บทที่ 716 กลิ่นปากอันชั่วร้าย
บทที่ 716 กลิ่นปากอันชั่วร้าย
ผู้หญิงคนนี้สวมชุดสีขาวที่สวยงาม แม้ว่าใบหน้าของนางจะถูกบดบังด้วยผ้าคลุม แต่เขาก็ยังมองเห็นลักษณะพิเศษของนางได้
ร่างกายของนางมีกลิ่นหอมที่เรียบง่ายและละเอียดอ่อน จะเป็นใครไปได้อีกนอกจากอวิ๋นอวี้ชิง?!
อวิ๋นอวี้ชิงจ้องมองซูอันด้วยดวงตาที่กลมโตสวยงาม ขณะที่นางค่อย ๆ ใช้นิ้วเรียวเล็กลูบไล้ผ่านบาดแผลของเขา “ทำไมอาการบาดเจ็บของเจ้าถึงรุนแรงนัก? เจ็บไหม?”
ซูอันยิ้ม “ก่อนหน้านี้เจ็บมาก แต่ตอนนี้ไม่เจ็บแล้ว”
อวิ๋นอวี้ชิงหน้าแดง นางส่งเสียงเบา ๆ และพูดว่า “เจ้าก็ยังปากหวานเหมือนเดิม”
ซูอันจับมือนางไว้ มันเย็นและให้สัมผัสนุ่มละมุน “ทำไมท่านถึงมาอยู่ที่นี่?”
อวิ๋นอวี้ชิงกำลังจะตอบ แต่กลับมีเสียงคำรามโกรธจัดดังขึ้นแทรก “พวกเจ้าสองคนกำลังพลอดรักต่อหน้าข้า! พวกเจ้ากล้าดียังไงถึงไม่เห็นข้าอยู่ในสายตาแบบนี้!?”
ทั้งสองหันกลับมาและเห็นมังกรขนาดใหญ่จ้องมองมาที่พวกเขาอย่างโกรธจัด
“เจ้าไปยั่วยุมังกรได้ยังไง?” อวิ๋นอวี้ชิงขมวดคิ้ว เห็นได้ชัดว่านางรู้สึกลำบากเมื่อต้องเผชิญหน้ากับคู่ต่อสู้เช่นนี้
“ข้าไม่ใช่คนยั่วยุ มันมาหาข้าเอง!”
ซูอันรู้สึกเซ็งเขาเพิ่งไล่ผู้บ่มเพาะระดับสูงอย่างติ้งรุ่นออกไป แต่กลับมีผู้บ่มเพาะอีกคนที่แข็งแกร่งสุด ๆ ปรากฏขึ้นมาอีก! โชคของเขาช่างเฮงซวยยิ่งนัก ข้าควรไปวัดและเผาเครื่องหอมบูชาเทพเจ้าไหม?
“สาวงามอีกแล้วเหรอ? ไอ้เด็กปากสุนัขอย่างเจ้ามีโชคบ้า ๆ กับผู้หญิงแบบนี้ได้ยังไง? ยิ่งคิดก็ยิ่งหงุดหงิด!” ด้วยเสียงคำรามอ้าวเฉวียนอ้าปากตั้งใจจะกัดทั้งสองคนให้ขาดเป็นสองท่อน
ซูอันตะโกนเตือนอวิ๋นอวี้ชิงอย่างหวาดกลัว “ระวัง!”
ใครจะคาดคิดว่าอวิ๋นอวี้ชิงจะเร็วกว่า นางผลักเขาเบา ๆ ไปด้านข้างแล้วรีบวิ่งไปข้างหน้าเพื่อปะทะกับมังกรยักษ์
แม้ว่าร่างกายของนางจะเล็กอย่างน่าหวาดเสียวเมื่อเทียบกับมังกรตัวใหญ่ แต่เมื่อปะทะกัน ความแข็งแกร่งของนางกลับกลายเป็นคู่ต่อสู้ที่สมน้ำสมเนื้อ
มือที่ขาวเนียนของนางวาดผนึก ท่าทางของนางสง่างาม อักขระสีม่วงขนาดใหญ่ปรากฏขึ้นต่อหน้านาง ขวางกั้นมังกรยักษ์ที่เข้ามา
เกิดเสียงดังปัง อ้าวเฉวียนดูเหมือนจะกระแทกเข้ากับกำแพงโปร่งใส หูของเขาอื้ออึง การปะทะกันอย่างกะทันหันทำให้เขาเวียนหัวเล็กน้อย
“เจ้ามาจากเผ่าปีศาจ!”
