ตอนที่ 194-1 ถูกกัด จุดจบ
สวินหลันอาบน้ำเสร็จ สาวใช้สองนางก็ถือผืนผ้ากับอาภรณ์เดินเข้ามาปรนนิบัตินางผลัดเปลี่ยนอาภรณ์
ชุดนอนทำจากผ้าไหม เรียบง่ายแต่ก็ดูหรูหรา แม้จะหลวมสบาย แต่ยากจะปิดบังเรือนร่างอันน่าภาคภูมิใจ สาวใช้ทั้งหลายมิว่าจะรับใช้กี่หน ทุกคราก็ยังเขินอายจนหน้าแดง
เมื่อติดกระดุมเม็ดสุดท้ายเสร็จ สาวใช้จึงถอยไปด้านข้างแล้วค้อมกายลง
สวินหลันเลิกม่าน เดินกลับไปในห้องนอน
สาวใช้ทั้งสองนางพรูลมหายใจยาว แม้จะเป็นสตรีดุจเดียวกัน ดูนิดดูหน่อยไม่มีอะไร แต่เรือนร่างของฮูหยินงดงามจนเหลือจะพรรณนาจริงๆ พวกนางเป็นหญิงยังรับไม่ไหว คิดดูก็ทราบว่านายท่านจะโปรดปรานฮูหยินมากเพียงใด
“ได้ยินแล้วใช่หรือไม่ คืนนี้นายท่านจะนอนค้างห้องของฮูหยินอีกแล้ว” สาวใช้ใบหน้าแหลมนามว่าชิวผิงยิ้มแย้มพูดขึ้นมา
สาวใช้ใบหน้ารูปไข่นามว่าชุนจือเอ่ยอย่างอิจฉา “เจ้าสมควรพูดว่าคืนใดบ้างที่นายท่านไม่อยู่ในห้องของฮูหยิน นับตั้งแต่แต่งงานกับนายท่าน ฮูหยินของพวกเราก็ไม่เคยต้องเปล่าเปลี่ยวในห้องมาก่อน”
“ชู่” ชิวผิงทำมือส่งสัญญาณ ก่อนจะเบาเสียงกระซิบว่า “ระวังคนมาได้ยินเข้า”
ชุนจือทำท่าไม่แยแสสักนิด “ได้ยินก็ไม่เห็นเป็นอะไร ข้าพูดความจริงทั้งนั้น ฮูหยินของพวกเราเป็นที่โปรดปราน นายท่านรักฮูหยินเพียงผู้เดียว ไม่ชายตาแลผู้อื่น!”
ชิวผิงเข้ามาหลังชุนจือสองปีจึงไม่รู้เรื่องราวในจวนเท่าชุนจือ นางถามอย่างสงสัยใคร่รู้ “ก่อนหน้านี้นายท่านกับองค์หญิงรักกันดีเท่านี้หรือไม่”
“แน่นอนว่าไม่!” ชุนจือเก็บเสื้อผ้าที่สวินหลันผลัดเปลี่ยนขึ้นมา “องค์หญิงงดงามเท่าฮูหยินของพวกเราเสียที่ไหน นางเพียงอาศัยฐานะอันสูงศักดิ์ของตนกับการเป็นคู่ครองคนแรกของนายท่านที่ให้กำเนิดทายาทแก่นายท่าน อยู่กับนายท่านอย่างเคารพซึ่งกันและกันเท่านั้น เจ้าลองคิดดูสิ บุรุษบนโลกใบนี้ ผู้ใดไม่เอนเอียงหลงรักคนงาม ต้องเป็นสตรีงดงามเช่นฮูหยินของพวกเราจึงจะกำหัวใจของนายท่านไว้อยู่หมัด”
ชิวผิงเอ่ยอย่างเหม่อลอย “ฮูหยิน…งามดุจเทพธิดาจริงๆ”
ชุนจือกล่าวอย่างภาคภูมิใจ “สตรีงดงามมีอยู่มากไป แต่ฮูหยินของพวกเราไม่เพียงใบหน้างดงาม แต่ทั้งเรือนร่างตรงไหนๆ ก็งามไปหมด!”
