ตอนที่ 1337 สุสานที่หายไป (7) ตอนที่ 1338 สุสานที่หายไป (8)

ทรราชหญิงเจ้าหัวใจจักรพรรดิมาร

ตอนที่ 1337 สุสานที่หายไป (7) / ตอนที่ 1338 สุสานที่หายไป (8)
ตอนที่ 1337 สุสานที่หายไป (7)

ทุกคนเริ่มค้นหาสิ่งที่น่าสงสัยรอบๆ เขตแดนทันที สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตั้งอยู่ตรงหน้าพวกเขาแล้ว และจวินอู๋เย่าก็พูดไว้อย่างชัดเจนว่าสิ่งที่คงเขตแดนเอาไว้น่าจะเป็นผลึกอัญมณีหลายอัน พวกเขาก็แค่ต้องทำลายมันเสีย แล้วเขตแดนก็จะถูกทำลาย

พูดง่ายกว่าทำ เพราะผลึกอัญมณีไม่ได้หาเจอได้ง่ายๆ พวกเขามองไม่เห็นว่าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิใหญ่ขนาดไหน ทุกคนจึงเดินตามขอบไปเรื่อยๆ ใช้การก้าวเท้าเป็นการวัดระยะที่แน่นอน และหลังจากเดินอยู่นาน พวกเขาก็ยังไม่พบจุดเลี้ยวตรงไหนเลย ทุกคนยังยืนอยู่ด้านแรกของสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิ

เฟยเยียนกับหรงรั่วเดินไปทางเดียวกัน แม้ว่าสายตาของเฟยเยียนจะมองอยู่ที่หลังของหรงรั่ว แต่มือก็ยังสัมผัสไปรอบๆ เพื่อค้นหา อีกมือหนึ่งซ่อนไว้ที่ด้านหลัง เขาเพิ่มความเร็วในการเดินขึ้นอย่างเงียบๆ และเดินขึ้นไปถึงด้านหลังของหรงรั่ว

หรงรั่วกำลังจดจ่อกับการหาผลึกเขตแดน แล้วจู่ๆ ก็รู้สึกว่ามีอะไรบางอย่างวางลงบนหัว นางเอื้อมมือไปแตะอย่างงงๆ แล้วก็พบว่าในมือเต็มไปด้วยกลิ่นหอมของดอกไม้

หรงรั่วหันกลับไปและเห็นเฟยเยียนยืนอยู่ข้างหลังพร้อมด้วยรอยยิ้มสดใสที่คุ้นเคย

“สวยมากเลย” เฟยเยียนพูดยิ้มๆ

หรงรั่วมองภาพสะท้อนของมงกุฎดอกไม้ในเขตแดน มงกุฏดอกไม้บนหัวนางเมื่อเทียบกับของเสี่ยวเจว๋แล้วทำออกมาได้ดีกว่ามาก ดอกไม้สีม่วงถูกถักเข้าด้วยกันกับใบไม้สีเขียวอย่างประณีต มันค่อนข้างสวยทีเดียว

แต่ริมฝีปากของหรงรั่วแข็งทื่อเล็กน้อย นางมองเฟยเยียนอย่างจนปัญญา

ใบหน้าของเฟยเยียนประดับด้วยรอยยิ้มสดใส แต่เมื่อเขาสังเกตเห็นสีหน้าเคร่งเครียดของหรงรั่ว รอยยิ้มของเขาก็เริ่มจางหายไป

ไม่ใช่ว่าเขาไม่รู้สึก หลังจากวันที่เกิดอุบัติเหตุระหว่างพวกเขาสองคน หรงรั่วก็จงใจทำตัวเหินห่างกับเขา คนสองคนที่เมื่อก่อนตัวติดกันมาตลอด ตอนนี้กลับเงียบใส่กันอย่างน่าอึดอัด การที่หรงรั่วหลบเลี่ยงเขาไม่ว่าจะตั้งใจหรือไม่ได้ตั้งใจก็ตาม ทำให้ในใจของเฟยเยียนรู้สึกเศร้าอยู่เสมอ

ความรู้สึกนั้นเป็นสิ่งที่เฟยเยียนไม่เคยสัมผัสมาก่อน มันเจ็บปวดและทุกข์ทรมาน

“เจ้า…ไม่ชอบหรือ” เสียงของเฟยเยียนสะดุดเล็กน้อย

หรงรั่วมองหน้าเฟยเยียนพร้อมกับขมวดคิ้ว นางเอามงกุฎดอกไม้ออกจากหัวแล้ววางมันไว้ในมือของเฟยเยียน

