บทที่ 646 ไม่อยากเห็นหน้าเธออีก

พิชิตใจหม่ามี๊ตัวแสบ

วารุณีหน้าบึ้งและเดินไปที่ประตูทันที

เธอไม่ต้องการให้ นิรุตติ์ขึ้นมาเรียกเธอ ใครจะไปรู้ว่าคนโรคจิตอย่างเขาจะทำอะไรบ้าง

วารุณีเปิดประตูออก คนใช้โค้งคำนับและยิ้มให้เธอ “คุณนาย!”

“อย่ามาเรียกฉันว่าคุณนาย!” วารุณีเตือนด้วยสีหน้าเย็นชา

ในตอนแรก เธอนึกว่าที่เรียกคุณนายเพราะคนใช้เห็นแหวนแต่งงานที่นิ้วเธอ จึงเรียกนางว่าคุณนาย

แต่ตอนนี้ เธอเข้าใจแล้วว่าไม่ใช่

คำว่าคุณนายนี้ หมายถึงภรรยาของนิรุตติ์

วารุณีรู้สึกขยะแขยงเมื่อเขาคิดว่านิรุตติ์ขอให้คนใช้เรียกเธอแบบนี้

คนใช้ยังคงยิ้ม “ขออภัยค่ะคุณนาย คุณผู้ชายขอให้เรียกคุณแบบนี้ หากคุณไม่ชอบชื่อนี้ ลองคุยกับคุณผู้ชายนะคะ ฉันไม่สามารถเปลี่ยนคำเรียกที่คุณผู้ชายบอกไว้ได้”

เพราะเธอได้รับเงินเดือนจากนิรุตติ์

วารุณีเข้าใจความคิดของคนรับใช้อย่างชัดเจน โกรธมากแต่ทำอะไรไม่ได้

ถึงยังนั้นคนใช้ก็ฟังแต่นิรุตติ์ และคนใช้ไม่จำเป็นต้องฟังคำพูดของเธอ

ไม่มีทาง วารุณีต้องยอมแพ้และเดินลงบันไดไป

ในห้องอาหารนิรุตติ์ และนวิยานั่งกับที่เรียบร้อย

เมื่อได้ยินเสียงฝีเท้า นิรุตติ์และนวิยามองมาพร้อมกัน

เมื่อเห็นวรุณี นัยน์ตานิรุตติ์ก็เปล่งประกายด้วยความประหลาดใจ

ในห้องเมื่อกี้ เพราะแสงที่สลัวจึงมองเห็นได้ไม่ชัด ตอนนี้ภายใต้แสงไฟสว่าง เขาพบว่าเธอสวยกว่าเมื่อก่อนมาก

หรืออาจจะเป็นเพราะมีลูกได้ไม่นาน ในขณะนี้ เธอตอนนี้ที่เต็มไปด้วยเสน่ห์ของผู้หญิงที่มีความเป็นผู้ใหญ่ มองแล้วน่าประหลาดใจมาก

แต่สายตานวิยาเต็มไปด้วยความอิจฉา อิจฉาทุกอย่างที่เป็นวารุณี ยิ่งเป็นใบหน้าวารุณีก็ยิ่งอิจฉามาก

เธอเชื่อเสมอว่านัทธีชอบวารุณี ก็เพราะใบหน้าของวารุณี

เธอมีเวลาในวัยเด็กกับนัทธี และรู้จักกันมานานมาก ทำใมนัทธีถึงไม่ชอบเธอ เมื่อวารุณีปรากฏตัวไม่นาน เขาก็ตกหลุมรักวารุณี?

เป็นเพราะวารุณีสวยกว่าเธอ!

นวิยาฉุนเฉียวขึ้นมา “วารุณี ไม่เจอกันนานเลยนะ ยังจำฉันได้ไหม?”

วารุณีกำมือแน่น “ไม่เจอกันนานเลยนะ แน่นอนว่าจำได้สิ สิ่งที่คุณหนูนวิยาทำให้ฉันและลูกของฉัน ฉันจำได้ขึ้นใจเลยล่ะ”

เมื่อเห็นความเกลียดชังในสายตาของวารุณี นวิยาเม้มริมฝีปาก “จริงเหรอ? เป็นเกียรติจริง ๆ ที่ทำให้ความทรงจำของคุณพิชญายังเด่นชัด”

วารุณีเม้มปากไม่พูดอะไร

ยังเด่นชัดในความทรงจำ

ใช่สิ เธอเป็นความทรงจำที่เด่นชัดไม่ใช่?

