บทที่ 553 คุณูปการ
หากว่ากันตามจริงแล้วจะโทษกู้เจียวก็คงไม่ได้
มนุษย์ล้วนมีปฏิกิริยาที่ไม่อาจควบคุมได้กันทั้งนั้น ได้คลุกคลีกับท่านเหล่าโหวจากชายแดนและระหว่างทางกลับเมืองหลวงมาหลายเดือน กู้เจียวเคยชินเป็นธรรมชาติ เห็นท่านเหล่าโหวเป็นต้องใส่หน้ากาก
ไม่สิ ยังเร็วไปที่จะสวม
ไม่สวมนางยังสามารถเป็นกู้เจียวได้ พอสวมแล้ว…ก็ยากจะอธิบายได้
กู้เจียวมองฮ่องเต้ภายในห้องอย่างขุ่นเคือง ‘ทำอะไรไม่เป็นสักอย่าง แต่ทำเสียเรื่องนี่เก่งนัก’
เหตุใดต้องเรียกนางด้วยเล่า
ไม่เรียกนาง พี่ชายใหญ่ของนางก็คงไม่หันมามอง นางยังจะพอมีเวลาครุ่นคิดได้หน่อย
…คงต้องปล่อยตามบุญตามกรรมแล้ว!
ฮ่องเต้มองกู้เจียวอย่างแปลกใจแวบหนึ่ง “กู้…”
“น้องเล็ก”
ท่านเหล่าโหวลุกขึ้นยืน สีหน้างุนงงและวูบไหวเดินไปหากู้เจียว
เขาจำหน้ากากใบนี้ได้ มันเป็นของน้องเล็กของเขา ในสงครามหนหนึ่งขนนกบนหน้ากากร่วง เขาก็เป็นคนให้คนไปหาขนนกยูงมาสองเส้นปักให้บนหน้ากากน้องเล็กของเขา
รูปร่างของผู้มาใหม่ก็พอๆ กันกับน้องเล็ก ที่ต่างไปเพียงอย่างเดียวก็คือเขาสวมกระโปรงของสตรีตลอดร่าง!
ดวงตากู้เจียวขยับไหว กุมมือท่านเหล่าโหวไว้ สวมบทบาทในทันที “พี่ใหญ่!”
ท่านเหล่าโหวมองสองมือคู่นั่น ตอนอยู่ที่ชายแดนพวกเขาคลุกคลีกันเช่นนี้!
เขามองดวงตากู้เจียว นั่นเป็นแววตาที่เขาเคยคุ้น!
ท่านเหล่าโหวพลันดีใจขึ้นมา “น้องเล็ก! เป็นเจ้าจริงๆ รึ”
กู้เจียวพยักหน้า “พี่ใหญ่!”
ฮ่องเต้งงหนักกว่าเดิม
ใครบอกเราได้บ้างว่ามันเกิดอะไรขึ้น
เหตุใดกู้เฉาจึงเรียกหลานสาวบ้านตัวเองว่าน้องเล็กเล่า
เหตุใดหมอเทวดาน้อยจึงส่งแววตากรุณาและน่าเอ็นดูมาให้พระองค์ที่เป็นฮ่องเต้เช่นนี้เล่า
ฮ่องเต้กระวนกระวายไปหมดแล้ว!
กู้เฉากุมมือกู้เจียวไว้แน่นพลางถาม “น้องเล็ก เหตุใดเจ้าจึงแต่งตัวเช่นนี้เล่า”
แววตากู้เจียวกลอกกลิ้งไปมา นางชักมือกลับ หยิบสมุดเล่มเล็กที่พกที่ติดตัวออกมาเขียนอย่างรวดเร็วว่า ‘มีคนไล่ล่าข้า จึงต้องปลอมตัว เพื่อไม่ให้คนจับตามอง’
ท่านเหล่าโหวเอ่ยอย่างแค้นเคือง “ใครมันกล้าไล่ฆ่าเจ้า หรือเพราะเจ้ามีคุณูปการมากล้นเกินไป ไปขวางหูขวางตาคนบางคนเข้า ไม่สู้เอาอย่างนี้ เจ้าย้ายมาที่จวนโหวดีกว่า พี่ใหญ่จะปกป้องเจ้าเอง!”
