บทที่ 686 หลบเลี่ยงไปนอกเมือง

ทะลุมิติไปเป็นแม่ของวายร้ายทั้งสาม

บทที่ 686 หลบเลี่ยงไปนอกเมือง

บทที่ 686 หลบเลี่ยงไปนอกเมือง

“อาซือ ทำไมเจ้าถึงทำหน้านิ่วคิ้วขมวดเช่นนั้นเล่า? เจ้าเอาแต่อยู่ในจวนติดต่อกันหลายวันแล้วนะ”

เวลานี้เหยาซูพบความผิดปกติของลูกสาวตัวเอง นางนั่งลงข้างกายหลินซือ แล้วเอ่ยถามหลินซือว่าเพราะใดถึงได้มีสีหน้าเป็นกังวลเช่นนี้

“เพราะใกล้จะออกเรือนใช่หรือไม่ ถึงได้กลัดกลุ้มใจเพียงนี้?”

หลินซือไม่รู้ว่าจะสาธยายความกลัดกลุ้มในใจออกมาอย่างไร พูดทีไรก็ตะขิดตะขวงใจทุกที

“เล่าให้แม่ฟังสิ แม่คือคนที่อาบน้ำร้อนมาก่อน อาจจะช่วยเจ้าแก้ไขปัญหาได้”

เด็กสาวกระบิดกระบวน ยิ่งใกล้วันแต่งงานเท่าไร จิตใจของนางก็ยิ่งไม่รู้จะสาธยายความรู้สึกออกมาเป็นคำพูดอย่างไร

โชคดีที่เหยาซูเป็นแม่คนแล้ว จึงมีความอดทนอยู่บ้าง

“ท่านแม่ ช่วงนี้พี่อาเถิงกำลังทำสิ่งใดก็ไม่รู้ ไม่มาหาข้าเลย หลายครั้งที่ข้าไปหาเขา ก็มักจะยุ่งแต่กับเรื่องเกลือ หรือไม่ก็ไม่อยู่จวน”

“ท่านแม่ว่าเขาไม่อยากสู่ขอข้าแล้วใช่หรือไม่ ถึงได้เย็นชากับข้าเช่นนี้”

เหยาซูได้ยินความคิดของนางก็พลันหัวเราะออกมา รู้สึกว่าลูกสาวของตัวเองช่างน่าสนใจยิ่งนัก

นางลูบศีรษะของหลินซือ “อาซือ เจ้าจะคิดเช่นนี้ก็ไม่แปลก แต่เจ้าไม่ต้องกังวลหรอก”

“ข้าเคยได้ยินพี่เจี่ยงพูด ช่วงนี้เจี่ยงเถิงกำลังยุ่งกับเรื่องโรงเกลือ กลับจวนดึกดื่นทุกวัน สถานการณ์เช่นนี้เจ้าต้องเข้าใจนะ”

หลินซือเข้าใจเหตุผล แต่ครั้นจะทำมันจริง ๆ หลินซือไม่สามารถต้านทานความคิดที่อยู่ในใจได้

ตอนนี้ทั้งสองคนกำลังจะแต่งงานกัน แต่ยังไม่ทันได้แต่ง นางแทบไม่ได้เจอกับเจี่ยงเถิงแล้ว เป็นใครใครก็รู้สึกไม่ดีทั้งนั้น

“ท่านแม่ ข้าเข้าใจเหตุผลเจ้าค่ะ เพียงแต่เขาไม่บอกสิ่งใดกับข้าเลย แล้วข้าจะเข้าใจเพียงคนเดียวได้อย่างไร?”

“เจ้าเด็กคนนี้ หากคิดถึงเขาก็ไปหาเขา คิดว้าวุ่นใจอยู่คนเดียวมันก็ไร้ประโยชน์”

หลินซือรู้สึกว่าก่อนหน้านั้นนางเป็นฝ่ายกระทำก่อนเสมอ เลยทำให้เจี่ยงเถิงรู้สึกว่านางเป็นคนอะไรก็ได้ หรือต้องชั่งใจความรู้สึกของตัวเองบ้าง?

แบบนี้จึงทำให้นางยิ่งชื่นชอบเขามากขึ้นไหม?

นางตกอยู่ในห้วงความคิด กระทั่งมารดาของตนจากไปตอนไหนก็ไม่รู้ เจี่ยงเถิงเข้ามานั่งข้างกายนางโดยไม่ให้สุ่มให้เสียงตั้งแต่ตอนไหน หลินซือก็ไม่รู้ตัวเลย

“ท่านแม่ ท่านว่าถ้าข้าไม่ไปหาพี่อาเถิง แล้วเขาจะมาหาข้าไหม?”