เมื่อนึกถึงสถานการณ์ที่น่าเศร้าของอารัณและไอริณ เธอแทบแทบอยากจะลอกหนังนวิยาออก

เดิมทีเธอคิดว่าเธอจะต้องรออีกนานกว่าจะได้เห็นนวิยา

คิดไม่ถึงเลยว่าตอนนี้เธอจะไม่เห็นพวกเขาในสถานการณ์แบบนี้

ดีเลย เธอจะได้หาวิธีจัดการนวิยา และที่สำคัญที่สุดคือต้องกระจายที่อยู่ของนวิยาและนิรุตติ์ออกไป

“พอได้แล้ว พูดให้มันน้อย ๆหน่อย” นิรุตติ์พูดเตือนและเหล่มองไปที่วนิ จากนั้นไม่นานเขาก็หันกลับมามองที่วรุณีด้วยสายตาอ่อนโยน “วารุณี นั่งลงสิ”

เขาดึงเก้าอี้ข้างตัวออก

วารุณีแทบไม่มองและเดินไปนั่งอีกฝั่งคนเดียว

เมื่อเห็นเธอทำเช่นนี้นิรุตติ์ก็หรี่ตาลง

นวิยาพูดเยาะเย้ย “ความใส่ใจของคุณ เหมือนเขาจะไม่รับนะ”

นิรุตติ์ผลักแว่นตาของเขา “ไม่เป็นไร วารุณีเพิ่งมาที่นี่ ต้องใช้เวลาในการปรับตัว และมันจะดีขึ้นเอง ฉันเชื่อว่าวารุณีจะยอมรับแน่ ใช่ไหมวารุณี?”

เขามองดูซารุณีด้วยดวงตาที่ลึกล้ำ

วรุณีกำตะเกียบแน่นและไม่พูดอะไร

นิรุตติ์ก็ไม่ได้โกรธเช่นกัน ยิ้มแล้วหยิบตะเกียบขึ้นมา “เอาล่ะ กินข้าวกันเถอะ”

นวิยา ‘หั่น’ และเริ่มกิน

ในห้องอาหารใหญ่เงียบลง ไม่มีใครพูดคุยกัน มีเพียงเสียงภาชนะบนโต๊ะอาหารที่กระทบกันเท่านั้น

วารุณีก้มศีรษะลง ทานอาหารเย็นอย่างช้า ๆ และคอยสังเกตนวิยาและนิรุตติ์เป็นครั้งคราว

เธอไม่ได้เจอสองคนนี้นานมาก และเมื่อมองดูพวกเขา เธอก็พบว่าพวกเขาเปลี่ยนแปลงไปมาก

โดยเฉพาะนวิยา ซึ่งดูซีดเซียวมาก ดวงตาของเธอดูหม่นหมอง และใบหน้าของเธอก็มืดมน ดูก็รู้ว่าไม่ใช่คนดีอะไร

เมื่อก่อนแม้ว่านวิยาจะอ่อนแอและซีดเซียว แต่เธอก็ซ่อนตัว ดังนั้นเธอจึงดูเหมือนดอกไม้สีขาวที่บอบบาง

แต่ตอนนี้นวิยาไม่ได้ซ่อนมันเลย และได้เปิดเผยด้านที่น่าเกลียดที่สุดออกมา

เมื่อได้ร่วมโต๊ะทานอาหารเย็นกับนวิยา เธอรู้สึกรังเกียจ

พอคิดแล้ว วรุณีวางตะเกียบลงทันที

นิรุตติ์เห็นแบบนั้นก็วางตะเกียบลงแล้วถามด้วยความเป็นห่วง “เกิดอะไรขึ้น?”

วารุณีเหลือบมองเขา ดวงตาของเธอมืดลง แล้วชี้ไปที่นวิยา “ฉันไม่อยากกินข้าวโต๊ะเดียวกับเธอ ทำให้ฉันไม่อยากอาหาร”

ดวงตาของนวิยาเบิกกว้าง และสายตาที่แสดงความดุดัน “แก…”

” ถ้าเป็นแบบนี้ นวิยา แกไปที่กินที่ห้องครัว” นิรุตติ์ยิ้มให้วารุณี

นวิยางลุกขึ้นยืน ” นิรุตติ์ คุณให้ฉันไปกินที่ห้องครัว? คุณเห็นฉันเป็นอะไร? คนใช้เหรอ?”

แม้ว่าเธอจะอยู่ภายใต้นิรุตติ์ แต่เมื่อเธอกินข้าวจะกินร่วมโต๊ะกับนิรุตติ์ทุกครั้ง

แต่ตอนนี้ เพราะวารุณีมาแล้ว นิรุตติ์ก็ไล่เธอไปที่ห้องครัว ซึ่งมันดูไม่สมเหตุสมผลเลย

วารุณีมีดียังไง สองพี่น้องตระกูลไชยรัตน์ได้หลงขนาดนี้ โดนเล่นยาเข้างั้นเหรอ?

