​เช่นนี้​

จากนั้น​ทาง​ราย​การเข้าสู่​ช่วง​พัก​

ตู้​เจวียน​และ​ผู้สมัคร​ห้า​คนใน​กลุ่ม​เดียวกัน​เดินลง​จาก​เวที​ ขณะที่​หล่อน​ยังคง​ร้องไห้​อย่าง​หนัก​

หัวหน้าแผนก​ฝูเข้ามา​ปลอบโยน​หญิงสาว​และ​เดิน​จากไป​

สำหรับ​การประกวด​ที่​ยิ่งใหญ่​เช่นนี้​ ไม่ว่า​ตู้​เจวียน​จะยอดเยี่ยม​แค่​ไหน​ แต่​มัน​เป็นไปไม่ได้​ที่​หัวหน้าแผนก​ฝูจะให้ความสนใจ​หล่อน​ตลอดเวลา​ เขา​ยัง​ต้อง​ดูแล​สิ่งอื่น​ในเวลาเดียวกัน​

หลิน​ม่าย​เพิกเฉย​ต่อ​ตู้​เจวียน​ที่​ร้องไห้​ฟูมฟาย​ เธอ​กำลัง​พูดคุย​กับ​เจ้าหน้าที่​หลาย​คน​ที่​ดูแล​สถานีโทรทัศน์​

กง​เสวี่ย​ฉิน​เดิน​มาด้าน​ข้าง​ตู้​เจวียน​ หล่อน​หยิบ​ผ้าเช็ดหน้า​ใหม่เอี่ยม​ออกมา​และ​ยื่น​ให้​อีก​ฝ่าย​ “หยุด​ร้องไห้​เถอะ​ เครื่องสำอาง​บน​หน้า​เลอะ​หมด​แล้ว​”

หลัง​กล่าว​เช่นนั้น​หล่อน​ก็​กวาดตา​มอง​ไป​รอบ​ๆ

แม้จะมีผู้คน​อยู่​บริเวณ​ใกล้เคียง​ แต่​สถานที่​แห่ง​นี้​มีเสียงดัง​เอะอะ​ตลอดเวลา​

ตราบใดที่​ไม่ได้​จงใจแอบ​ฟังสิ่งที่​คนอื่น​กล่าว​ พวกเขา​ก็​ไม่มีทาง​ได้ยิน​บทสนทนา​เลย​

ดังนั้น​กง​เสวี่ย​ฉิน​จึงกล้า​โน้มตัว​ไป​กระซิบ​ข้าง​หู​ตู้​เจวียน​ “เธอ​รู้​ไหม​ว่า​ทำไม​ถึงไม่ผ่าน​การ​เลื่อน​ระดับ​?”

ตู้​เจวียน​ซับ​น้ำตา​ด้วย​ผ้าเช็ดหน้า​พลาง​เอ่ย​ถาม “ทำไม​เหรอ​?”

กง​เสวี่ย​ฉิน​ชี้ไป​ทาง​หลิน​ม่าย​และ​พูดว่า​ “เธอ​เห็น​หลิน​ม่าย​ไหม​?”

ตู้​เจวียน​มองตาม​ทิศทาง​นิ้ว​ของ​อีก​ฝ่าย​และ​พยักหน้า​ “เห็น​สิ”

จากนั้น​จึงถามต่อ​ด้วย​ความประหลาดใจ​ “ที่​ฉัน​ไม่ผ่าน​การ​เลื่อน​ระดับ​มีส่วน​เกี่ยวข้อง​กลับ​หลิน​ม่าย​หรือ​?”

กง​เสวี่ย​ฉิน​พยักหน้า​และ​กล่าว​คำ​เบา​ “ก็​ใช่น่ะ​สิ หล่อน​เป็น​เถ้าแก่เนี้ย​ของ​ร้าน​เสื้อผ้า​จิ่น​ซิ่ว​ ไม่ใช่ว่า​หล่อน​สั่งเจ้าหน้าที่​ของ​สถานีโทรทัศน์​ให้​ปรับ​เธอ​แพ้​เหรอ​ เธอ​เก่ง​ถึงขนาด​นี้​ มัน​ไม่แปลก​เหรอ​ที่​ถูก​คัดออก​แบบนี้​? สถานีโทรทัศน์​คง​ไม่มีใคร​กล้า​ปลด​เธอ​ออก​หรอก​”

ใบหน้า​ตู้​เจวียน​หมองหม่น​ ถามขึ้น​ว่า​ “เธอ​รู้​รายละเอียด​พวก​นี้​ได้​ยังไง​?”