กู้เจียวคิดในใจว่า แบบนั้นไม่ได้หรอก ย้ายไปจวนโหวแล้วจะแอบจัดการธุระอย่างไร
กู้เจียวเขียนด้วยความตั้งใจ ‘พี่ใหญ่วางใจได้ ทุกอย่างอยู่ในเงื้อมมือข้า’
ท่านเหล่าโหวคิดถึงฝีมือของน้องเล็กตัวเองขึ้นมา ก่อนจะพยักหน้าคล้ายคิดบางอย่างอยู่ ในเมืองหลวงแห่งนี้ไม่มีใครทำอันตรายน้องเล็กเขาได้หรอก เว้นเสียแต่ว่าจะเป็นองครักษ์หลงอิ่ง
ต่อให้สู้ไม่ได้ แต่วิ่งหนีได้นี่นา!
ฉากพี่น้องได้พบกันอีกครั้งหลังแยกจากตรงหน้านี้ทำเอาฮ่องเต้นิ่งอึ้ง
ท่านเหล่าโหวนึกบางอย่างขึ้นมาได้ จึงถามอย่างฉงน “จริงสิน้องเล็ก เจ้าเข้าวังมาได้อย่างไร”
กู้เจียวเขียนโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า แล้วชูสมุดเล่มเล็กขึ้น ‘ฝ่าบาทรับสั่งเข้าเฝ้า!’
ฮ่องเต้ “…”
ปลอมแปลงราชโองการต่อหน้าเราก็ได้รึ
ท่านเหล่าโหวจูงมือกู้เจียวเข้ามาในห้องทรงอักษร ก่อนประสานมือทูล “ฝ่าบาท พระองค์เรียกน้องเล็กของกระหม่อมเข้าเฝ้าคงเพราะจะประทานรางวัลให้กระมัง กระหม่อมว่าแล้วว่าฝ่าบาททรงเป็นกษัตริย์ผู้ปรีชา แต่ไหนแต่ไรมาทรงแยกแยะรางวัลและบทลงโทษอย่างชัดเจน ตอนนั้นคนที่พาหลานชายอกตัญญูของกระหม่อมแอบแฝงตัวเข้าไปในจวนผู้ว่าเพื่อช่วยกระหม่อมก็พี่น้องร่วมสาบานของกระหม่อมคนนี้นี่แหละ ร่วมสู้รบสุดชีวิตด้วยกันกับจอมพลถัง เฝ้ารักษาการณ์แคว้นเจาและปราการน้ำชายแดนไว้ก็พี่น้องร่วมสาบานของกระหม่อมคนนี้นี่แหละ คนที่ช่วยรักษาโรคระบาดก็พี่น้องของกระหม่อมคนนี้ ไปบุกรังของกบฏราชวงศ์ก่อนก็พี่น้องของกระหม่อมคนนี้ หวังว่าฝ่าบาทจะไม่ยกคุณูปการให้ผิดคนประทานรางวัลให้คนอื่นนะพ่ะย่ะค่ะ”
ฮ่องเต้ “…”
ที่ท่านเหล่าโหวรู้ว่าน้องเล็กเขาเป็นคนทำเรื่องพวกนี้ หลักๆ เลยก็คือเขาถามกู้เฉิงเฟิงทุกวันว่าน้องเล็กเขาไปไหน
กู้เฉิงเฟิงจะมาพูดลอยๆ ไม่ได้ จำต้องบอกร่องรอยของกู้เจียวให้เขาฟัง อย่างเช่นกู้เจียวไปเมืองหลิงกวน กู้เจียวไปช่วยผู้ป่วยโรคระบาด หรืออย่างเช่นกู้เจียวจับพลัดจับผลูบุกเข้ารังพวกกากเดนราชวงศ์ก่อน
เพียงแต่กู้เฉิงเฟิงไม่ได้ใช้คำว่า ‘หลานสาวท่าน’ แต่เป็น ‘พี่น้องท่าน’ แทน
