บทที่ 669 ผู้หญิงที่ดีก็ต้องโชคดี

ทะลุมิติไปเป็นสาวนาผู้ร่ำรวย

บทที่ 669 ผู้หญิงที่ดีก็ต้องโชคดี

บทที่ 669 ผู้หญิงที่ดีก็ต้องโชคดี

เมื่อได้ยินเรื่องนี้ หลี่ฝานต่างตกตะลึงและเหลือบมองที่ฉินเย่จือ

ใบหน้าของฉินเย่จือไร้อารมณ์ราวกับว่าเขาไม่มีความคิดเห็นเกี่ยวกับเรื่องนี้เลย

การกระทำนี้ทำให้หลี่ฝานยอมรับไม่ได้ ไม่ยอมรับก็ไม่ดี

เขาจะตอบรับคำพูดของกู้เสี่ยวหวานได้อย่างไร

เงินทั้งหมดของหลี่ฝานคือเงินของฉินเย่จือที่ใช้สร้างบ้านให้กู้เสี่ยวหวาน แต่ตอนนี้นายท่านไม่ต้องการให้กู้เสี่ยวหวานรู้ถึงตัวตนของเขา ดังนั้นเขาจึงทำได้เพียงแสร้งทำเป็นว่าไม่รู้จักหลี่ฝาน

หลี่ฝานยอมรับได้เพียงว่า “ไม่เป็นไร เมื่อเจ้ามีเงินแล้วค่อยจ่ายคืนให้ข้าก็ยังไม่สาย!”

อย่างไรก็ตาม มันคือเงินของนายท่านทั้งหมด กระเป๋าซ้ายออก กระเป๋าขวาเข้า มันคือเงินของนายท่านทั้งหมด ไม่ว่าเมื่อไรมันก็เป็นเช่นนั้นเสมอ!

เมื่อได้ยินคำตอบของหลี่ฝาน กู้เสี่ยวหวานก็เหลือบมองฉินเย่จือที่อยู่ข้าง ๆ อย่างตื่นเต้น “พี่ใหญ่ฉิน ครอบครัวของเรากำลังจะเริ่มสร้างบ้านล่ะ!”

ฉินเย่จือไม่ได้พูดอะไร แต่เมื่อเห็นท่าทางตื่นเต้นของกู้เสี่ยวหวาน จึงคลี่ยิ้มอย่างมีเลศนัย

หลี่ฝานเห็นมันจากด้านข้างและเข้าใจทันทีว่ามันคืออะไร!

เขาเป็นคนที่ผ่านร้อนผ่านหนาวมามาก ดังนั้นเขาจึงรู้ความหมายลึกซึ้งในสายตาของฉินเย่จืออย่างเป็นธรรมชาติ!

นั่นคือสายตาของผู้ชายเวลามองผู้หญิงที่เขารัก!

เขาไม่เคยเข้าใจมาก่อน ในขณะนั้นที่กู้เสี่ยวหวานป่วย ฉินเย่จือก็เผยสายตานั้นออกมาทั้งหมด

แต่คราวนี้ ร่างกายของกู้เสี่ยวหวานได้รับการฟื้นฟูและหายดี แต่ฉินเย่จือก็ยังคงมองนางด้วยสายตาเช่นเดิม

หลี่ฝานรู้สึกประหลาดใจเล็กน้อย และคิดว่าตนเองตาฝาดจึงลอบมองอีกครั้งอย่างไม่เชื่อ

ดวงตาเรียวยามงดงามคู่นั้นยังมองกู้เสี่ยวหวานด้วยแววตาอ่อนโยน

เขามองไม่ผิด!

ฉินเย่จือมีความรู้สึกต่อกู้เสี่ยวหวาน!