“เธอไม่ต้องเข้าครัวก็ได้ ฉันไม่กินแล้ว” วารุณีก็ลุกขึ้นแสร้งทำเป็นจะเดิน

เป็นความจริงที่ว่าเธอไม่อยากกินร่วมโต๊ะเดียวกันกับนวิยา

แต่ในขณะเดียวกัน เธอต้องการทดสอบจุดยืนของตัวเองในใจของนิรุตติ์ ถ้าเทียบกับนวิยาแล้วจุดยืนใครจะหนักกว่ากัน

ถ้าเป็นเธอ ถ้าครั้งหน้านวิยาต้องการจัดการเธอ อาจจะต้องลองชั่งน้ำหนักกันดู

หากเป็นลูกน้องอย่างนวิยา งั้นเธอจะต้องอดทนอีกหน่อย

ถึงอย่างนั้นที่นี่ก็คือที่ของพวกเขา

แน่นอน เธอหวังว่ามันจะเป็นอย่างแรกมากกว่า ด้วยวิธีนี้เธอจะได้จัดการกับนวิยา บางทีนิรุตติ์จะไม่ห้าม

“เธออย่าไป” นิรุตติ์ขมวดคิ้วและเรียกวารุณี

ดวงตาของวารุณีเป็นประกาย และหยุดเดิน “ฉันไปก็ได้ ถ้าอย่างนั้นต้องให้นวิยาไปเดี๋ยวนี้ ฉันไม่อยากเห็นหน้าเธอ”

“ดี” นิรุตติ์พยักหน้า

ใบหน้าของนวิยาเคร่งขรึม “นิรุตติ์… ”

“พอได้แล้ว รีบไปห้องครัวซะ อย่าลืมตัวตนของคแกสิ” สายตาของนิรุตติ์เย็นชา มองไปทางนวิยาเหมือนงูพิษ

สีหน้าของนวิยาเปลี่ยนไป สีหน้าดุดัน บิดเบี้ยว และความโกรธแค้นแสดงออกมาทั้งหมด

ตัวตนของเธอ?

หึ เธอก็แค่เทียบตำแหน่งกับวารุณีในใจของเขาไม่ติดหรอกเหรอ?

นวิยาจ้องไปที่วารุณีราวกับจะกินเนื้อ “ได้ ฉันไป ฉันจะคอยดูว่าคุณจะปกป้องเธอได้ซักกี่น้ำ วันไหนที่เธอจะเหยียบหัวคุณ มันสายเกินไปสำหรับคุณที่จะเสียใจ”

พูดเสร็จก็หันหลังเดินไปที่ครัว

นิรุตติ์ยิ้มให้วารุณี”ตอนนี้เธอไปแล้ว นั่งกินต่อด้วยกันได้ไหม?”

วารุณีขยับริมฝีปากระเรื่อ ในที่สุดก็พยักหน้าและนั่งลง

อย่างที่พูดเช่นเคย ที่นี่เป็นถิ่นของนิรุตติ์

เธอสามารถจัดการนวิยาได้ทุกวิถีทาง แต่สำหรับนิรุตติ์เธอต้องระวังเอาไว้ให้ดี

โดยเฉพาะอย่างยิ่ง จะไปยั่วยุนิรุตติ์ไม่ได้ มิฉะนั้นเธอไม่รู้ว่านิรุตติ์จะทำอะไร

วารุณีหยิบตะเกียบขึ้นมากินอีกครั้ง

นิรุตติ์จับหัวของเขา ดวงตาของเขาดูมีเสน่หา และมองเธออย่างแปลกใจ “เรามาทำข้อตกลงกันดีไหม?”

“ข้อตกลง?” วารุณีขมวดคิ้ว “ข้อตกลงอะไร?”

“ผมรู้ว่าคุณและนัทธีกำลังตามหาผมและนวิยา โดยเฉพาะนวิยา นอกเหนือจากการทำร้ายคุณและลูกทั้งสองของคุณแล้ว สิ่งที่สำคัญที่สุดคือเธอคืออีกคนที่ฆ่าอารองและอาสะใภ้รอง คุณเลยต้องการจับเธอไปดำเนินคดี” นิรุตติ์พูด

วารุณีกำหมัดแน่น “นายรู้อยู่แล้วเหรอว่านวิยาคือฆาตกรคนที่สอง ถ้าเป็นแบบนี้ ทำไมนายถึงต้องการช่วยนวิยา?