ท่านเหล่าโหวบาดเจ็บสาหัส ได้แต่นอนอยู่ในห้องผู้ป่วยตลอด หลักๆ แล้วเขาจึงได้ข่าวมาจากกู้เฉิงเฟิง ผนวกกับถังเย่ว์ซานและกู้ฉังชิงปิดปากเงียบ ความลับของกู้เจียวจึงถูกปิดบังไว้มาตลอด
“ฝ่าบาท กระหม่อมพอจะได้ยินข่าวลือจากเหล่าเสนาบดีกับหมู่ชาวบ้านมาบ้าง ว่ากันว่าองค์หญิงหนิงอันสร้างคุณูปการไว้ที่ชายแดนไม่น้อย จะถูกแต่งตั้งเป็นองค์หญิงฮู่กั๋ว กระหม่อมหาได้ไม่เคารพต่อองค์หญิงไม่ แต่กระหม่อมไม่เข้าใจจริงๆ ว่าคุณูปการมันคืออะไร! ตอนนั้นกระหม่อมถูกขังไว้ในจวนผู้ว่า กระหม่อมกระจ่างแจ้งในสถานการณ์ของจวนผู้ว่าดี องค์หญิงหนิงอันหาได้ร่วมมืออะไรกับหลานคนรองของกระหม่อมไม่ เขาต่างหากที่เป็นคนบุกเข้าไปในจวนผู้ว่าโดยไม่เกรงกลัวอันตราย เขาต่างหากที่พาหลานชายคนรองของกระหม่อมหนีออกมาจากเมืองหลิงกวน และเป็นเขาที่ร่วมมือกันกับจอมพลถังต่อต้านทหารไล่ล่า กระหม่อมกลับเมืองเย่ว์กู่ได้อย่างปลอดภัย ก็ล้วนเป็นเพราะความดีความชอบของน้องเล็กร่วมสาบานของกระหม่อมทั้งสิ้น!”
“คนที่เฝ้ารักษาการณ์ป้อมปราการน้ำ และต่อสู้กับศัตรูล้วนเป็นพี่น้องร่วมสาบานคนนี้ของกระหม่อม คนที่ช่วยกระหม่อมกับองค์หญิงก็เป็นพี่น้องคนนี้ของกระหม่อม! องค์หญิงหนิงอันเห็นแก่คุณธรรมจึงสะบั้นญาติ ผู้คนต่างแซ่ซ้องสรรเสริญ ฝ่าบาททรงคิดจะแต่งตั้งนางเป็นองค์หญิงใหญ่ กระหม่อมไม่คัดค้าน แต่คำว่าฮู่กั๋ว[1]นี้…ไม่ใช่ว่าใครจะคู่ควรได้ง่ายๆ !”
ท่านเหล่าโหวเอ่ยโดยไม่สนใจสีพระพักตร์ฮ่องเต้ว่าอึมครึมเพียงใด เขาถลกชายชุดคลุมขึ้น ฝืนความเจ็บปวดคุกเข่าลงข้างหนึ่ง ประสานมือเอ่ยด้วยสีหน้าจริงจัง “กระหม่อมขอกราบทูลว่า ขอฝ่าบาทโปรดทรงแต่งตั้งน้องเล็กกู้เป็นฮู่กั๋วโหวด้วยพ่ะย่ะค่ะ!”
ฮ่องเต้ “…!!”
นี่มันอะไรกัน!!!
ฮ่องเต้ใช้พลังมหาศาลเพื่อข่มความพลุ่งพล่านที่อยากจะเปิดโปงความลับของกู้เจียวออกมาเอาไว้ อาจเพราะท่านเหล่าโหวอายุมากแล้วจึงพูดมาก พล่ามฉอดๆ มาเป็นชุด ประเด็นมีอยู่แค่อย่างเดียวคือต้องการแต่งตั้งพี่น้องร่วมสาบานของเขาเป็นโหว
ฮ่องเต้มุมปากกระตุก พวกเจ้านี่มันมีสุขร่วมเสพ มีโหวร่วมต้านกันโดยแท้!
