ตอนที่ 656 จัดการตามความเหมาะสม

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 656 จัดการตามความเหมาะสม

จวนองค์หญิงเจิ้นกั๋ว ภายในห้องของเรือนชิงฮุยเต็มไปด้วยแสงสีเหลืองนวลจากตะเกียง ไป๋จิ่นซิ่วกอดร่างของไป๋ชิงเหยียนอย่างระมัดระวังพลางร้องไห้ออกมา หญิงสาวร้องไห้ราวกับเด็ก ไม่เหลือคราบความเป็นนายหญิงของจวนฉินเลยแม้แต่น้อย

ไป๋จิ่นซิ่วกำลังเย็บเสื้อสำหรับใส่ในฤดูหนาวให้วั่งเกออยู่ในจวนฉิน จู่ๆ นางก็ได้รับข่าวว่าไป๋ชิงเหยียนถูกธนูยิงที่กลางอก นางตกใจจนแทบเป็นลมหมดสติ ขาอ่อนแรงลุกไม่ขึ้น นางสั่งให้ชุยปี้รีบเตรียมรถม้ากลับจวนไป๋ทันที

จนเมื่อพบหน้าพี่หญิงใหญ่ ได้ยินพี่หญิงใหญ่กล่าวว่านี่คือการจัดฉาก ไป๋จิ่นซิ่วจึงคลายกังวลลง ทว่า ยังคงร้องไห้ออกมาอย่างอดไม่ได้

ตั้งแต่ที่ตระกูลไป๋เกิดเรื่องขึ้นในปีที่แล้ว ไป๋ชิงเหยียนคือเสาหลักและแสงนำทางของพี่น้องทุกคนในตระกูล ไป๋จิ่นซิ่วไม่อาจจินตนาการได้ว่าหากสูญเสียพี่หญิงใหญ่ไป พวกนางจะเป็นเช่นไร ตระกูลไป๋จะเป็นเช่นไร…

ภายในหนึ่งปีที่ผ่านมา พวกนางสูญเสียญาติพี่น้องไปมากพอแล้ว บัดนี้พวกนางไม่อาจสูญเสียผู้ใดไปได้อีก

ไป๋ชิงเหยียนลูบฝ่ามือของไป๋จิ่นซิ่วอย่างปลอบประโลม กล่าวเสียงอ่อนโยน “เอาล่ะๆ เป็นแม่คนแล้ว เหตุใดยังขี้แยเช่นนี้อีก วังเกอจะหัวเราะเยาะเจ้าเอาได้นะ!”

สิ้นเสียงของไป๋ชิงเหยียน หลูผิงเข้ามารายงานว่าหัวหน้ากลุ่มย่อยของกองกำลังรักษาพระองค์ที่ไป๋ชิงเหยียนสั่งให้องครักษ์ไป๋ไปติดต่อต่างสาบานว่าจะติดตามรับใช้องค์รัชทายาทด้วยชีวิต

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า เมื่อเกิดความวุ่นวายที่ประตูอู่เต๋อในครั้งนี้ ไป๋ชิงเหยียนจึงสั่งให้องครักษ์ไป๋สังเกตและคัดเลือกกำลำลังรักษาพระองค์บางส่วนที่เห็นความสำคัญในมิตรภาพของสหายร่วมรบเพื่อไปรับใช้องค์รัชทายาท ทว่า แท้จริงแล้วนางซื้อใจคนเหล่านี้ไว้เอง

ที่ต้องซื้อใจคนเหล่านี้ในนามขององค์รัชทายาท ประการแรกเพราะคนเหล่านี้ไม่ใช่กองทัพไป๋ ไป๋ชิงเหยียนไม่อาจเชื่อใจพวกเขาได้เต็มร้อย หญิงสาวกลัวว่าหากซื้อใจคนเหล่านี้ในนามขององค์หญิงเจิ้นกั๋วแล้วเรื่องถูกเปิดเผยขึ้นมา ฮ่องเต้และองค์รัชทายาทอาจระแวงสงสัยในตัวนางได้

