ตอนที่ 192-2 เปิดโปง พิพากษายกตระกูล

เรื่องนี้หากเปลี่ยนเป็นคนตระกูลจีคนอื่น คงไม่มีทางเชื่ออย่างแน่นอน แต่จีซวงริษยาสวินหลันอยู่แล้ว

สีหน้าของจีซวงเปลี่ยนไปทันที แต่ปากยังแข็งอยู่ “ไม่มีทาง หากนางจะทำเช่นนี้จริง ก็คงทำไปนานแล้ว”

เฉียวเวยย้อนถามอย่างนิ่งสงบ “แล้วตอนนี้สายมากหรือไร”

จีซวงสะอึก

ผู้ดูแลไช่ที่อยู่ด้านข้างไม่ส่งเสียงสักนิด เขารู้สึกว่าตนเองเหมือนจะถูกลากเข้าไปในเรื่องที่สุดยอดอะไรสักอย่างแล้ว หากรู้ว่าจะเป็นเช่นนี้ มิสู้เขาสารภาพไปเสียตั้งแต่ต้นยังจะดีกว่า ตอนนี้ ‘ถูกบีบ’ ให้กลายเป็นผู้ร่วมสมคบคิดของฮูหยินน้อยในการโยนความผิดไปให้ฮูหยินใหญ่ หัวใจเขาขมขื่นยิ่งนัก!

“คนต่ำช้า! กล้าทำร้ายข้า!” จีซวงกระทืบเท้า

เฉียวเวยปล่อยมือของจีซวง นางก้าวขึ้นรถม้าโดยไม่หันกลับมาสักนิด “กลับจวน!”

คนทั้งโขยงจึงจากไปอย่างอึ้งๆ

ผู้ดูแลไช่ก็พาหญิงสาวทั้งหลายขึ้นรถม้าจากไปเช่นกัน

ปี้เอ๋อร์พรูลมหายใจยาว “สวรรค์ หอหมิงเย่ว์กลับเป็นของฮูหยินสี่ นี่น่ากลัวเกินไปแล้ว!”

เฉียวเวยตอบอย่างไม่ใส่ใจ “เขาบอกว่าเป็นเจ้านายที่ข้าล่วงเกินไม่ได้ ข้ายังคิดว่าเป็นพ่อสามีของข้าเสียอีก!”

ปี้เอ๋อร์กัดลิ้น!

ทั้งสองคนขึ้นรถม้ากลับจวน

ปี้เอ๋อร์ถามขึ้นว่า “ฮูหยิน ข้ายังไม่เข้าใจ ความจริงแล้วสวินซื่อรู้เรื่องที่ฮูหยินสี่เปิดหอหมิงเย่ว์หรือไม่”

เฉียวเวยผายมือ “ข้าก็ไม่รู้ว่านางรู้หรือไม่”

ปี้เอ๋อร์เบิกตาจนกลมบ๊อก “เมื่อครู่ท่านหลอกฮูหยินสี่จริงๆ หรือ!”

เฉียวเวยคว้าหางฟูฟ่องของเสี่ยวไป๋ “แน่นอนสิ ไม่เช่นนั้นจะเป็นอะไรเล่า”

ปี้เอ๋อร์รีบร้อนเอ่ยว่า “ไม่เช่นนั้น…ไม่เช่นนั้นข้าคิดว่าสวินซื่อจงใจส่งท่านมาที่นี่ ให้ท่านสืบเรื่องผิดปกติที่เกิดขึ้นในที่นา ให้ท่านสืบเสาะเบาะแสจนตามมาพบหอหมิงเย่ว์ หลังจากนั้นปล่อยให้ท่านพังหอหมิงเย่ว์เสีย เช่นนี้ท่านก็จะล่วงเกินฮูหยินสี่อย่างสมบูรณ์อย่างไรเล่าเจ้าคะ!”