กง​เสวี่ย​ฉิน​ตอบ​ “ฉัน​ได้ยิน​มา”

ตู้​เจวียน​งงงวย​เล็กน้อย​ “ทำไม​หลิน​ม่าย​ถึงเล็ง​เป้าหมาย​มาที่​ฉัน​ด้วย​ล่ะ​?”

กง​เสวี่ย​ฉิน​ตอบ​เสียง​เรียบ​ “ก็​เพราะ​เธอ​ไร้เดียงสา​เกินไป​น่ะ​สิ แม้เหตุผล​ที่​หลิน​ม่าย​เล็ง​เป้า​มาที่​เธอ​จะไม่ชัดเจน​ แต่​มั่นใจ​ว่า​มัน​จะต้อง​เป็น​การแก้แค้น​ที่​ทำให้​หล่อน​อับอาย​ใน​ที่สาธารณะ​ใน​คืน​นั้น​”

ตู้​เจวียน​ตกตะลึง​ “ฉัน​ไม่ได้​ทำให้​หล่อน​อับอาย​ใน​ที่สาธารณะ​ ฉัน​แค่​เข้าใจ​ฉือ​เหล่​ย​ผิด​เอง​นี่​?”

กง​เสวี่ย​ฉิน​ตะคอก​ใส่ “แม้เธอ​จะไม่คิด​ว่า​ได้​ทำให้​หลิน​ม่าย​อับอาย​ แต่​หาก​อีก​ฝ่าย​คิด​ว่า​เธอ​ตั้งใจ​ทำ​แบบ​นั้น​ล่ะ​?”

ตู้​เจวียน​นิ่งเงียบ​ ก่อน​หัน​มอง​หลิน​ม่าย​หลายครั้ง​ด้วย​สาย​เต็มไปด้วย​ความเกลียดชัง​

ช่วง​พัก​สิบห้า​นาที​ผ่าน​ไป​อย่าง​รวดเร็ว​ ราย​การประกวด​กลับมา​ดำเนิน​ต่อ​อีกครั้ง​

ตู้​เจวียน​และ​ผู้เข้าแข่งขัน​อีก​สี่คน​ยืน​อยู่​บน​เวที​

พิธีกร​ประกาศ​ว่า​ผู้เข้าแข่งขัน​ที่​ถูก​คัดออก​สามารถ​แข่งขัน​ใหม่​ได้​

ไม่เพียงแต่​ผู้เข้าแข่งขัน​ที่​ตกรอบ​เท่านั้น​ที่​สวมกอด​กัน​อย่าง​ตื่นเต้น​ แต่​แม้แต่​กองเชียร์​ของ​พวกเขา​ก็​โห่ร้อง​ดีใจ​

ใน​การแข่งขัน​นั้น​ ตู้​เจวียน​ไม่เพียง​ได้รับ​โอกาส​แข่งขัน​ใหม่​ แต่​ยัง​ผ่าน​เข้าสู่​รอบ​ต่อไป​ของ​การแข่งขัน​อีกด้วย​

กองเชียร์​ของหล่อน​โห่ร้อง​อย่าง​กึกก้อง​ ขณะที่​เหล่า​ช่างภาพ​ร่วมใจ​กัน​ถ่ายภาพ​ของหล่อน​

หลิน​ม่าย​หยุด​อ่าน​หลังจาก​เห็น​ดังนี้​

หันไป​บอก​หัวหน้าแผนก​ฝู หลังจาก​บันทึก​รายการ​เรียบร้อย​แล้ว​ ให้​เขา​เชิญผู้เข้าแข่งขัน​และ​เจ้าหน้าที่​จัดทำ​รายการ​ทั้งหมด​ไป​ยัง​ภัตตาคาร​เพื่อ​รับประทาน​อาหาร​เฉลิมฉลอง​วัน​ปีใหม่​

