เมื่อเห็นปฏิกิริยาของเจียงอันเฉิง หัวใจของเจียงซื่อก็เต้นรัว
สรุปแล้วนางเดาถูกงั้นหรือ ท่านพ่อถึงได้ตอบสนองเช่นนี้
นางแสร้งทำเป็นไม่ใส่ใจโดยการส่งผ้าเช็ดหน้าไปให้ผู้เป็นบิดาพลางเอ่ยด้วยน้ำเสียงอ่อนโยน “ท่านพ่อมิต้องแตกตื่นไป ลูกแค่ลองถามดู…”
ยังไม่ทันจบประโยค มือใหญ่ก็วางลงบนหน้าผากของนาง
“เจ้าก็ไม่ได้ตัวร้อนนี่…” เจียงอันเฉิงกล่าวด้วยสีหน้าเคร่งขรึม อาการของเขาแตกตื่นขึ้นมาขึ้นมาจริงๆ “ซื่อเอ๋อร์ เจ้านั่งท่องคัมภีร์สวดภาวนาอยู่นานหลายวันโดยมิได้ออกไปพบหน้าผู้คนจนสติเลอะเลือนไปแล้วหรือ”
หากบุตรสาวของเขาเป็นอะไรไป รับประกันได้เลยว่าไอ้เจ้าลูกชายตัวตีจะต้องถูกเขาฟาดเป็นแน่
เจียงซื่อไม่รู้ว่าตนควรหัวเราะหรือร้องไห้ “ท่านพ่ออย่าเพิ่งคิดไปไกล ลูกยังมิได้เสียสติเจ้าค่ะ”
“แล้วเหตุใดเจ้าถึงถามคำถามพิสดารเช่นนี้”
เจียงซื่อคาดการณ์ไว้แล้วว่าเจียงอันเฉิงต้องถามเช่นนี้จึงตอบโดยปราศจากท่าทีลังเล “อาจิ่นเพิ่งกลับมาจากทางใต้ เขาบังเอิญไปพบกับสตรีนางหนึ่งซึ่งหน้าตาเหมือนลูก…”
เจียงอันเฉิงสนใจขึ้นมาทันที “หน้าตาเหมือนกับเจ้าอย่างนั้นหรือ”
“เจ้าค่ะ”
เจียงอันเฉิงฟาดมือลงบนโต๊ะ “เป็นไปไม่ได้ เจ้าคิดว่าการจะเกิดมาหน้าตาสะสวยเป็นเรื่องง่ายนักหรือ ท่านอ๋องคงตาฝาดไปเอง”
เจียงซื่อรับรองว่าอวี้จิ่นไม่มีทางมองพลาด เจียงอันเฉิงถึงจะยอมเชื่อ
“คงเป็นแค่เรื่องบังเอิญ เพราะตอนที่ท่านแม่ของเจ้าคลอดเจ้าออกมา ข้าคอยอยู่ข้างนอกตลอดไม่ได้ไปไหน ตอนคลอดก็แค่เจ้า มีฝาฝ่งฝาแฝดที่ไหนกัน”
หากมีบุตรสาวที่ดีเช่นนี้ถึงสองคน เขาคงมีความสุขประหนึ่งได้ขึ้นสวรรค์ไปแล้ว ฉะนั้นหากลูกหายไปคนหนึ่ง เขาจะไม่ทราบเลยหรือ
เมื่อเห็นท่าทีของเจียงอันเฉิง เจียงซื่อก็จนใจ
นางรู้ดีว่าท่านพ่อรักและหวงแหนนางเพียงใด เมื่อนางถาม ท่านพ่อก็ไม่มีเหตุผลที่ต้องปิดบัง อีกอย่างการเสียชีวิตของท่านแม่ก็กระจ่างแล้ว และคนร้ายก็ได้รับผลกรรมนั้น เมื่อเป็นเช่นนี้ ยิ่งไม่มีเหตุผลให้ท่านพ่อปิดบังเรื่องนี้จากนาง
ในวินาทีนั้นเจียงซื่อไม่รู้ว่าตนควรรู้สึกผิดหวังหรือโล่งใจ
