บทที่ 628 พงศกรเมา

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

นัทธีได้ยินแล้วก็เห็นด้วย “พี่ชายของหนูพูดถูก ดอกไม้ช่อนั้นไม่ใช่ของที่หนูต้องแย่ง ไม่ต้องคิดเลยนะ โตแล้วก็ไม่ได้เหมือนกัน”

ท่าทางที่เขาเตือนลูกสาวด้วยสีหน้าเข้มงวดแบบนั้น วารุณีเห็นแล้วก็อดหัวเราะไม่ได้

อย่าคิดว่าเธอไม่รู้นะ พ่อลูกสองคนนี้ ไม่อยากให้ไอริณโตมาแล้วแต่งงาน

ทุกคนต่างก็แย่งกัน สุดท้ายช่อดอกไม้ก็ตกอยู่ในมือของปาจรีย์

เธอก็ไม่คิดเลยว่าสุดท้ายแล้วคนที่ได้ช่อดอกไม้จะเป็นตัวเอง แต่พอเห็นสายตาที่อิจฉาของคนอื่นมองมา เธอก็ตั้งสติแล้วชูช่อดอกไม้ขึ้นให้วารุณีดู จากนั้นก็ยิ้มอย่างดีใจ

วารุณีก็ยิ้มให้กับเธอแล้วพูดว่า “ยินดีด้วยนะ เจ้าสาวคนต่อไป”

“ขอบใจนะ” ปาจรีย์ยิ้มแล้วพยักหน้า

พงศกรที่นั่งอยู่บนที่นั่งได้ยินวารุณีพูดแบบนี้ แล้วมองไปยังใบหน้าที่มีรอยยิ้มสดใสของปาจรีย์ แววตาของเขาก็มืดมนลง

เธออยากเป็นเจ้าสาวขนาดนั้นเลยเหรอ หรือว่ามีแฟนแล้วเหรอ?

คิดได้แบบนี้ พงศกรก็รู้สึกโมโหขึ้นมาโดยไม่ทราบสาเหตุ

แต่เขาก็ไม่ได้จริงจังอะไรมากนัก ไม่นานก็ข่มอารมณ์ไว้ได้ เขาลุกขึ้นแล้วเดินออกจากงานไปเงียบๆ

เพราะคนในงานมีไม่เยอะ วารุณีกับนัทธีก็ยืนอยู่บนที่สูง จึงเห็นตอนที่เขาเดินออกไป

วารุณีมองดูแผ่นหลังของเขาแล้วถอนหายใจเบาๆ

สำหรับพงศกรแล้ว เธอไม่มีอะไรจะพูดจริงๆ

เธอแค่หวังว่า เขาจะปล่อยวางได้เร็วๆ ไม่เสียเวลาที่ตัวเธออีก

และนัทธีก็ลดสายตาลงอย่างเร็ว อนุญาตให้พงศกรเดินออกไป โดยไม่พูดอะไร

พูดตามตรง ถ้าไม่ใช่เพราะพงศกรเคยช่วยวารุณีและเด็กๆสองคนไว้เมื่อห้าปีก่อน งานแต่งนี้ เขาไม่มีทางเชิญพงศกรมาหรอก

ตอนนี้พงศกรจะไป เขาไม่คิดจะชวนพงศกรอยู่ต่อเลย

คนที่เห็นพงศกรเดินออกไปยังมีปาจรีย์ด้วย

เพราะยังไงพงศกรก็เป็นคนที่เธอแอบรักอยู่ เธอก็ต้องสนใจที่ตัวเขาอยู่แล้ว

มองดูแผ่นหลังของเขา แววตาปาจรีย์ก็เป็นประกาย ไม่รู้คิดอะไรอยู่

ไม่นาน พอได้ยินว่าจะถ่ายรูป เธอก็ลดสายตาลง ไม่ไปสนใจพงศกรอีก

งานแต่งจบลงแล้ว

หลังจากที่ส่งแขกกลับไปจนหมด นัทธีกับวารุณีก็นั่งรถกลับคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์กัน

มารุตก็กลับบริษัท ไชยรัตน์ กรุ๊ป จัดการเรื่องของจุ๊บแจง

ส่วนปาจรีย์เชอรีนและลีน่าสามคน ก็ต่างบอกลากันแล้วค่อยแยกย้าย

เชอรีนไปที่พักของมารุต ลีน่าก็กลับไปพักโรงแรมที่วารุณีเตรียมไว้ให้เธอ

และปาจรีย์ก็ไปตามหาพงศกร

นี่เป็นครั้งที่สองที่เธอไปตามหาเขา

เมื่อกี้ตอนเห็นเขาเดินออกไป เธอรู้สึกไม่สบายใจมาก เลยอยากไปดูหน่อย

แต่ทว่าปาจรีย์ตามหาพงศกรอยู่นานมาก ก็ยังหาตัวเขาไม่เจอ

โรงพยาบาล ที่อยู่ของเขา เธอก็ไปตามหามาหมดแล้ว เขาไม่กลับไปโรงพยาบาลและไม่ได้อยู่ในที่พัก ไม่รู้ว่าไปอยู่ไหนกันแน่