จากนั้น​เธอ​ก็​ขับรถ​กลับบ้าน​คนเดียว​

ปู่​ไป๋​บอกกล่าว​หลิน​ม่าย​เมื่อ​ไม่กี่​วันก่อน​ โดย​ขอให้​ปู่​ฟาง ย่า​ฟาง และ​โต้​ว​โต้​ว​ไป​ที่​บ้าน​เพื่อ​ร่วม​รับประทาน​อาหารเย็น​ด้วยกัน​

เวลานี้​ปู่​ฟางและ​ย่า​ฟางเหน็ดเหนื่อย​จาก​การออกไป​ซื้อ​ของ​ แต่​ถึงแม้พวกเขา​จะไม่ได้​ออก​ไป​ข้างนอก​ แต่​ก็​แทบ​เป็นไปไม่ได้​ที่​พวกเขา​จะไป​ร่วม​รับประทาน​อาหารเย็น​ที่​บ้าน​ของ​ปู่​ไป๋​

มัน​ไม่ใช่เรื่อง​ปกติ​ที่จะ​ปล่อย​ให้​หลาน​สะใภ้กลับ​ไป​ยัง​บ้าน​ของ​พ่อแม่​ตัวเอง​ ดังนั้น​พวกเขา​จึงตาม​เธอ​ไป​ร่วม​รับประทาน​อาหารเย็น​ด้วยกัน​

แม้ว่า​ฟางจั๋ว​หรา​น​จะต้อง​ศึกษา​ตำรา​ แต่​เขา​ไม่กล้า​ปฏิเสธ​คำเชิญ​จาก​ปู่​ของ​ภรรยา​ ดังนั้น​เขา​จึงติดตาม​ไป​ด้วย​เพื่อ​ให้เกียรติ​อีก​ฝ่าย​

โต้​ว​โต้​ว​ชอบ​การ​ได้​ออก​ไป​เที่ยวเล่น​ หล่อน​จึงไป​บ้าน​ปู่​ไป๋​กับ​หลิน​ม่าย​ด้วย​ความดีใจ​

วัน​ปีใหม่​ ปู๋​ไป๋​และ​ภรรยา​เชิญลูกชาย​ ลูกสะใภ้​ และ​ลูกหลาน​ทั้งหมด​ ยกเว้น​เพียง​แม่ไป๋​

หล่อน​ไม่ใช่สะใภ้ตระกูล​ไป๋​อีกต่อไป​ จึงไม่แปลกที่​ปู่​ไป๋​จะไม่เชิญมา

ปัจจุบัน​แม่ไป๋​หลัว​ซิน​อี๋​อาศัย​อยู่​กับ​ยาย​หลัว​และ​ตา​หลัว​

แม้ว่า​ลูกชาย​กับ​ลูกสาว​ของ​ยาย​หลัว​และ​ตา​หลัว​ ตลอดจน​หลาน​ๆ ล้วน​มาที่​บ้าน​เพื่อ​เฉลิมฉลอง​เทศกาล​ปีใหม่​ ทำให้​ภายในบ้าน​มีชีวิตชีวา​อย่าง​มาก​ ทว่า​แม่ไป๋​กลับ​รู้สึก​เหงา​อยู่​ใน​ใจ

เพราะ​พี่น้อง​ล้วน​พา​ครอบครัว​มาด้วย​ ขณะที่​หล่อน​มาตัว​คนเดียว​

หล่อน​ทั้ง​อารมณ์เสีย​และ​เศร้าสร้อย​ในเวลาเดียวกัน​ มัน​เป็น​ความรู้สึก​ที่​อึดอัด​มาก​จริงๆ​

ขณะที่​แม่ไป๋​ตก​อยู่​ใน​ความทุกข์​ บ้าน​ของ​ปู่​ไป๋​กลับ​เต็มไปด้วย​ความสุข​และ​เสียงหัวเราะ​

