บทที่ 639 ความกังวลของปาจรีย์

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

ทางฝั่งนัทธีได้ไปติดต่อรัฐบาลของประเทศนี้แล้ว อีกฝั่งนึง มารุตก็ได้พาอารัณมาหานัทธี

เพราะต่อจากนี้ นัทธีต้องการเทคนิกแฮกเกอร์ของอารัณ ต้องการให้อารัณไปเช็คการติดตามตรวจสอบทางดาวเทียม

คืนนี้ นัทธีไม่หลับไม่นอนทั้งคืน

วารุณีถูกลักพาตัวไป ตอนนี้อยู่ไหนก็ไม่รู้ เขาจะนอนหลับได้ยังไง

อย่าว่าแต่เขาเลย แม้แต่ปาจรีย์ เชอรีนและลีน่าทั้งสามคนก็ไม่ได้นอนเหมือนกัน ต่างก็มัวแต่ช่วยกันตามหาวารุณี

วารุณีถูกคนลักพาตัวไป เป็นเรื่องที่พวกเธอต่างก็คาดไม่ถึงเลย

แต่ในฐานะที่เป็นเพื่อนกัน พวกเธอก็ย่อมต้องพยายามสุดความสามารถในการตามหาเธอกลับมาอยู่แล้ว

ไม่นาน ท้องฟ้าก็ค่อยๆสว่างขึ้นแล้ว

ทีมกู้ภัยที่เชอรีนรับผิดชอบได้ส่งข่าวมาแล้วว่ากระเป๋าของวารุณีถูกล้วงขึ้นมาแล้ว มือถือและเครื่องประดับของด้านในต่างก็ยังอยู่

นัทธีดูกระเป๋าที่เชอรีนเอากลับมาแล้วได้กำหมัดแน่นยิ่งขึ้น

ปาจรีย์เห็นแล้วได้ถอนหายใจทีนึง “สิ่งที่พวกเราควรจะรู้สึกโชคดีคือคนของนิรุตติ์แค่เอาของพวกนี้ของวารุณีโยนลงไปในแม่น้ำ ไม่ได้โยนวารุณีลงในแม่น้ำด้วย ไม่งั้น……”

“เขาจะยอมโยนภรรยาของผมลงไปในแม่น้ำได้ยังไง”ทันใดนั้นนัทธีได้เปิดปากพูด เสียงเย็นชาและแหบพร่า

นี่เป็นเพราะว่าเขาไม่ได้ดื่มน้ำมาทั้งคืน เสียงถึงได้แหบขนาดนี้

เพราะเป็นห่วงวารุณี เขาจะไปมีเวลาดื่มน้ำได้ยังไง แม้แต่กินข้าวก็ยังไม่มีอารมณ์กินเลย

ปาจรีย์ฟังคำพูดของนัทธีได้อึ้งไปครู่นึงก่อน ต่อมาพอนึกอะไรขึ้นมาได้ ก็ได้เบิกตากว้าง “ใช่ ฉันเกือบลืมไปเลยว่านิรุตติ์เขา……เขามีความคิดแบบนั้นกับวารุณี ฉันยังนึกว่าเขาลักพาตัววารุณีไปแค่เพื่อแก้แค้นคุณเสียอีก แล้วจดหมายของเมื่อคืน ก็เพื่อยั่วโมโหคุณเท่านั้น”

เธอยื่นมือตบหน้าผากตัวเองทีนึง

ไม่นึกเลยว่าเธอจะลืมเรื่องสำคัญแบบนี้ไป

ต้องรู้ไว้นะก่อนหน้านั้นนิรุตติ์พาวารุณีโดดหน้าผาด้วยกัน วารุณีไม่ได้รับบาดเจ็บเลยสักนิด แต่นิรุตติ์กลับแขนหักขาหัก