“ข้าคิดว่าเจ้ารู้แก่ใจดีอยู่แล้ว ระหว่างเรามันเป็นไปไม่ได้” หรงรั่วพูดอย่างกลัดกลุ้ม นางกับเฟยเยียนสนิทกันมาก แต่นางเห็นเขาเป็นแค่สหายที่ดีที่สุด เป็นเหมือนพี่น้องที่แท้จริงของตัวเอง

ก็แค่นั้น

“ทำไม” เฟยเยียนถามเบาๆ

ทำไมถึงเป็นไปไม่ได้

หรงรั่วถอนหายใจ นางเริ่มรู้สึกอึดอัดในอก

“ข้าไม่ใช่อย่างที่เจ้าคิดว่าข้าเป็น ที่จริงแล้วข้า…”

ขณะที่หรงรั่วกำลังจะพูดอะไรบางอย่าง ก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น!

ทั้งสองลืมเรื่องที่กำลังคุยกันอยู่ทันที พวกเขาหันไปทางเสียงอย่างรวดเร็ว!

จวินอู๋เสียกำลังค้นหาผลึกอัญมณีที่จะคลายเขตแดน และหลังจากค้นหาอยู่พักหนึ่ง นางก็รู้สึกว่ามีบางอย่างเล็กๆ ยื่นออกมาที่ใต้ฝ่าเท้า นางลงนั่งยองๆ ทันที และกวาดเอาดินรอบๆ สิ่งที่ยื่นออกมาใต้ดอกไม้พวกนั้น

ผลึกอัญมณีสีม่วงแวววาวปรากฏขึ้นในดิน นางรวบรวมพลังวิญญาณให้ลุกเป็นไฟ แล้วซัดพลังเข้าใส่ผลึกอัญมณีอันนั้น!

ทันทีที่กำปั้นของนางโดนผลึกอัญมณี อัญมณีสีม่วงสวยอันนั้นก็แตกเป็นเสี่ยงๆ ทันที ในเวลาเดียวกับที่ผลึกอัญมณีแตก ก็เกิดเสียงดังกึกก้องขึ้น และก่อนที่จวินอู๋เสียจะทันได้ตอบสนอง นางก็รู้สึกว่าพื้นดินใต้ฝ่าเท้าของนางยุบตัวลงและจมลงไปทันที!

จากนั้นพลังอันแข็งแกร่งก็ลากนางลงไปพร้อมกับพื้นดินที่ยุบตัวลง!

ตอนที่ 1338 สุสานที่หายไป (8)

ทุกอย่างเกิดขึ้นเร็วเกินกว่าที่จวินอู๋เสียจะตอบสนองได้ทัน ร่างเล็กๆ ของนางถูกความมืดกลืนกินทันที!

ในเสี้ยววินาทีก่อนที่นางจะถูกลากเข้าไปในความมืด นางเห็นร่างของจวินอู๋เย่าพุ่งเข้ามาหานางอย่างรวดเร็ว บนใบหน้าที่คุ้นเคยนั้น นางได้เห็นสีหน้าตื่นตระหนกของเขาเป็นครั้งแรก

มันแค่เสี้ยววินาทีเดียวเท่านั้น แล้วทุกอย่างที่เห็นก็กลายเป็นความมืดมิด

ไม่รู้ว่าที่นางตกลงไปนั้นเป็นอะไร ในความมืดมิดนั้น ดูเหมือนจวินอู๋เสียจะตกลงไปตามทางลาดชัน พื้นที่นั้นแคบจำกัด นางไหลลงไปเรื่อยๆ พร้อมกับเศษหินเศษดิน

ภายในความมืด นางได้ยินแต่เสียงกระทบของเศษหิน

หลังจากไหลลงมาพักใหญ่ ในที่สุดเท้าของจวินอู๋เสียก็แตะพื้นราบ ความมืดค่อยๆ จางหายไปอย่างช้าๆ แสงไฟสลัวส่องให้เห็นภาพตรงหน้า

จวินอู๋เสียตกลงไปในสถานที่ที่ดูเหมือนพระราชวังใต้ดิน!

ผนังโดยรอบเต็มไปด้วยการแกะสลักเหมือนจริงบนหิน นางหันไปมองที่ที่นางเพิ่งไถลลงมา และในขณะที่นางหันไปตรวจสอบมันนั่นเอง ประตูหินก็เลื่อนลงมาจากด้านบน ปิดผนึกทางเข้าที่นางเพิ่งเข้ามา!

จวินอู๋เสียพยายามทุบหินก้อนใหญ่นั้น แต่หินก็แข็งอย่างไม่น่าเชื่อ ขนาดนางเร่งระดับพลังขึ้นเป็นขั้นสีม่วง ก็ยังไม่สามารถสร้างรอยบิ่นให้หินก้อนนั้นได้เลย!