โดยเฉพาะอย่างยิ่งทรวงอกอวบอิ่มน่าภาคภูมิใจคู่นั้นกับท่อนขายาวอันเรียวงามทั้งสองข้าง เพียงนึกถึงก็ทำให้เลือดในร่างสูบฉีด
ทันใดนั้นชิวผิงก็หัวเราะ “ฮูหยินได้รับความโปรดปรานทุกคืน อีกไม่นานก็คงมีน้องชายสักคนให้หลิวเกอร์แล้วกระมัง”
ชุนจือคิดเลขในใจ แล้วคลี่ยิ้ม “นั่นสิ ฮูหยินยังอายุน้อยเช่นนี้ จะต้องมีลูกได้อีกแน่”
กล่าวจบสายตาก็กวาดมอง ทันใดนั้นนางก็เห็นเงาสีดำเลื้อยไหวๆ ผ่านไป นางตกใจจนเสื้อผ้าในมือร่วงลงมาจนหมด!
ชิวผิงสังเกตเห็นท่าทางผิดปกติของนาง รีบร้อนถามว่า “เกิดอะไรขึ้น”
ชุนจือขวัญผวาตอบว่า “ข้า…เมื่อครู่ข้าเหมือนจะเห็น…เห็นงู…”
ชิวผิงเป็นคนใจกล้า นางมองสำรวจรอบด้าน “ไม่มีนะ เจ้ามองผิดแล้วกระมัง จวนตระกูลจีส่งคนมาทำความสะอาดจวนทุกปี ไม่มีงูหรอก”
ตระกูลจีมีทั้งภูเขาทั้งสระน้ำ ขนาดก็กว้างใหญ่ดั่งพระราชนิเวศน์ จะมีงู หนูหรือแมลงก็ไม่น่าแปลกใจ แต่จีเหล่าฮูหยินหวาดกลัวสิ่งเหล่านี้อย่างยิ่ง จึงมีคนเข้ามาจัดการตามเวลา
ชุนจือขยี้ตา “บางทีข้าอาจมองผิดไปจริงๆ”
กล่าวถึงสวินหลันผู้กลับไปถึงในห้อง เห็นจีซั่งชิงสวมชุดนอนตัวบางนั่งอยู่ตรงหัวเตียง ห่มผ้าห่มคลุมตรงช่วงเอว มือถือหนังสือเล่มหนึ่งคล้ายกำลังฆ่าเวลาระหว่างกำลังรอนางอย่างเบื่อหน่าย
ก้าวเท้าของสวินหลันชะงัก หลังจากนั้นจึงเดินมาถึงหน้าเชิงเทียน เป่าเทียนไขให้ดับ
จีซั่งชิงวางหนังสือลงด้านข้าง
สวินหลันเดินมาข้างกายเขาแล้วนั่งลงเงียบๆ
จีซั่งชิงจับมือของนาง
เรื่องราวหลังจากนี้คงจะเล่าไม่ได้แล้ว
ทว่าขณะที่ทั้งสองคนกำลังจะเข้าด้ายเข้าเข็มกันนั่นเอง เงาดำเส้นน้อยก็เลื้อยขึ้นมาบนฟูกปูเตียง ต่อจากนั้นภายในห้องก็มีเสียงกรีดร้องอย่างที่ไม่เคยมีมาก่อนดังออกมา…
…
ในบ้านชิงเหลียน เฉียวเวยเข้านอนไปแล้ว แต่กลับถูกเสียงเอะอะปลุกให้ตื่น
การถูกเสียงร้องตื่นตระหนกปลุกให้ตื่นระหว่างครึ่งหลับครึ่งตื่น ทำให้หัวใจดวงน้อยของเฉียวเวยหวาดผวา คิดว่าเกิดเรื่องใหญ่อันใดขึ้น นางรีบร้อนสวมเสื้อผ้า เปิดประตูออกมาก็เห็นอู๋มามาผู้ทำหน้าที่ปัดกวาดหกล้มทับราวตากเสื้อผ้าร่วง
อู๋มามาเห็นว่าตนเองทำเสียงดังจนปลุกเจ้านายตื่นก็รีบคุกเข่าโขกศีรษะ “ฮูหยินน้อยโปรดอภัยด้วย!”