ตอนที่วารุณีเล่าให้เธอฟัง เธอก็แอบสงสัยแล้วว่านิรุตติ์มีใจให้วารุณี

จนกระทั่งครั้งนั้น วารุณีบอกว่าพวกเขาได้พบเห็นโปสเตอร์มากมายของแม่ประธานนัทธีอยู่ในห้องอ่านหนังสือของนิรุตติ์ เธอถึงเข้าใจอย่างถ่องแท้ว่านิรุตติ์มีใจให้วารุณีจริงๆ

ถึงแม้ตัววารุณีเองบอกว่านิรุตติ์เห็นวารุณีคือตัวตายตัวแทนของแม่ประธานนัทธี แต่เธอไม่คิดแบบนั้น

ถ้านิรุตติ์เห็นวารุณีคือตัวตายตัวแทนจริงๆ คราวก่อนตอนที่ตกหน้าผาก็ไม่ช่วยวารุณีแล้ว

เพราะฉะนั้นเธอคิดว่ามีอย่างละครึ่ง นิรุตติ์ครึ่งนึงคือเห็นวารุณีเป็นตัวตายตัวแทน ส่วนอีกครึ่งนึงคือรักวารุณี

งั้นครั้งนี้นิรุตติ์ลักพาตัววารุณีไป นอกจากแก้แค้นประธานนัทธีแล้ว ก็เหมือนกับที่เขียนไว้ในจดหมาย จะครอบครองวารุณี

ถ้าเป็นแบบนี้จริงๆ งั้นตอนนี้วารุณีจะไม่ถูกนิรุตติ์ล่วงละเมิดไปแล้วเหรอ?

ถ้าถูกล่วงละเมิดแล้วจริงๆ หลังจากประธานนัทธีช่วยวารุณีออกมาได้ ยังจะรักวารุณีมากขนาดอยู่หรือเปล่า?

ปาจรีย์มองนัทธีอย่างค่อนข้างกังวล

เธอไม่มีความมั่นใจเลยจริงๆว่า หลังจากประธานนัทธีช่วยวารุณีออกมาแล้ว ยังจะยอมรับวารุณีอย่างสุดจิตสุดใจหรือเปล่า เพราะผู้ชายอยู่ในโลกแห่งความจริงเกินไป

ส่วนวารุณี ผู้หญิงที่อ่อนแอไม่มีเรี่ยวแรงคนนึง ถ้านิรุตติ์จะทำอะไรจริงๆคือไม่สามารถต่อต้านได้จริงๆ

ปาจรีย์ใจคอไม่ดีในชั่วขณะ ทั้งเป็นห่วงวารุณีและเป็นห่วงกลัวว่านิรุตติ์จะทำอะไรมิดีมิร้ายวารุณี

ความกระวนกระวายของปาจรีย์ ได้ถูกเชอรีนกับลีน่าพบเห็น

เชอรีนได้ถามว่า:“ปาจรีย์ เธอเป็นอะไรไป?”

ปาจรีย์มองไปที่นัทธีแล้วอ้าปากค้าง แต่ก็ไม่รู้ควรจะพูดยังไงดี

ผ่านไปสักพัก เธอได้ส่ายหัวพร้อมกับสะกดความคิดของในใจไว้แล้วพูดว่า:“ฉันไม่เป็นไร”

ไม่ได้ จะบอกความกังวลของตัวเองออกมาไม่ได้ ตอนนี้เรื่องสำคัญเร่งด่วนที่ต้องจัดการคือตามหาวารุณี

ถ้าเธอพูดออกมา บางทีอาจจะยิ่งพูดยิ่งเสีย ถ้าตอนนี้ประธานนัทธีคิดไปในทางที่ว่าวารุณีจะถูกนิรุตติ์รังแก ไม่แน่ประธานนัทธีอาจจะละทิ้งวารุณีโดยตรง แล้วไม่ช่วยวารุณีอีก

สรุปไม่ว่ายังไง ช่วยวารุณีออกมาก่อนแล้วค่อยว่ากัน เรื่องของวันข้างหน้า ต่อไปค่อยแก้ไข

ถ้าต่อไปประธานนัทธีรังเกียจวารุณีจริงๆ งั้นเธอก็จะให้วารุณีหย่ากับเขา!