ผู้เฒ่ามังกรมีประสบการณ์มากมาย และระบุตัวตนของคู่ต่อสู้ได้ทันที
อวิ๋นอวี้ชิงยังคงเงียบ ไม่จำเป็นต้องพูดกับเขา และนางก็ไม่ต้องการเปิดเผยอะไรเกี่ยวกับตัวเอง
อ้าวเฉวียนพ่นลม “ข้าไม่สนหรอกว่าเจ้าจะเป็นมนุษย์หรือปีศาจ ใครก็ตามที่เกี่ยวข้องกับไอ้เด็กเวรนี่ต้องตาย!”
ผลกระทบของ ‘ทักษะลมปากอาจม’ ได้ฝังรากแห่งความเกลียดชังของเขาที่มีต่อซูอันไว้ลึกลงไปในกระดูก
ด้วยเสียงคำราม เขาฟันกรงเล็บของเขาทำลายโล่อักขระโปร่งใสในทันที
อวิ๋นอวี้ชิงถอยห่างออกไป วาดผนึกอีกครั้งด้วยมือของนาง จู่ ๆ อักขระหนึ่งโหลก็ปรากฏขึ้นข้างหลังนาง หมุนไปรอบ ๆ ราวกับวงล้อ
แสงอันเจิดจ้าเปล่งประกายตามอักขระเหล่านั้น จากนั้นพวกมันก็ยิงลำแสงสีม่วงออกมา
ลำแสงเหล่านี้มีอำนาจทะลุทะลวงรุนแรง และแม้แต่หนังที่แข็งแกร่งของมังกรก็ไม่สามารถเบี่ยงเบนพลังของพวกมันได้เต็มที่ ควันพวยพุ่งออกมาจากบริเวณที่แสงสัมผัส กลิ่นไหม้จาง ๆ แผ่กระจายไปทั่วอากาศ
อ้าวเฉวียนคร่ำครวญอย่างน่าสมเพชขณะที่บิดร่างกายของมันเพื่อหลีกเลี่ยงแสงสีม่วงเหล่านั้น
ซูอันถูกตรึงด้วยความงามอันเพริศแพร้ว นางเป็นภาพที่สมบูรณ์แบบของเทพธิดาแห่งสงคราม
เขาลอบกลืนน้ำลาย ผู้หญิงคนนี้เป็นผู้หญิงคนเดียวกับที่เคยร้องขอให้เขาอ่อนโยนขณะที่อยู่ในอ้อมแขนของเขาในคืนนั้นหรือไม่?
“นังสารเลว เจ้าทำให้ข้าโกรธจริง ๆ แล้ว!” อ้าวเฉวียนคำรามด้วยความโกรธ “วิญญาณประกาศิต ผนึก…”
แต่ก่อนที่เขาจะพูดจบ เสียงที่เคยเป็นฝันร้ายของเขาก็กลับมาอีกรอบ “แกมองอะไร?”
“ข้ากำลังมองแกอยู่ไงไอ้โง่!”
อ้าวเฉวียนรู้สึกอยากตาย
เขาเกือบจะวิกลจริตอย่างแท้จริง เขาสาบานว่าเมื่อใดที่เขาฆ่าซูอันได้แล้ว เขาจะคิดหาวิธีทำให้การใช้วิญญาณประกาศิตของเขาง่ายขึ้น
อย่างน้อยที่สุด เขาต้องลดจำนวนพยางค์ในคาถา! เขาไม่ต้องการที่จะผ่านประสบการณ์ที่เจ็บปวดแบบนี้อีก
อวิ๋นอวี้ชิงมองซูอันอย่างตกใจ นางรู้ชัดเจนว่าวิญญาณประกาศิตทรงพลังแค่ไหน นางไม่คิดเลยว่าซูอันจะสามารถแก้ทางทักษะที่นับได้ว่าโกงมาก ๆ นี้ได้อย่างง่ายดายขนาดนี้!
