ตอนที่ 722 สวีชิงหยาถูกทุบตี

แม่ปากร้ายยุค​ 80

ตอนที่​ 722 สวี​ชิงห​ยา​ถูก​ทุบตี​

หลังจากนั้น​ไม่นาน​ เพื่อนร่วมห้อง​ก็​กลับ​มาจาก​ห้อง​สอบ​ทีละ​คน​

เพื่อนร่วมห้อง​คน​หนึ่ง​ถามทุกคน​ทันทีที่​เดิน​เข้า​ประตู​ “พวก​เธอ​รู้เรื่อง​สวี​ชิงห​ยา​กับ​รูม​เมท​ของหล่อน​ไหม​?”

บางคน​บอ​กว่า​รู้​ และ​บางคน​ก็​บอ​กว่า​ไม่รู้​

กลุ่มคน​ไม่เคย​ได้ยิน​เรื่อง​นี้​ก็​ต่าง​ถามกลุ่มคน​ที่อยู่​ใน​เหตุการณ์​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้นกับ​สวี​ชิงห​ยา​และ​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​

เพื่อนร่วมห้อง​คน​หนึ่ง​กล่าว​ขึ้น​ “สวี​ชิงห​ยา​ถูกรูม​เมท​ของหล่อน​ทุบตี​”

หลิน​ม่าย​ได้ยิน​ดังนั้น​ก็​ซุบซิบ​ถามด้วย​ความสนใจ​ “ทำไม​รูม​เมท​ถึงทุบตี​หล่อน​ล่ะ​?”

สวี​ชิงห​ยา​เป็น​คน​อ่อนไหว​มาก​ทั้ง​เรื่องใหญ่​และ​เรื่องเล็ก​

ไม่มีใคร​สามารถ​เกลี้ยกล่อม​หล่อน​ใน​เรื่อง​นี้​ได้​ เพราะ​หล่อน​ช่างถือตัว​ ยึด​เอา​ความ​เปราะบาง​ของ​ตัวเอง​เป็นที่ตั้ง​โดย​คิด​ว่า​มีคน​ลอบทำร้าย​ตลอดเวลา​ หล่อน​ร่ำไห้​ใน​หอพัก​แทบ​ทุกวัน​ จน​ทำให้​ทุกคน​ไม่อาจ​อ่านหนังสือ​หรือ​นอนหลับ​ได้​

กลุ่มคน​ที่​รุม​ทุบตี​หล่อน​คือ​หลูเชวี่ย​และ​คนอื่น​ ๆ โดย​ไม่กลัว​ที่จะ​ถูก​ใคร​ตำหนิ​หรือ​ต่อว่า​ ใน​เมื่อ​อีก​ฝ่าย​เป็น​เช่นนี้​จะให้​ทน​ได้​อย่างไร​?

เถียน​เฟิน​บอก​หลิน​ม่าย​และ​ทุกคน​ว่า​เกิด​อะไร​ขึ้น​

สวี​ชิงห​ยา​มักจะ​กล่าวหา​รูม​เมท​หล่อน​เสมอ​ว่า​พวกเขา​ต่อต้าน​ ล้อเลียน​ ดูถูก​ และ​รังเกียจ​หล่อน​…

แต่​นั่น​ไม่ใช่ความจริง​แม้เพียง​นิด​

ใน​ตอนแรก​เพื่อนร่วมห้อง​ยอม​เอาใจ​หล่อน​เพราะ​เห็นแก่​การ​อยู่​ร่วมกัน​อย่าง​สันติ​

แต่​เมื่อ​นาน​วัน​เข้า​ ใคร​จะทน​พฤติกรรม​แบบนี้​ของหล่อน​ได้​?

ดังนั้น​จึงไม่มีใคร​เกรงใจ​หล่อน​อีกต่อไป​

เมื่อ​สวี​ชิงห​ยา​สร้าง​ปัญหา​ที่​ไร้เหตุผล​อีกครั้ง​ ทุกคน​ก็​ทะเลาะ​กับ​หล่อน​และ​ตัดขาด​อย่าง​จริงจัง​

สวี​ชิงห​ยา​เคย​ถูก​ตามใจ​ แต่​ตอนนี้​ไม่ใช่อีกต่อไป​

เหล่า​รูม​เมท​ไม่ตามใจ​หล่อน​อีกต่อไป​ ทุกคน​โต้เถียง​และ​ทะเลาะ​กับ​หล่อน​อย่าง​รุนแรง​ แน่นอน​ว่า​หล่อน​ทน​ไม่ได้​