“มาแน่นอน”

เสียงของคนที่ตนกำลังถวิลหาดังขึ้นข้างหูของนาง หลินซือตื่นตระหนกตกใจ ยังคิดอยู่เลยว่ามันเป็นแค่ภาพมายา

กระทั่งเห็นเจี่ยงเถิงปรากฏตัวตรงหน้าของนาง นางรู้สึกตื่นเต้นดีใจอย่างมาก

เนื่องจากความกลัดกลุ้มใจก่อนหน้านั้น หลินซือจึงไม่ได้แสดงความตื่นเต้นออกมามากขนาดนั้น นางปรายตามองใบหน้าของเจี่ยงเถิงที่ไร้ความรู้สึกใด

“ทำไม? เมื่อครู่ยังกลุ้มใจอยู่เลย ตอนนี้เย็นชากับข้าเสียแล้วรึ?”

“ท่านยุ่งไม่ใช่รึ? เหตุใดถึงมีเวลามาหาข้าได้”

ความเจ็บปวดได้แฝงออกมาทางคำพูดนี้ เจี่ยงเถิงลูบศีรษะของนางแผ่วเบา “เจ้านะเจ้า โกรธข้าอีกแล้ว? เหตุใดคนที่ใกล้จะแต่งงานมักมีนิสัยฉุนเฉียวเช่นนี้?”

“ตอนนี้ท่านไม่ชอบเด็กเอาแต่ใจอย่างข้าแล้วใช่หรือไม่?”

“จะเป็นไปได้อย่างไร ข้ามาชดเชยความผิดกับฮูหยินต่างหาก ช่วงนี้ข้ายุ่ง ๆ กับงานในราชสำนักจนไม่ได้ตระหนักถึงความรู้สึกของเจ้าเป็นอันดับแรก ข้าอยากให้ฮูหยินรู้ถึงความเสียใจของข้า”

หลินซือยื่นมือออกไป ท่าทางเหมือนขอของขวัญ “ในเมื่อท่านบอกว่าจะชดเชยความผิดให้ข้า แล้วของขวัญขอโทษละ?”

เจี่ยงเถิงอึ้งงันไป คาดไม่ถึงว่าเด็กผู้หญิงคนนี้จะมีด้านนี้ด้วย เขาจึงยื่นมือออกไปผสานมือของหลินซือ นางจึงได้กระตุกยิ้มอย่างเริงร่า

“นี่ไง ข้าให้มือของตัวเองกับเจ้า ยกทั้งตัวให้เจ้า”

“ชิ ข้าอยากได้ของขวัญ ไม่ใช่ท่าน”

เจี่ยงเถิงดึงนางเข้ามาในอ้อมกอด ทั้งสองคนสบตากันอย่างลึกซึ้ง เจี่ยงเถิงจึงพูดถึงเป้าหมาย

“อาซือ นอกจากข้าจะมาชดเชยความผิดให้เจ้าแล้ว ข้ายังมีอีกเรื่องที่ต้องบอกเจ้า”

ครั้นเห็นใบหน้าเคร่งเครียดของเขา หลินซือก็พลันเกิดลางสังหรณ์บางอย่างในใจ คราที่แล้วเขาก็ใช้สีหน้าเช่นนี้มาบอกนางว่าจะไปฮว๋ายจง

ครานี้ยังใช้คำพูดแบบเดียวกันอีก หลินซือก่อเกิดความกลัวในใจ หรือต้องการให้นางประสบกับความทุกข์ระทมเหมือนในคราที่แล้วอีกครั้ง?

“ท่านกำลังจะบอกว่า ท่านต้องไปปฏิบัติภารกิจ คงจะหลายวันน่าดู เช่นนั้นข้าจะส่งแขกเดี๋ยวนี้!”

“อาซือของเราช่างฉลาดยิ่งนัก แม้แต่ข้าจะพูดสิ่งใดเจ้าก็รู้”

หลินซือเดาเจตนารมณ์ของเจี่ยงเถิงออก การปิดกั้นไม่ได้มีความสุข ตรงกันข้ามกลับยุ่งยากเสียด้วยซ้ำ

เรื่องของเขา เอาเข้าจริงก็ซับซ้อนใช่เล่น จึงมักทำให้หลินซือรู้สึกขมขื่นในความรู้สึกอยู่ทุกครั้ง

สีหน้าของหลินซือเคร่งเครียดลง นางจ้องเขม็งเข้าไปในดวงตาของเจี่ยงเถิง

“ไม่ไปไม่ได้หรือ?”

“อาซือ ไม่ได้หรอก”

“ทำไมต้องให้ท่านไปทุกครั้ง”

หลินซือเอ่ยออกมาอย่างไม่สบอารมณ์ เจี่ยงเถิงกุมมือของนางไว้ ไม่มีท่าทีจะปล่อยแต่อย่างใด

“เพราะข้าคือขุนนางฝ่ายเกลือ”

“แล้วพาภรรยาไปด้วยไม่ได้รึ พาข้าไปด้วยได้หรือไม่?”