ก่อนหน้านี้ตอนที่นางได้ยินจากหัวหน้าผู้อาวุโสว่า ในร่างของอาซังมีโลหิตของต้าโจวไหลเวียนอยู่ นางเคยคิดว่าบิดาในปัจจุบันของอาซังอาจเก็บอาซังมาเลี้ยง ส่วนพ่อแม่ที่แท้จริงของอาซังคือพ่อแม่ของนาง
และเมื่อคิดว่าอาซังอาจเป็นพี่น้องฝาแฝดของนาง ความรู้สึกของเจียงซื่อก็ยิ่งสับสนหนัก
“เป็นไปได้หรือไม่ว่า…หมอตำแยจะเอาเด็กอีกคนไปซ่อน” แม้ว่าจะมีความไปได้เพียงน้อยนิด แต่เจียงซื่อก็อดถามไม่ได้
สายตาของเจียงอันเฉิงที่มองมาที่บุตรสาวแปลกไป “ซื่อเอ๋อร์ เจ้าเป็นคนคลอดอาฮวนออกมาเองใช่หรือไม่”
“ใช่เจ้าค่ะ”
เจียงอันเฉิงถอนหายใจยาว “ในเมื่อเป็นเช่นนั้น ตอนคลอดออกมาคนเดียวหรือสองคน เจ้าที่เป็นมารดาจะไม่รู้เลยหรือ”
เจียงซื่อจนด้วยคำพูด ใบหน้าของนางร้อนผ่าว
นางเพียงต้องการตัดความเป็นไปได้ที่เกี่ยวกับบิดาออกไปก่อนจนเผลอลืมไปว่าตนเองเคยท้องมาแล้วตั้งสิบเดือน จะมีมารดาคนไหนบ้างที่ไม่ทราบว่าตัวเองคลอดลูกออกมากี่คน
นางได้ทราบจากพี่ใหญ่ว่า ตั้งแต่ท่านพ่อและท่านแม่แต่งงานกัน ท่านแม่ก็รักและให้เกียรติท่านพ่อจากใจจริง ไม่มีทางที่ท่านแม่จะปิดบังเรื่องลูกของตัวเองจากคนรัก
เมื่อเห็นว่าบุตรสาวมีท่าทีประหม่า เจียงอันเฉิงจึงเอ่ยเคร่งขรึม “เจ้าเลิกคิดเรื่องพวกนี้จะดีกว่า ต่อไปนี้เจ้าห้ามไหว้พระสวดมนต์อีกเป็นอันขาด”
บุตรสาวที่เคยสุขุมปราดเปรื่องเปลี่ยนไปถึงเพียงนี้ เขาจะไม่เป็นห่วงได้อย่างไร…เอาเถอะ ไว้ค่อยกลับไปฟาดเจ้าลูกชายตัวดีสักทีจะได้สบายใจ
ภายใต้สายตาพินิจพิเคราะห์ของบิดา เจียงซื่อได้แต่ยิ้มกลบเกลื่อน
ก่อนที่ฟ้าจะมืด เจียงอันเฉิงสั่งให้เจียงจั้นไปที่จวนอี๋หนิงโหว
เกิดเรื่องกับเจียงจั้นคราวนี้ จวนอี๋หนิงโหวแสดงความเป็นห่วงถึงหลานชาย แม้เจียงอันเฉิงจะโกรธแค้นโหยวซื่อเข้ากระดูกดำเพราะนางทำร้ายภรรยาของเขา แต่เพราะเขารู้จักแยกแยะ และทราบดีว่าคนชราทั้งสองคงเป็นห่วงหลานชายจากใจจริง เมื่อบุตรชายของเขากลับมาถึงโดยสวัสดิภาพก็ควรไปให้จวนฝั่งมารดาเห็นหน้าสักครั้ง
เพราะไม่ว่าจะอย่างไร จวนฝั่งมารดาก็นับว่าเป็นญาติที่ใกล้ชิดมากที่สุด