ดังนั้น​หล่อน​จึงรายงาน​ไป​ยัง​ที่ปรึกษา​และ​ผู้มีอำนาจ​ใน​มหาวิทยาลัย​

หล่อน​ต้องการ​ใช้มือ​ของ​ที่ปรึกษา​และ​ผู้มีอำนาจ​ใน​มหาวิทยาลัย​เพื่อ​สั่งสอน​รูม​เมท​

หลังจาก​การ​สอบสวน​อย่าง​รอบคอบ​โดย​ที่ปรึกษา​และ​ผู้มีอำนาจ​ใน​มหาวิทยาลัย​แล้ว​ พวกเขา​ก็​ระบุ​ว่า​สวี​ชิงห​ยา​สร้าง​ปัญหา​โดย​ไม่มีเหตุผล​

หล่อน​ไม่เพียง​สั่งสอน​รูม​เมท​ได้​ไม่สำเร็จ​ แต่​ยัง​เป็น​ฝ่าย​ที่​ถูก​ตำหนิ​อย่าง​รุนแรง​ด้วย​

สวี​ชิงห​ยา​ไม่ได้​โต้แย้ง​แต่อย่างใด​

หล่อน​เก็บงำ​ความขุ่นเคือง​กับ​รูม​เมท​ไว้​ และ​เริ่ม​กระจาย​ข่าวลือ​เกี่ยวกับ​พวก​หล่อน​อย่าง​ลับ​ ๆ

ทุกคน​พูดคุย​กัน​อย่าง​เมามัน​ จน​เถียน​เฟิน​ยก​มือขึ้น​ดู​นาฬิกา​ที่​ชำรุด​ของหล่อน​ “อา​! ได้เวลา​กินข้าว​แล้ว​ ไป​กินข้าว​กัน​เถอะ​!”

ทุกคน​รู้สึก​ผิดหวัง​เล็กน้อย​ แต่​ก็​หยุด​เมื่อ​ได้ยิน​ประเด็นสำคัญ​

การ​กิน​นับว่า​เป็น​เรื่องใหญ่​สำหรับ​พวก​หล่อน​

ใน​ฤดูหนาว​ อาหาร​จะเย็น​เร็ว​ ดังนั้น​หาก​ไป​ช้ากว่า​นี้​ อาหาร​อาจจะ​เย็น​จน​ไม่อร่อย​

สาว​ ๆ หยิบ​ข้าว​กล่อง​แล้ว​ออก​ไป​ด้วยกัน​ ฝ่าลมหนาว​มาจนถึง​โรงอาหาร​

หลังจาก​รับประทาน​อาหาร​เสร็จ​ ทุกคน​ก็​นั่ง​ที่​โต๊ะ​เดียวกัน​และ​ฟังการ​ซุบซิบ​ของ​เถียน​เฟิน​

“สวี​ชิงห​ยา​ชั่วร้าย​มาก​ หล่อน​ปล่อย​ข่าวลือ​เพื่อ​ทำลาย​ชื่อเสียง​คนอื่น​หน้าตาเฉย​ ก่อนหน้านี้​ที่​หล่อน​จะทะเลาะ​กับ​หยวน​เฉียนเฉียน​ หล่อน​ก็​กระจาย​ข่าวลือ​ว่า​อีก​ฝ่าย​ไม่เคารพ​หรือ​ให้เกียรติ​หล่อน​”

ทุกคน​ต่าง​คิดเห็น​เช่นเดียวกัน​ว่า​ สวี​ชิงห​ยา​ทำเกินไป​

เฉินอวิ้น​ถามด้วย​ความสงสัย​ “คราวนี้​หล่อน​สร้าง​ข่าวลือ​อะไร​อีก​?”

เทียน​เฟิน​กิน​อาหาร​ของ​เธอ​และ​พูด​ต่อ​ “หลูเชวี่ย​เข้า​รับ​การ​ผ่าตัด​และ​นอน​โรงพยาบาล​เนื่องจาก​มีถุงน้ำ​ใน​ช่องท้อง​ หล่อน​เลย​ขอลา​หยุด​ครึ่ง​เดือน​ แต่​สวี​ชิงหยาบ​อก​ว่า​หล่อน​ไป​ทำแท้ง​!”

