บทที่ 714 ใหญ่แต่ยังเร็ว
บทที่ 714 ใหญ่แต่ยังเร็ว
ใบหน้าของอ้าวเฉวียนซีดเผือด เขาเลิกใช้วิญญาณประกาศิตแล้วเพราะไอ้ประโยคคำถามเวรนั่นจะหยุดเขาเสมอไม่ว่าจะพยายามแค่ไหนก็ตาม
“เจ้าคิดว่าชายชราคนนี้ไร้ความสามารถอย่างนั้นเหรอ!?” อ้าวเฉวียนกล่าวแล้วสูดลมหายใจก่อนจะเหวี่ยงไม้เท้าหัวมังกรของเขา
แม้ว่าตลอดเวลาที่ผ่านมาชายชราจะฝึกฝนวิญญาณประกาศิตเป็นหลักจนทำให้ทักษะการต่อสู้ระยะประชิดของเขานั้นถือว่าอ่อนแอเมื่อเทียบกับเผ่าพันธุ์มังกรตนอื่น แต่อย่างน้อย ๆ เขาก็มั่นใจว่าตัวเองมีความแข็งแกร่งมากเกินพอที่จะจัดการกับมนุษย์ระดับห้าธรรมดา ๆ ได้
ซูอันไม่กล้าเผชิญหน้ากับไม้เท้าหัวมังกรที่กำลังจะมาถึง เขารีบใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันหลบการโจมตี อย่างไรก็ตาม ระดับการบ่มเพาะของอ้าวเฉวียนนั้นเหนือกว่าเขามาก และอีกฝ่ายไม่ได้รับบาดเจ็บสาหัสเหมือนติ้งรุ่น มันจึงง่ายพอที่จะตามทันความเร็วของเขาได้
ซูอันไม่สามารถสลัดอีกฝ่ายออกได้ แต่อ้าวเฉวียนก็ไม่สามารถโจมตีได้สำเร็จเช่นกัน ทั้งสองคนเคลื่อนที่เร็วขึ้นเรื่อย ๆ ไล่กันเป็นเหมือนงูกินหาง
เพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตานต่างก็กังวล พวกนางต้องการช่วย แต่ทั้งสองเคลื่อนไหวเร็วเกินไป พวกนางจึงแยกไม่ออกว่าใครเป็นใคร ซึ่งทำให้ทั้งคู่ไม่รู้ว่าจะทำอย่างไรดี
ซ่างหงถอนหายใจด้วยความประทับใจ “เผ่าพันธุ์มังกรเป็นเผ่าพันธุ์ที่ได้รับพรจากสวรรค์อย่างแท้จริง ความแข็งแกร่งทางกายภาพของพวกเขานั้นเหนือกว่าเผ่าพันธุ์อื่นโดยธรรมชาติ! แม้อ้าวเฉวียนผู้นี้จะบ่มเพาะวิญญาณประกาศิตเป็นหลัก แต่ความแข็งแกร่งทางด้านกายภาพของเขากลับยังคงเทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะมนุษย์ระดับแปด มันช่างน่ากลัวจริง ๆ”
“หา? เทียบเท่ากับผู้บ่มเพาะระดับแปด?” ซ่างเชียนร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก “ถ้าอย่างนั้น หากผู้เฒ่ามังกรผู้นี้สามารถใช้ทุกความสามารถของตนเองได้อย่างเต็มที่ มันไม่ได้หมายความว่าเขาแข็งแกร่งอย่างมหาศาลเลยงั้นเหรอท่านพ่อ?”
“ใช่” ซ่างหงพยักหน้า “ถ้าเขาสามารถใช้วิญญาณประกาศิตได้ ความแข็งแกร่งของเขาจะเทียบได้กับผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ หรือไม่บางทีเขาจะแข็งแกร่งกว่าปรมาจารย์ด้วยซ้ำ โชคดีที่ซูอันสามารถทำลายทักษะที่ทรงพลังที่สุดของเขาได้ ถ้าไม่เช่นนั้นแล้ว พวกเราคงไม่มีความหวังที่จะต่อต้านเขาได้
“ไม่คิดเลยว่าตัวตนที่น่าหวาดกลัวซึ่งซุ่มซ่อนอยู่ในโลกนี้จะเริ่มเผยตัวกันออกมาเร็วขนาดนี้! ดูเหมือนว่าในที่สุดขั้วอำนาจต่าง ๆ จะเริ่มกระวนกระวายใจหลังจากสงบสุขมานานหลายทศวรรษ”
ในขณะเดียวกัน ซ่างเชียนก็อดไม่ได้ที่จะบ่นออกมาว่า “จักรพรรดิน่าจะส่งผู้บ่มเพาะมามากกว่านี้ได้แล้ว! เรากำลังถูกศัตรูมากมายไล่ล่าไม่จบไม่สิ้น!”
