ตอนที่ 667 ควบคุมได้

สตรีแกร่งตระกูลไป๋

ตอนที่ 667 ควบคุมได้

องค์หญิงใหญ่กำไม้เท้าหัวพยัคฆ์ในมือแน่น ถอนหายใจออกมาหนึ่งที “นางกลัวว่ามารดาที่อยู่ไกลถึงซั่วหยางจะเป็นห่วงจึงรีบร้อนเดินทางกลับ ช่างเถิด ค่อยๆ เดินทางกลับไปก็คงมิเป็นอันใด ตัวนางอยู่เมืองหลวง ทว่า ใจอยู่ที่ซั่วหยาง นางคงเหนื่อยใจมาก”

“รับฮูหยินมาเมืองหลวงดีหรือไม่” องค์รัชทายาทฉุกคิดได้

องค์หญิงใหญ่ส่ายหน้า “ตอนนั้นตระกูลไป๋ตัดสินใจย้ายกลับไปอยู่ซั่วหยางแล้ว จวนไป๋ที่ซั่วหยางขาดลูกสะใภ้ใหญ่ของหม่อมฉันไม่ได้ หากนางมาเมืองหลวง ผู้อื่นอาจนินทาได้ว่าเมื่อฝ่าบาททรงประชวร มอบราชสำนักให้องค์รัชทายาททรงดูแล องค์รัชทายาทกลับทรงอนุญาตให้ตระกูลไป๋กลับเมืองเพื่อปูทางให้ตัวเอง เช่นนี้ไม่เป็นผลดีต่อชื่อเสียงขององค์รัชทายาทเพคะ ฝ่าบาททรงพระชนมายุมากแล้ว ความหวาดระแวงย่อมมากขึ้นด้วย เหตุใดต้องทำเรื่องเล็กน้อยเช่นนี้เพื่อให้ฝ่าบาททรงระแวงสงสัยด้วยเพคะ”

องค์หญิงใหญ่กล่าวอย่างคิดเพื่อองค์รัชทายาทอยู่ตลอดเวลา

องค์รัชทายาทยิ่งรู้สึกซาบซึ้งในน้ำใจของตระกูลไป๋ เขาพยักหน้าเล็กน้อย “ทว่า หนทางกลับซั่วหยางไม่ค่อยปลอดภัยนัก ถึงเวลานั้นเราจะให้องครักษ์ไปส่งองค์หญิงเจิ้นกั๋วถึงซั่วหยาง”

“ขอบพระทัยองค์รัชทายาทเพคะ”

ชุนเถาได้ยินว่าคุณหนูใหญ่กลับมาแล้ว นางยุ่งจนใบหน้าเต็มไปด้วยขี้เถ้า สั่งให้หญิงชราเผาไฟในหลุมใต้ดินเพื่อสร้างความอบอุ่น ทว่า ชุนเถารู้สึกว่ายังอุ่นไม่เพียงพอจึงสั่งให้คนนำเตาผิงเข้ามาเพิ่มอีกสองสามเตา

ย่างเข้าวันที่ยี่สิบ เดือนสิบ อากาศทั่วทั้งเมืองหลวงเริ่มหนาวเย็นลง ใบไม้บนต้นไม้กลางลานหญ้าเริ่มแห้งเหี่ยวและร่วงโรยลงบนพื้น บรรยากาศเต็มไปด้วยความเยือกเย็น

ปกติช่วงเวลานี้ของทุกปีต่งซื่อมักจะสั่งให้คนเผาไฟใต้หลุมดินและเตรียมเตาผิงไว้รออยู่ก่อนแล้ว บรรดาหญิงชราต่างเตรียมพร้อมล่วงหน้าแล้ว