บัดนี้ทุกคนต่างรู้ดีว่าไป๋ชิงเหยียนอยู่ฝ่ายขององค์รัชทายาท หญิงสาวทำเช่นนี้สะดวกมากกว่าและสามารถสืบข่าวจากกองกำลังรักษาพระองค์ได้ตลอดเวลา

“องครักษ์ไป๋ที่ไปกล่าวโน้มน้าวกองกำลังรักษาพระองค์เหล่านั้นในวันนี้นามว่าซ่งเฉิงกวงขอรับ ข้าตั้งใจว่าต่อจากนี้จะให้เขาเป็นคนติดต่อกับหัวหน้าหน่วยย่อยของทหารรักษาพระองค์เหล่านั้นขอรับ” หลูผิงหยิบรายชื่อออกมาจากอก “นี่คือรายชื่อขอรับ!”

ไป๋จิ่นซิ่วรับรายชื่อมาเปิดให้ไป๋ชิงเหยียนดู

ทั้งหมดสามสิบคน ตำแหน่งของพวกเขาถูกระบุอยู่หลังรายชื่อของพวกเขา

ไป๋ชิงเหยียนกวาดสายตามองรายชื่ออย่างคราวๆ จากนั้นส่งสัญญาณให้ชุนเถายื่นรายชื่อให้หลูผิง

แสงของตะเกียงส่องสะท้อนดวงตาดำขลับที่ล้ำลึกและสงบนิ่งของไป๋ชิงเหยียน หญิงสาวกล่าวขึ้น “ลุงผิง ข้ามีเรื่องให้ลุงผิงไปจัดการสองเรื่อง เรื่องแรก…คัดลอกรายชื่อเจ็ดคนนี้ออกมา จากนั้นลุงผิงจงนำรายชื่อทั้งเจ็ดรายนี้ไปยังหาใต้เท้าฟ่านที่จวนฟ่าน บอกกับเขาว่าก่อนที่ข้าจะสลบไปข้าแนะนำองค์รัชทายาทให้แต่งตั้งเขาเป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์ คนเหล่านี้คือคนที่ข้าต้องการจัดให้เข้าไปอยู่ในกองกำลังรักษาพระองค์เพื่อป้องกันไม่ให้เกิดเหตุการณ์ดังเช่นวันนี้ขึ้นอีก ให้เขาจัดการตามความเหมาะสม ต้องปิดบังไม่ให้องค์รัชทายาททรงทราบเรื่องนี้ องค์รัชทายาททรงหวาดกลัวฝ่าบาทมาก หากรู้ว่าข้ายื่นมือเข้าไปเกี่ยวข้องในกองกำลังรักษาพระองค์ องค์รัชทายาทต้องเผยพิรุธต่อหน้าฝ่าบาทแน่นอน ทว่า ข้าคือคนขององค์ชาย ย่อมต้องวางแผนเพื่อพระองค์”

แม้การบอกถ้อยคำเหล่านี้กับฟ่านอวี๋ไหวจะดูเสี่ยงเกินไป ทว่า หลูผิงเคารพในการตัดสินใจของไป๋ชิงเหยียนเสมอ เขาพยักหน้ารับคำ

“ยังมีอีกเรื่อง เจ้าให้คนส่งจดหมายไปให้แม่ทัพเสิ่นคุนหยาง ให้เขาดูและทหารหนึ่งหมื่นแปดพันนายที่องค์รัชทายาทส่งไปยังหนานเจียงครั้งนี้ตามความเหมาะสม ทางที่ดีหาทางเก็บพวกเขาไว้ใช้งานเองทั้งหมดให้ได้”