ซ่างเฉี่ยนกล่าว “องค์จักรพรรดิทรงปรีชาแล้ว ในตอนแรกไม่มีผู้ใดรู้ว่าซูอันครอบครองวิชาวัฏจักรหงส์อมตะ ดังนั้นกองกำลังที่พระองค์ส่งมามันควรจะเพียงพอแล้วสำหรับลูกเขยตระกูลหนึ่งที่ไม่ได้สลักสำคัญอะไร”
ดวงตาของซ่างหงเป็นประกาย “เฉี่ยนเอ๋อร์วิเคราะห์ได้ดี ข้าเองนั่นแหละที่เวียนหัว! นี่คือเหตุผลที่ชัดเจน พูดตามตรง ข้ารู้สึกชื่นชมซูอันมาก แม้จะต้องเผชิญกับความตายในที่สุด เขาก็ยังพยายามเอาชีวิตรอดให้ได้อย่างกล้าหาญ”
“มันไม่มีอะไรนอกจากโชคช่วย! มันเป็นขยะเปียกที่คลานขึ้นมาจากข้างถนนอันสกปรก ไม่มีทางที่มันจะกล้าหาญอะไรอย่างที่ท่านว่า!!” การยกย่องซูอันอย่างต่อเนื่องของบิดาทำให้ซ่างเชียนรู้สึกแย่มาก
ซ่างเฉี่ยนไม่เห็นด้วยกับเขา “นั่นคือสิ่งที่ข้าคิดในตอนแรก แต่หลังจากได้พูดคุยแลกเปลี่ยนกับเขาเมื่อสองสามวันที่ผ่านมา ข้าคิดว่าเขามีอะไรมากกว่าที่เห็น”
ซ่างเชียนพ่นลมหายใจ “ไอ้เจ้านั่นไม่เก่งอะไรเลยนอกจากหลอกลวงผู้หญิง! เจ้าต้องอยู่ให้ห่างจากมัน!”
ซ่างเฉี่ยนพยายามรักษาความเยือกเย็นของนาง
เสียงร้องของมังกรดังก้องไปทั่วท้องฟ้า หลังจากพลาดการโจมตีหลายครั้ง ในที่สุดอ้าวเฉวียนก็หมดความอดทน เขาแปลงร่างเป็นมังกรเขียวขนาดใหญ่ที่มีความยาวหนึ่งร้อยจั้งซึ่งเป็นรูปลักษณ์ที่แท้จริง
“เจ้ามนุษย์ที่น่ารังเกียจ เจ้าทำให้ข้าโกรธยิ่งนัก!!” อ้าวเฉวียนหันศีรษะไปทางซูอันดวงตาของเขาลุกโพลงเร่าร้อนด้วยความโกรธ
—
ท่านยั่วยุอ้าวเฉวียนสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 1024!
—
ซูอันสาปแช่งอยู่ในใจ ไอ้แก่จิ้งจกยักษ์นี่ตลกดีถ้าจะสู้ก็สู้ไป ทำไมถึงต้องเปลี่ยนรูปร่าง? คิดอวดข้าหรือไง?
“หายเมื่อยปากแล้วเหรอ? แกมองอะไร?”
“ข้ากำลังมองแกไงไอ้โง่!”