เฉียวเวยมองสิ่งของที่ล้มระเนระนาด ในใจก็ทราบทันทีว่าคงหกล้มแรงไม่เบา จึงถามว่า “เจ้าไม่เป็นอันใดใช่หรือไม่”
อู๋มามาเห็นชัดว่าคิดไม่ถึง นางคิดไม่ถึงว่าสิ่งที่เฉียวเวยเป็นห่วงคือตนเองเป็นอะไรหรือไม่ นางตะลึงงันครู่หนึ่ง กว่าจะตอบออกมาว่า “บ่าวไม่เป็นอันใดเจ้าค่ะ”
เฉียวเวยจำเรื่องที่หนก่อนจู่ๆ นางก็เป็นอัมพาตขึ้นมาได้ จึงถามว่า “อาการกำเริบหรือว่าอย่างไร”
อู๋มามารีบตอบ “ไม่เจ้าค่ะ เพียงเดินเร็วเกินไป ไม่ทันดูเท่านั้น”
“อ้อ” เฉียวเวยหาว “ไม่มีอะไรแล้วก็ไปนอนเถิด ดึกแล้ว”
“…เจ้าค่ะ” อู๋มามาตอบรับอย่างนอบน้อม
เฉียวเวยหมุนตัวเดินกลับเข้าไปในเรือน
อู๋มามาอ้าปาก อยากจะพูดบางอย่างแต่ก็หยุดไป
เฉียวเวยกำลังจะปิดประตู ทันใดนั้นอู๋มามาก็ถลาเข้ามาหา กระซิบเสียงเบาว่า “ฮูหยินน้อย!”
เฉียวเวยชะงัก เปิดประตูหันไปมองนาง “มีเรื่องอันใดหรือ”
อู๋มามาขบคิดครู่หนึ่ง สุดท้ายก็ยังตัดสินใจบอกฮูหยินน้อย “เมื่อครู่บ่าวไปห้องครัวมา ขากลับเดินผ่านเรือนถง ได้ยินว่าเรือนถงเกิดเรื่อง”
เฉียวเวยมองห้องที่ว่างเปล่า หมิงซิวไม่อยู่ พวกนางสองสามีภรรยาไม่ได้กำลังทำเรื่องร้อนแรงกันอยู่ เรือนถงจะเกิดเรื่องได้เช่นไร
เฉียวเวยจึงถามว่า “เกิดเรื่องอะไรขึ้น”
อู๋มามาตอบ “เหมือนนายท่านจะถูกงูกัดเจ้าค่ะ”
จีซั่งชิงถูกงูกัด ดึกดื่นเที่ยงคืนแล้ว แต่เดิมข่าวนี้สมควรถูกปิดเอาไว้ แต่เสียงกรีดร้องของเขาน่ากลัวเกินไปแล้วจริงๆ แม้แต่สาวใช้ที่เดินผ่านนอกเรือนถงยังได้ยิน สาวใช้รีบวิ่งไปยังเรือนลั่วเหมยบอกข่าวกับจีเหล่าฮูหยินทันที
จีเหล่าฮูหยินรีบตะกายลงมาจากเตียง นางสั่งให้ตงเหมยไปเชิญเฉียวเวยที่บ้านชิงเหลียน พร้อมกับให้หรงมามาช่วยผลัดเปลี่ยนอาภรณ์ให้ตน หลังจากนั้นจึงเรียกให้ยกเสลี่ยงคันหนึ่งมาเดินทางไปเรือนถงอย่างร้อนใจดั่งไฟลน
เหล่าฮูหยินยังเคลื่อนไหวแล้ว เรือนรองกับเรือนสี่ย่อมรู้ข่าวเช่นเดียวกัน พวกเขาทยอยกันลุกขึ้นมาจากม้วนผ้าห่มอันอบอุ่น เดินทางไปชมเรื่องสนุกที่เรือนถง
ใช่แล้ว ชมดูเรื่องสนุก หลังจากถูกพี่ใหญ่คนนี้ปิดร้านสุรากับบ่อนพนัน จีซวงกับพี่รองก็ไม่พอใจพี่ใหญ่คนนี้อย่างยิ่ง ได้ยินว่าเขาถูกงูกัด หัวใจของทั้งสองคนรู้สึกสะใจ
“เร็ว เร็วสิพวกเจ้า!” จีซวงผู้นั่งอยู่บนเสลี่ยงเอ่ยเร่ง
ฉินปิงอวี่เดินมาด้วยเท้า เขาถามฮูหยินของตนอย่างไม่เข้าใจ “เจ้าไม่ได้ยังโกรธพี่ใหญ่อยู่หรือ รีบร้อนจะไปดูเขาเช่นนี้ทำอะไร”
