บทที่ 718 คนเอาแต่ใจ

เซียนคีย์บอร์ด [陆地键仙]

บทที่ 718 คนเอาแต่ใจ

บทที่ 718 คนเอาแต่ใจ

“ใช่…” อวิ๋นอวี้ชิงพยักหน้าตามสัญชาตญาณ แต่ตระหนักตัวเองได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น “จ…เจ้าไม่ใช่ผู้ชายของข้าสักหน่อย!”

ซูอันหัวเราะ ผู้หญิงคนนี้เต็มใจที่จะนอนกับเขาและให้กำเนิดบุตรของเขา แต่นางก็ยังถือสาคำพูดเล็ก ๆ น้อย ๆ เหล่านี้

“จริงสิ อาการบาดเจ็บของท่านเป็นยังไงบ้าง? ข้ามียาอยู่” เสียงของซูอันเต็มไปด้วยความกังวล เนื่องจากก่อนหน้านี้นางโดนหางของอ้าวเฉวียนฟาดเข้าใส่อย่างรุนแรง

“ข้าไม่ได้เป็นอะไรมาก” อวิ๋นอวี้ชิงส่ายหัว เมื่อพิจารณาถึงระดับการบ่มเพาะของนางแล้ว แค่พักฟื้นเพียงเล็กน้อยอาการบาดเจ็บก็จะหายเป็นปลิดทิ้ง แต่กลับมีอย่างอื่นอยู่ในใจนาง “เจ้าฆ่ามังกรนั่นได้ยังไง?”

ความแข็งแกร่งของมังกรตัวนั้นเหนือกว่าตัวนางมาก ถ้าหากมันสามารถใช้วิญญาณประกาศิตได้อย่างที่เคยเป็น แม้แต่ผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ก็คงต้องพ่ายแพ้ให้แก่มัน แต่มังกรชรากลับถูกซูอันจัดการอย่างง่ายดาย

“อาวุธของข้ามันค่อนข้างจะแปลกประหลาดสักหน่อย มันสามารถคร่าชีวิตใครก็ได้แค่สัมผัสกับเลือดเนื้อ”

ซูอันอธิบาย นางได้เห็นสิ่งที่เกิดขึ้นแล้ว ดังนั้นจึงไม่มีทางที่เขาจะปิดบังได้ ดูเหมือนเป็นการดีกว่าที่จะบอกความจริงกับนาง

“อาวุธมหัศจรรย์เช่นนี้มีอยู่จริงเหรอ?” อวิ๋นอวี้ชิงตกตะลึง นั่นเป็นมังกรยักษ์ แต่มันตายด้วยการโจมตีเพียงเล็กน้อยจากอาวุธนั้น มันเคลือบด้วยพิษหรือเปล่า? แต่พิษชนิดใดจะรุนแรงได้ขนาดนั้น? “อีกอย่าง เจ้ามีสมบัติจำพวกคลังมิติติดตัวใช่ไหม?”

ซูอันพยักหน้า “ใช่ ข้าใช้มันเก็บศพของมังกรตัวใหญ่เอาไว้”

“ในโลกนี้มีคลังมิติที่มีพื้นที่จัดเก็บมากขนาดนี้ด้วยงั้นเหรอ?” อวิ๋นอวี้ชิงถามอย่างไม่เชื่อ วันนี้มีเรื่องเหลือเชื่อเกิดขึ้นมากเกินไป และทุก ๆ อย่างดูเหมือนจะห่างไกลจากความจริง

ซูอันหัวเราะคิกคัก เขาเอื้อมมือโอบรอบเอวอันอ่อนนุ่มของนาง “เป็นไงล่ะ? ตอนนี้ท่านรู้แล้วใช่ไหมว่าข้าน่าทึ่งแค่ไหน?”

อวิ๋นอวี้ชิงหน้าแดง นางพ่นลมหายใจและพูดว่า “เจ้าไม่รู้หรือว่าความมั่งคั่งควรถูกเก็บซ่อนไว้? เจ้ามีอะไรที่น่าทึ่งมากมาย เจ้าไม่กลัวว่าข้าจะฆ่าเจ้าและขโมยทุกอย่างมาเหรอ?”