หลิน​ม่าย​ประหลาดใจ​ “หล่อน​กล้า​สร้าง​ข่าวลือ​แบบ​นั้น​ได้​ยังไง​?!”

การ​สร้าง​ข่าวลือ​เช่นนี้​ใน​ยุคปัจจุบัน​สามารถ​คร่าชีวิต​ผู้คน​ได้​

หลิน​ม่าย​พูด​พลาง​คีบ​ซี่โครง​หมู​ตุ๋น​สอง​ชิ้น​ให้​เถียน​เฟิน​

ครอบครัว​ของ​เถียน​เฟิน​มีฐานะ​ไม่ค่อย​ดี​นัก​ หล่อน​ต้อง​ควัก​เงิน​ค่าครองชีพ​ของ​ตน​ทุก​เดือน​เพื่อ​ส่งกลับ​ไป​สนับสนุน​การศึกษา​ของ​น้องชาย​ทั้งสอง​คน​ ดังนั้น​ความเป็นอยู่​ของหล่อน​จึงไม่ดี​นัก​

เรียก​ได้​ว่า​หล่อน​กินเจ​อย่าง​น้อย​วัน​ละ​สอง​มื้อ​ และ​มักจะ​ซื้อ​ผัก​ราคา​ถูก​มากิน​

แม้เถียน​เฟิน​จะยากจน​ แต่​หล่อน​ก็​มีบุคลิก​ที่​ร่าเริง​และ​ใจกว้าง​

หล่อน​กล่าว​ขอบคุณ​หลิน​ม่าย​และ​แทะ​ซี่โครง​ที่​หลิน​ม่าย​คีบ​ให้​

ฉีเย​ว่​ชิงกล่าว​ “ทำไม​จะไม่กล้า​ล่ะ​! นักเรียน​หลาย​คนใน​สาขา​ต่าง​รู้เรื่อง​นี้​ และ​พวกเขา​ก็​บอก​กับ​ที่ปรึกษา​แล้ว​ ที่ปรึกษา​เสียสละ​วันหยุด​สุดสัปดาห์​เพื่อ​มาจัดการ​กับ​ปัญหา​นี้​ เธอ​มัวแต่​อ่านหนังสือ​และ​กลับบ้าน​ทุก​วันหยุด​ก็​เลย​ไม่รู้เรื่อง​ไง”

หลิน​ม่าย​ถาม “แล้ว​วันนี้​เพื่อนร่วมห้อง​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ทุบตี​หล่อน​เพราะ​ความแค้น​เก่า​เหล่านี้​เหรอ​?”

เถียน​เฟิน​ส่าย​หัว​ “ไม่ใช่ แต่​เป็น​เพราะ​สวี​ชิงห​ยา​เป็น​คน​แรก​ที่​ออกจาก​หอพัก​ระหว่าง​การ​สอบ​ใน​ตอนเช้า​ และ​จงใจล็อก​ประตู​ขัง​คนอื่น​ ๆ ไว้​

หล่อน​ขัง​รูม​เมท​ไว้​ข้างใน​เพื่อ​พยายาม​ทำให้​พวก​หล่อน​พลาด​การ​สอบ​ หลูเชวี่ย​และ​คนอื่น​ ๆ ทน​ไม่ได้​จึงรุม​ทุบตี​หล่อน​”

“ทำ​แบบนี้​มัน​มากเกินไป​” หลิน​ม่าย​หยิบ​มันฝรั่ง​อุ่น​ ๆ ขึ้น​มาชิ้น​หนึ่ง​แล้ว​เป่า​ก่อน​จะยัด​ใส่ปาก​ “แล้ว​หลูเชวี่ย​กับ​คนอื่น​ ๆ เข้า​สอบ​ทัน​หรือเปล่า​?”

แม้ว่า​เธอ​จะไม่ชอบ​หลูเชวี่ย​ แต่​ถ้าสวี​ชิงห​ยา​เป็นสาเหตุ​ที่​ทำให้​อีก​ฝ่าย​พลาด​การ​สอบ​จริง​ เธอ​ก็​รู้สึก​เห็นใจ​