เฉียวเวยลูบคาง “ที่เจ้าพูดก็เหมือนจะมีเหตุผลอยู่บ้าง”

ปี้เอ๋อร์นานครั้งจะถูกชม นางยืดเรือนร่างเล็กๆ ของตนเองอย่างภูมิใจ “มีเหตุผลอย่างยิ่งต่างหากเล่าเจ้าคะ! แต่ความจริงแล้วสวินซื่อก็ไม่ได้เผยข้อมูลอันใดให้พวกเรา! หากฮูหยินสี่ไปสอบถามนาง ไม่ใช่ว่าจะความแตกอย่างง่ายดายยิ่งหรือเจ้าคะ”

เฉียวเวยจึงตอบว่า “ถูกแล้ว นางเพียงให้ข้าไปเก็บค่าเช่าที่นา ไม่ได้เอ่ยถึงเรื่องหอหมิงเย่ว์ แต่ผู้ดูแลไช่บอกแล้วไม่ใช่หรือว่า ข้าได้ข่าวมาจึงตรงมาที่หอหมิงเย่ว์”

ปี้เอ๋อร์เข้าใจแล้ว “เจ้าหมอนั่นพูดจาส่งเดช แต่คิดไม่ถึงกลับกลายเป็นช่วยพวกเรา”

นั่นน่ะสิ ประโยคที่ว่า ‘ไม่รู้ว่านางได้ข่าวมาจากที่ใด บอกว่าหญิงสาวในเขตที่นาของพวกเราถูกขายมาอยู่ในหอหมิงเย่ว์’ สวรรค์ช่างบันดาลมาให้โดยแท้

ณ จวนตระกูลจี จีซวงโกรธหัวฟัดหัวเหวี่ยงตรงดิ่งมาที่เรือนถง “สวินหลัน! เจ้าออกมานะ!”

สวินหลันกำลังเตรียมตัวพักผ่อน เมื่อได้ยินคำนี้จึงคลุมเสื้อตัวนอกเดินออกมา

ความโกรธจากหลายสาเหตุสุมอยู่ในทรวงของจีซวง นางก้าวเข้าไปผลักสวินหลัน สวินหลันเสียหลักเซล้มลงไปในอ่างน้ำด้านข้าง

โจวมามารีบวิ่งเข้ามา “ฮูหยิน!”

สวินหลันได้โจวมามาประคองให้ลุกขึ้น ในอ่างมีน้ำอยู่ กระโปรงของนางจึงเปียกโชก

“ท่านไม่เป็นอะไรนะเจ้าคะ อากาศหนาวนัก นี่…”

โจวมามายังไม่ทันเอ่ยจบก็ถูกจีซวงขัดอย่างเย็นชา “สวินหลัน ข้าไปมีความแค้นอะไรกับเจ้ากันแน่ เจ้าจึงส่งคนมาพังร้านสุราของข้า!”

สวินหลันมองนางด้วยสีหน้านิ่งสงบ “ข้าไม่เข้าใจว่าท่านกำลังพูดอะไร”

จีซวงตอบน้ำเสียงเย็นยะเยือก “ไม่ต้องมาเสแสร้งแกล้งโง่! เจ้าให้คนไปที่นาสืบเรื่องของข้า คิดว่าข้าไม่รู้หรือ”

โจวมามารีบเข้ามารั้งแขนของจีซวงไว้ “สืบอะไรของท่าน ฮูหยินใหญ่จะไปสืบเรื่องของท่านได้อย่างไร ท่านเป็นน้องสาวแท้ๆ ของนายท่าน ฮูหยินใหญ่ไว้ใจท่านที่สุดแล้ว วันนี้ฮูหยินใหญ่ส่งฮูหยินน้อยไปยังที่นาเพื่อเก็บค่าเช่าที่นาจริง หรือว่าฮูหยินน้อยทำสิ่งใด้ให้ฮูหยินสี่ไม่พอใจหรือ ฮูหยินสี่อย่าโมโหไปเลยเจ้าค่ะ ฮูหยินของพวกเราเองก็จนหนทางเช่นกัน งานเดือนนี้เรื่องที่สมควรทำก็ล้วนทำเสร็จหมดแล้ว เหล่าฮูหยินออกปากว่าให้ฮูหยินน้อยช่วยดูแลงานในตระกูล ฮูหยินหางานให้นางทำไม่ได้แล้วจริงๆ จึงมอบหมายหน้าที่ให้นางไปเก็บค่าเช่า”

จีซวงสะบัดมือนางออกอย่างเย็นชา “พวกเจ้าเลิกแกล้งโง่ได้แล้ว! ข้ารู้ว่าเจ้าคิดอะไรอยู่ เจ้าแค้นที่ยามปกติข้าเสียดสีค่อนแคะเจ้า ดังนั้นจึงอยากหาโอกาสแก้แค้นข้า!”

