บทที่ 534 เทพสังหารผู้แสนว่าง่าย
หมอถงตกใจแทบแย่ ข้ารู้ว่าเจ้าทิ่มเข็มนี่บนตัวคน แต่เล่นทิ่มกันสดๆ เช่นนี้เลยหรือ!
ไม่มีทายาอะไรก่อนเลยหรือไร!
ทว่าวินาทีต่อมา ก็มีลมถูกขับออกมาจากด้านหนึ่งของปลายเข็ม หมอถงมองหน้าอกที่พองบวมของคนป่วยค่อยๆ ยุบลงไป
จะบอกว่ายุบก็คงไม่ถูก เรียกว่ากลับไปเป็นปกติต่างหาก
หลังจากนั้นอาการหายใจลำบากของผู้ป่วยก็เริ่มโปร่งโล่ง
หมอถงแทบไม่เชื่อสายตาตัวเอง อาการป่วยเช่นนี้ ตอนที่เขารักษาอยู่ที่ค่ายก็เคยพบเจอมาก่อน เกิดจากอาการบาดเจ็บก็มี หรือบางครั้งก็กำเริบขึ้นมาเอง หมอในค่ายอย่างพวกเขาไร้หนทางรักษา ทำได้เพียงมองคนเจ็บนอนรอความตาย
ที่แท้…ทิ่มแค่เข็มเดียวก็หายแล้วหรือ
“ไม่ใช่แค่แทงเข็มลงไป แต่ต้องทำให้อากาศที่อยู่ในช่องอกระบายออกมา…” กู้เจียวพูดจบ ม่อเชียนเสวี่ยก็พลันไอโคลกขึ้นมา
นางมีแผลบาดเจ็บเต็มตัวไปหมด แค่ไอเบาๆ ก็อาจถึงชีวิตได้ แล้วก็เป็นอย่างที่คิดไว้ไม่มีผิด กู้เจียวได้เสียงบางอย่างที่ผิดแปลกไป
กระดูกซี่โครงของนางหัก
หรือควรจะเรียกว่าหักมาตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว ทว่าแรงไอเมื่อครู่สะเทือนจนซี่โครงหัก ทำให้อาการของนางทรุดหนักลง
ช่องอกของนางพองขึ้นมาอีกครั้ง ความดันเลือดลดฮวบลงในทันใด
หมอถงเคยเห็นกู้เจียววัดความดันเลือดทหารที่ค่ายมาก่อน เขารู้ว่านี่คือสัญญาณแห่งอันตราย เขาอ้างปากค้าง “นี่ นี่มันเกิดอะไรขึ้น เหตุใตจู่ๆ ถึง…”
“เลือดออกในช่องอกเฉียบพลัน” กู้เจียวหยิบขวดน้ำความดันลบออกมาจากกล่องยาใบน้อย ก่อนจะฉีดน้ำเกลือเข้าไปแล้วเสียบสายยาง
“วางขวดน้ำต่ำลงสองนิ้ว” นางเอ่ยกับหมอถง
“ได้!” หมอถงตั้งขวดน้ำเกลือให้อยู่ต่ำกว่าเตียงสองนิ้ว ก่อนจะหาตั้งมาวางให้ได้ระดับ
กู้เจียวดึงเข็มที่ฝังอยู่บนอกของม่อเชียนเสวี่ยออก
หลังจากยาชาออกฤทธิ์ในบริเวณนั้นแล้ว กู้เจียวก็ใช่มีดผ่าตัดกรีดเป็นช่องเล็ก แล้วเสียบปลายหนึ่งของสายยางเข้ากับหน้าออกของม่อเชียนเสวี่ย
หากขั้นตอนการระบายเลือดไม่เป็นไปอย่างที่หวัง ก็จะต้องผ่าตัดให้กับม่อเชียนเสวี่ย นางเสียเลือดมากเกินไปแล้ว หากต้องผ่าตัดใหญ่อีกคงไม่รอดแน่
สามสิบวินาทีผ่านไป ขวดน้ำนั้นยังไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง ขณะที่กู้เจียวกำลังหยิบยาชาขึ้นมาเตรียมผ่าตัดเปิดช่องอก ในขวดน้ำก็เริ่มมีฟองอากาศจับตัว
สีหน้าของกู้เจียวเรียบเฉย เดาอารมณ์ไม่ถูก ทว่าหมอถงยังคงสัมผัสได้ว่ารังสีที่แผ่ซ่านออกมานั้นเปลี่ยนไป