ปีนี้ร่างกายของไป๋ชิงเหยียนแข็งแรงขึ้นกว่าเดิม ไป๋ชิงเหยียนกล่าวว่าไม่จำเป็นต้องเตรียมสิ่งเหล่านี้ล่วงหน้านานนัก ชุนเถาจึงไม่ได้เตรียมพร้อมไว้ ผู้ใดจะคิดว่าคุณหนูใหญ่ของพวกนางจะได้รับบาดเจ็บหนักอีกครั้งกัน

สองสามวันก่อนยังไม่เท่าใด เมื่อครู่ตอนอยู่ในห้องชุนเถาเริ่มสัมผัสได้ถึงความเย็น เมื่อเห็นว่าฝนใกล้จะตกลงมาแล้ว ฝนและอากาศในช่วงฤดูใบไม้ผลิค่อนข้างหนาวเย็น คุณหนูใหญ่ของนางยังได้รับบาดเจ็บอยู่ นางควรเตรียมพร้อมไว้แต่เนิ่นๆ

ไม่นานเกี้ยวถูกยกเข้ามาในเรือน ชุนเถารีบถลาเข้าไปช่วยประคองไป๋ชิงเหยียนเข้าไปในห้องพร้อมกับไป๋จิ่นจื้อ ชุนเถาปลดเสื้อคลุมกันลมของไป๋ชิงเหยียนออก จากนั้นประคองให้หญิงสาวนอนพักลงบนเตียง

ชุนเถายัดเตาอุ่นมือขนาดเล็กใส่มือของไป๋ชิงเหยียน จากนั้นรินน้ำอุ่นให้หญิงสาวอีกแก้ว “คุณหนูใหญ่เจ็บหน้าอกหรือเจ้าคะ ให้ตามท่านหมอหงหรือไม่เจ้าคะ”

สิ้นเสียงของชุนเถา หมอหงมาถึงพอดี

หมอหงตรวจชีพจรให้ไป๋ชิงเหยียน เขารู้ดีแก่ใจว่าหญิงสาวฟื้นตัวดีขึ้นมากแล้ว ทว่า เขาไม่แสดงออกทางสีหน้า กล่าวเพียงว่าจะเปลี่ยนยาสูตรใหม่ให้ กำชับให้ไป๋ชิงเหยียนพักผ่อนให้มากๆ จากนั้นถือกล่องยาเดินจากไป

ไป๋จิ่นจื้อห่มผ้าให้ไป๋ชิงเหยียนด้วยดวงตาที่แดงก่ำ กล่าวเสียงสะอื้น “พี่หญิงใหญ่พักผ่อนให้มากๆ นะเจ้าคะ”

“ลุงผิงอยู่ที่เรือนหรือไม่” ไป๋ชิงเหยียนถาม

ชุนเถาพยักหน้า “องครักษ์หลูผิงเดินตามเกี้ยวมาด้วยเจ้าค่ะ ตอนนี้ยังรออยู่ที่ด้านนอกเจ้าค่ะ”

เสร็จเรื่องแล้ว หลูผิงรู้ว่าไป๋ชิงเหยียนมีเรื่องจะสั่งเขาอีกจึงยังไม่จากไป

เป็นดังคาด ไม่นานชุนเถาแหวกม่านออกมาเรียกหลูผิงเข้าไปด้านใน

หลูผิงเคารพไป๋ชิงเหยียนผ่านฉากกั้นกันลม

ไป๋ชิงเหยียนสั่งงานหลูผิงโดยไม่ได้ให้ไป๋จิ่นจื้อหลบฉากไปก่อน “ลุงผิงลอบไปพบหลี่หมิงรุ่ยเป็นการส่วนตัว บอกเขาว่าเรื่องของหลิ่วรั่วฟูไม่นับเป็นการแสดงความจริงใจ ให้เขาหาทางช่วยหวังชิวลู่ออกมาจากคุกและดูแลเขาให้ดี ข้าถึงจะเห็นความจริงใจของเขา”