เถียน​เฟิน​ตัก​ข้าว​ใส่ปาก​พลาง​กล่าว​ “ทัน​สิ ทัน​พอดี​เลย​ ขณะที่​ถูก​ขัง​อยู่​ใน​ห้องพัก​ พวก​หล่อน​ก็​เคาะ​ประตู​และ​ยืน​ตะโกน​ที่​หน้าต่าง​เพื่อ​ขอความช่วยเหลือ​จาก​นักเรียน​ที่อยู่​ด้านล่าง​ มีคน​ได้ยิน​เสียง​ตะโกน​จึงไป​เรียก​ป้า​แม่บ้าน​ให้​เปิด​ประตู​ให้​ ตอนนี้​สวี​ชิงห​ยา​และ​หลูเชวี่ย​ถูก​ที่ปรึกษา​พา​ตัว​ไป​ ไม่รู้​ว่า​ที่ปรึกษา​จะจัดการ​กับ​พวก​หล่อน​อย่างไร​”

กัว​เซี่ยงหง​นั่ง​หันหน้า​ไป​ทาง​ประตู​โรงอาหาร​

หล่อน​ลด​เสียง​ลง​และ​พูด​กับ​เถียน​เฟิน​ “หยุด​พูด​ก่อน​ สวี​ชิงห​ยา​อยู่​ที่นี่​!”

ทุกคน​เปลี่ยน​เรื่อง​ทันที​และ​กิน​เหมือน​ไม่มีอะไร​เกิดขึ้น​

หลิน​ม่าย​ชำเลือง​มอง​สวี​ชิงห​ยา​ หล่อน​ถูก​เพื่อนร่วมห้อง​ทุบตี​จน​หลิน​ม่าย​เกือบ​จำไม่ได้​

ใน​ตอนบ่าย​ เถียน​เฟิน​สอบถาม​เกี่ยวกับ​ข้อสรุป​ระหว่าง​สวี​ชิงห​ยา​กับ​เพื่อนร่วมห้อง​ของหล่อน​

เมื่อ​กลับมา​ หล่อน​ก็​บอกเล่า​ทุกอย่าง​ให้​รูม​เมท​ได้​ฟังว่า​ สวี​ชิงห​ยา​ปฏิเสธ​อย่าง​หนักแน่น​ที่จะ​ยอมรับ​ว่า​หล่อน​ล็อก​ประตู​จาก​ภายนอก​ด้วย​ความ​ประสงค์ร้าย​

หล่อน​บอ​กว่า​มัน​เป็นนิสัย​ของหล่อน​ที่​มักจะ​ล็อค​ประตู​เสมอ​ทันทีที่​ออกจาก​หอพัก​

เหมียว​เหมียว​ถาม “แล้ว​ที่ปรึกษา​เชื่อ​ไหม​?”

“ที่ปรึกษา​ไม่ได้​ปัญญาอ่อน​ จะเชื่อได้​ยังไง​! นอกจากนี้​หลูเชวี่ย​และ​คนอื่น​ ๆ ยัง​ให้การ​ว่า​สวี​ชิงห​ยา​ไม่เคย​มีนิสัย​นี้​ ดังนั้น​ที่ปรึกษา​จึงไม่เชื่อ​ ทั้งสองฝ่าย​ถูก​ทำ​ทัณฑ์บน​ หาก​พวก​เธอ​ก่อเรื่อง​อีก​จะได้​รับโทษ​ที่​รุนแรง​ขึ้น​”

ทุกคน​ถอนหายใจ​ให้​กับ​เรื่องราว​ของ​สวี​ชิงห​ยา​ จากนั้น​ก็​ยุ่ง​อยู่​กับ​การทบทวน​บทเรียน​

ใน​วัน​เสาร์​ เมื่อ​หลิน​ม่าย​กลับมา​บ้าน​ คุณย่า​ฟางบอก​เธอ​ว่า​เมื่อวาน​นี้​พ่อ​เจี๋ย​และ​แม่เจี๋ย​มาที่​บ้าน​ของ​เธอ​เพื่อ​มาขอโทษ​ แต่​คุณย่า​ฟางไม่ให้​พวกเขา​เข้าไป​

หลิน​ม่าย​ถามด้วย​ความสงสัย​ “ทำไม​พวกเขา​ถึงมาขอโทษ​ล่ะ​คะ​?”

“พวกเขา​มาขอโทษ​ใน​เรื่อง​ที่​ซูอวี้เจี๋ย​ว่าจ้าง​คน​ไป​ราด​น้ำเย็น​ใส่หลาน​!”

คุณย่า​ฟางกล่าว​ต่อ​ด้วย​ความไม่พอใจ​ “หลาน​ถูก​กลั่นแกล้ง​อย่าง​รุนแรง​ถึงขนาด​นี้​ทำไม​ไม่บอก​ปู่​กับ​ย่า​?”