จีซวงหัวเราะ “ข้ากลัวว่าหากไปสาย แผลประสานสนิทแล้วข้าจะไม่ทันได้เห็น”
พวกเขามาถึงเรือนถงแทบจะในเวลาเดียวกัน จีเหล่าฮูหยินจูงมือเฉียวเวยเดินเข้าไปในห้องของสวินหลัน “ดึกป่านนี้ยังต้องปลุกเจ้าขึ้นมา รบกวนเจ้าแล้วสินะ”
เฉียวเวยคลี่ยิ้ม “เปล่าเจ้าคะ ข้ายังไม่หลับ”
คนทั้งขบวนเดินผ่านประตูเย่ว์เลี่ยง เดินผ่านทางเดินจนมาถึงประตูห้อง โจวมามาออกมาต้อนรับ นางคำนับเหล่าฮูหยินกับเฉียวเวยก่อน หลังจากนั้นจึงลากหรงมามาไปด้านข้าง พูดเสียงเบาสองสามคำ
หรงมามาฟังจบ สีหน้าก็เปลี่ยนไปอย่างมาก นางก้าวเร็วไวไปขวางจีเหล่าฮูหยินกับเฉียวเวยไว้ แล้วบอกว่า “ฮูหยินใหญ่ไปเชิญท่านหมอแล้ว ไม่นานก็คงมาถึงแล้ว เหล่าฮูหยินกับฮูหยินน้อยนั่งรอที่โถงหมิงก่อนสักครู่เถิด”
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยอย่างไม่พอใจ “เชิญหมออะไรอีก เสี่ยวเวยไม่ใช่หมอหรือ”
“เรื่องนี้…” ใบหน้าแก่ชราของหรงมามาแดงก่ำ กระแอมเบาๆ แล้วเอ่ยว่า “นายท่านเป็นพ่อสามีของฮูหยินน้อย จะให้ฮูหยินน้อยมองร่างกายของนายท่านได้เช่นไรเล่าเจ้าคะ”
จีเหล่าฮูหยินนิ่งไป ก่อนหน้านี้เป็นห่วงแต่บุตรชายจนลืมเรื่องนี้ไปสนิท บุรุษกับสตรีแตกต่างกัน แม้หมอจะผ่อนปรนเรื่องระยะห่างระหว่างชายหญิงมากกว่าคนปกติอยู่บ้าง แต่นั่นก็เป็นหมอบุรุษ ถึงอย่างไรเสี่ยวเวยก็เป็นสตรีนางหนึ่ง หนังหน้าบาง เกรงว่าคงจะไม่ดีนัก
“เสี่ยวเวย…” จีเหล่าฮูหยินหันไปมองเฉียวเวย
เฉียวเวยยิ้ม “ไม่เป็นอะไร ในสายตาของหมอ ไม่มีบุรุษ สตรี มีแต่คนป่วยเท่านั้น”
หนก่อนนางยังถอดเสื้อของจีซั่งชิงออกมาฝังเข็มให้เขาเลย
สำหรับศัลยแพทย์คนหนึ่ง เรื่องนี้ไม่เรียกว่าเป็นปัญหาเสียด้วยซ้ำ
หรงมามาอึกอักเอ่ยว่า “แต่…แต่ตรงที่ถูกกัดคือตรงที่บอกไม่ได้เจ้าค่ะ”
ลูกตาของเฉียวเวยกลอกเล็กน้อย “ตรง ไหนหรือ”
หรงมามายากจะเอ่ยปากอย่างแท้จริง นางใช้ผ้าเช็ดหน้าปิดปาก เขยิบเข้ามาใกล้เฉียวเวยแล้วกระซิบเสียงเบาอย่างที่ไม่อาจเบาได้อีกแล้ว “ตอนนั้น นายท่านกับฮูหยินกำลังร่วมอภิรมย์กันอยู่ งูตัวหนึ่งเลื้อยมาจากด้านหลังของนายท่าน…”
ด้านหลังสินะ เฉียวเวยเข้าใจแล้ว ตรงนี้บุรุษกับสตรีก็มีเหมือนกันไหม นางจะถือเสียว่าตนเองกำลังมองดูของสาวใช้คนหนึ่ง “ข้าเข้าใจแล้ว พาข้าไปเถิด”
หรงมามาตกตะลึงอย่างยิ่ง
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยอย่างร้อนรน “กัดสาหัสหรือไม่ หากสาหัสก็รีบพาเสี่ยวเวยไปดูเถิด!”
