บทที่ 663 น้องสาวแท้ ๆ

บทที่ 663 น้องสาวแท้ ๆ

คนไม่รู้ก็คงคิดว่าผู้อำนวยการเป็นลูกชายที่หายสาบสูญของคุณย่า

“ผู้อำนวยการหลี่ มาแล้วหรือคะ?”

อีกฝ่ายทิ้งจักรยานลงแล้วหยิบกระเป๋าด้วยมืออันสั่นเทา

เสี่ยวเถียนอยากจะพูดเหลือเกินว่า ‘ไม่ต้องหยิบออกมาหรอกค่ะ!’

แต่พอเห็นความตื่นเต้นและรีบร้อนของคนรอบข้างแล้ว เธอได้กลืนคำพูดนั้นลงคอเงียบ ๆ ช่างเถอะ หาได้ยากที่ทุกคนจะมีท่าทางแบบนี้ อย่าทำให้พวกเขาเสียอารมณ์เลย

ตอนนี้สมาชิกคนอื่นมาถึงที่ร้านกันแล้ว ยิ่งเห็นสีหน้าตื่นเต้นของผู้อำนวยการก็บอกได้เลยว่าผลการสอบของเสี่ยวเถียนดีแค่ไหน

แต่เราก็ยังประหม่าอยู่ดี

แค่รอว่าหลานสาวคนนี้จะได้ที่หนึ่งของเมืองหลวงหรือเปล่า

อย่าว่าแต่คนอื่นเลย แม้แต่คุณปู่ซูที่เป็นคนเงียบขรึมมาตลอดยังเอากับเขาด้วยเลย ที่บ้านเรามีหลานมากมาย หลายคนล้วนสอบได้คะแนนดี เลือกมหาวิทยาลัยดี ๆ แต่ดันไม่มีใครสอบได้ที่หนึ่งให้เขาเลย

ผู้อำนวยการหลี่ตื่นเต้นจนเกือบสะดุดล้ม แต่โชคดีที่เด็กสาวคว้าไว้ได้ทัน

แววตาของชายผู้นั้นเต็มไปด้วยความรู้สึกทำสำเร็จ

ปีก่อนเขามาประกาศข่าวดีให้ทุกคนได้ทราบ แต่ใบหน้าของครอบครัวนี้กลับเฉยเมย ไม่ได้ตกใจหรือตื่นเต้นใด ๆ ทั้งสิ้น

แต่ปีนี้เนี่ยสิถึงจะดูเป็นปกติ พ่อแม่ที่มีลูกสอบเข้ามหาวิทยาลัยได้ควรมีหน้าตาแบบนี้!

“เสี่ยวเถียน ยินดีด้วยนะ!” ผู้อำนวยการหลี่ยื่นมือออกไปจับมือเด็กหญิง

“ขอบคุณค่ะผู้อำนวยการหลี่!” เธอรีบเอ่ยอย่างนอบน้อม “คุณอุตส่าห์มาหาเราโดยเฉพาะด้วยเรื่องเล็กแค่นี้เอง”

“เป็นเกียรติของฉันมากกว่านะ สหายเสี่ยวเถียน!”

“ผู้อำนวยการหลี่ หลานรักฉันสอบได้ที่เท่าไรหรือ?” คุณย่าซูถาม

เธอเพ่งพินิจมองอีกฝ่าย จึงไม่สังเกตเห็นสีหน้าประหม่าของสามี

“ที่หนึ่งครับคุณป้า ที่หนึ่ง!”

ตอนเขาประกาศข่าวดีก็ภาคภูมิใจราวกับเป็นลูกของตัวเองที่สอบได้!