พอคิดแบบนี้แล้ว ปาจรีย์ได้โล่งอกลงชั่วคราว จึงได้พูดกับเชอรีนว่า:“เชอรีน เธอติดต่อผู้ช่วยมารุตหน่อย ลองถามดูว่าพวกเขาจะถึงเมื่อไหร่!”

“โอเค ฉันจะไปเดี๋ยวนี้เลย”เชอรีนพยักหน้า จากนั้นได้หยิบมือถือออกมาโทรหามารุต

นัทธีก็กำลังโทรศัพท์อยู่ กำลังคุยสายกับคนของรัฐบาลอยู่

ทางโน้นเห็นด้วยที่จะให้เขาใช้ดาวเทียมตามหาคนแล้ว แต่กลับเสนอเงื่อนไขที่เอาเปรียบสุดๆออกมา ก็คือนัทธีจะต้องลงทุนธุรกิจบางส่วนของประเทศเขาอย่างไม่ไม่มีหุ้น

นั่นก็หมายความว่า นัทธีเอาเงินออกมาลงทุน แต่ทางนี้กลับไม่แบ่งหุ้นหรือปันผลที่สอดคล้องให้กับเขา ก็ถือว่าเอาเงินทำการกุศล

แถมเงินก้อนนี้ยังไม่น้อยเลย สูงถึงพันล้านดอลลาร์กันเลยทีเดียว

แต่เพื่อหาวารุณีเจอ นัทธีได้รับปากโดยที่ไม่กระพริบตาเลย

พอปาจรีย์รู้ว่าเขาใช้เงินมากมายขนาดนี้ไปช่วยวารุณี ถึงแม้ซึ้ง แต่ก็ไม่ค่อยมั่นใจความรักของเขากับวารุณีสักเท่าไหร่

อย่าเห็นว่าประธานนัทธีกับวารุณีรักกันมากนะ แต่ขอแค่ความรักของพวกเขามีจุดด่างพร้อยนิดหน่อย ความรักนี้ก็ไม่ใช่อะไรแล้ว

ก็อย่างเช่นการเข้าใจผิดของก่อนหน้านี้ก็เป็นแบบนี้ไม่ใช่เหรอ?

ถอนหายใจทีนึง ปาจรีย์ส่ายหัวแล้วไม่ไปคิดมากอีก

เพราะตอนนี้คิดเรื่องพวกนี้ก็ไม่มีประโยชน์

เกาะส่วนตัวบางแห่งในมหาสมุทรแปซิฟิก

ขนตาของวารุณีที่นอนอยู่บนเตียงได้ขยับ ในที่สุดก็ตื่นขึ้นมาเสียที

เธอลืมตาขึ้น มองฝ้าเพดานที่ไม่คุ้นเคยแล้วก็ได้ตื่นตัวขึ้นมาในพริบตา ความทรงจำที่เป็นฉากๆได้โผล่ขึ้นมาหมด

เธอจำได้แล้ว เธอออกมาจากห้องน้ำของงานคอนเสิร์ตที่อาคารแลนด์มาร์ครูปทรงกลม แล้วได้เจอกับพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนึง จากนั้นได้ถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยพ่นยาสลบ

เพราะฉะนั้นตอนนี้เธอก็เลยถูกพนักงานรักษาความปลอดภัยเอาตัวมาที่นี่?

วารุณีรีบลุกขึ้นมาสำรวจสภาพแวดล้อมที่ตัวเองอยู่

ถึงแม้ห้องนอนหลักที่กว้างใหญ่หรูหรานี้ จะสู้ห้องนอนหลักของคฤหาสน์ตระกูลไชยรัตน์ไม่ได้ แต่ก็ต่างกันไม่มาก