หลิน​ม่าย​หัวเราะ​แผ่วเบา​ “เพราะ​ไม่ใช่เรื่องใหญ่​ ไม่จำเป็นต้อง​รบกวน​ปู่​กับ​ย่า​น่ะ​ค่ะ​ ไว้​เกิด​เรื่องใหญ่​ในอนาคต​ ฉัน​จะบอก​ปู่​กับ​ย่า​นะคะ​ ตอนนี้​ฉัน​ไม่จำเป็นต้อง​รบกวน​ปู่​กับ​ย่า​ เพราะ​ฟางจั๋ว​หรา​น​ช่วย​จัดการ​ให้​ทุกอย่าง​”

คุณย่า​ฟางกล่าว​ด้วย​ความโมโห​ “หลาน​ยัง​ไม่มีอำนาจ​ใน​เรื่อง​นี้​ อย่า​ลงมือ​เอง​เลย​ จั๋ว​หรา​นบ​อก​ว่า​หลาน​มีไข้​ ไข้​ลดลง​แล้ว​หรือยัง​? อาการ​เป็น​อย่างไรบ้าง​?”

หลิน​ม่าย​โบกมือ​ “ไข้​ลดลง​นาน​แล้ว​ค่ะ​ ฉัน​จำได้​ว่า​นี่​เป็น​ครั้ง​ที่สอง​ที่​ครอบครัว​ของ​ซูอวี้เจี๋ย​มาที่​บ้าน​ของ​เรา​เพื่อ​ขอโทษ​ หาก​จะให้​ปู่​กับ​ย่า​ปฏิเสธ​ทุกครั้ง​ก็​คง​ไม่ดี​ คุณปู่​และ​คุณปู่​ซูเคย​เป็นเพื่อน​ร่วม​รบ​ หาก​คนอื่น​เห็น​ว่า​เรา​ทำ​แบบนี้​ก็​อาจ​คิด​ว่า​เรา​ถอยห่าง​จาก​ตระกูล​ซูเพราะ​คุณปู่​ซูเสียชีวิต​ไป​แล้ว​”

คุณย่า​ฟางอุ้ม​โต้​ว​โต้​ว​ซึ่งกำลัง​เล่น​ใน​ห้องนั่งเล่น​ออกมา​เล่น​กับ​อา​หวง​ จากนั้น​จึงลด​เสียง​ลง​และ​พูด​กับ​หลิน​ม่าย​

“หลาน​คิด​ว่า​ปู่​กับ​ย่า​ไม่ให้​พ่อ​ของ​อวี้เจี๋ย​เข้ามา​ใน​บ้าน​ของ​เรา​เพราะ​อวี้เจี๋ย​ทำให้​หลาน​ขุ่น​เคืองใจ​เหรอ​?”

หลิน​ม่าย​รู้สึก​ประหลาดใจ​เล็กน้อย​ “แล้ว​ไม่ใช่เหรอ​คะ​”

“นั่น​ก็​เป็น​เหตุผล​หนึ่ง​ แต่​เหตุผล​ที่​สำคัญ​กว่า​นั้น​คือ​คุณปู่​ซูเสียชีวิต​อย่าง​ผิดปกติ​ มีการ​ซุบซิบ​ใน​แวด​วงใน​ว่า​ปู่​ซูเสียชีวิต​เพราะ​พ่อ​ของ​อวี้อิ๋ง​ และ​ฉวยโอกาส​จาก​ตำแหน่ง​ของ​เขา​เพื่อ​ยักยอก​พร้อม​รับสินบน​จำนวน​ไม่น้อย​ คุณปู่​ซูต้องการ​ลงโทษ​ญาติ​ของ​เขา​อย่าง​ชอบธรรม​และ​รายงาน​ต่อ​เบื้องบน​ แต่​เขา​ทำ​ไม่ได้​ เขา​โกรธ​ตัวเอง​ และ​ตาย​ไป​พร้อมกับ​ความโกรธ​ ดังนั้น​เรา​จึงควร​ถอย​ให้​ห่าง​จาก​ตระกูล​ซู หาก​มีบางอย่าง​เกี่ยวกับ​พ่อ​ของ​อวี้อิ๋ง​ถูก​เปิดเผย​ เรา​จะมีส่วน​เกี่ยวข้อง​ได้​”

