บทที่ 712 แม้แต่งู ข้าก็ซ่อนไม่ได้

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 712 แม้แต่งู ข้าก็ซ่อนไม่ได้

บทที่ 712 แม้แต่งู ข้าก็ซ่อนไม่ได้

เพ่ยเหมียนหมานเดินมาที่ด้านข้างซูอัน “ผู้อาวุโสอ้าว ถ้าความสงสัยของข้าถูกต้อง ท่านควรจะเป็นสมาชิกของเผ่ามังกรใช่ไหม? ทำไมคนในเผ่าของท่านถึงจะมาอยู่ที่นี่?”

เจิ้งตานเดินมาประกบอยู่อีกฟากหนึ่งของซูอัน คอยระวังภัยอย่างชัดเจน

“อย่างนั้นเหรอ? บางทีข้าอาจคิดผิดไปจริง ๆ” แม้ว่าอ้าวเฉวียนจะพูดแบบนี้ แต่เขาก็ไม่ได้จากไป ดวงตาของเขายังคงสอดส่องไปตามร่างกายของแต่ละคน

จากนั้นเสียงไม่พอใจก็ดังขึ้น “ท่านกำลังพูดถึงมังกรแดงขนาดยักษ์ใช่ไหม?”

ทุกคนหันไปมองซ่างเชียน ดวงตาของเพ่ยเหมียนหมานแฝงไปด้วยแววอันตราย

“ใช่ เด็กน้อยเจ้ารู้อะไรเกี่ยวกับเรื่องนี้บ้างไหม?” อ้าวเฉวียนถามด้วยท่าทางที่เป็นมิตร

ซ่างหงขมวดคิ้ว เขาส่งคำเตือนให้ลูกชายของเขาผ่านการส่งสัญญาณพลังชี่ “เชียนเอ๋อร์ระวังคำพูดด้วย!”

ซ่างเชียนแสร้งทำเป็นไม่ได้ยิน เขาชี้นิ้วไปที่ซูอัน “เมื่อครู่นี้เขาใช้วิชาสิบแปดฝ่ามือสยบมังกร และจากนั้นมังกรแดงขนาดใหญ่ก็ปรากฏร่างขึ้นกลางอากาศทันที”

เมื่อมองเพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตานที่ขนาบข้างซูอันก็เพียงพอที่จะทำให้เขาริษยาจนร้อนรุ่ม

เขามักจะดูถูกว่าหนูสกปรกตัวนี้มาจากท้องถนน และรู้สึกเสมอว่าหนูตัวนี้ด้อยกว่าตัวเองในทุก ๆ ด้าน

อย่างไรก็ตาม การต่อสู้กับติ้งรุ่นได้แสดงให้เห็นอย่างชัดเจนว่าความแข็งแกร่งของซูอันได้แซงหน้าเขาไปนานแล้ว…

เขาไม่สามารถยืนหยัดกับความคิดที่ว่ามีความแตกต่างอย่างมากระหว่างพวกเขา และสิ่งที่ทำให้ยอมรับได้ยากขึ้นไปอีกก็คือความรู้สึกที่ว่าช่องว่างนี้จะกว้างขึ้นอีกในอนาคต

ยิ่งไปกว่านั้นท่าทีของเจิ้งตานก็ทำให้ทั้งสองไม่สามารถอยู่ใต้ท้องฟ้าเดียวกันได้ สิ่งเดียวที่ในใจของเขามีในตอนนี้คือการกำจัดซูอัน!

นี่เป็นโอกาสที่สมบูรณ์แบบ เขาจะยืมความแข็งแกร่งของผู้เฒ่ามังกรเพื่อบรรลุเป้าหมายของเขา

ซ่างหงขมวดคิ้ว เขายังคงหวังว่าลูกชายของเขาจะสามารถเข้ากับซูอันได้ อย่างไรก็ตาม ความใกล้ชิดที่เจิ้งตานมีให้ซูอันได้ขจัดความเป็นไปได้ที่จะเกิดขึ้น

แม้ว่าลูกชายจะไม่ได้ตัดสินใจอย่างฉลาดที่สุดในขณะนี้ ต่อให้เจ้าต้องการเป็นปฏิปักษ์ต่อซูอัน อย่างน้อยเจ้าควรรอจนกว่าข้าจะฟื้นตัว!

เราไม่รู้ด้วยซ้ำว่าผู้เฒ่ามังกรผู้นี้เป็นมิตรหรือศัตรู จะเกิดอะไรขึ้นถ้าเขาเบนเป้ามาที่เราหลังจากที่กำจัดซูอันไปแล้ว?