หลี่ฝานประหลาดใจ หลังจากบอกลากู้เสี่ยวหวานเขาก็ขึ้นรถม้าและจากไป โดยไม้ลืมนัดพบที่สถานที่ก่อสร้างในวันที่เก้าเดือนห้า

หลังจากที่เขาเข้าไปในรถม้าและขบคิดเกี่ยวกับมัน หลี่ฝานก็โล่งใจอย่างรวดเร็ว

กู้เสี่ยวหวานไม่ใช่ผู้หญิงธรรมดา แม้ว่าเด็กคนนี้จะเกิดมาพร้อมความยากจน แต่นางก็มีความพากเพียรที่ผู้หญิงธรรมดาทั่วไปไม่มี

หลี่ฝานไม่เคยเห็นผู้หญิงเช่นนี้มาก่อน ฉินเย่จือก็ไม่เคยเห็นเช่นกัน

เมื่อคิดถึงเรื่องนี้ หลี่ฝานไม่เคยคิดว่าฉินเย่จือจะถูกเด็กสาวที่อายุน้อยกว่ามาล่อลวง

รอยยิ้มขมขื่น “นายท่าน ทุกคนบอกว่าท่านเป็นราชานรกและไม่มีผู้หญิงคนไหนกล้าเข้าใกล้ท่าน แต่ครั้งนี้เห็นแต่ความอ่อนโยนที่ไม่เคยเห็นมาก่อน ดูเหมือนว่าสิ่งเหล่านี้จะทำให้นายท่านมีความอ่อนโยนที่ไม่เคยมีกับใครมาก่อน”

เมื่อมองดูภูเขาที่สูงชัน หลี่ฝานรู้สึกถึงความสงบที่หาได้ยากในหัวใจของเขา สำหรับกู้เสี่ยวหวาน เขารู้สึกระมัดระวังมากขึ้น

กู้เสี่ยวหวานเป็นผู้หญิงที่เขาชอบ การที่นางเข้าตานายท่านได้นั้นเป็นเรื่องที่ดี

ใช่แล้ว สาวแกร่งอย่างกู้เสี่ยวหวาน โชคชะตาของนางจะไม่เลวร้าย

ไม่สิ ด้วยความโปรดปรานของนายท่าน ความโชคดีจะตามมาโดยธรรมชาติ

หลี่ฝานคิดอย่างนั้น และกู้เสี่ยวหวานก็คิดเช่นกัน

ตั้งแต่ย้ายมาที่สวนหลี่ ทุกอย่างก็ราบรื่นเหมือนที่นางคิด

กู้หนิงอันยังคงไม่รู้ว่ากู้เสี่ยวหวานและคนอื่น ๆ มาอาศัยอยู่ที่สวนหลี่

ช่วงนี้การเรียนที่สำนักศึกษาค่อนข้างหนัก จึงทำให้ไม่ค่อยไม่เวลากลับบ้าน

หลังจากที่กู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้นมา นางขอให้กู้หนิงผิงไปที่หอหนังสืออวี้

อย่างไรก็ตาม ครั้งนี้ไม่เพียงแต่กู้หนิงอันที่กลับมาเท่านั้น แต่ยังรวมถึงสวีเฉิงเจ๋อด้วย

หลังจากออกจากหอหนังสืออวี้แล้ว รถม้าก็เคลื่อนไปในทิศทางตรงกันข้าม กู้หนิงอันสงสัยมาก “หนิงผิง เราไม่กลับบ้านหรือ? ทำไมถึงไปทางนี้?”

หลังจากได้ยินเรื่องนี้ ใบหน้าของกู้หนิงผิงก็แย่ลงมาก และอธิบายเพียงสั้น ๆ “ท่านพี่ ระหว่างที่ท่านไม่อยู่ มีหลายสิ่งหลายอย่างเกิดขึ้นในครอบครัวของเรา!”

กู้หนิงอันตกใจเมื่อได้ยินเรื่องนี้และเอ่ยถามอย่างรวดเร็วว่า “เกิดอะไรขึ้น?”

“บ้านของเราถูกไฟไหม้!” กู้หนิงผิงคิดว่าบ้านของเขาถูกไฟไหม้เพราะผู้คนในหมู่บ้านเป็นคนทำ มันทำให้เขารู้สึกแย่

แม้แต่สวีเฉิงเจ๋อที่อยู่ข้าง ๆ เขาก็ยังตกใจ “ทำไมมันถึงถูกไฟไหม้? เสี่ยวหวานเป็นอะไรหรือไม่?”