“ได้แน่นอน”

เจี่ยงเถิงเผยรอยยิ้ม หลินซือรู้สึกเหนือความคาดหมาย ก่อนหน้านั้นเขาไม่เคยเอ่ยเรื่องนี้ ตอนนี้กลับจะพานางไปด้วยกัน

“จริงหรือ?”

เจี่ยงเถิงบอกหลินซือ ครั้งนี้เขาต้องไปตรวจสอบโรงเกลือแห่งใหม่ สถานที่แห่งนั้นใกล้กับเจียงหนาน ทิวทัศน์งดงามยิ่งนัก

ที่เขาตั้งใจมาที่นี่ครานี้ ก็เพื่อมาขอความเห็นจากเหยาซู และหวังว่านางจะตอบตกลงให้พาอาซือไปกับเขาด้วย

“จริงสิ ข้าเคยโกหกเจ้าหรือไร”

เจี่ยงเถิงลุกขึ้นยืน แล้วสอดสายตามองเหยาซูที่อยู่ไกล ๆ

บทสนทนาของพวกเขาเมื่อครู่ เหยาซูได้ยินอย่างชัดเจน สีหน้าของนางดูไม่เข้าใจ

“อาซือของเรายังไม่ได้แต่งงาน เจ้าพาออกไปเช่นนี้ เกรงว่า….”

“ท่านป้า ท่านพูดถูก ข้าคิดไม่รอบคอบเอง”

“ไม่! พี่อาเถิงคิดมาอย่างรอบคอบแล้ว ท่านแม่ให้ข้าไปกับเขาเถอะ”

หลินซือจ้องเขม็งไปทางเหยาซูอย่างไม่วางตา ทำให้เหยาซูไม่อาจปฏิเสธได้

นางย้ำกับเจี่ยงเถิงให้ปกป้องหลินซืออย่างดีซ้ำแล้วซ้ำเล่า นี่คือลูกสาวแก้วตาดวงใจของพวกเขา

หลินซือส่งเจี่ยงเถิงกลับจวนอย่างเบิกบานใจ ระหว่างทางเห็นเหยาเอ้อหลางดูไม่มีความสุข

เจี่ยงเถิงจึงเข้าไปขวางไว้ “เอ้อหลาง เจ้าถูกจับหรือถูกไล่กลับมากันแน่?”

เขาตั้งใจพูดประโยคนี้ เหยาเอ้อหลางเตรียมจะรายงาน แต่ครั้นเจอกับสีหน้าที่ไม่สู้ดีของบิดาของตน “กลับไปรายงานด้วย”

เจี่ยงเถิงกระตุกยิ้ม เดาถึงสาเหตุที่เขากลัดกลุ้มใจออก จึงตบไหล่ของเขา

“เอ้อหลาง เจ้าไม่สู้ตามข้าไปเจี่ยงหนานดีกว่า ถือเสียว่าไปในนามปฏิบัติภารกิจ”

เหยาเอ้อหลางเบิกตากว้าง เจี่ยงเถิงพูดถูก เขายังหลบเลี่ยงไปข้างนอกได้

“เจ้าพูดถูก นั่นเป็นความคิดที่ดี!”

…..

สองวันหลังจากนั้น เจี่ยงเถิงและหลินซือรวมทั้งเหยาเอ้อหลางเตรียมจะขึ้นรถม้า

ทันทีที่ขึ้นรถม้าไป กลับเห็นแขกที่ไม่ได้รับเชิญ

เหยาเอ้อหลางตกใจจนตกจากรถม้า จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนตบก้นของตัวเอง

“เจ้า เจ้า มาที่นี่ได้อย่างไร?”

“คุณหนูมีคำสั่งให้ปกป้องความปลอดภัยของพวกเจ้า เจ้าไม่พอใจรึ?”

เจี่ยงเถิงและหลินซือได้สบสายตากัน พริบตาเดียวก็เข้าใจว่าเมืองนี้ล้วนเป็นหน้าที่ของคุณหนูใหญ่แห่งองครักษ์พิทักษ์เมือง

หลินซือกระตุกยิ้ม “เหยาเอ้อหลาง เดินทางคงเหนื่อยแย่ ไปด้วยกันหลาย ๆ คน ไม่ดีกว่าหรือไร?”

“ขึ้นรถเถอะ”

เจี่ยงเถิงใช้น้ำเสียงอ่อนโยนคล้อยตามคำพูดของหลินซือ

สิ่งที่เดียวที่เหยาเอ้อหลางไม่เข้าใจ ทำไมคุณหนูใหญ่ผู้นี้ถึงต้องไปด้วย?”

ไม่มีใครรู้ว่าปี้ชุนต้องอ้อนวอนขอร้องต้าชุนเพียงใด ถึงได้อนุญาตให้นางร่วมเดินทางไปด้วย

เหยาเอ้อหลางตั้งใจนั่งอยู่ข้างนอก ได้ยินทั้งสามคนหัวเราะอย่างสนุกสนาน เขาได้แต่ทอดถอนใจ ช่างโชคร้ายยิ่งนัก…

——————————————–