เมื่อทางออกถูกปิดและไม่สามารถทำลายได้ จวินอู๋เสียก็ไม่มีทางเลือกนอกจากยอมแพ้ นางเงยหน้าขึ้นมองรอบๆ ตัว สถานที่ที่นางอยู่ดูเหมือนจะเป็นทางเดินกว้าง บนผนังโดยรอบมีโคมไฟหินที่แกะสลักเป็นรูปสัตว์วิญญาณ แต่ละตัวถือเปลวไฟที่อบอุ่น ระยะห่างระหว่างโคมไฟสัตว์แต่ละตัวมีความยาวเท่ากัน ไฟไม่ได้สว่างมากนัก เพียงแค่ให้แสงสลัวๆ เท่านั้น

“นี่คือสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิอย่างนั้นหรือ” แมวดำที่นั่งอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียพูดขึ้น มันสะบัดตัวเอาสิ่งสกปรกที่ติดอยู่บนร่างของมันออก ตอนที่จวินอู๋เสียตกลงมา มันอยู่บนไหล่ของจวินอู๋เสียตามปกติ จึงตกลงมากับนางด้วย

“ก็น่าจะใช่” จวินอู๋เสียตอบขณะรวบรวมความคิด พวกเขาค้นหาทางเข้าสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิไปทั่ว และท้ายที่สุด นางไม่คิดว่านางจะ ‘เข้ามา’ ที่นี่โดยไม่รู้ตัว ไม่รู้ว่าจะหัวเราะหรือร้องไห้ดี

สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิที่ทำให้ผู้คนในสามโลกชั้นกลางค้นหากันจนโลหิตตาแทบกระเด็น สุดท้ายก็เผยความลับขึ้นต่อหน้าจวินอู๋เสีย แต่น่าเสียดายที่นางได้เข้ามาในสุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเพียงคนเดียว นางสงสัยว่าพรรคพวกของนางที่อยู่ข้างนอกกำลังทำอะไรอยู่

ในใจของจวินอู๋เสียมีภาพสีหน้าสุดท้ายของจวินอู๋เย่าปรากฏขึ้นมาโดยไม่ได้ตั้งใจ

ความร้อนรนและตื่นตระหนก นั่นเป็นครั้งแรกที่นางได้เห็นสีหน้าแบบนั้นจากเขา

แม้ว่ามันจะไม่เหมาะกับเขา แต่มันก็ทำให้นางรู้สึกอยากหัวเราะ ตอนนี้ข้างนอกนั่น เขาต้องบ้าคลั่งไปแล้วแน่

“อากาศที่นี่ไม่มีพิษ” เสี่ยวเฮยพูดพลางสูดกลิ่น ประสาทรับกลิ่นของมันไวยิ่งกว่าเครื่องจักร

“แปลกจริงๆ สุสานเทพปีศาจเจ้าจักรพรรดินี่เป็นสุสานแท้ๆ ทำไมถึงไม่มีกลิ่นเน่าเหม็นในนี้เลยสักนิด ไม่มีกลิ่นแปลกๆ อย่างอื่นด้วย แล้วโคมไฟพวกนั้นอีก ทำไมมันยังติดไฟอยู่เล่า เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิตายไปหลายปีแล้วไม่ใช่หรือ แล้วใครจุดโคมไฟพวกนี้ คงไม่ใช่ผีหรอก ใช่หรือไม่…” เจ้าแมวดำตัวสั่น มันไม่กลัวอะไรเลยทั้งบนสวรรค์และบนพื้นพิภพ ยกเว้นเรื่องผีอย่างเดียวเท่านั้น…

จวินอู๋เสียเหลือบมองเจ้าแมวดำ อยากจะเตือนมันว่าผีที่เรียกกันน่ะ ก็แค่อีกชื่อหนึ่งของร่างวิญญาณ พูดกันจริงๆ จากมุมมองนั้นแล้ว เจ้าแมวดำเองก็เป็น “ผี” เหมือนกันไม่ใช่หรือ

แต่สิ่งที่เจ้าแมวดำพูดก็น่าสงสัยจริงๆ นั่นแหละ จวินอู๋เสียเองก็สังเกตเห็นเช่นกัน เปลวไฟที่ถูกจุดบนโคมไฟรูปสัตว์วิญญาณพวกนั้นควรจะมีระยะเวลาจำกัด เทพปีศาจเจ้าจักรพรรดิเสียชีวิตไปนานหลายปีแล้ว แต่ไฟพวกนี้ก็ยังไม่ดับ เป็นเรื่องที่แปลกมาก