หลัง​อาหารเย็น​ ทุกคน​อยู่​ใน​ห้องนั่งเล่น​พลาง​พูดคุย​กัน​

ไป๋​ลู่​กระซิบ​ข้าง​หู​หลิน​ม่าย​ “ม่าย​จื่อ​ แม่ต้องการ​ให้​ฉัน​เกลี้ยกล่อม​เธอ​ให้​ใจอ่อน​ เพราะ​อยาก​อยู่​ด้วยกัน​ฉันท์​แม่ลูก​กับ​พี่​”

หลิน​ม่าย​เย้ยหยัน​ใน​ใจ

ครั้ง​ก่อนหน้า​แม่ไป๋​ใช้ถุงแอปเปิล​เพื่อ​ขอให้​พี่สาว​คนโต​ไป๋​เหยียน​มาเกลี้ยกล่อม​ให้​เธอ​สงบศึก​ แต่​เธอ​ปฏิเสธ​ไป​ ทว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่ยอมแพ้​และ​ส่งไป๋​ลู่​มาใน​ครั้งนี้​

หลิน​ม่าย​ปฏิเสธ​ทันที​โดย​ไม่ต้อง​คิด​ “เป็นไปไม่ได้​ที่​คุณ​หลัว​กับ​ฉัน​จะเป็น​แม่ลูก​กัน​อีกครั้ง​ ให้​ตาย​ยังไง​ก็​ไม่ได้​!”

ไป๋​ลู่​นิ่งเงียบ​ไป​ครู่หนึ่ง​ก่อน​พูดว่า​ “แม่ได้​รับโทษ​ตามสมควร​แล้ว​ เธอ​ควร​กลับ​ไป​คืนดี​กับ​แม่นะ​”

หลิน​ม่าย​ถามกลับ​ “แล้ว​คุณ​หลัว​ได้​รับโทษ​อะไร​? ที่​หล่อน​เพิ่ง​ถูก​ไป๋​ซวง​ทำร้าย​น่ะ​หรือ​? นั่น​เป็น​ความผิด​ของหล่อน​เอง​ที่​ตา​มืด​บอด​จน​ไม่รับรู้​สิ่งใด​ ไม่ใช่ผลกรรม​ที่​ปฏิบัติ​ต่อ​ลูกสาว​แท้ๆ​ อย่าง​เลวร้าย​ แค่​ถูก​ไป๋​ซวง​ทำร้าย​ อย่า​มาบอ​กว่า​มัน​เป็น​บทลงโทษ​ที่​หล่อน​เคย​ทำร้าย​ฉัน​เลย​ บทลงโทษ​ที่​หล่อน​ทำร้าย​ฉัน​มัน​ควร​มาจาก​ฉัน​เท่านั้น​ ฉัน​ไม่ต้องการ​ลงโทษ​หล่อน​ เพียง​ต้องการ​ตัดความสัมพันธ์​แบบ​แม่ลูก​กับ​หล่อน​อย่าง​ถาวร​ ฉัน​ยัง​ใจกว้าง​ไม่พอ​เหรอ​?”

ไป๋​ลู่​พูดไม่ออก​เมื่อ​ถูก​อีก​ฝ่าย​ถาม

หล่อน​กล่าว​ยิ้ม​ด้วย​ความรู้สึกผิด​ “พี่​แค่​เป็น​คน​ส่งสาร​น่ะ​ ถ้าเธอ​ไม่ต้องการ​ก็​ลืม​มัน​ไป​เถอะ​ ต่อไป​พี่​จะไม่มาเกลี้ยกล่อม​ขอให้​เธอ​ยกโทษให้​แม่อีก​”

………………………………………………………………………………………………………………………..

สาร​จาก​ผู้แปล​

บ้าน​เธอ​เป็น​นัก​ปั่น​จักรยาน​ทีม​ชาติ​เหรอ​กง​เสวี่ย​ฉิน​ ปั่น​เก่ง​นัก​นะ​ ขอให้​ตกรอบ​เถอะ​เพี้ยง​

ทำ​อย่างไร​กับ​ม่าย​จื่อ​ก็​รับ​กรรม​ไป​นั่นแหละ​ค่ะ​คุณ​หลัว​

ไหหม่า​(海馬)