หลูผิงขมวดคิ้วแน่น “หากช่วยหวังชิวลู่ออกมาแล้วมอบคนให้หลี่หมิงรุ่ยดูแล หลี่หมิงรุ่ยอาจหลอกใช้ให้หวังชิวลู่ทำร้ายคุณหนูใหญ่และตระกูลไป๋ได้นะขอรับ”

วันนี้คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไปพบหวังเจียงไห่และหวังชิวลู่ในคุก หากให้หลี่หมิงรุ่ยเป็นคนช่วยหวังชิวลู่ออกมา อีกทั้งให้เขาดูแลหาที่พักให้ วันหน้าหากหลี่หมิงรุ่ยประกาศว่าคุณหนูใหญ่ลอบช่วยเหลือกบฏออกมาจากคุกลับหลังองค์รัชทายาท จากนั้นข่มขู่ให้หวังชิวลู่โทษว่าคุณหนูใหญ่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการกบฏของเสียนอ๋องจะทำเช่นไรกัน!

“ข้าบอกกับหวังชิวลู่ชัดเจนแล้ว หากเขาจำได้ชัดเจนว่าผู้ใดคือเจ้านายของเขา เขาก็จะมีชีวิตรอด ทว่า หากเขาทรยศก็ส่งเขาไปอยู่กับบิดาของเขา เช่นนี้ถือว่าไม่ทำผิดต่อท่านอาสี่แล้ว” แววตาของไป๋ชิงเหยียนเยือกเย็น “ลุงผิงไม่ต้องเป็นห่วง ข้ากล้าปล่อยให้หลี่หมิงรุ่ยจัดการเรื่องนี้ ข้าย่อมมีวิธีควบคุมเขาได้”

หลูผิงนึกถึงเรื่องที่คุณหนูใหญ่สั่งให้เขาไปตีขาของหลี่หมิงถัง บุตรชายคนเล็กของหลี่เม่าขึ้นมาได้ เขาจึงกัดฟันรับปาก คุณหนูใหญ่ของพวกเขาไม่เคยทำเรื่องที่ไม่สามารถควบคุมได้ นางมีแผนสำรองสำหรับเรื่องต่างๆ เสมอ เขาไม่จำเป็นต้องกังวลเกินไปนัก

หลูผิงรับคำ จากนั้นออกไปจากเรือนชิงฮุย

ไป๋จิ่นจื้อยังคงงุนงง ทว่า เมื่อเห็นไป๋ชิงเหยียนมีสีหน้าอ่อนล้า จึงข่มใจไม่ถามออกไป ใบหน้าของสาวน้อยเต็มไปด้วยความกังวลที่มากเกินอายุ เอ่ยบอกให้ไป๋ชิงเหยียนพักผ่อนเสียงอ่อนโยน จากนั้นออกไปจากห้อง

แม้แต่ชุนเถายังรู้สึกแปลกใจ นางใช้ผ้าขนหนูอุ่นเช็ดมือให้ไป๋ชิงเหยียน “คราวนี้คุณหนูสี่อดทนไม่ถามออกมาได้แล้วนะเจ้าคะ”

“เสี่ยวซื่อโตขึ้นแล้ว” ไป๋ชิงเหยียนเอนกายพิงหมอน ถูมือไปมาแล้วหยิบเตาอุ่นมือสีเงินที่เคยใช้เป็นประจำขึ้นมาถือไว้ในมืออย่างคุ้นเคย

“เวลานี้คงไม่มีเรื่องอันใดอีกแล้ว บ่าวจะช่วยอาบน้ำให้คุณหนูใหญ่แล้วจะได้พักผ่อนนะเจ้าคะ” ชุนเถากล่าวอย่างห่วงใย “คุณหนูใหญ่ใกล้จะกลับซั่วหยางแล้ว ควรดูแลตัวเองให้สีหน้าดีขึ้นกว่านี้อีกสักหน่อย ฮูหยินเห็นจะได้ไม่กังวลเจ้าค่ะ”