ซ่างเฉี่ยนกัดริมฝีปากตนเองเช่นกัน ด้วยความสัตย์จริง นางไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจของพี่ชาย พวกนางทั้งหมดร่วมต่อสู้ด้วยกัน และซูอันได้ให้ยาอันล้ำค่าสามเม็ดแก่พวกนาง การแทงหลังเขาทันทีเช่นนี้เป็นการกระทำที่น่ารังเกียจอย่างแท้จริง

อย่างไรก็ตาม ซ่างเชียนเป็นพี่ใหญ่ของนาง ดังนั้นนางจึงไม่สามารถขัดแย้งกับเขาได้

ซูอันหรี่ตาลงและมองซ่างเชียน เขาไม่เข้าใจเลยว่าสมองของอีกฝ่ายทำมาจากอะไร แต่ไม่ว่าจะอย่างไร ดูเหมือนเขาและคนผู้นี้คงไม่อาจอยู่ร่วมโลกกันได้แน่นอน

“สิบแปดฝ่ามือสยบมังกร?” การแสดงออกของอ้าวเฉวียนเริ่มเย็นชาเมื่อเขาได้ยินชื่อนี้ เขาหันไปมองที่ซูอัน “ไอ้เด็กอวดดี!”

ซูอันประสานมือพร้อมกับโค้งกายอย่างรวดเร็วและพูดว่า “มันเป็นเพียงชื่อที่สร้างขึ้นเพื่อข่มขวัญคู่ต่อสู้เท่านั้น มันไม่ใช่ความจริง ข้าไม่ได้ตั้งใจว่าจะล่วงเกินเผ่าพันธุ์มังกร ข้าขออภัยผู้อาวุโสจากใจจริง!”

อ้าวเฉวียนเย้ยหยัน “แล้วเจ้าเป็นคนสร้างมันขึ้นมาเหรอ? ถ้าอย่างนั้นบอกข้าหน่อยเถอะว่ามังกรแดงนั้นเป็นสิ่งที่เจ้าสร้างขึ้นหรือไม่?”

“มังกรแดง? มังกรแดงอะไร? ตัวใหญ่แค่ไหน?” ซูอันแสร้งทำเป็นไม่รู้

อ้าวเฉวียนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “แม้ว่าจะเป็นเพียงมังกรระดับล่างที่บ่มเพาะมาได้ไม่นานเท่าไหร่ แต่เขาก็ยังค่อนข้างแข็งแกร่ง เขาอาจจะมีความยาวประมาณร้อยจั้ง”

“หนึ่งร้อยจั้ง?” ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ข้าแน่ใจว่าท่านจะต้องเห็นด้วยกับคำพูดนี้ของข้า อย่าว่าแต่มังกรยักษ์ที่มีความยาวหนึ่งร้อยจั้งเลยผู้อาวุโส แค่งูยาวจั้งเดียวข้าก็ไม่สามารถซ่อนมันได้แล้ว”

“บางทีเจ้าอาจซ่อนมันไว้ในสมบัติประเภทคลังมิติ” อ้าวเฉวียนพูดด้วยน้ำเสียงเยือกเย็น

“สมบัติประเภทคลังมิติ?” ซูอันยิ้ม “มีสมบัติแบบใดที่สามารถเก็บมังกรขนาดใหญ่เช่นนั้นได้ด้วยเหรอ?”

คนอื่น ๆ เห็นด้วยว่าสิ่งนี้สมเหตุสมผลมาก สมบัติประเภทคลังมิติมีพื้นที่เอาไว้เก็บของไม่เท่าไหร่เท่านั้นจะมีใครสามารถซ่อนมังกรขนาดใหญ่เช่นนี้ได้?

อย่างไรก็ตาม ไอ้มังกรตัวนั้นพวกเขาก็เห็นมันกับตาตัวเองจริง ๆ มันเกิดอะไรขึ้นกันแน่?

อ้าวเฉวียนขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่าเขาเองก็ไม่คิดว่าจะมีสมบัติประเภทคลังมิติแบบไหนที่สามารถทำเช่นนั้นได้

“อย่าฟังเรื่องไร้สาระของเขาเลยท่านผู้อาวุโส เมื่อครู่นี้ข้าใช้เพียงภาพลวงตา ไอ้คนพูดมันฟั่นเฟือนไปเอง” ซูอันกล่าว

ซ่างเชียนเริ่มตื่นตระหนก “ข้าจะ…ได้ยังไง…?”

อ้าวเฉวียนตัดบท “ข้าไม่รู้ว่าเขามองผิดหรือไม่? แต่ข้าจะไม่ทำผิดพลาดอย่างเช่นเชื่อคำพูดใครง่าย ๆ นอกจากนี้ ไม่มีทางที่ข้าจะจำกลิ่นอายของสหายมังกรด้วยกันไม่ได้”

รอยยิ้มของซูอันจางหายไป “ในเมื่อท่านไม่เชื่อข้าแม้หลังจากอธิบายทั้งหมดไปแล้ว ถ้าเช่นนั้นท่านต้องการทำอะไร?”