“เช่นนี้ใช้ได้แล้วหรือไม่” หมอถงถามเสียงกระซิบ
“เป็นสัญญาณที่ดี” ระบายออกมาได้หมดหรือไม่ค่อยว่ากันทีหลัง กู้เจียวมองบาดแผลที่ต้นขาของม่อเชียนเสวี่ย “ตอนนี้เตรียมเย็บแผล”
หมอถงสวมถุงมือ เรียงมีดผ่าตัดอย่างช่ำชอง
นอกจากซี่โครงหักและมีเลือดและอากาศในช่องอกแล้ว บนร่างกายของม่อเชียนเสวี่ยยังมีบาดแผลฉกรรจ์อีกสองจุด จุดแรกคือเส้นเลือดแดงใหญ่บนต้นขาเสียหายอย่างรุนแรง และรอยมีดบนหน้าท้อง
นางเสียเลือดอย่างหนัก กู้เจียวไม่รู้เลยจริงๆ ว่านางมีชีวิตอยู่จนถึงตอนนี้ได้อย่างไร
นางต้องเติมเลือด ทว่าหลังจากทดสอบหมู่โลหิตของคนทั้งโรงหมอแล้ว กลับมีเพียงกู้เจียวเท่านั้นที่เข้ากับนางได้
“เย็บแผลขั้นสุดท้ายฝากเจ้าด้วยล่ะ” กู้เจียวเอ่ยกับหมอถง
หมอถงพยักหน้า
กู้เจียวนั่งลงบนเก้าอี้ข้างกายม่อเชียนเสวี่ย ติดเครื่องกรองเม็ดเลือดขาวแบบใช้แล้วทิ้งเข้ากับสายยาง จากนั้นก็ถ่ายเลือดของตัวเองเข้าสู่ร่างของม่อเชียนเสวี่ย
หมอถงไม่รู้ว่ากู้เจียวต้องถ่ายเลือดให้คนเจ็บมากน้อยแค่ไหน เขาเห็นเพียงแค่ว่าแก้มสีระเรื่อของกู้เจียวซีดเผือดลงทีละน้อย แต่เขาจะร้อนรนไม่ได้ หากร้อนรนก็ย่อมสะเพร่า สะเพร่าแล้วหมอกู้ก็ต้องเสียเลือดมากว่าเดิม
หมอถงบังคับตัวเองให้สงบนิ่ง
หากเป็นหมอกู้ นางจะเย็บอย่างไร
พอคิดได้ดังนั้น มือที่สั่นเทาของเขาก็เริ่มนิ่งลง
สุดท้ายวินาทีที่บาดแผลถูกเย็บปิดเรียบร้อย กู้เจียวก็พิงเก้าพนักเก้าอี้ผล็อยหลับไปแล้ว
หิมะขาวนอกห้องสะท้อนแสงจ้า พานให้คนเราไม่รู้วันรู้คืน
หมอถงชุ่มเหงื่อไปทั้งร่างแล้ว เรี่ยวแรงก็ใช้ไปหมดแล้วเช่นกัน ทว่าเขาไม่สามารถพักได้ในทันที เขายังคงทำตามขั้นตอนหลังผ่าตัดอย่างที่กู้เจียวเคยทำด้วยความเคร่งครัด ต้องจัดการเครื่องมือแพทย์เหล่านี้ให้เรียบร้อยเสียก่อน
อันที่จริงกู้เจียวไม่เคยสอนเขา เขาล้วนแต่ครูลักพักจำเอาทั้งสิ้น
เขาตั้งใจเป็นอย่างมาก กู้เจียวเองก็ไว้ในเขา ไม่อย่างนั้นกู้เจียวคงไม่หลับไปเช่นนั้นหรอก
ในที่สุดหมอถงก็ถอนหายใจได้อย่างโล่งอกเสียที ม่อเชียนเสวี่ยที่อยู่บนเตียงผ่าตัดก็ค่อยๆ ได้สติขึ้นมา
ม่อเชียนเสวี่ยตื่นขึ้นมาเพียงแค่เสี้ยววินาที
นางเห็นเพียงคนหนุ่มที่สวมหน้ากากปิดปาก สวมชุดแปลกประหลาดนั่งอยู่บนเก้าอี้ข้างกายนาง ท่อนแขนของทั้งสองคนเชื่อมต่อกันด้วยของบางสิ่ง เลือดของคนหนุ่มคนนั้นกำลังไหลเข้าสู่ร่างกายของนาง
…
หมอถงไม่ทันได้สังเกตว่าม่อเชียนเสวี่ยฟื้นขึ้นมาแล้ว พอเขาปิดกล่องยาลงแล้วหันกลับไปดูอาการของม่อเชียนเสวี่ย ม่อเชียนเสวี่ยก็หมดสติไปอีกครั้งเสียแล้ว