ซูอันแสดงท่าทางหวาดกลัว “ท่านกำลังจะพยายามขโมยเงินหรือร่างกายของข้า? ข้าไม่สนหรอกว่าท่านจะขโมยทรัพย์สมบัติของข้าไป แต่ถ้าท่านต้องการร่างกายของข้า อย่างน้อยได้โปรดให้ข้าเป็นผู้นำในระหว่างตอนที่เรา…”

“…!” หัวใจของอวิ๋นอวี้ชิงเริ่มเต้นอย่างบ้าคลั่ง “เจ้ามักจะเป็นแบบนี้เสมอ จะดีก็ดีไม่สุดทุกที!” นางสบถ

ซูอันหัวเราะและโอบแขนรอบตัวนางอีกครั้ง ร่างกายของผู้หญิงคนนี้มีกลิ่นหอมละมุนและอ่อนนุ่ม “ว่าแต่ท่านมาที่นี่ทำไม? ข้าไม่คิดเลยว่าจะได้เจอท่านเร็วขนาดนี้”

อวิ๋นอวี้ชิงถอนหายใจยาว “ข้าบังเอิญรู้ว่าอ๋องอู๋จัดการส่งคนมาฆ่าเจ้า…ทั้งหมดนี้เกิดขึ้นเพราะข้า ดังนั้นข้าจึงทนไม่ได้ที่จะเห็นเรื่องร้ายเกิดขึ้นกับเจ้า ข้าเลยตามมาดู”

ซูอันจ้องมองนางอย่างว่างเปล่า เขาไม่แปลกใจเลยที่อ๋องอู๋ต้องการให้เขาตายเพราะสิ่งที่เกิดขึ้นในคืนนั้น ไม่ว่าจะเป็นวิธีระบายความหงุดหงิดของอ๋องอู๋หรือพยายามปิดปากเขา ไม่มีทางที่อ๋องอู๋จะปล่อยให้เขาอยู่รอด

แต่อวิ๋นอวี้ชิงได้รีบมาที่นี่เพราะเป็นห่วงข้า นี่เป็นสิ่งที่คาดไม่ถึงจริง ๆ

ท้ายที่สุดแล้ว ความสัมพันธ์ของพวกเขาทั้งสองสามารถอธิบายได้เพียงว่าเป็นคนแปลกหน้าที่สนิทสนมกันที่สุดเท่านั้น

พวกเขาไม่ได้ใช้เวลาร่วมกันมากนักและมีสถานะในสังคมที่แตกต่างกันมาก ตามธรรมดาแล้ว ไม่น่าจะมีวิธีใดที่พวกเขาจะมาลงเอยกันได้

“ทำไมมองข้าแบบนี้?” อวิ๋นอวี้ชิงเบนสายตาของนางออกไปอย่างเขินอาย “อย่าคิดมาก ข้าไม่ได้…ข้าไม่ได้มาเพราะเป็นห่วงเจ้า ข้าแค่ไม่อยากเห็นเจ้ามีปัญหาเพราะข้า”

ซูอันยิ้มและยังคงเงียบ เขาค่อย ๆ เปิดผ้าคลุมหน้าของนางออก แล้วเชยคางของนางขึ้นจูบ

อวิ๋นอวี้ชิงตัวสั่น นางถอยหลังโดยเอามือยันหน้าอกของเขาพยายามผลักให้ออกไป

ทั้งสองคนยังไม่ได้สนิทกันขนาดนั้น สัญชาตญาณแรกของนางคือการปฏิเสธการจูบของเขา เว้นแต่นางจะรู้สึกมีอารมณ์ร่วมหรือเร่าร้อนเป็นพิเศษ

แต่ซูอันไม่ยอมแพ้ เขาใช้มืออีกข้างโอบรอบเอวเล็ก ๆ ของนางแล้วดึงนางเข้ามาหา

ขณะที่นางลังเลและจิตใจของนางเต้นรัวด้วยความคิดที่ฟุ้งซ่าน ซูอันได้กดริมฝีปากจูบนางแล้ว

ดวงตาของอวิ๋นอวี้ชิงเบิกกว้างทันที นางทุบกำปั้นที่หน้าอกของเขา เรียกร้องให้เขาปล่อยนาง

