บทที่ 669 ตื่นตะลึง

หืม

คนผู้นี้เอาชนะเทพจักรพรรดิอัปมงคลได้แล้วหรือ

หานเจวี๋ยใคร่ครวญในใจ ดูเหมือนสถานการณ์จะต่างจากที่เขาจินตนาการไว้

จอมเทพข่งเซวี่ยโวยวายต่อไป “อะไรกัน ตกตะลึงในตัวข้าแล้วหรือ โมโหมากเลยกระมัง อยากสาปแช่งข้าใช่หรือไม่”

เขามีมุกแห่งกรรม ใช้ป้องกันพลังคำสาปแช่งโดยเฉพาะ ย่อมไม่กลัวถูกสาปแช่ง

หานเจวี๋ยส่ายหน้าพลางเอ่ยว่า “หากข้าต้องการสังหารเจ้า คงสังหารไปนานแล้ว อีกอย่าง เจ้าคิดจริงๆ หรือว่าเจ้าหนีออกมาได้เอง”

พอเขาเอ่ยเช่นนี้ จอมเทพข่งเซวี่ยพลันขมวดคิ้วแน่น

หรือว่า…

จอมเทพข่งเซวี่ยนึกย้อนถึงการต่อสู้ก่อนหน้านี้อย่างละเอียด เทพจักรพรรดิอัปมงคลดูผิดปกติไปจริงๆ ดูอ่อนแอยิ่งนัก

หรือว่าจงใจปล่อยให้เขาหนี

สีหน้าจอมเทพข่งเซวี่ยเขียวคล้ำในทันใด ดูน่าเกลียดถึงขีดสุด

หากเทียบกับการพ่ายแพ้ เขาเกลียดการเสียหน้ายิ่งกว่า!

จอมเทพข่งเซวี่ยจ้องหานเจวี๋ยด้วยความโกรธ เอ่ยว่า “เจ้าคิดอะไรอยู่กันแน่!”

หานเจวี๋ยกล่าวว่า “กลับมาเถอะ เสาะหาสถานที่สักแห่งปิดด่านอยู่นอกเขตมรรคาสวรรค์ รอจนศิษย์ข้าจัดการธุระในมรรคาสวรรค์เสร็จจะไปท้าเจ้าสู้”

ในมรรคาสวรรค์หรือ

จอมเทพข่งเซวี่ยฉุนจนขำแล้ว เขารู้จักมรรคาสวรรค์ดี อริยะที่แข็งแกร่งที่สุดก็ยังมิใช่คู่ต่อสู้ของเขา

เขาไหนเลยจะฟังความนัยของหานเจวี๋ยไม่ออก หานเจวี๋ยคิดจะชุบเลี้ยงศิษย์ในมรรคาสวรรค์คนนั้นอีกหน่อย ผ่านไปสักพักค่อยส่งมาสู้กับเขาอีกครั้ง

ในเมื่อเป็นเช่นนี้ ก็แปลว่าหานเจวี๋ยคิดว่าศิษย์ในมรรคาสวรรค์คนนั้นมีคุณสมบัติเลิศล้ำกว่าเขามิใช่หรือ

“ได้ ข้าจะไปที่มรรคาสวรรค์ ข้าจะรอดูว่าศิษย์มรรคาสวรรค์คนนั้นของเจ้าจะมีความสามารถแค่ไหน!”

จอมเทพข่งเซวี่ยสะบัดแขนเสื้อพลางเอ่ยวาจา แดนความฝันพังทลายลง

หานเจวี๋ยเบิกตากว้าง แสดงสีหน้าจนใจ

เหตุใดคนผู้นี้ถึงเจ้าอารมณ์ขนาดนี้กัน

เขาเจ้าอารมณ์เช่นนี้แล้วฝึกบำเพ็ญมาจนถึงวันนี้ได้อย่างไรกัน โชคดีที่เขาไม่ได้มีชีวิตอยู่ในยุคเดียวกับหานเจวี๋ย มิเช่นนั้นต้องถูกหานเจวี๋ยเล่นงานจนตายแน่

หานเจวี๋ยยังคิดจะถามอยู่ว่าเทพจักรพรรดิอัปมงคลถูกจอมเทพข่งเซวี่ยสังหารไปแล้วจริงๆ หรือ

เขาไม่เชื่อว่าจะเป็นเช่นนั้น

ดูอย่างไรเทพจักรพรรดิอัปมงคลเป็นตัวตนระดับมหามรรค จะถูกอริยะเสรีฆ่าได้อย่างไรกัน

หากจอมเทพข่งเซวี่ยมีความสามารถระดับนี้จริง หานเจวี๋ยไม่รับตัวเขาไว้แน่นอน

ต้องหาทางกำจัดทิ้ง!