จากนั้นวารุณีก็ได้ก้มมองเสื้อผ้าบนเรือนร่างตนเองอีก เสื้อผ้าไม่ได้เปลี่ยน ยังคงเป็นชุดกระโปรงยาวสีดำตัวนั้นอยู่ บนตัวไม่ได้รู้สึกว่ามีตรงไหนไม่สบาย เพราะฉะนั้นเธอสามารถแน่ใจได้ว่าตัวเองไม่ได้ถูกล่วงละเมิดอะไร นี่ทำให้เธออดไม่ได้ที่จะโล่งอกไปที

แต่เธอไม่เข้าใจว่าพนักงานรักษาความปลอดภัยคนนั้นคือคนของใครกันแน่ ทำไมต้องเอาตัวเธอมาด้วย และยังจัดเตรียมให้เธออยู่ห้องนอนที่ดีขนาดนี้

วารุณีดึงผ้าห่มออกแล้วลงจากเตียง เท้าเปล่าเหยียบอยู่บนพรม เดินไปยังบานหน้าต่างใหญ่ที่อยู่ไม่ไกล

เธอยื่นมือดึงบานหน้าต่างใหญ่ออก แสงสีขาวที่แยงตาได้ส่องเข้ามา

วารุณีหลับตาลงด้วยจิตใต้สำนึก พอสายตาคุ้นชินแล้วถึงลืมตาขึ้นมาใหม่

ในที่สุดครั้งนี้เธอก็มองเห็นสภาพของด้านนอกอย่างชัดเจน ด้านนอกคือวิวทะเลที่สวยงามมาก

ใช่ วิวทะเล

ต้นมะพร้าว ชายหาด มหาสมุทร สวยเหมือนภาพวาดภาพนึงเลย

สายลมอ่อนพัดโชยมา พัดผมและกระโปรงของวารุณีปลิวขึ้นมา ยิ่งสวยมากเป็นพิเศษ

แต่อารมณ์ของวารุณีกลับไม่สวยงามเลย เธอจับผ้าม่านไว้แน่น ใบหน้าเรียวเล็กตึงเครียดไว้

เธอไม่รู้ว่าตอนนี้ตัวเองอยู่ไหน แต่รู้อยู่อย่างเดียว นั่นก็คือเธอไม่ได้อยู่ประเทศนั้นแล้ว

เพราะริมทะเลทั้งหมดของประเทศนั้น ล้วนถูกพัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่ดึงดูดนักท่องเที่ยวหมด ไม่มีชายหาดที่เงียบสงบแบบนี้ แค่ดูก็รู้ว่าเป็นเกาะส่วนตัว

ในขณะที่กำลังคิดอยู่ จู่ๆด้านหลังมีเสียงเคาะประตูดังขึ้น

วารุณีรีบหันหลังไปมองประตูห้องอย่างระแวดระวัง

ประตูห้องถูกเปิดออก คนใช้ผิวสีที่ใส่ชุดคนรับใช้เดินเข้ามา เห็นวารุณีที่ยืนอยู่ริมหน้าต่างแล้ว ได้พูดภาษาอังกฤษ

ด้วยรอยยิ้ม “คุณผู้หญิงตื่นแล้วเหรอคะ”

คุณผู้หญิง?

วารุณีขมวดคิ้ว

ทำไมสาวใช้คนนี้ถึงเรียกเธอว่าคุณผู้หญิง?

เพราะรู้ว่าเธอได้ผ่านการแต่งงานแล้วเหรอ?

วารุณีก้มดูนิ้วนางข้างซ้ายของตัวเอง แหวนเพชรในมือกำลังมีแสงแพรวพราวระยิบระยับอยู่

ดูท่าสาวใช้คนนี้คงจะเห็นแหวนเพชรของเธอ ถึงได้เรียกเธอว่าคุณผู้หญิง

พอคิดแบบนี้แล้ว วารุณีก็ได้ยอมรับคำว่าคุณผู้หญิงนี้แล้ว แต่ความระแวดระวังที่มีต่อคนใช้กลับไม่ได้ผ่อนคลายลงเลยสักนิด

เธอจับผ้าม่านไว้แน่น แล้วใช้ภาษาอังกฤษถามกลับเหมือนกันว่า:“ที่นี่คือที่ไหน?”