เกือบสิบวันแล้วตั้งแต่ครั้งสุดท้ายที่เขาไปที่ร้านจิ่นฝูเพื่อพบกู้เสี่ยวหวาน ในช่วงเวลานี้เขาไปที่ร้านจิ่นฝูบ่อย ๆ แต่หลี่ฝานปฏิเสธที่จะให้เขาพบกู้เสี่ยวหวาน แม้ว่าจะไม่ให้เขาพบกู้เสี่ยวหวาน แต่เขาบอกตนเองเกี่ยวกับสถานการณ์ของกู้เสี่ยวหวานแทน!

ต่อมาเมื่อเขาได้ยินว่ากู้เสี่ยวหวานฟื้นขึ้น เขาก็โล่งใจ

มีหลายสิ่งเกิดขึ้นในสำนักศึกษาในช่วงสองวันที่ผ่านมมา ดังนั้นเขาจึงไม่ได้มาที่นี่ เดิมทีเขาคิดว่ากู้เสี่ยวหวานยังคงอยู่ในร้านจิ่นฝู แต่เขาไม่ได้คาดหวังว่านางจะย้ายไปที่อื่นแล้ว

“อะไรนะ? ไฟไหม้หรือ? พวกเจ้าเป็นอะไรหรือไม่?” กู้หนิงอันเอ่ยถามอย่างกังวลใจ

“ไม่เป็นไร พวกเราสามคนไม่เป็นไร! ตอนไฟไหม้ เราไม่อยู่บ้าน!” หลังจากกู้หนิงผิงพูดจบ กู้หนิงอันต้องการถามอย่างอื่น แต่กู้หนิงผิงดูรู้สึกอึดอัด “ท่านพี่ เมื่อไปถึง ข้าจะให้นางเล่าให้ฟัง!”

กู้หนิงอันเห็นว่ากู้หนิงผิงปิดปากเงียบไม่พูดอะไร และขับรถม้าไปด้วยความเต็มใจ โดยรู้ว่าน้องชายของเขาจะไม่พูดอีก เขาไม่รู้ว่ากู้หนิงผิงกำลังขับรถม้าไปที่ไหน

เช่นนี้ กู้หนิงอันและสวีเฉิงเจ๋อกำลังนั่งอยู่ในรถม้า ในขณะที่กู้หนิงผิงกำลังขับรถม้าออกไปข้างนอก และทั้งสามคนไม่ได้พูดอะไรสักคำ

ระหว่างทางไม่มีอะไรจะพูด และเมื่อรถม้าไปถึงสวนหลี่ มันก็หยุดลง

เมื่อเห็นว่ารถม้าหยุดลง กู้หนิงอันก็กระโดดลงจากรถม้าก่อน และเมื่อเขายืนอยู่ที่ประตูของสวนหลี่ เขาดูสงสัย “หนิงผิง นี่คือบ้านของใคร?”

ทันทีที่สวีเฉิงเจ๋อกระโดดลงไป และหลังจากเห็นมันเขาก็รีบตอบไปว่า “นี่คือบ้านเก่าของเถ้าแก่หลี่แห่งร้านจิ่นฝู!”

กู้หนิงอันพยักหน้าและก้าวเข้าไป และเห็นกู้เสี่ยวหวานกำลังรอพวกเขาอยู่ที่ห้องโถง

กู้เสี่ยวหวานกำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะมองอะไรบางอย่าง ฉินเย่จือก็นั่งอยู่ข้าง ๆ และมองอะไรบางอย่างเช่นกัน

เมื่อสวีเฉิงเจ๋อเข้ามา เขาเห็นภาพดังกล่าว

กู้เสี่ยวหวานดูเหมือนจะไม่เข้าใจสิ่งที่เขียนอยู่ในหนังสือในมือของนาง ดังนั้นนางจึงเอนตัวไปถามฉินเย่จือ ฉินเย่จือก็เอนตัวไปหานางและอธิบายอย่างละเอียด ใบหน้าของทั้งสองอยู่ใกล้กัน ฉินเย่จือพูดอะไรบางอย่างราวกับว่าเขากำลังพูดถึงเรื่องตลก กู้เสี่ยวหวานก็ปิดปากหัวเราะคิกคัก และเมื่อฉินเย่จือเห็นก็ยกยิ้มมุมปากของเขาขึ้นและหัวเราะออกมา