หลังจากที่ท่านเหล่าโหวขอตัวลา กู้เจียวก็ยังคงรั้งอยู่ในห้องทรงอักษร ดวงตากลมโตกะพริบปริบๆ
ฮ่องเต้ดื่มชาจับเลี้ยงระงับร้อนในไปอึกหนึ่ง ก่อนปรายตามองนางแวบหนึ่ง “หยุดเพ้อพกได้แล้ว เราไม่แต่งตั้งเจ้าเป็นโหวหรอก!”
กู้เจียว “อ๋อ”
ฮ่องเต้วางถ้วยชาลง “เราบอกว่าไม่ก็คือไม่!”
กู้เจียวแบมือ “อ๋อ”
ฮ่องเต้สูดหายใจลึกเฮือกหนึ่ง ตรัสถาม “เจ้ามาหาเรามีธุระใด”
“นี่เพคะ” กู้เจียวล้วงฎีกาออกมาจากอก
ฮ่องเต้มองลายมือก็รู้ทันทีว่าจี้จิ่วอาวุโสเป็นคนเขียน พระองค์พลิกๆ เปิดดูผ่านๆ ก่อนจะวางมันลงบนโต๊ะ
กู้เจียวขอตัวลา หันหลังเดินไปทางด้านนอก
ฮ่องเต้มองแผ่นหลังเอ้อระเหยสบายๆ ของนาง พลางกำหมัดกัดฟันตรัส “เราเป็นฮ่องเต้ วาจาดุจทองคำ! ไม่แต่งตั้งเป็นโหวก็คือไม่แต่งตั้ง!”
กู้เจียวเลิกคิ้ว ‘อ๋อ’
…
ณ โรงหมอ
ม่อเชียนเสวี่ยยังไม่ได้รับอนุญาตให้ลงจากเตียง นางพิงกับหัวเตียงพลางถักเชือกแดงอย่างเบื่อหน่าย
เสี่ยวเจียงหลีมาทำธุระที่โรงหมอ นางมองเชือกแดงในมือม่อเชียนเสวี่ยพลางเอ่ย “พี่ม่อ เชือกแดงไม่ได้ถักเช่นนี้!”
ม่อเชียนเสวี่ยสำลักพลางเอ่ย “จะไม่ใช่เช่นนี้ได้อย่างไร ข้าเห็นเจ้าก็ถักเช่นนี้!”
เสี่ยวเจียงหลียื่นเชือกแดงที่ตัวเองถักให้นางดู “นิ้วกลางต้องเกี่ยวเส้นนี้ไว้ จากนั้นนิ้วชี้สอดเข้าด้านใน ไม่ใช่สอดออกด้านนอก”
ม่อเชียนเสวี่ยพึมพำ “เหตุใดจึงซับซ้อนเพียงนี้”
ยากยิ่งกว่าฝึกวรยุทธ์อีก!
เสี่ยวเจียงหลีเอ่ยอย่างเข้าอกเข้าใจ “หากพี่ม่อไม่อยากถักอันนี้ เราไปเล่นอย่างอื่นกันได้นะ”
ม่อเชียนเสวี่ยเอ่ยอย่างน้อยใจ “ไม่เอา ข้าจะทำอันนี้!”
เสี่ยวเจียงหลีถอนหายใจ “เช่นนั้นก็ได้ ข้าแกะนะ แล้วค่อยดูพี่ถักใหม่ตั้งแต่แรกอีกรอบ”
สวรรค์รู้ว่านี่เป็นรอบที่สิบเอ็ดแล้วที่เสี่ยวเจียงหลีแกะออก
สองมือของม่อเชียนเสวี่ยที่ถูกเจ้าของร่างยกย่องว่าเป็นมือเทพอาวุธลับแท้ๆ กลับถักไม่ได้แม้แต่เชือกเส้นเดียว ม่อเชียนเสวี่ยก็หงุดหงิดเหมือนกันแหละ!