หานเจวี๋ยไม่อนุญาตให้โลกนี้มีตัวตนเช่นเดียวกับเขาเป็นคนที่สอง!

โดยเฉพาะคนที่เป็นศัตรู!

หานเจวี๋ยลุกขึ้นยืน เคลื่อนย้ายไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง

เขาเรียกทุกคนในอาณาเขตเต๋าแห่งที่สองมารวมตัวกัน เริ่มเทศนาธรรม

ความเร็วในการบำเพ็ญของเทพมารฟ้าบุพกาลรวดเร็วนัก ทุกคนบรรลุระดับเซียนทองต้าหลัวระยะปลายแล้ว เทพมารขุนพลสวรรค์บรรลุระดับเซียนทองต้าหลัวระยะสมบูรณ์

ดูเหมือนเทพมารฟ้าบุพกาลแต่ดั้งเดิมจะฝึกบำเพ็ญได้เร็วที่สุด

หยางตู๋อ่อนแอ เป็นเรื่องที่ช่วยไม่ได้ เขาจะยังไม่กลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาล

ในทางช้างเผือก หยางตู๋อหังการอย่างยิ่ง เป็นเทพสงครามชื่อก้องจักรวาล แต่เมื่ออยู่ที่นี่ เขาต่ำต้อยถ่อมตน เมื่ออยู่ต่อหน้าเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาล เห็นได้ชัดว่าไม่มีตัวตนเลย

มิใช่เพราะเหล่าเทพมารฟ้าบุพกาลข่มเหงเขา แต่เพราะระดับห่างชั้นกันมากเกินไป แค่พูดคุยกับพวกเขา หยางตู๋ก็รู้สึกกดดันอย่างยิ่ง

ในขณะเดียวกัน หยางตู๋ยิ่งคาดหวังตั้งตารอเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลมากขึ้นไปอีก ส่วนมู่หรงฉี่และต้าซั่นเทียนล้วนมานะบำเพ็ญสุดขีด จึงไม่สนใจเขาเลย

หลังจากเทศนาธรรมครบร้อยปี หานเจวี๋ยถึงจากไป

ภายในเขตเซียนร้อยคีรี หานเจวี๋ยฝึกบำเพ็ญต่อ

รอจนเขาทะลวงขั้นบรรลุระดับเบิกฟ้าเสรีระยะปลายก่อน เขาจะไปเชือดจอมเทพข่งเซวี่ย ให้จอมเทพข่งเซวี่ยรู้ว่าอะไรคือเหนือฟ้ายังมีฟ้า!

….

หนึ่งพันปีต่อมา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น ตบะเพิ่มขึ้นอีกไม่น้อย เข้าใกล้การทะลวงขั้นไปทุกที

เขากวาดสายตามอง พบว่าจอมเทพข่งเซวี่ยกลับมาอยู่ในเมืองเผ่าหายนะนอกเขตมรรคาสวรรค์แล้ว

คนผู้นี้ถึงแม้จะบ้าระห่ำ แต่ยังคงพูดจริงทำจริง

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นว่า “เข้ามาเถอะ”

ในอารามเต๋า กวนปู้ไป้ศิษย์ใหม่ที่หานเจวี๋ยรับไว้รอคอยมาหลายวันแล้ว

กวนปู้ไป้คำนวณเวลามาขอเข้าพบเมื่อครบพันปี แต่น่าเสียดาย ยังคงต้องรออยู่อีกหลายวัน หากเขาหันหลังกลับไปก็คงไม่ดี ด้วยเหตุนี้จึงเฝ้ารออยู่นอกอารามเต๋า

พอได้ยินคำพูดของหานเจวี๋ย กวนปู้ไป้ก็รีบลุกขึ้นเดินเข้าไป

หลังจากกวนปู้ไป้ทำความเคารพเสร็จ ก็เอ่ยด้วยความมั่นใจว่า “อาจารย์ ข้าพิสูจน์ครึ่งอริยะแล้วขอรับ!”