ทำให้ปาจรีย์ยิ่งรู้สึกไม่สบายใจมากยิ่งขึ้น

เธอกลัวจริงๆว่า เขาจะถูกกระตุ้นเพราะวารุณีกับประธานนัทธีแต่งงาน แล้วทำอะไรที่ถึงขั้นคอขาดบาดตาย เช่นการฆ่าตัวตาย หรืออาการจิตกำเริบ แล้วไปทำร้ายคนอื่นเข้า

ดังนั้น เธอจะต้องตามหาเขาให้เจอ

แต่ที่น่าเสียดายคือ ตามหาจนถึงดึก ปาจรีย์ก็ยังหาพงศกรไม่เจอ โทรหาพงศกร โทรศัพท์เขาก็ปิดเครื่องอีก ทำให้เธอตกอยู่ในสภาวะมืดแปดด้าน ไม่รู้ว่าควรทำยังไงดี

เธออยากให้วารุณีกับนัทธีช่วย แต่ไม่นานเธอก็ตัดความคิดนี้ออกไป

วันนี้เป็นคืนวันแต่งงานของพวกเขา เธอจะไปรบกวนพวกเขาได้ยังไง

ในตอนที่ปาจรีย์นั่งอยู่ตรงหน้าคอนโดของพงศกร กอดเข่าอย่างหมดหนทาง โทรศัพท์ที่เธอวางอยู่บนพื้นก็ดังขึ้น

เธอเงยหน้าขึ้น แล้วดูอย่างไม่มีอารมณ์ พอเห็นว่าเป็นพงศกรโทรมา เธอก็รีบตั้งสติแล้วรีบถือโทรศัพท์ไว้

หรือว่าพอเขาเปิดเครื่องมา เห็นเธอส่งข้อความหาเขา ดังนั้นเลยโทรมางั้นเหรอ?

นี่ทำให้ปาจรีย์รู้สึกดีใจจนแทบจะกระโดดขึ้นมา เพราะยังไงเมื่อก่อนเธอหาเขาไม่เจอ ก็เคยส่งข้อความหาเขาเยอะมาก แต่เขากลับไม่เคยตอบกลับเลย

ตอนนี้เขาตอบกลับแล้ว เธอจะไม่ดีใจได้ยังไง?

คิดแล้ว ปาจรีย์หยิบโทรศัพท์ขึ้นมา สูดหายใจแล้วรีบรับสายทันที “พงศกร”

“คุณปาจรีย์ใช่ไหมครับ?” ปลายสายมีเสียงของชายแปลกหน้าดังขึ้น

รอยยิ้มบนใบหน้าของปาจรีย์ชะงักทันที ต่อมาเธอก็พยักหน้าแล้วตอบว่า “ใช่ค่ะ คุณคือใครคะ ทำไมถึงมีโทรศัพท์ของเพื่อนฉันได้?”

หรือว่าโทรศัพท์ของพงศกรตก แล้วถูกคนเก็บได้กันนะ?

หรือว่าพงศกรเกิดเรื่องอะไรขึ้น แล้วโรงพยาบาลโทรมา?

ปาจรีย์เริ่มไม่สบายใจขึ้นมา มือที่จับโทรศัพท์ไว้ก็จับแน่นขึ้น

ในโทรศัพท์ เสียงของชายแปลกหน้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง “ผมคือผู้จัดการของบาร์สตาร์บูลคือแบบนี้ครับ เพื่อนของคุณเมาจนไม่ได้สติเลย ผมหยิบโทรศัพท์ออกมาจากกระเป๋าของเขา พอเปิดมาก็เห็นข้อความที่คุณส่งมาให้เขา ดังนั้นผมเลยโทรหาคุณน่ะครับ รบกวนคุณมาจ่ายเงินให้คุณผู้ชายคนนี้แล้วพาตัวเขากลับไปหน่อยนะครับ”

ปาจรีย์อึ้งไปหลายวินาที ในที่สุดก็ได้สติ เธอจึงรีบตอบกลับไปว่า “ได้ค่ะ ฉันจะรีบไปนะคะ”

พูดจบก็ตัดสายไปและเก็บโทรศัพท์ใส่กระเป๋า ตอนนี้เธอรู้สึกโล่งอกอย่างบอกไม่ถูกเลยล่ะ