หมอถงวัดความดันเลือดให้กับนาง ผลออกมาดูดีทีเดียว
เขาหยุดถ่ายเลือด
เขาปลุกกู้เจียว “หมอกู้ หมอกู้”
แต่น่าเสียดายที่กู้เจียวไม่ตอบสนองเขาเลยสักนิด ราวกับเหนื่อยล้าเหลือเกิน หรือว่าเสียเลือดมากเกินไปจนอ่อนเพลีย
หมอถงทำใจปลุกนางไม่ลง จึงหาผ้าห่มมาคลุมร่างให้นางแทน
จากนั้นก็เป็นการย้ายม่อเชียนเสวี่ยไปยังฟูกบนเตียง แม้เขาจะเป็นบุรุษก็จริง ทว่าแรงน้อยเสียเหลือเกิน… จึงต้องเรียกคนมาช่วย
พอเขาเปิดประตูห้องก็เห็นเงาร่างสูงตระหง่านยืนอยู่บนระเบียงทางเดิน
รูปร่างสูงใหญ่ สวมชุดคลุมสีเขียวอ่อน หิมะบนพื้นสะท้อนบนใบหน้าเขา ฉายให้เห็นเครื่องหน้าแสนประณีตดุจหยกงาม
หมอถงไม่เคยเห็นชายรูปงามเช่นนี้มาก่อน จึงนิ่งอึ้งไป
แต่แล้วอีกฝ่ายก็เอ่ยขึ้นก่อน “ผ่าตัดเสร็จแล้วหรือ”
น้ำเสียงของเขาแฝงไปด้วยแรงดึงดูดบางอย่าง เยือกเย็นทว่านุ่มลึก ช่างเป็นเสียงที่รับกับใบหน้าเหลือเกิน
“เอ่อ…สะ… เสร็จแล้วขอรับ” หมอถงเอ่ยเสียงตะกุกตะกัก
“ข้าเข้าไปได้หรือไม่” ชายหนุ่มถามต่อ
“เอ่อ…ได้ ได้ขอรับ”
อันที่จริงไม่ได้หรอก!
ห้องผ่าตัดห้ามคนนอกเข้าเด็ดขาด!
หมอถงไม่รู้ด้วยซ้ำว่าตัวเองพูดอะไรออกไป
เกิดมาครึ่งชีวิตก็เพิ่งจะเคยคนที่งดงามปานเทพเซียนเช่นนี้ บางทีเขาอาจจะเสียสติไปแล้วก็ได้
เซียวเหิงเดินเข้าห้องไป
วินาทีที่เขาเดินผ่านไปนั้น หมอถงก็สังเกตเห็นว่าบนบ่าของเขาเต็มไปด้วยละอองหิมะ ดูท่าแล้วพวกเขาคงใช้เวลาผ่าตัดไปนานมาก ไม่รู้ว่าชายหนุ่มผู้นี้ตากหิมะกลางค่ำคืนมานานเท่าไหร่
เซ๊ยวเหิงเดินมาหยุดอยู่ตรงหน้ากู้เจียว โน้มร่างสูงมาใกล้ก่อนจะเอ่ยเรียกนางเสียงแผ่วเบา “เจียวเจียว”
ลมหายใจของกู้เจียวยังคงสม่ำเสมอ
เซียวเหิงถอดถุงมือหนังออก มือของหนึ่งประคองแผ่นหลังของกู้เจียว อีกข้างหนึ่งช้อนใต้หัวเข่าของนาง ก่อนจะอุ้มนางขึ้นมา
ร่างของกู้เจียวถูกคลุมอย่างหนาแน่ ลมหนาวใดก็ไม่อาจเล็ดรอดเข้าไปต้องศีรษะน้อยนั้นได้
หมอมองชายหนุ่มคนนั้นอุ้มหมอกู้ออกไปจากห้องผ่าตัดตาปริบๆ ร่างทั้งร่างของหมอกู้ถูกห่อหุ้มเอาไว้ แต่ที่มองออกว่าเป็นหมอกู้ได้ก็เพราะว่ารองเท้าที่นางสวมอยู่
เอ่อ…
นี่…
เขาเคยเห็นเทพสังหารกู้ที่ฆ่าคนไม่ไว้หน้า ตอนนี้หมอถงจึงไม่อยากจะเชื่อสายตาตัวเองนัก
เทพสังหารกู้ว่าง่ายขนาดนี้ตั้งแต่เมื่อใด
แม้จะหลับอยู่ แต่บรรยากาศกลับสงบนิ่งต่างจากเคยโดยสิ้นเชิง
เซียวเหิงอุ้มกู้เจียวไปยังห้องที่อยู่ข้างกัน เขาตั้งกระถางไฟเตรียมไว้ตั้งแต่ก่อนหน้าแล้ว ภายในห้องจึงค่อนข้างอบอุ่น