อย่างไรก็ตาม นางจำภูตดำที่คฤหาสน์อู๋ได้ ในตอนนั้นอีกฝ่ายจวนจะหนีได้อยู่แล้ว แต่ท้ายที่สุดกลับถูกรบกวนโดยประโยคเดียวกันนี้
ดูเหมือนว่า ‘แกมองอะไร?’ ของซูอันดูมีอำนาจกว่าวิญญาณประกาศิต
การระลึกถึงเหตุการณ์ในคฤหาสน์อู๋ยังทำให้นึกถึงคืนที่นางอยู่ในอ้อมอกของซูอัน แก้มขาวของนางค่อย ๆ แดงซ่าน
“ต่อให้ข้าไม่มีวิญญาณประกาศิต ข้าก็ยังฆ่าพวกเจ้าได้!” อ้าวเฉวียนร้องออกมาด้วยความโกรธ เขาเงยหน้าขึ้นสู่ท้องฟ้าและก้มลงมาอีกครั้ง พ่นลมหายใจสีเทายาวออกมา
ทั้งสองสามารถบอกได้ด้วยการชำเลืองมองเพียงครั้งเดียวว่าลมหายใจของมังกรสีเทานี้เต็มไปด้วยพลังทำลายล้าง
“นรก! กลิ่นปากเจ้านี่โคตรเหม็น!” แม้จะอยู่ไกลแสนไกล ซูอันก็ยังได้กลิ่นเหม็น เขารู้สึกเหมือนอยู่ในห้องทดลองเคมีที่เต็มไปด้วยกรดต่าง ๆ
ซูอันมองอวิ๋นอวี้ชิงอย่างกังวล หากไอ้ลมหายใจสีเทา ๆ นี่ถูกร่างกายของตัวนาง นางน่าจะละลายทันที
อวิ๋นอวี้ชิงไม่ยอมให้ตัวเองเสียสมาธิ อักขระด้านหลังของนางเปล่งประกายเจิดจ้าอีกครั้ง ลำแสงสีม่วงพุ่งออกไปเพื่อสกัดกั้นลมหายใจของมังกรที่เข้ามา ริ้วแสงสีม่วงปะทะกับลมหายใจสีเทาเข้ม ในช่วงเวลานี้ มันยากที่จะบอกได้ว่าใครจะเหนือกว่ากัน
“ระวัง!” ซูอันตะโกนเตือนทันที ทว่ามันก็สายเกินไป
หางมังกรขนาดใหญ่พุ่งเข้าหานาง อวิ๋นอวี้ชิงไม่สามารถหลบได้ทันเวลา นางจึงรีบยกมือขึ้นสร้างโล่อักขระ
น่าเสียดายที่โล่อักขระที่สร้างขึ้นอย่างเร่งรีบนี้ไม่เพียงพอที่จะป้องกันการโจมตีที่รุนแรงจากหางมังกร ม่านพลังแตกออกเป็นเสี่ยง ๆ และร่างของอวิ๋นอวี้ชิงก็ถูกฟาดจนกระเด็นถอยหลัง
อักขระที่อยู่ด้านหลังของนางหายไป เมื่อไม่มีรัศมีสีม่วงปกป้อง ลมหายใจสีเทาจึงพุ่งเข้าหานางโดยตรง อ้าวเฉวียนระวังผู้หญิงคนนี้อย่างมากและต้องการใช้โอกาสนี้กำจัดนางทันที
พลังชี่ของอวิ๋นอวี้ชิงปั่นป่วนไปหมด การถูกหางมังกรฟาดทำให้นางไม่อาจโคจรพลังชี่ในร่างได้ชั่วคราว แน่นอนว่าจากการบ่มเพาะของนาง นางจะฟื้นตัวได้หลังจากไม่กี่ลมหายใจ แต่ไม่มีทางที่คู่ต่อสู้ของนางจะให้โอกาสนาง
แววตาสิ้นหวังปรากฏขึ้นเมื่อนางมองดูลมหายใจของมังกรใกล้เข้ามาเรื่อย ๆ
ทันใดนั้น นางก็รู้สึกถึงบางสิ่งที่อบอุ่นโอบกอดตัวนาง เมื่อนางได้สติจากความงุนงง นางก็อยู่ห่างออกมามากแล้ว นางค้นพบว่าตัวเองอยู่ในอ้อมกอดของซูอัน
“อาซู!” แม้ว่าพวกนางทั้งสองจะเคยได้ทำสิ่งที่ใกล้ชิดกันมากที่สุด แต่ท้ายที่สุดพวกเขาก็ยังไม่ค่อยคุ้นเคยกัน และการถูกโอบกอดแบบนี้ยังคงทำให้นางรู้สึกเขินอายอยู่ไม่น้อย
ซูอันถอนหายใจ โชคดีที่ปฏิกิริยาของเขาเร็วพอ ไม่อย่างนั้นสาวงามนี้คงตายไปต่อหน้าต่อตาเขาไปแล้ว
“เจ้าอีกแล้ว!” อ้าวเฉวียนคำรามอย่างโกรธจัด เขาพุ่งตรงไปที่ซูอัน
ซูอันเพิ่งใช้จ้าววายุสองครั้งติดต่อกัน เขาต้องพักผ่อนอย่างมากเพื่อฟื้นฟูการใช้งาน และไม่มีทางที่เขาจะใช้มันได้อีกเป็นครั้งที่สาม
เนื่องจากช่องว่างในระดับการบ่มเพาะของพวกเขา การวิ่งหนีจึงไม่มีความหมายหากไม่ใช้จ้าววายุ
อวิ๋นอวี้ชิงกระโจนออกจากอ้อมกอดและผลักเขาไปข้างหลังอย่างรวดเร็ว นางสบตากับมังกรที่เข้ามา จากนั้นดวงตาที่สวยงามของนางก็เบิกกว้าง ทันใดนั้น บริเวณโดยรอบก็เต็มไปด้วยสีม่วง
“เนตรปีศาจ!”