โจวมามาทำสีหน้าไม่ได้รับความยุติธรรม “โธ่ ฮูหยินของข้า คุณหนูของข้า ท่านเข้าใจฮูหยินของข้าผิดแล้วจริงๆ ฮูหยินของข้าจะทำเรื่องเช่นนี้กับน้องสามีสายตรงได้อย่างไรเล่า”

จีซวงเอ่ยอย่างรังเกียจ “ปากของเจ้า เก็บไว้ไปประจบพี่ใหญ่ของข้าเถอะ ไม่ต้องมาใช้กับข้า!”

“มีเรื่องอะไรกัน โหวกเหวกโวยวาย”

จีซั่งชิงเดินออกมาจากในบ้าน

จีซวงหุบปากฉับ

เรื่องนี้นางระบายโทสะอย่างลับๆ ก็พอแล้ว หากโวยวายจนเรื่องไปถึงพี่ใหญ่จริงๆ นางไม่กล้าถึงเพียงนั้น “ไม่มีอะไร ข้ากลับก่อนก็แล้วกัน”

จีซั่งชิงเอ่ยสั่ง “เจ้าหยุดอยู่ตรงนั้น”

จีซวงชะงักกึก แผ่นหลังแข็งเกร็ง แต่ไม่ยอมหันกลับมา

จีซั่งชิงมองนาง แล้วหันไปมองสวินหลันที่เปียกโชกอยู่ด้านข้าง แล้วถามด้วยเสียงน่าเกรงขาม “ที่แท้เกิดเรื่องอะไรขึ้นกันแน่”

จีซวงไม่พูด

โจวมามาคลี่ยิ้ม “เรื่องเล็กน้อยเจ้าค่ะ เข้าใจผิดกันเล็กน้อย บ่าวทำของของฮูหยินสี่เสียหาย บ่าวทำผิดเอง บ่าวจะส่งคนไปซ่อมให้ฮูหยินสี่เดี๋ยวนี้!”

จีซั่งชิงมองทุกคนนิ่งๆ แล้วพูดขึ้นว่า “เรียกเสี่ยวเวยมาพบข้า”

จีซวงพยายามจะหนี

จีซั่งชิงสั่ง “เจ้าอยู่ด้วย!”

จีซวงกำหมัดแน่น!

เฉียวเวยเข้าจวนมาก็ถูกบ่าวรับใช้เรียกไปที่เรือนถง จีซวงโวยวายใหญ่โตเกินไปจนเหล่าฮูหยิน นายท่านรองกับภรรยาและอาเขยฉินต่างรู้ข่าวจึงแห่กันมา ไม่รู้ว่าเพราะเหตุใดจีหว่านก็มากับเขาด้วย

โถงหมิงที่เดิมทีก็ขนาดไม่ใหญ่ ยามนี้มีคนเบียดกันอยู่เต็ม ทอดสายตามองไปมีแต่ศีรษะของผู้คน

เหล่าฮูหยินกับจีซั่งชิงนั่งอยู่บนตำแหน่งเจ้าบ้าน สวินหลันกับจีซวงต่างนั่งอยู่ตำแหน่งแรกของสองฝั่ง ถัดจากทั้งสองคนฝั่งหนึ่งคือจีหว่านกับฮูหยินรอง อีกฝั่งคืออาเขยฉินกับนายท่านรองจีเซิ่ง

เฉียวเวยเห็นสภาพก็ทราบแล้วว่าตนคงไม่ได้นั่ง นางยืนอยู่กลางห้องโถงใหญ่ คารวะเหล่าฮูหยินกับจีซั่งชิงก่อน หลังจากนั้นจึงคารวะผู้อาวุโสแต่ละท่านรวมถึงจีหว่าน

สีหน้าของจีซวงย่ำแย่ยิ่งนัก

จีซั่งชิงถามสีหน้าเคร่งขรึม “วันนี้เจ้าไปทำสิ่งใดมา”

เฉียวเวยตอบ “ไปเก็บค่าเช่าที่นาเจ้าค่ะ”

จีซั่งชิงถามต่อ “ไปเก็บค่าเช่าที่นาเท่านั้นหรือ ยังทำสิ่งอื่นอีกหรือไม่”

จีซวงส่งสายตาให้นาง บอกเป็นนัยว่าอย่าได้ปากโป้ง

เฉียวเวยตอบอย่างนิ่งสงบ “แล้วก็ไปพังร้านสุราแห่งหนึ่งด้วยเจ้าค่ะ”

จีซวงโกรธจนแทบวายปราณ!