หลูผิงกำหมัดรับคำ จากนั้นเดินจากไปพร้อมรายชื่อ

“พี่หญิงใหญ่ ฟ่านอวี๋ไหวอาจไม่ใช่คนขององค์รัชทายาท ข้าสังเกตฟ่านอวี๋ไหวมาสักพักแล้ว ความสัมพันธ์ระหว่างเขาและองค์รัชทายาทไม่ได้ดีมากนัก ดูเหมือนจะจงรักภักดี ทว่า ก็ดูเหมือนไม่ใช่เจ้าค่ะ…” ไป๋จิ่นซิ่วค่อนข้างกังวล “พี่หญิงใหญ่มอบรายชื่อเจ็ดคนนั้นให้ฟ่านอวี๋ไหวอาจจะ…”

“ฟ่านอวี๋ไหวร่วมเป็นร่วมตายกับองค์รัชทายาทมาแล้ว ต่อให้ตอนนี้เขายังไม่ใช่คนขององค์รัชทายาท ทว่า เขาก็เป็นคนขององค์รัชทายาทแล้วครึ่งหนึ่ง องค์รัชทายาทคือจักรพรรดิองค์ถัดไป ฟ่านอวี๋ไหวย่อมคิดได้ ที่สำคัญข่าวเรื่องที่พี่รับธนูแทนองค์รัชทายาทแพร่กระจายออกไปแล้ว ทุกคนไม่มีทางสงสัยในความภักดีของพี่ หลูผิงนำรายชื่อไปมอบให้ฟ่านอวี๋ไหวอย่างเปิดเผย ฟ่านอวี๋ต้องเลือกใช้งานพวกเขาอย่างไม่ระแวงแน่นอน ถือเป็นการตอบแทนที่พี่ช่วยเสนอให้เขาได้เป็นหัวหน้ากองกำลังรักษาพระองค์”

ไป๋ชิงเหยียนลูบไปที่ผ้าห่มลายดอกบัวที่คลุมอยู่บนตักอย่างเบามือ สายตาจับจ้องไปยังแสงตะเกียงที่สะท้อนอยู่บนหน้าต่าง จากนั้นกล่าวยิ้มๆ “ตอนนี้ก็ได้แต่รอดูว่าฟ่านอวี๋ไหวจะให้พวกเขารับตำแหน่งใดในกองกำลังรักษาพระองค์แล้ว หากฟ่านอวี๋ไหวให้พวกเขารับตำแหน่งสำคัญก็แสดงว่าฟ่านอวี๋ไหวตัดสินใจติดตามรับใช้องค์รัชทายาท กลายเป็นคนขององค์รัชทายาท หากฟ่านอวี๋ไหวมีเจตนาป้องกันคนเหล่านั้นก็แสดงว่าเขาไม่ได้จะสวามิภักดิ์ต่อองค์รัชทายาท เขาปกป้ององค์รัชทายาทตามหน้าที่ของเขาเท่านั้น เช่นนี้พวกเราค่อยหาทางส่งอีกหกคนที่เหลือเข้าไปใหม่”

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า “แบ่งให้อยู่ทั้งในที่แจ้งและในที่ลับ แม้จะสูญเสียไปส่วนหนึ่ง ทว่า ยังเหลืออีกส่วน”

“คนเหล่านี้ไม่ใช่คนในกองทัพไป๋ พวกเราต้องใช้อย่างระมัดระวัง เจ้าไม่ต้องเข้ามายุ่งเรื่องนี้ พี่จะหาคนมารับผิดชอบเอง” ไป๋ชิงเหยียนสั่งไป๋จิ่นซิ่ว

ไป๋จิ่นซิ่วพยักหน้า

บัดนี้ทุกคนในจวนไป๋ตั้งแต่องค์หญิงใหญ่ไปจนถึงบ่าวรับใช้อย่างชุนเถาล้วนรับรู้ว่าการบาดเจ็บของไป๋ชิงเหยียนเป็นเพียงการจัดฉากเพื่อจะได้เดินทางกลับไปยังซั่วหยางอย่างราบรื่นเท่านั้น ทุกคนล้วนคลายกังวลลงไม่น้อย