“พี่ม่อ ตั้งใจดูนะ”
เสี่ยวเจียงหลีไม่นั่งบนม้านั่งแล้ว นางมาหมอบกับเตียงแทน สองนิ้วชูเชือกขึ้น แต่เพิ่งจะผูกได้ปมเดียวก็มีอาวุธลับบินทะลุหน้าต่างเข้ามาปักบนไหล่เสี่ยวเจียงหลีโดยตรง
ม่อเชียนเสวี่ยแววตาวูบไหว รับอาวุธลับนั่นไว้อย่างรวดเร็ว!
ใครจะคิดว่าบนอาวุธลับดันอาบยานอนหลับเอาไว้ เสี่ยวเจียงหลีสูดดมเข้าไป ไม่ถึงสองหนก็ฟุบหลับอยู่บนตัวม่อเชียนเสวี่ยแล้ว
ปริมาณยาแค่นี้ไม่มีผลกับม่อเชียนเสวี่ย
ม่อเชียนเสวี่ยโยนอาวุธลับกลับไปนอกหน้าต่าง
ได้ยินเสียงปึกดังขึ้น เป็นเสียงอาวุธลับปักเข้ากับบางอย่าง
เพียงไม่นาน บานหน้าต่างถูกดึงเปิดจากด้านนอก ก่อนที่ฮวาซีเหยาจะเร้นกายเข้ามา
นางดึงอาวุธลับบนด้ามพัดตัวเองออก ยิ้มเอ้อระเหยพลางเอ่ย “แค่ล้อพี่สาวเล่นเท่านั้น เหตุใดพี่ต้องโมโหเพียงนี้ด้วยเล่า หากข้าจะฆ่านางจริง คงไม่ทายานอนหลับไว้ แต่จะทายาพิษแทน”
“เจ้ามาทำอะไรอีก” ม่อเชียนเสวี่ยถามเสียงเย็น
ฮวาซีเหยาโบกพัดไปมา แย้มยิ้มงามเอ่ย “ข้ามาบอกพี่ว่าครบเวลาสามวันแล้ว พี่จะลงมือกับนางเมื่อใด”
ม่อเชียนเสวี่ยเอ่ยโดยไม่เปลี่ยนสีหน้า “เจ้าไปบอกนายน้อยว่า แผลข้าหายแล้วย่อมมีเรี่ยวแรงลงมือ”
ฮวาซีเหยายิ้มเย็น “บาดเจ็บถึงเอ็นถึงกระดูกรักษาเป็นร้อยวัน พี่สาวคิดจะรักษาจนถึงปีหน้าเลยหรือ พี่คงไม่ได้ใจอ่อนลงมือไม่ได้หรอกกระมัง พี่ใช้ชีวิตเป็นคุณหนูคนดีกินดีอยู่ที่นี่ ไม่ต้องไปเป็นนางโลม ไม่ต้องไปเอาอกเอาใจผู้ชายสกปรกพวกนั้น ชีวิตแบบนี้พี่สาวคง…ลุ่มหลงจนยากจะไถ่ถอนกระมัง”
ม่อเชียนเสวี่ยเอ่ยโดยไม่ไว้หน้า “ข้าเคยไปเอาอกเอาใจผู้ชายสกปรกพวกนั้นเมื่อใดกัน อย่าเอานิสัยของฮวาซีเหยาอย่างเจ้ามาใช้กับข้า!”
ฮวาซีเหยาสีหน้าอึมครึม “นายน้อยให้ข้ามาบอกเจ้าว่าเปลี่ยนแผน ภายในสามวันนี้ต้องล่อนางออกจากเมืองให้ได้!”
[1] ฮู่กั๋ว (护国) พิทักษ์แผ่นดิน