แต่น่าเสียดายที่กู้เจียวถ่ายเลือดมากเกินไป มื้อเท้าของนางจึงเย็นเฉียบ อุณหภูมิร่างกายต่ำมาก
เซียวเหิงวางกู้เจียวลงบนฟูกอย่างเบามือ ถอดเสื้อคลุมที่เต็มไปด้วยละอองหิมะบนร่างของตนเอง ก่อนจะถอดรองเท้าและปลดชุดตัวนอกของกู้เจียว
เขาดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างของนางไว้ นางหนาวจนสั่นไปทั้งตัว
เซียวเหิงห่มผ้าให้นางถึงสองชั้นแต่ก็ยังไม่ได้ผล
แววตาของเซียวเหิงหม่นหมองลง
เหตุใดเจ้าถึงได้ทุ่มเทเพื่อผู้อื่นถึงเพียงนี้
เจ้าเคยคิดถึงชีวิตของตัวเองบ้างหรือไม่
นิสัยนางเป็นเช่นนี้ หากใครดีกับนาง นางจะตอบแทนนับสิบเท่า
แต่เซียวเหิงไม่ใช่
ยามเป็นเด็กผู้คนมากมายดีกับเขา จนเขาเห็นเป็นเรื่องปกติ ไม่ได้รู้สึกแย่ แต่ก็ไม่ได้ยินดี
ตอนเด็กไม่เคยมีใครดีกับนางเลยหรือ
ความดีเพียงน้อยนิด เหตุใดนางถึงได้ตอบแทนไม่รู้กี่เท่าเช่นนี้
จู่ๆ เซียวเหิงก็ปวดร้าวไปทั้งหัวใจ
เขาปลดชุดตัวนอกอันเย็นเฉียบ ก่อนจะดึงผ้าห่มขึ้นมาคลุมร่างแล้วล้มตัวลงนอน รวบร่างของกู้เจียวที่สั่นสะท้านเข้ามาในอ้อมกอด
เขากอดนางไว้แน่น ริมฝีปากทาบลงบนมุมปากอันเย็นเฉียบของนาง
ร่างของเขาร้อนผ่าว ไม่นานความหนาวเย็นในร่างกายของกู้เจียวก็จางหายไป นางไม่สั่นอีกต่อไป นอนอย่างสงบนิ่งอยู่ในอ้อมกอดของเขา
เซียวเหิงปลดผ้าคาดผมของนางออก รวบผมยาวสลวยของนางให้แผ่สยายบนหมอน ไม่ให้ถูกกดทับแม้แต่เส้นเดียว
ภายในห้องเงียบสงัด เงียบถึงขั้นได้ยินเพียงเสียงลมหายใจสม่ำเสมอ
แผ่นหลังของเซียวเหิงชื้นไปด้วยเหงื่อ อุณหภูมินี้ค่อนข้างร้อนสำหรับเขา แต่สำหรับกู้เจียวนั้นกำลังดี
กู้เจียวซุกเข้าหาอ้อมกอดของเขา เพื่อหาท่าที่อบอุ่น
เซียวเหิงร้อนจะแย่ แต่กลับไม่คลายนางจากอ้อมกอด
เขาไม่ได้นอนแทบทั้งคืน ทว่าตอนนั้นกลับรู้ง่วงขึ้นมาแล้ว เขาหลับตาลงก่อนจะเข้าสู่ห้วงแห่งความฝัน
ทันใดนั้นก็มีมืออยู่ไม่สุกล้วงเข้ามา
ตอนแรกเขากอดนางไว้เสียแน่น หากนางวางมือไม่สบายก็เป็นเรื่องปกติ เพียงแต่ตอนแรกมือนั้นวางทาบลงบนเอวของเขา แต่ไม่นานก็เคลื่อนขึ้นมาบนอก
ด้วยท่าที่กอดกันอยู่ ชายเสื้อของเขาจึงถูกเลิกขึ้น เผยให้เห็นกล้ามหน้าท้องแสนเย้ายวน
สองนิ้วของมือข้างนั้นค่อยๆ ไล้ไปมา ไต่ขึ้นสูงก่อนจะไหลต่ำลงมา
เซียวเหิงไม่ขยับเขยื้อน
มือข้างนั้นยิ่งได้ใจเข้าไปใหญ่ ทั้งลูบทั้งคลำ ลูบกล้ามหน้าอกเสร็จก็ลูบกล้ามหน้าท้องต่อ
เซียวเหิงมองมือข้างนั้นที่เลื้อยต่ำลงมา เขาหรี่ตามอง “เจ้าตื่นแล้วหรือ”
กู้เจียวหลับตา “ข้าเปล่าเสียหน่อย”
เซียวเหิง “…”