ในตอนนั้น เจียงซื่อยังไม่กลับจวนอ๋อง เมื่อได้ยินเจียงอันเฉิงกล่าวเช่นนั้น นางจึงเอ่ยว่า “ข้าไปกับพี่รองก็แล้วกัน”
เจียงจั้นพยักหน้าดีใจ “ดีเหลือเกินที่น้องสี่จะไปกับข้า”
อวี้จิ่นรีบเอ่ย “งั้นข้าไปด้วย”
เจียงซื่อปฏิเสธบุรุษของตัวเองอย่างไร้เยื่อใยโดยยกเหตุผลที่ว่า “ป่านนี้แล้ว หากท่านไป เกรงว่าจะทำให้จวนโหวต้องวุ่นวาย วันนี้ให้ข้าไปกับพี่รองก่อนก็แล้วกัน ไว้วันหน้าจวนอ๋องส่งเทียบไปให้จวนโหว แล้วเราค่อยไปด้วยกัน”
อาจิ่นเป็นถึงท่านอ๋อง หากเขาไปที่นั่น เกรงว่าคนในจวนคงมาล้อมหน้าล้อมหลังเขา ขัดขวางการสืบความจริงจากท่านยาย
สาเหตุที่เจียงซื่อต้องการไปจวนอี๋หนิงโหวโดยเร็วเป็นเพราะนางไม่ได้รับคำตอบจากเจียงอันเฉิง ฉะนั้นนางจึงหอบความหวังสุดท้ายไปถามจากปากเหล่าฮูหยินแห่งจวนอี๋หนิงโหว
นางและอาซังหน้าตาเหมือนกันถึงเพียงนี้ ไม่ว่าจะชาติก่อนหรือชาตินี้ ทั้งคู่ก็มีความเกี่ยวพันกันประหนึ่งมีโซ่ตรวนผูกรัดเอาไว้ แล้วพวกนางจะเป็นเพียงคนแปลกหน้าที่มีได้มีความเกี่ยวข้องกันจริงๆ งั้นหรือ
ครั้นเห็นอวี้จิ่นทำทีอิดออด เจียงซื่อจึงเอ่ยปลอบใจ “อาฮวนแทบจะจำเจ้าไม่ได้อยู่แล้ว รีบกลับไปอยู่กับลูกเถิด”
เมื่ออวี้จิ่นได้ฟังดังนั้นก็ยอมแพ้ทันที เขาแยกกับสองพี่น้องและกลับไปที่จวน
ครั้นสองพี่น้องมาถึงจวนอี๋หนิงโหว ทั้งคู่ก็ได้รับการต้อนรับเป็นอย่างดี
เหล่าอี๋หนิงโหวและเหล่าฮูหยินยินดียิ่งนักเมื่อเห็นหลานชายกลับมาอย่างปลอดภัย และเมื่อเห็นใบหน้างามสง่าของหลานสาว ความสุขก็ยิ่งทบเท่าทวีคูณ
ลุงใหญ่แซ่ซูปีติยินดีไม่แพ้กัน
หากหลานชายของเขาผ่านด่านเคราะห์มาได้ ข้างหน้าก็มีโชคใหญ่รออยู่ การที่หลานชายรอดชีวิตกลับ อีกทั้งยังเป็นที่สะดุดตาของฮ่องเต้ อนาคตของเขาจะไปได้ไกลเพียงใดคงไม่ต้องกล่าวให้มากความ ลำพังแค่ตำแหน่งมั่นคงอย่างซื่อจื่อก็เพียงพอแล้ว นี่ยังไม่รวมหลานสาวที่เป็นพระชายาท่านอ๋องเลยด้วยซ้ำ
แม้ลุงใหญ่แซ่ซูจะยังไม่ได้เห็นหน้าหลายชาย แต่ถึงอย่างไร การที่หลานชายได้ดีก็นับว่าเป็นเรื่องน่ายินดี