อ้าวเฉวียนไม่รู้ว่าจะกรีดร้องหรือร้องไห้ดี
“ข้าจะฆ่าเจ้า!” อ้าวเฉวียนคำรามและโฉบไปข้างหน้าอย่างโกรธเคือง พื้นแผ่นดินสั่นสะเทือนอย่างรุนแรง
เพ่ยเหมียนหมานและหญิงสาวคนอื่น ๆ พบว่าไม่มีทางที่พวกนางจะสามารถช่วยซูอันออกมาได้ แรงกดดันมหาศาลบังคับให้พวกนางทั้งหมดถอยหลัง และทำได้เพียงมองด้วยความกังวลเท่านั้น
ซ่างเฉี่ยนถอยกลับไปอยู่กับครอบครัวของนางในระยะที่ปลอดภัยเช่นกัน ก่อนจะหันหลังกลับเพื่อสังเกตการต่อสู้ ชายผู้นั้นจะสามารถสร้างปาฏิหาริย์ได้อีกหรือไม่?
ซูอันที่พี่ชายของนางดูถูกเหยียดหยามกำลังต่อสู้กับมังกรตัวใหญ่และแบกรับพลังมหาศาลของมัน
ผู้บ่มเพาะระดับห้าคนอื่น ๆ ไม่สิ แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับหกคนอื่น ๆ ก็ยังถูกพลังของผู้เฒ่ามังกรสะกดข่มอย่างสมบูรณ์ พวกเขาไม่สามารถแม้แต่จะเคลื่อนไหวได้ด้วยซ้ำ
อย่างไรก็ตาม ร่างกายของซูอันนั้นได้รับการเสริมกำลังโดยวิชาปฐมบทแรกเริ่ม นอกจากนี้ชายหนุ่มได้เผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านี้มาแล้วมากมาย ซึ่งเสริมความแข็งแกร่งให้กับจิตใจของเขาเป็นอย่างมาก ดังนั้นตอนนี้เขาจึงยังพอจะทานรับไหว
เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันเพื่อแยกร่างออกเป็นสาม ทั้งหมดพุ่งออกไปด้วยการเคลื่อนไหวที่สลับซับซ้อนและคาดเดาไม่ได้ ถึงแม้ว่าเขาจะหลบเลี่ยงการโฉบอันทรงพลังของมังกรได้ แต่ทั้งสองร่างแยกก็ถูกกรงเล็บขนาดยักษ์ฉีกออกเป็นชิ้น ๆ และร่างจริงของเขาก็หวุดหวิดจะถูกกรงเล็บที่แหลมคมฉีกกระชากเช่นกัน
ซูอันเริ่มหนักใจ แม้ว่าวิชาร่างก้าวทานตะวันของเขาจะเป็นทักษะที่น่าอัศจรรย์ แต่มังกรตัวนี้ก็มีขนาดใหญ่เกินไป การเคลื่อนไหวเพียงเล็กน้อยของมันสามารถครอบคลุมพื้นที่ขนาดใหญ่ได้ ซึ่งทำให้การหลบของเขาแทบไม่มีความหมาย
เขาเชื่อว่าขนาดมหึมาของคู่ต่อสู้จะขัดขวางความคล่องตัวและความยืดหยุ่นของมัน ซูอันหวังว่าจะหลบไปด้านข้างหรือรอบ ๆ ตัวมัน และจากนั้นก็หาช่องโหว่ที่จะใช้แท่งพิษ
อย่างไรก็ตาม ในไม่ช้าก็พบว่าการวิเคราะห์ของเขาผิดถนัด ร่างกายอันใหญ่โตของมังกรดูเหมือนจะไม่เป็นอุปสรรคต่อการเคลื่อนไหวของมันเลย ความเร็วและความคล่องตัวของมันยังคงเท่ากับตอนที่มันไม่แปลงร่าง!
ยิ่งไปกว่านั้น ช่องว่างของการบ่มเพาะระหว่างพวกเขานั้นมากเกินไปจนซูอันไม่พบช่องโหว่ให้เขาใช้แท่งพิษตามที่ตั้งใจไว้
จากนั้นในที่สุดก็มีช่วงเวลาที่ซูอันไม่สามารถหลบเลี่ยงได้ทัน เขาจึงถูกโจมตีด้วยหางของมังกรขนาดใหญ่
เขารู้สึกเหมือนถูกรถม้าพุ่งชน!
ความเจ็บปวดแผ่ซ่านไปทั่วร่างกายขณะที่กระเด็นไปในอากาศ เลือดพวยพุ่งออกจากปากของเขาวาดโค้งคล้ายกับสายรุ้งซึ่งมีแต่สีแดงบนท้องฟ้า