ตอนที่เข้าร่วมสำนักของหานเจวี๋ย เขาเพิ่งบรรลุระดับเซียนทองต้าหลัวระยะปลาย ยามนี้สำเร็จเป็นครึ่งอริยะแล้ว สมกับที่เป็นอริยะเสรีกลับชาติมาเกิด

“ไม่เลวเลย” หานเจวี๋ยเอ่ยชมประโยคหนึ่ง

กวนปู้ไป้เอ่ยต่อว่า “อาจารย์ ข้าสอบถามเรื่องของท่านมาแล้ว ได้ยินว่าตอนนี้ท่านยังอายุไม่ถึงสองแสนปีหรือขอรับ”

ยามที่เอ่ยถึงเรื่องนี้ กวนปู้ไป้มีสีหน้ากระอักกระอ่วน

“อืม”

“ขออาจารย์โปรดมอบวาสนาอันยิ่งใหญ่ให้ศิษย์ด้วย!”

กวนปู้ไป้พลันคุกเข่าโขกศีรษะทันที

เขาเชื่อว่าหานเจวี๋ยเป็นผู้ทรงพลังกลับชาติมาเกิด แต่ถึงจะเป็นผู้ทรงพลัง ไหนเลยจะสามารถสำเร็จเป็นอริยะภายในสองแสนปีได้

ส่วนฟางเหลียงถึงแม้จะพิสูจน์มรรคเช่นกัน แต่เขาข้ามภพสู่บรรพกาลหลายต่อหลายครั้ง อายุขัยของสังขารเกินสองแสนปีไปนานแล้ว อีกทั้งเขายังพึ่งพาดวงชะตาพิสูจน์มรรค

ตามความเข้าใจของกวนปู้ไป้ หานเจวี๋ยมิใช่อริยะธรรมดาแน่ จอมอริยะเสวียนตูเคยกล่าวว่า หานเจวี๋ยเป็นตัวตนระดับเสรีแล้ว!

กวนปู้ไป้เดาว่าหานเจวี๋ยต้องมีวิธีเสริมพลังอย่างรวดเร็วแน่ ดังนั้นถึงอดใจไม่อยู่มุ่งหน้ามาขอเข้าพบ

การมานะบำเพ็ญเช่นนี้ ทำให้เขารู้สึกกระวนกระวายจริงๆ

หานเจวี๋ยย่อมเดาจุดประสงค์ของกวนปู้ไป้ออก แต่เขาไม่ได้ตอบรับในทันที

ล้อเล่นอยู่หรือไร เจ้าเพิ่งมาถึง อาศัยสิทธิ์ใดมาร้องขอการปฏิบัติที่สูงส่งกว่าศิษย์สืบทอดคนอื่นๆ

หน้าผากกวนปู้ไป้แนบจรดพื้น รอคอยคำตอบจากหานเจวี๋ย

หานเจวี๋ยพลันเอ่ยขึ้น “ข้ามีโอกาสวาสนายิ่งใหญ่อยู่จริงๆ ทำให้เจ้าถอดร่างผลัดกระดูกได้ แต่ว่า เจ้ายังไม่ได้สร้างคุณูปการเพื่อข้า ข้าจะไว้ใจเจ้าได้อย่างไร”

กวนปู้ไป้เงยหน้าขึ้นก่อนถามว่า “ท่านต้องการให้ข้าทำสิ่งใด”

หานเจวี๋ยย้อนถาม “เหตุใดเจ้าถึงร้อนใจอยากแข็งแกร่งขึ้น”

กวนปู้ไป้กัดฟันตอบ “ล้างแค้น!”