ไป๋ชิงเหยียนพยักหน้า รู้ดีว่าชุนเถากำลังเกลี้ยกล่อมไม่ให้นางอ่านตำราในคืนนี้

เมื่อปรนนิบัติไป๋ชิงเหยียนอาบน้ำเปลี่ยนเครื่องแต่งกายและนอนลงบนเตียงเสร็จ ชุนเถาปลดมุ้งลง จากนั้นลดม่านซึ่งเกี่ยวอยู่บนตะขอทองแดงตรงหัวเตียงลง ตรวจสอบหน้าต่างให้เรียบร้อย ลมหนาวจะได้ไม่พัดเขามาโดนตัวคุณหนูใหญ่ของนาง

เมื่อดับไฟเสร็จ ชุนเถาเดินออกจากห้องไปอย่างเงียบเชียบเพื่อไปอาบน้ำแล้วกลับมาเฝ้ายามกลางคืน

ชุนเถาออกไปได้ไม่นาน ประตูสองบานเกิดเสียงขึ้นเล็กน้อย รองเท้าหนังย่องเข้ามาในห้องอย่างแผ่วเบา ไป๋ชิงเหยียนลืมตาขึ้น

หญิงสาวแสร้งทำเป็นไม่รู้ตัว เอื้อมมือแหวกมุ้งออกเล็กน้อย หญิงสาวมองลอดช่องว่างของผ้าม่านผืนบางเห็นร่างของคนคนหนึ่งยืนอยู่ท่ามกลางแสงของตะเกียงดวงเดียวภายในห้องอย่างริบหรี่

“อาเป่า เจ้าหลับแล้วหรือไม่”

ร่างของคนคนนั้นยืนเอ่ยเรียกนางอยู่ด้านนอกฉากกั้น

ไป๋ชิงเหยียนแหวกม่านออกอย่างตกใจ เดิมทีตั้งใจจะลุกขึ้นจากเตียง ทว่า หญิงสาวเผลอโดนแขนข้างที่ได้รับบาดเจ็บจนร้องออกมาอย่างเจ็บปวด

เซียวหรงเหยี่ยนเดินอ้อมฉากกั้นเข้าไปด้านในอย่างทนไม่ไหว ชายหนุ่มแหวกม่านออกแล้วเดินตรงเข้าไปประคองร่างของไป๋ชิงเหยียนอย่างรวดเร็ว ชายหนุ่มสอดหมอนอิงไว้ทางด้านหลังของหญิงสาว

ไม่ได้พบหน้ากันหลายวัน แม้สีหน้าของไป๋ชิงเหยียนจะดีกว่าวันที่ถูกธนูยิงไม่น้อย ทว่า ใบหน้ายังคงซีดเซียวมาก

สองสายตาประสานกัน ใบหูของไป๋ชิงเหยียนแดงก่ำ “เหตุใดท่านจึงบุกเข้ามายามวิกาลอีกแล้ว”

แม้ประโยคจะฟังดูตำหนิ ทว่า แววตาของไป๋ชิงเหยียนเต็มไปด้วยรอยยิ้ม

“ข้ามาเยี่ยมเจ้าทุกวัน ทว่า ถูกปฏิเสธว่าเจ้าหลับไม่ฟื้นทุกครั้ง” เซียวหรงเหยี่ยนกุมข้อมือเล็กของไป๋ชิงเหยียนพลางลูบไล้อย่างแผ่วเบา ชายหนุ่มมองไปทางหญิงสาวยิ้มๆ น้ำเสียงทุ้มแฝงไปด้วยความอ่อนโยนและมีเสน่ห์ยิ่งนัก “ข้าคิดถึงเจ้ามากเหลือเกิน วันนี้เห็นเจ้าออกจากจวนพอดี ทว่า นึกไม่ถึงว่าองค์รัชทายาทจะมาส่งเจ้า ข้าจึงเหลือเพียงวิธีนี้เท่านั้น”