แน่นอนว่าไม่มีทางที่ซูอันจะทำอย่างนั้น! หลังจากการต่อสู้ที่ไร้ผลในระยะเวลาสั้น ๆ อวิ๋นอวี้ชิงก็ยอมแพ้ในที่สุด

“เจ้าช่างเป็นคนที่เอาแต่ใจจริง ๆ…”

จากระดับการบ่มเพาะของนาง นางสามารถผลักชายคนนี้ออกไปด้วยความแข็งแกร่งเพียงเศษเสี้ยวของนาง

แต่ในทางกลับกัน แม้ว่านางจะเหยียดมือออกไปหลายครั้ง นางก็ไม่สามารถทำอย่างที่คิดได้ ท้ายที่สุดนางทำเพียงแค่ทุบเบา ๆ ที่หน้าอกของเขา และดวงตาของนางก็หลับพริ้มลงอย่างช้า ๆ

ไม่นานหลังจากนั้น เสียงของสองสาวก็ลอยมาแต่ไกล “อาซู! อาซู!”

สองคนนี้คือเพ่ยเหมียนหมานและเจิ้งตาน ด้วยความเป็นห่วงพวกนางจึงรีบมาหา

อวิ๋นอวี้ชิงกระโดดด้วยความตกใจ นางรีบผลักเขาออกไปอย่างรวดเร็วและมองไปทางเสียงเรียกอย่างรู้สึกประหม่า แต่แล้วนางก็ถอนหายใจอย่างโล่งอก หญิงสาวทั้งสองคนนั้นยังคงอยู่ห่างและไม่เห็นว่าเกิดอะไรขึ้น

“ทั้งหมดเป็นความผิดของเจ้า! ชื่อเสียงของข้าเกือบจะพังป่นปี้ไปหมดแล้ว” อวิ๋นอวี้ชิงกัดริมฝีปากเบา ๆ ขณะที่นางจัดแต่งเสื้อผ้าที่ยับย่นให้เข้าที่ นางมองชายที่อยู่ข้าง ๆ นางด้วยสายตาตำหนิ ดวงตาที่งดงามเต็มไปด้วยหยดน้ำคลอเบ้า

ซูอันหัวเราะและชื่นชมภาพของสตรีที่สวยงามตรงหน้าเขา ตอนแรกเขารู้สึกว่าเรื่องทั้งหมดนั้นแย่มาก แต่การได้พบกับผู้หญิงที่น่าทึ่งคนนี้ในตอนท้าย ทั้งหมดทำให้มุมมองในสถานการณ์ของเขาดีขึ้นอย่างมาก

“ข้าอยู่ข้างนอกนานเกินไปไม่ได้ เดี๋ยวจะมีใครสังเกตเห็น ข้าต้องกลับแล้ว” อวิ๋นอวี้ชิงกล่าวอย่างเร่งรีบ

ซูอันนิ่งขึง “ท่านกลัวอ๋องอู๋อย่างนั้นเหรอ?”

อวิ๋นอวี้ชิงส่ายหัว “เรื่องมันซับซ้อน ส่วนใหญ่เป็นเพราะเผ่าปีศาจของข้าเป็นพันธมิตรที่แข็งแกร่งกับเขา เราต้องรักษาหน้าตาเอาไว้ในตอนนี้…ไม่มีเวลาแล้ว ที่เหลือข้าจะเล่าให้ฟังถ้าเรามีโอกาสได้พบกันอีก”

ขณะที่นางกำลังจะจากไป นางก็หันกลับมาหอมแก้มเขาก่อนจะวิ่งออกไปด้วยใบหน้าแดงระเรื่อ

ซูอันเอามือลูบแก้ม กลิ่นหอมของนางติดอยู่ที่ปลายนิ้วของเขา ผู้หญิงคนนี้ขี้อายน่าเอ็นดูราวกับเด็กสาว ไม่สิ อันที่จริงนางก็ทำตัวเหมือนเด็กสาวเมื่อพวกเขาอยู่ด้วยกันทั้งคืนในตอนนั้น นางดูไม่เหมือนผู้หญิงที่แต่งงานแล้วเลยสักนิด แต่ดูเหมือนเด็กสาวผู้บริสุทธิ์ใสซื่อมากกว่า