ทันใดนั้น​หลิน​ม่าย​ก็​ตระหนัก​ได้​และ​พยักหน้า​

ใน​ตอนเย็น​เมื่อ​ฟางจั๋ว​หรา​นก​ลับ​จาก​เลิกงาน​ หลิน​ม่าย​บอกเล่า​ถึงเรื่อง​ที่​ผู้กำกับ​มาขอให้​เธอ​ไป​แสดง​หนัง​ระหว่าง​อาหารเย็น​

ทุกคน​ต่าง​ตกตะลึง​และ​ประหลาดใจ​ ยกเว้น​โต้​ว​โต้​ว​ที่​ยัง​เด็ก​และ​ไม่เข้าใจ​อะไร​เลย​

หลังจาก​ได้​รู้​เช่นนั้น​ ทั้ง​คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางก็​คัดค้าน​การ​ร่วม​แสดง​ภาพยนตร์​ของ​หลิน​ม่าย​

“เธอ​เป็น​คน​ฉลาด​และ​เรียน​เก่ง​ ทำไม​ถึงไม่ทำงาน​ด้าน​วิจัย​ทางวิทยาศาสตร์​ จะมาแสดง​ภาพยนตร์​แบบนี้​ได้​อย่างไร​? ไม่ว่า​จะเลวร้าย​แค่​ไหน​ การ​ทำ​ธุรกิจ​ที่​ดี​และ​การ​สร้าง​งาน​ให้​กับ​สังคม​ก็​ถือ​เป็นการ​ช่วย​ชาติ​เช่นกัน​ ประเทศ​ยัง​ล้าหลัง​และ​ยากจน​มาก​ การทำงาน​ใน​วงการ​บันเทิง​ไม่ใช่สิ่งสำคัญ​ การ​ทำงานหนัก​เพื่อให้​ประเทศ​แข็งแกร่ง​ต่างหาก​เป็น​สิ่งสำคัญ​ที่สุด​”

คุณปู่​ฟางเกลี้ยกล่อม​หลิน​ม่าย​ให้​ยอมแพ้​อย่าง​จริงจัง​

หลิน​ม่าย​ยิ้ม​พลาง​กล่าว​ด้วย​รอยยิ้ม​ “ฉัน​ไม่ได้คิด​จะร่วม​แสดง​ภาพยนตร์​ค่ะ​ แต่​ที่​เอาเรื่อง​นี้​มาบอก​ทุกคน​เพราะ​ฉัน​ต้อง​การลงทุน​ใน​ภาพยนตร์​เรื่อง​นี้​และ​โฆษณาของ​ฉัน​”

คุณปู่​ฟางและ​คุณย่า​ฟางต่าง​ถอนหายใจ​ด้วย​ความ​โล่งอก​ “เรา​ไม่เข้าใจ​เรื่อง​ธุรกิจ​ หาก​เป็น​แบบ​นั่น​หลาน​ก็​ตัดสินใจ​เอง​เถอะ​”

ขณะที่​ทั้งสอง​อยู่​ด้วยกัน​ตามลำพัง​ใน​ห้อง​ยามค่ำคืน​ ฟางจั๋ว​หรา​น​อ่าน​บทภาพยนตร์​ที่​หลิน​ม่าย​มอบให้​และ​รู้สึก​ว่า​คุ้มค่า​ที่จะ​ลงทุน​

โชคดี​ที่​หลิน​ม่าย​ไม่ต้องการ​เล่น​เป็น​นางเอก​ของ​ภาพยนตร์​เรื่อง​นี้​ เพราะ​ใน​ภาพยนตร์​เรื่อง​นี้​มีฉาก​จูบ​มากมาย​ ซึ่งฟางจั๋ว​หรา​น​ไม่อาจ​ยอม​รับได้​เลย​

………………………………………………………………………………………………………………………

สาร​จาก​ผู้แปล​

ชิงห​ยา​นี่​อาการหนัก​แล้ว​นะ​ ควร​ถูก​ไล่​ออกจาก​มหาวิทยาลัย​แล้ว​พา​ไป​รักษาตัว​ที่​โรงพยาบาล​จิตเวช​แทน​

พี่​หมอ​หวง​ล่ะ​สิ ทน​ไม่ได้​สินะ​ที่​เห็น​ภรรยา​ต้อง​ไป​จูบ​กับ​คนอื่น​ถ้าเกิด​ม่าย​จื่อ​ตกลง​เป็น​นางเอก​ขึ้น​มา

ไหหม่า​(海馬)