พอจีซวงโมโห จีหว่านก็มองเงื่อนงำออกแล้ว

เกรงว่าคงไม่ใช่เพียงจีหว่าน หลี่ซื่อกับนายท่านรองก็มองเงื่อนงำออกแล้วเช่นกัน

แต่อยู่ต่อหน้าพี่ใหญ่ ทั้งสองคนไม่พูดสิ่งใดทั้งสิ้น

จีเหล่าฮูหยินถามอย่างเป็นห่วง “เจ้าไปพังร้านสุราของผู้ใด บาดเจ็บหรือไม่”

ไม่แม้แต่จะถามว่าเหตุใดนางจึงพัง เฉียวเวยมองจีเหล่าฮูหยินอย่างซาบซึ้ง แล้วตอบเสียงเบาว่า “ข้าสบายดียิ่งนัก ขอบคุณท่านย่าที่เป็นห่วง”

จีซั่งชิงถามต่อว่า “พังร้านสุราของผู้ใด เหตุใดจึงพัง”

จีซวงส่งสายตาให้เฉียวเวยอีก

เฉียวเวยก็แสร้งทำเป็นไม่เห็นอีก นางไม่มีทางประจบท่านอาโง่เขลาผู้นี้ โดยการเป็นศัตรูกับพ่อสามีของตนเอง

ยิ่งไปกว่านั้นพ่อสามีเป็นนายท่านของตระกูลจี ต่อให้ตนไม่พูด เขาสืบไม่ได้หรือ ถึงอย่างไรเขาก็ต้องสืบอยู่แล้ว ตนปิดบังไปจะมีประโยชน์อันใด

“พังร้านของท่านอาเจ้าค่ะ” นางตอบตามจริง

จีซวงโกรธจนเกือบจะหงายหลังล้มตึง!

แม่สาวน้อยน่าตาย!

กล้าฟ้องเรื่องนาง!

จีเหล่าฮูหยินถามอย่างฉงน “เหตุใดเจ้าจึงไปพังร้านสุราของอาเจ้าเล่า”

หลี่ซื่อถามคล้อยตามทันที “ใช่แล้ว หลานสะใภ้ อาของเจ้าล่วงเกินเจ้าอย่างไร เจ้าจึงไปพังร้านของนาง”

จีซวงปากยิ้มแต่ตาไม่ยิ้ม “ข้าก็อยากรู้เหมือนกัน ข้าทำผิดที่ใดกัน หลานสะใภ้คนใหม่ที่แต่งเข้ามาเพิ่งได้ดูแลตระกูลไม่ทันไรก็กลั่นแกล้งข้า! ข้าไปล่วงเกินเรือนใหญ่ของพวกท่านอย่างไร คนไหนๆ ก็ไม่ยอมให้ข้าอยู่อย่างสงบสุข!”

คำพูดนี้เห็นชัดว่าลากสวินหลันเข้ามาด้วยแล้ว

เรื่องในวันนี้ นางแค้นที่เฉียวเวยไม่เห็นนางอยู่ในสายตา แต่นางก็ชิงชังสวินหลันที่บงการอยู่หลังม่านคอยชมเรื่องสนุกด้วย!

แม่สามีลูกสะใภ้คู่นี้คิดจะร่วมมือกันจัดการนาง!

คงต้องขอบอกว่าพลังจินตนาการของจีซวงช่างมากมายนักจริงๆ

จีซั่งชิงหันไปมองเฉียวเวย “เจ้าพูดมา”

เฉียวเวยก้มหน้าราวกับถูกรังแก “ข้าไม่กล้าพูด”

จีเหล่าฮูหยินกล่อมอย่างจริงใจ “มีสิ่งใดไม่กล้ากัน เจ้ากับท่านอาของเจ้าเข้าใจผิดอะไรกัน รีบพูดมาเร็ว”

สายตาประหนึ่งคมดาบของจีซวงตวัด ฉัวะ! ฉัวะ! ฉัวะ! มาหาเฉียวเวย สาวน้อยน่ารังเกียจ หากเจ้ากล้าพูด ข้าจะฆ่าเจ้า!