หานเจวี๋ยได้ยินก็เงียบไป

ชาติก่อนกวนปู้ไป้ถูกโจมตีระหว่างที่ทะลวงระดับสู่มรรคผลมหามรรค ความแค้นระดับนี้ไม่อาจอยู่ร่วมฟ้าได้ หากเปลี่ยนเป็นหานเจวี๋ย ก็ไม่มีทางทนไหวเช่นกัน

ระดับความประทับใจของกวนปู้ไป้คือ 5 ดาว หากเป็นอดีต หานเจวี๋ยต้องไว้ใจแน่ แต่ตอนนี้รู้สึกว่าหากมิใช่เต็มขั้นดาว ก็ล้วนไม่น่าไว้ใจทั้งสิ้น

หานเจวี๋ยตกอยู่ในความลังเล

ผ่านไปพักใหญ่

“ช่างเถิด ข้าจะส่งเจ้าไปยังสถานที่แห่งหนึ่ง เจ้าไปฝึกบำเพ็ญรออยู่ที่นั่นก่อนแล้วกัน”

หานเจวี๋ยเอ่ยขึ้นมา จากนั้นก็พากวนปู้ไป้ไปยังอาณาเขตเต๋าแห่งที่สอง

กวนปู้ไป้สงสัยอยู่ในใจ นี่มันที่ไหนกัน

“เจ้าออกไปเถอะ อยู่ที่นี่ต้องเชื่อฟังมู่หรงฉี่ ส่วนเหตุใดข้าถึงพาเจ้ามาที่นี่ เจ้าไปถามมู่หรงฉี่ได้”

หานเจวี๋ยเอ่ยทิ้งท้ายไว้แล้วจากไป

เขาเคยกำชับมู่หรงฉี่ไว้ คนที่ถูกเขาส่งตัวมาที่นี่ ล้วนเป็นตัวเลือกเทพมารฟ้าบุพกาล สามารถบอกเล่าทุกอย่างให้ฟังได้

กวนปู้ไป้เดินออกจากอารามเต๋าทันที พวกมู่หรงฉี่เข้ามาหาในทันใด

อาณาเขตเต๋าแห่งที่สองมีคนน้อย แต่ผู้มาใหม่ทุกคนล้วนจะเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลในอนาคต พวกเขาย่อมต้องทำความรู้จักกันไว้ เชื่อมสายสัมพันธ์ เพราะวันหน้าต้องร่วมออกรบเพื่อหานเจวี๋ย

พอสัมผัสถึงกลิ่นอายสายโลหิตอันน่าหวาดผวาของมู่หรงฉี่ เทพมารขุนพลสวรรค์ จิ้งจอกชาดและต้าซั่นเทียน กวนปู้ไป้ก็ลอบตระหนกกับตัวเอง

เขาเริ่มสอบถามว่าที่นี่คือที่ไหน พวกมู่หรงฉี่ก็ตอบไปตามจริง

พอกวนปู้ไป้ทราบว่าหานเจวี๋ยสามารถเปลี่ยนเขาเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลได้ เขาก็แข็งค้างไปทั้งตัว

ชาติก่อนเขาเป็นสิ่งมีชีวิตก่อนกำเนิดฟ้ามีคุณสมบัติเลิศล้ำเหนือชั้นที่สุด เกือบพิสูจน์มหามรรคสำเร็จ แต่เขาทราบถึงความห่างชั้นระหว่างตนกับเทพมารฟ้าบุพกาลดี

หานเจวี๋ยสามารถเปลี่ยนเขาเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลได้!

เป็นไปได้อย่างไร!

ปฏิกิริยาแรกของกวนปู้ไป้คือไม่เชื่อ

แต่หลังจากเขาเข้าสู่แบบจำลองการทดสอบพร้อมกับต้าซั่นเทียนและเทพมารขุนพลสวรรค์ เขาก็เชื่อทันที ทั้งยังตื่นตะลึงยิ่ง

เทพมารฟ้าบุพกาลระดับเซียนทองต้าหลัวก็เพียงพอจะถล่มเขาได้แล้ว!

อีกด้านหนึ่ง

ข้อความแถวหนึ่งเด้งขึ้นมาตรงหน้าหานเจวี๋ย

[ความประทับใจที่กวนปู้ไป้มีต่อท่านเพิ่มขึ้น ระดับความประทับใจในขณะนี้คือ 6 ดาว]

………………………………………………………………