แม้เสี่ยวเถียนจะคาดได้แล้วว่าตนจะสอบได้ดี แต่ถ้าถึงขนาดได้อันดับหนึ่งเธอไม่กล้าเชื่อเท่าไร เพราะที่นี่คือเมืองหลวงที่เต็มไปด้วยคนมากพรสวรรค์หลบซ่อนอยู่ และถึงโรงเรียนมัธยมอันดับ 7 จะเป็นโรงเรียนมัธยมต้นที่สำคัญของเมือง แต่ก็ไม่ถือว่าเป็นโรงเรียนระดับต้น ๆ

ปีก่อนฉืออี้หย่วนยังทำคะแนนสอบไม่ได้อันดับหนึ่ง จึงคิดว่าในเมืองหลวงอาจมีคู่แข่งที่แข็งแกร่งมากเกินไป

“ครูใหญ่ดีใจแทบบ้าเลยนะตอนรู้ว่าโรงเรียนเราได้อันดับหนึ่ง เขาดีใจจนเกือบร้องไห้แน่ะ!”

เวอร์เกินไปหรือเปล่าเนี่ย

ครูใหญ่เป็นคนแบบนี้หรือเนี่ย? ถึงโรงเรียนเราจะไม่ใช่อันดับต้น ๆ ของเมืองหลวง แต่ก็ยังครองอันดับสามสี่ได้อยู่นะ

“แล้วทำไมเขาถึงไม่มาด้วยล่ะคะ?” เธอเอ่ยอย่างเฉยเมย

ถ้าตื่นเต้นขนาดนั้นก็มาด้วยกันสิ!

“ฉันให้เขาซ้อนท้ายมานะ แล้วทำไมไม่ลงมาล่ะ?” ผู้อำนวยการหลี่รู้สึกแปลก ๆ

เสี่ยวเถียนมองไปยังจักรยานคันนั้นแต่พบว่าด้านหลังจักรยานนั้นว่างเปล่า ไม่มีอาจารย์ใหญ่ที่เป็นมิตรและน่านับถือสักคน

“ผู้อำนวยการหลี่ คุณจำผิดหรือเปล่าครับ ไม่เห็นมีใครเลย!” เสี่ยวปามองออกไปข้างนอก

“แต่ฉันจำได้ว่าฉันพาเขามาด้วยนะ เขาหายไปไหนแล้วล่ะ?”

ถึงจะสับสนแต่ขอพักเรื่องนี้ไว้ก่อน จะอยู่หรือไม่มันไม่สำคัญแล้ว เพราะผลการสอบเสี่ยวเถียนต้องมาก่อนอันดับแรก

“เสี่ยวเถียน เธอรู้ไหมว่าคะแนนสอบตัวเองดีขนาดไหนน่ะ” ผู้อำนวยการหลี่ถามอย่างตื่นเต้น

“…” เสี่ยวเถียน

“สหายเสี่ยวเถียน คะแนนเธอทิ้งห่างจากอันดับสอง 24 คะแนน และผิดจากคะแนนเต็มแค่ 19 คะแนนเอง นี่เป็นผลงานที่ดีที่สุดในรอบหลายปีเลยนะ!”

ผู้อำนวยการหลี่อยากจะบอกว่าไม่ใช่แค่ได้อันดับหนึ่งในปีนี้ แต่ยังเป็นอันดับหนึ่งจากในหลาย ๆ ปีที่ผ่านมาด้วย

“…” เสี่ยวเถียน

น่าตกใจจริง ๆ ไม่แปลกที่เมื่อเช้าจะได้แต้มเข้าระบบเยอะขนาดนั้น เหมือนว่าถ้าคะแนนเธอดีจะได้แต้มเพิ่มด้วยนะ

“ผู้อำนวยการหลี่ไม่ได้โกหกกันใช่ไหม? ผลสอบหลานสาวดีมากขนาดนั้นเลยหรือ?” คุณปู่คุณย่าซูเอ่ยถามพร้อมกัน

ถ้าอีกฝ่ายไม่ตื่นเต้นเกินไป ก็คงอวดแล้วว่าสองสามีภรรยาคู่นี้เข้าใจกันดีจริง ๆ

“จริงครับ ผมไม่ได้โกหกเลยนะ โดยเฉพาะเรื่องแบบนี้ผมโกหกได้ที่ไหนล่ะ!”

“…” เสี่ยวปาเสี่ยวจิ่ว

ปีนี้เราก็สอบเหมือนกันนะ ทำไมไม่มีใครพูดถึงบ้างเลยล่ะ?