จีหว่านผู้กำลังชมดูเรื่องสนุกเกิดเสียดายว่าเรื่องยังใหญ่โตไม่พอจึงหัวเราะคิกคักกล่าวขึ้นว่า “ท่านอา คงไม่ใช่ว่าร้านสุราของท่านทำเรื่องอะไรที่เปิดเผยให้ผู้คนรู้มิได้ แล้วบังเอิญถูกเสี่ยวเวยพบเข้าหรอกกระมัง”

จีซวงถลึงตาใส่จีหว่าน!

นางเกลียดจีหว่านเหมือนกัน ก่อนจีหว่านเกิดมา นางคือคุณหนูผู้สูงศักดิ์ที่สุดในราชวงศ์ต้าเหลียง บิดาของนางคือขุนนางสองรัชสมัย ต่อมาผ่านมาอีกรัชสมัยก็เป็นสามรัชสมัยแล้ว พี่ชายของนางคือนายน้อยตระกูลจี นางเป็นบุตรีสายตรงเพียงคนเดียวของตระกูลจี นางเรียกลมได้ลม เรียกฝนได้ฝน แต่แล้วผ่านไปไม่กี่ปี สาวน้อยนามว่าจีหว่านก็โผล่ขึ้นมาบนโลก!

นางเป็นคุณหนูตระกูลจีเช่นเดียวกัน แต่สิ่งที่นางเหนือกว่าตนก็คือ นางยังมีมารดาเป็นถึงองค์หญิง ฐานะของจีหว่าน เพียงพริบตาเดียวก็แซงขึ้นไปอยู่เหนือกว่านาง

สิ่งที่เลวร้ายกว่าก็คือแต่เดิมนางเป็นคนที่ถูกตามใจมากที่สุดในตระกูลจี ทว่านับตั้งแต่มีจีหว่าน พี่ชายกับท่านแม่ก็เอ็นดูจีหว่านมากกว่า ต่อมาเมื่อพี่ชายของนางสืบต่อตำแหน่งเจ้าตระกูล จีหว่านยิ่งกลายเป็นไข่มุกกลางฝ่ามือของคนทั้งครอบครัว

แน่นอนว่าสิ่งที่น่าโมโหที่สุดก็คือเมื่อทั้งสองคนค่อยๆ เติบใหญ่ขึ้น นางก็พบว่าไม่ว่าจะรูปลักษณ์หรือความสามารถ จีหว่านล้วนเหนือกว่านางอย่างเทียบไม่ติด นางเป็นอาแต่กลับสู้หลานสาวคนนี้ไม่ได้

จนกระทั่งหลานสาวคนนี้แต่งงานออกไป นางจึงไม่ได้เกลียดชังนางเท่าเดิม

แต่ตอนนี้หลานสาวคนนี้ดันกลับมาเป็นอริกับนางอีก

จีซวงโต้ว่า “นี่เป็นเรื่องในตระกูลของพวกเรา เจ้าเป็นสตรีที่แต่งออกไปแล้วไม่ต้องเข้ามายุ่ง”

จีหว่านวางท่าราวกับนกยูงผู้หยิ่งยโส ไม่ยอมแม้แต่จะมองนางตรงๆ “ก็ข้าจะยุ่ง ท่านจะทำอันใดข้าได้เล่า”

“เจ้า…”

คนหนึ่งคือบุตรสาว คนหนึ่งคือหลานสาว ทะเลาะกันตั้งแต่เล็กจนโต จีเหล่าฮูหยินปวดศีรษะ “เอาล่ะๆ พวกเจ้าสองคนไม่ต้องทะเลาะกันแล้ว ฟังว่าเสี่ยวเวยจะตอบว่าอย่างไร”

ทุกคนหันไปมองเฉียวเวย

เฉียวเวยกระแอมแล้วตอบว่า “ร้านสุราของท่านอาจับตัวหญิงสาวมาจากที่นา ข้าจะไปตามตัวคน ร้านสุราไม่ให้ ข้าจึงพังร้านสุราเสีย”

ทุกคนคิดในใจ ไม่ให้ก็พัง ห้าวหาญจริงเชียว!