ทว่า ต่างบอกกับคนภายนอกเป็นเสียงเดียวกันว่าไป๋ชิงเหยียนยังสลบไม่ได้สติ

ไป๋จิ่นซิ่วให้คนไปบอกให้ฉินหล่างที่รออยู่ที่เรือนหน้าของจวนไป๋ทราบว่าคืนนี้นางจะอยู่ดูแลไป๋ชิงเหยียนที่จวนไป๋ ให้ฉินหล่างกลับจวนไปดูแลวั่งเกอให้ดี

ฉินหล่างพยักหน้ารับคำ จากนั้นกล่าวกับชุยปี้ “ไปเรียนฮูหยินว่าหากองค์หญิงเจิ้นกั๋วต้องการยาชนิดใดให้กลับไปเอาที่จวนได้เลย”

ชุยปี้ทำความเคารพฉินหล่าง “เจ้าค่ะ!”

ฉินหล่างกำลังจะเดินออกไปจากจวนไป๋ก็บังเอิญพบกับต่งชิงผิงและฮูหยินต่งซ่งซื่อที่กำลังเดินเข้ามาพอดี ฉินหล่างรีบทำความเคารพต่งชิงเยว่และซ่งซื่อ “ใต้เท้าต่ง ฮูหยินต่ง!”

ต่งชิงผิงก้มศีรษะให้เล็กน้อย จากนั้นเดินเข้าไปในจวนไป๋ด้วยสีหน้าเคร่งขรึม ซ่งซื่อก้มศีรษะให้ฉินหล่างแล้วเดินตามสามีเข้าไปในจวนไป๋เช่นเดียวกัน

หลูผิงรีบเชิญต่งชิงเยว่และซ่งซื่อเข้าไปด้านใน

ฉินหล่างหันไปมองแผ่นหลังของต่งชิงผิงและซ่งซื่อ จากนั้นเงยหน้ามองดูจวนองค์หญิงเจิ้นกั๋วที่สว่างท่ามกลางแสงไฟ เขาได้แต่หวังให้ไป๋ชิงเหยียนพ้นขีดอันตราย เพราะมีคนห่วงใยหญิงสาวมากมายเหลือเกิน…

ภายในวังหลวง

หน้าต่างในตำหนักของฮ่องเต้ถูกลมพัดจนเกิดเสียงดังเป็นระยะ เปลวไฟจากตะเกียงส่องสะท้อนลงบนพื้นกระเบื้อง กระทบลงบนใบหน้าด้านข้างที่อ่อนล้าของฮ่องเต้

ชิวกุ้ยเหรินร้องไห้พร่ำพรรณนาว่าหลายวันมานี้ตนคิดถึงฮ่องเต้มากเพียงใด อยากมาดูแลฮ่องเต้ ทว่า กลับถูกองค์หญิงใหญ่ห้ามไว้ทุกครั้ง บัดนี้เหลียงอ๋องเกิดเรื่องขึ้น นางมาจากจวนของเหลียงอ๋อง แม้แต่นางกำนัลในวังหลวงยังกล้าชักสีหน้าใส่นาง

ใบหน้าของฮ่องเต้อยู่ในมุมอับแสง เขาหันไปจ้องชิวกุ้ยเหรินนิ่ง นางคุกเข่าอยู่ด้านล่างผ้าม่านสีเหลืองของเตียงซึ่งถูกรวบแขวนไว้กับตะขอสีทองของเตียงอย่างเป็นระเบียบ ฮ่องเต้นึกถึงฮองเฮาขึ้นมาทันที เขารีบเอามือกุมหน้าอกพลางไอออกมาสองสามครั้ง

ชิวกุ้ยเหรินรีบจับชายกระโปรงลุกขึ้นยืน หยิบกระโถนยื่นไปตรงหน้าฮ่องเต้ ใช้ผ้าเช็ดหน้าของตัวเองเช็ดปากให้ฮ่องเต้อย่างไม่คิดรังเกียจ มือเล็กขาวเนียนราวกับหยกลูบไปที่หน้าอกของฮ่องเต้อย่างแผ่วเบาเพื่อช่วยผ่อนคลาย “ฝ่าบาท ดีขึ้นหรือไม่เพคะ”