ปีก่อนผู้อำนวยการหลี่ยังบอกคะแนนของพี่หกพี่เจ็ดเลยนะ

หญิงชราตบต้นขาด้วยความยินดี

“ผู้อำนวยการหลี่ วันนี้อยู่กินข้าวบ้านเรานะคะ!”

ผู้อำนวยการน้ำตาไหลพราก บากบั่นขนาดนี้เพื่อเหตุผลนี้ไม่ใช่หรือไง?

“แม่คะ เดี๋ยวฉันทำให้ค่ะ!” เหลียงซิ่วเองก็ดีใจจนแทบกลั้นน้ำตาเอาไว้ไม่อยู่

ลูกสาวเธอได้เรื่องกับคนอื่นเหมือนกันนะเนี่ย แถมยังสอบได้คะแนนดีด้วย

จิตใจเสี่ยวปาราวกับถูกกระทบกระเทือนอีกครั้ง คนอื่นลืมถามเรื่องคะแนนเขายังว่าไปอย่าง แต่ทำไมแม่ถึงไม่ถามบ้างล่ะ?

เขาเป็นของแถมจากน้องหรือ?

“เดี๋ยวแม่ทำเองดีกว่า วันนี้เลี้ยงใหญ่ฉันอยากทำเอง ตาแก่ อยู่คุยกับผู้อำนวยการหลี่ไปก่อนแล้วกันนะ!”

คุณย่าซูดีใจจนแทบกระโดดตัวลอย ก่อนจะเข้าหลังครัวไปทำหน้าที่

เหล่าสะใภ้ หม่านซิ่ว และคนอื่น ๆ ตามเข้าไปด้วย

สองพี่น้องมองครอบครัวกำลังวุ่นวายอย่างมีความสุข ทว่าไม่มีใครถามเรื่องผลสอบของเราเลยสักคน เสียใจจริง ๆ นะ!

เราได้แต่มองหน้ากันด้วยความเศร้าสร้อย ถึงคะแนนสอบเราจะไม่ได้ดีมาก แต่จะเมินกันแบบนี้ไม่ได้หรือเปล่า? คนอื่นไม่ถามไม่เป็นไรเลย แต่นี่ขนาดพ่อแม่ตัวเองยังไม่คิดจะถามเลยนะ? โดยเฉพาะเสี่ยวจิ่ว ครอบครัวแม่สามมีพี่แปดและเสี่ยวเถียนสอบ เขาลืมก็เรื่องของเขา แต่ครอบครัวเราเนี่ยสิ มีเขาสอบแค่คนเดียวเอง ไม่สมควรได้รับความสนใจหรือ?

ฉีเหลียงอิงที่เข้ามาในครัวเพิ่งนึกได้ว่าลูกชายคนเล็กของเธอก็เหมือนจะสอบด้วยเช่นกัน ทำไมเมื่อกี้ถึงลืมถามผู้อำนวยการมานะ ว่าลูกชายทำคะแนนสอบได้ดีหรือเปล่า? คิด ๆ ดูแล้วไม่ถามแล้วกัน ถึงยังไงก็ไม่ดีเท่าเสี่ยวเถียนหรอก ขอแค่เข้ามหาวิทยาลัยดี ๆ ได้ก็พอ เพราะมั่นใจว่าลูกหลานที่บ้านจะสอบได้ดีหรือไม่ดีก็แค่ตอนเปรียบเทียบกันเท่านั้น แต่รวม ๆ ก็ดีอยู่แล้ว

ฉีเหลียงอิงไม่ถามเพราะคิดแบบนี้

สุดท้ายเสี่ยวเถียนที่กำลังรินชา เพิ่งจะเอ่ยถาม “ผู้อำนวยการหลี่ แล้วคะแนนพวกพี่ ๆ เป็นยังไงบ้างคะ?”

สองพี่น้องที่ถูกเมินเฉยใจชื้นขึ้นมาทันที

ถึงจะเป็นพ่อแม่ปลอม ๆ แต่อย่างน้อยก็ยังมีน้องสาวแท้ ๆ อยู่นะ ฮือ ๆ …