จีซวงหน้าแดง “เจ้าพูดเหลวไหล! ข้าจับตัวหญิงสาวมาตั้งแต่เมื่อใด”

เฉียวเวยเลิกคิ้วเรียวขึ้น “ข้าไม่ได้พูดเสียหน่อยว่าท่านอาเป็นคนจับมา”

สายตาถมึงทึงของจีซั่งชิงหันไปมองจีซวง แววตาคมกริบประหนึ่งผ่าทะลุท่าทีเสแสร้งของจีซวงในพริบตา จีซวงแม้แต่จะปฏิเสธก็ลืม

จีซั่งชิงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ จีซวงตกใจกลัวจนตัวสั่น จากนั้นก็ได้ยินเสียงทรงอำนาจของเขาเอ่ยขึ้นว่า “เจ้าลืมกฎของตระกูลจีแล้วใช่หรือไม่ถึงไปทำเรื่องต่ำช้าเช่นนี้ข้างนอก! ข้ามีน้องสาวเช่นเจ้าได้อย่างไร ตระกูลจีถูกเจ้าทำให้ขายหน้าหมดสิ้นแล้ว!”

จีซวงเถียง ท่าทางราวกับไม่ได้รับความเป็นธรรม “อะไรกัน เหตุใดข้าจึงเป็นคนทำให้ขายหน้า หากนางไม่ก่อเรื่องหนนี้ขึ้นมา ผู้ใดจะรู้ว่าร้านสุราเป็นของข้า ท่านจะโทษก็โทษนางสิ!”

จีซั่งชิงดวงตาสองข้างวาวโรจน์ดั่งคบเพลิง “เจ้ายังจะเถียงข้างๆ คูๆ! หากวันนี้เฉียวเวยไม่ไปพบเข้าทันเวลา เจ้าคิดจะปิดบังไปถึงเมื่อใด ตระกูลจีก่อตั้งมาหลายร้อยปี ไม่เคยมีผู้ใดทำกิจการต่ำช้าข้างนอก! เจ้าทำให้ข้าผิดหวังเกินไปแล้ว!”

จีซวงเถียง “ข้าอยากทำให้ท่านผิดหวังหรือ ก็นางดันทุรังจะสืบเอง! แล้วเหตุใดนางต้องมาสืบเรื่องข้าด้วย มีความสามารถก็ไปสืบเรื่องของคนอื่นสิ พี่ใหญ่ท่านคิดว่ามีเพียงข้าคนเดียวที่ทำเรื่องไม่ดีหรือ พี่รองก็เปิดบ่อน!”

นายท่านรองจีเซิ่งกำลังดื่มชาแต่ถูกแทงหนึ่งหอกอย่างไม่ทันตั้งตัว จึงพ่นน้ำชาพรวดออกมาจากปาก!

ทุกคนหันไปมองเขาอย่างพร้อมเพรียง

จีเซิ่งตัวแข็งทื่อ

สายตาราวกับน้ำแข็งเย็นเฉียบของจีซั่งชิงโอบล้อมตัวเขา

จีเซิ่งก็กลัวพี่ใหญ่เหมือนกัน กลัวแทบตายเลยเชียวรู้หรือไม่

“เจ้าเปิดบ่อนหรือ” จีซั่งชิงกำหมัดแน่น ฟันขบกันจนเสียงดังกรอด

จีเซิ่งเหงื่อกาฬแตกพลั่กทั่วร่าง ปากอ้าแล้วก็หุบ หุบแล้วก็อ้า ผ่านไปพักใหญ่ก็ยังปฎิเสธไม่ออกสักคำ

จีซั่งชิงตบฝ่ามือลงบนโต๊ะ “จีเซิ่ง”

จีเซิ่งโพล่งออกมา “หวานหว่านแย่งที่ดินชาวบ้าน!”

จีหว่านเซวูบ เกือบจะหน้าทิ่มจากบนเก้าอี้!

ทุกคนต่างอ้าปากค้างแล้ว เปิดหอนางโลม เปิดบ่อน ก็กล่าวได้ว่าเป็นเรื่องที่มิอาจให้ผู้อื่นล่วงรู้ ขายหน้าอย่างยิ่งแล้ว แต่แย่งที่ดินชาวบ้าน นี่เท่ากับก่อคดีทำผิดกฎหมายบ้านเมือง!

“จี หว่าน!” แววตาของจีซั่งชิงไม่อาจใช้คำว่าโกรธเกรี้ยวมาพรรณนาได้แล้ว

จีหว่านขนลุกซู่ไปทั้งตัว นางเพียงมาร่วมชมเรื่องสนุกเท่านั้น เหตุไฉนไฟดันลามมาถึงบนหัวของนางได้

จีซั่งชิงลุกขึ้นก้าวมาหานาง นางวิ่งพรวดไปหลบหลังเฉียวเวยแล้วโพล่งว่า “ท่านย่าตีไก่!”