“ท่านยาย ให้พี่รองไปสนทนากับท่านตาและท่านลุงดีกว่าเจ้าค่ะ ส่วนหลานจะเข้าไปนั่งเป็นเพื่อนท่านยายที่ห้องหน่วนเก๋อ[1]”
เหล่าฮูหยินไม่ได้ปฏิเสธ นางปล่อยให้เจียงซื่อพยุงนางเข้าไปนั่งบนตั่งอุ่นๆ หญิงชราถอนหายใจ “หลานเอ๋ย พี่รองของเจ้าไม่เป็นอะไร ข้าก็สบายใจ หากข้าตายไป ข้าจะได้ไปบอกมารดาของเจ้าได้…”
เจียงซื่อรีบเอ่ย “เพิ่งจะขึ้นศักราชใหม่ ท่านยายอย่าพูดอะไรอย่างนั้นสิเจ้าคะ”
ตามธรรมเนียม วันที่สิบห้าของเดือนแรกถึงจะนับว่าสิ้นสุดช่วงเทศกาลขึ้นปีใหม่
อี๋หนิงโหวเหล่าฮูหยินหัวเราะร่า “พูดอะไรอย่างนั้น มีใครบ้างที่มีชีวิตอยู่เป็นอมตะ เรื่องพรรค์นั้นมีจริงที่ไหนกัน”
ครั้นเจียงซื่อเห็นว่าบรรยากาศเริ่มผ่อนคลาย นางจึงเม้มปากเล็กน้อยก่อนจะเริ่มสืบหาความจริง “ท่านยาย เหตุใดท่านยายถึงได้คลอดท่านแม่ของข้าออกมาแค่คนเดียวล่ะเจ้าคะ”
เหล่าฮูหยินหัวเราะยกใหญ่
เจียงซื่อนวดขาให้หญิงชราพลางถอนหายใจ “หากมีท่านป้า จะได้มีคนอยู่เป็นเพื่อนท่านยายแทนท่านแม่อย่างไรเจ้าคะ”
รอบดวงตาของเหล่าฮูหยินเรื่อสีแดง
เมื่อเห็นว่าสิ่งที่พูดยังขาดแรงกระตุ้น เจียงซื่อจึงรีบกล่าวเสริม “ท่านอ๋องเดินทางลงใต้คราวนี้ เขาพบสตรีนางหนึ่งที่มีหน้าตาเหมือนกับข้า แต่ท่านแม่ของข้าก็ไม่ได้มีลูกแฝด ท่านยาย คงไม่ได้มีพี่น้องของท่านแม่หลงไปอยู่ต่างถิ่นใช่หรือไม่…”
“ไร้สาระ!” เหล่าฮูหยินแผดเสียง
เจียงซื่อเปรยตาขึ้นมองปฏิกิริยาของหญิงชรา
เหล่าฮูหยินจึงค่อยๆ สงบลง นางเอื้อมมือไปแตะเรือนผมหนาของเจียงซื่อพลางบ่นกระปอดกระแปด “เจ้าเนี่ยนะ ปกติก็เป็นเด็กสุขุมมิใช่หรือ เหตุใดจู่ๆ ถึงได้คิดเรื่องพิสดารเช่นนี้”
สายตาเป็นประกายของเจียงซื่อมองไปที่เหล่าฮูหยินพร้อมกับรอยยิ้ม “หลานแค่รู้สึกว่าเรื่องนี้บังเอิญเหลือเกินเจ้าค่ะ ท่านยายไม่สงสัยเลยหรือเจ้าคะว่าสตรีที่ไหนจะหน้าตาเหมือนหลานสาวของตัวเอง”
เหล่าฮูหยินเฉมองไปทางอื่นพลางหัวเราะ “ก็คงเป็นเรื่องบังเอิญ เจ้าอย่าได้คิดเตลิดไปไกลเลย”
[1] ห้องหน่วนเก๋อ คือ ห้องที่มีการฝังท่อกระจายความร้อนอยู่ใต้ดิน