อ้าวเฉวียนกล่าวอย่างเฉยเมยว่า “มอบศพของเขามา และกลับไปพร้อมกับข้าเพื่อพบกับเผ่ามังกรที่เหลือ ประมุขของเผ่าข้าจะตัดสินเรื่องนี้เอง”

ซูอันหัวเราะและพูดว่า “ฟังมาตั้งนาน ท้ายที่สุดมันก็กลายเป็นว่าเจ้าแค่กำลังอยากได้สมบัติประเภทคลังมิติของข้าและวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ! เจ้านี่มันช่างปลิ้นปล้อนจริง ๆ ทำเหมือนกับว่าตัวเองไม่สนใจเกี่ยวกับเรื่องต่าง ๆ ของโลก แต่พอเอาเข้าจริงเจ้าก็แสดงความโลภออกมา ไอ้แก่หน้าซื่อใจคดเอ๊ย!”

อ้าวเฉวียนคำรามด้วยความโกรธ “ไอ้เด็กเวร! เจ้ากล้าดียังไงถึงพูดจาลบหลู่เผ่าพันธุ์มังกรของข้า!?”

ท่านยั่วยุอ้าวเฉวียนสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 999!

ซูอันเย้ยหยัน “เลิกแสร้งสร้างเรื่องให้ใหญ่โตเถอะไอ้มังกรแก่! เจ้าก็รู้อยู่แก่ใจว่าข้าทำให้เจ้าอับอายเท่านั้น! เจ้าตัวเดียวไม่ได้เป็นตัวแทนของเผ่าพันธุ์มังกรทั้งหมด!”

อ้าวเฉวียนโกรธมากจนแค่นเสียงออกมา “ดี! ดีมาก! นานมากแล้วที่ไม่มีใครกล้าพูดกับข้าแบบนี้ นับประสาอะไรกับมนุษย์ที่มีระดับการบ่มเพาะเท่าหางอึ่งเช่นเจ้า!”

ซ่างเชียนมีความสุขมาก เตะตูดมันเลย! ซูอันมันคลานออกมาจากถังขยะจริง ๆ สุนัขเช่นเจ้ากล้าที่จะยกหางของเจ้าให้สูงเพียงเพราะเจ้าโชคดีและพบวิธีที่จะยกระดับการบ่มเพาะของเจ้าเล็กน้อย? จำไว้ว่าเจ้าเป็นแค่เศษสวะ!

ซูอันพ่นลมหายใจ “เผ่าพันธุ์มังกรพ่ายแพ้ให้กับมนุษย์ในดินแดนรกร้างทางตอนเหนือไม่ใช่เหรอ? เจ้าจะคุยโวเรื่องอะไรได้? หากเจ้ามีความกล้าจริง ๆ ไปทักทายจักรพรรดิของเราในพระราชวังสิโว้ย!”

อ้าวเฉวียนแทบสำลักลมหายใจตัวเอง เห็นได้ชัดว่าเขารู้ถึงความแข็งแกร่งของจักรพรรดิ ไม่เว้นแม้แต่ประมุขของเผ่ามังกรก็ยังไม่แน่ว่าจะเป็นคู่มือของชายคนนั้น ไม่มีทางที่เขาจะกล้าไปสร้างปัญหาถึงในพระราชวัง

เขาสูดลมหายใจ “ไอ้หนู ข้าจะทำให้เจ้าเสียใจกับความหยาบคายของเจ้า!”

เพ่ยเหมียนหมานร้องเตือนทันที “ระวัง!”

นางรู้ว่าผู้เฒ่ามังกรกำลังจะโจมตีแล้ว ดังนั้นนางจึงต้องชิงโจมตีก่อนเพื่อชิงความได้เปรียบ เปลวไฟสีดำที่ดุร้ายพุ่งออกไปทันที

อ้าวเฉวียนไม่ได้เคลื่อนไหวเลย เขาจ้องไปที่เปลวไฟสีดำที่พุ่งเข้าหาเขา และพูดช้า ๆ ว่า “ประกาศิตมังกร ดับหาย!”

เมื่อคำพูดออกจากปากของเขา เปลวไฟสีดำที่ลุกโชนก็หายไป

เพ่ยเหมียนหมานตกตะลึง นางยกมือขึ้นอีกหลายครั้ง แต่มีเพียงประกายไฟเล็กน้อยเท่านั้นที่ปรากฏขึ้น นางไม่สามารถเรียกเปลวไฟออกมาได้

อ้าวเฉวียนหันไปมองซูอัน “ไอ้หนู ข้ารู้สึกไม่พอใจกับคำพูดของเจ้ามากที่สุด ข้าจะทำให้เจ้าตบปากตัวเองเป็นร้อยครั้ง จนต้องนึกเสียใจที่หยาบคายกับข้า ประกาศิตมังกร ต…!”

แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เขาก็ได้ยินเสียงเย้ยหยันของซูอัน

“แกมองอะไร?”