ดีจังเลย พงศกรไม่เป็นไร เขาแค่เมา คนเขาอุตส่าห์เป็นห่วง

แต่พอนึกถึงสาเหตุที่พงศกรไปดื่มเหล้า ปาจรีย์ก็รู้สึกไม่ค่อยดีเท่าไหร่

พงศกรเป็นหมอ น้อยครั้งมากที่จะดื่มเหล้า ยิ่งไม่มีทางดื่มจนเมาแน่นอน เพราะจะกระทบต่อการรักษาความสมดุลของมือ ต่อไปจะกระทบถึงการผ่าตัดได้

แต่ครั้งนี้ เขากลับทำลายกฎนั้น แล้วดื่มจนเมาเละ

เป็นเพราะเห็นวารุณีกับประธานนัทธีแต่งงานกัน ในใจรู้สึกรับไม่ได้ เลยทำแบบนี้ใช่ไหม?

ปาจรีย์น้ำตารื้นขึ้นเต็มขอบตา ในใจรู้สึกเจ็บจี๊ดไปหมด

แต่ถึงแม้จะเจ็บแค่ไหน เธอก็ยืนขึ้นมาอีกครั้ง แล้วออกเดินทางไปรับพงศกรที่บาร์สตาร์บูล

ครึ่งชั่วโมงหลังจากนั้น ปาจรีย์ขับรถมาถึงร้านที่ว่า เดินตามบริกรเข้าไป ก็เห็นพงศกรที่ล้มตัวนอนอยู่บนโซฟา

เสื้อผ้าบนตัวเขายับเยินไปหมด คอเสื้อก็เปิดออกกว้างมาก เนกไทก็ถูกดึงจนเสียทรงไปหมด ขนาดผมเผ้าก็ยังยุ่งเหยิงไปด้วย คนอื่นมาเห็นแล้วก็รู้ว่าคือคนขี้เมา

ปาจรีย์ถอนหายใจ

เป็นครั้งแรกที่เธอเห็นพงศกรอยู่ในสภาพเละเทะแบบนี้

“เอ้านี่ ไปจ่ายเงินเถอะ” ปาจรีย์หยิบบัตรออกมาแล้วยื่นให้บริกร

บริกรรับมาสองมือแล้วไปคิดเงินตรงเคาน์เตอร์

ปาจรีย์โน้มตัวลง พยุงตัวพงศกรขึ้นมา เตรียมนำตัวเขาออกไป

ทันใดนั้น พงศกรก็พึมพำเสียงเบาว่า “อย่า……อย่าหาแฟนนะ!”

ปาจรีย์อึ้งแล้วหันหน้าไปมองเขา

เขาปิดตาไว้แน่น เห็นได้ชัดว่าคำพูดเมื่อกี้เป็นแค่คำพูดละเมอ

แต่ไม่เข้าใจว่า หมายความว่ายังไงกันแน่

“ใครหาแฟนเหรอ?” ปาจรีย์มองพงศกร แล้วถามเสียงเบา แต่ในใจกลับคาดหวังในคำตอบของเขามาก

แต่พงศกรกลับไม่ตอบอะไรใดๆทั้งสิ้น

ปาจรีย์ก็กัดริมฝีปากบางอย่างผิดหวัง แล้วพยุงตัวเขาเดินไปทางเคาน์เตอร์

บริกรคนนั้นก็เดินมาพอดี เตรียมเอาบัตรคืนให้เธอ เห็นเธอมาแล้ว ก็เลยยื่นบัตรคืนไป จากนั้นก็เดินออกจากร้านไปพร้อมเธอ แล้วช่วยเธอเปิดประตูรถ จากนั้นก็ยัดตัวพงศกรขึ้นไปบนรถ

“ขอบคุณค่ะ” ปาจรีย์ยิ้มให้กับบริกร

“ไม่เป็นไรครับ” บริกรปัดมือแล้วเดินกลับร้านไป

ปาจรีย์ปิดประตูรถหน้า แล้วเดินอ้อมไปขึ้นที่นั่งคนขับ จากนั้นก็บิดตัวไปคาดเข็มขัดนิรภัยให้พงศกร

พอคาดเสร็จแล้ว ปาจรีย์ก็เตรียมสตาร์ทรถ

และในตอนที่เธอเอาตัวกลับไป ทันใดนั้นพงศกรก็จับมือเธอไว้

ปาจรีย์อึ้ง

วินาทีต่อมา พงศกรก็ดึงปาจรีย์เข้าไปในอ้อมกอดของเขา

ปาจรีย์กระแทกไปบนแผงอกของเขา ร่างกายกระแทกไปบนแผงอกที่แข็งแกร่งขนรู้สึกเจ็บเล็กน้อย

แต่ยังไม่รอเธอตะโกน บนหัวก็มีเงาหนึ่งโน้มเข้ามา