เวลาสำคัญเช่นนี้แล้ว ผู้ใดยังจะสนใจเรื่องเหล่านั้นอีก รีบช่วยชีวิตบุตรชายนางให้ได้จึงจะเป็นเรื่องสำคัญ!
หรงมามาจึงพาเฉียวเวยเข้าไป
จีซั่งชิงนอนอยู่บนเตียง เขาหมดสติไปแล้ว ใบหน้าเป็นสีม่วง กลางหว่างคิ้วเริ่มกลายเป็นสีดำ ดูแล้วเจ็บหนักไม่เบา
หรงมามาไล่บ่าวรับใช้ออกไป นางข่มกลั้นความกระดากอายในใจ เดินมาข้างเตียงแล้วเปิดผ้าห่มของจีซั่งชิงออกเบาๆ
เฉียวเวยกวาดสายตามองอย่างรวดเร็ว ทันใดนั้นในใจก็สะดุ้งโหยง รีบปิดตาอย่างรวดเร็ว “เหตุใดเป็นตรงนั้นเล่า “ปิดไปๆ!”
หรงมามารีบปิดผ้าห่ม “ท่านไม่ได้บอกว่า…ท่านเข้าใจแล้วหรือเจ้าคะ”
“ข้าคิดว่าเจ้าหมายถึงก้น!”
ตัวอะไรกัดจากด้านหลัง แต่กัดมาจนถึงด้านหน้าได้
ใบหน้าแก่ชราของหรงมามาแดงแปร๊ด เผชิญกับเรื่องเช่นนี้ นางก็อายมากเหมือนกัน เพียงแต่นายท่านเจ็บหนักจริงๆ อาจน่าเป็นห่วงถึงชีวิต ด้วยเหตุนี้จึงฝืนใจพาฮูหยินน้อยเข้ามา
ปฏิกิริยาของฮูหยินน้อยก็เป็นเรื่องที่เข้าใจได้ แต่นายท่านเจ็บจนเป็นเช่นนี้แล้ว ฮูหยินน้อยก็รักษาไม่ได้อีก ถ้าเช่นนั้นสมควรทำเช่นไรดีเล่า
“หมอมาแล้ว! หมอมาแล้ว!” ด้านนอกโจวมามาตะโกนอย่างตื่นเต้นดีใจ
หรงมามาถอนหายใจรีบเชิญท่านหมอหลูเข้ามา สวินหลันไปเชิญด้วยตนเองรวดเร็วกว่าสาวใช้ไม่น้อย
เฉียวเวยกับหรงมามาถอยออกไป
ผู้ใดจะคิดว่าหมอหลูเข้าไปได้เพียงครู่เดียวก็เดินออกมาอย่างอับอาย “ข้าไร้ความสามารถ ฮูหยินเชิญผู้มีวิชาสูงส่งท่านอื่นเถิด”
ทุกคนหันขวับไปทางเฉียวเวย
เฉียวเวยจึงเอ่ยขึ้นว่า “ปี้เอ๋อร์ พ่อข้าเล่า”
“มาแล้วๆ! นายท่านมาแล้วเจ้าค่ะ!” ปี้เอ๋อร์พาเฉียวเจิงเข้ามาในเรือนถง
เฉียวเวยไม่เคยรักษาแผลจากงูในยุคโบราณมาก่อน รอบคอบไว้ก่อนเป็นดี ตอนที่เหล่าฮูหยินส่งคนไปแจ้งนาง นางจึงส่งปี้เอ๋อร์ไปเชิญเฉียวเจิงมาแล้ว หอหลิงจือสาขาใหม่ที่เพิ่งเปิดอยู่ใกล้ๆ เดินทางมาจึงใช้เวลาไม่นานเท่าใด
จีเหล่าฮูหยินเอ่ยอย่างซาบซึ้ง “ชิ่งจยา ท่านมาพอดี เร็ว! เชิญในห้อง!”
เฉียวเจิงเข้าไปในห้อง ได้ยินว่าจุดที่ถูกกัดเป็นจุดที่บอกไม่ได้ จึงไม่เรียกลูกสาวเข้ามาศึกษาสังเกตการณ์ เขาปิดประตู นั่งลงฝั่งตรงข้ามกับจีซั่งชิง
เขาให้จีซั่งชิงกินยาแก้พิษที่ออกฤทธิ์เร็วก่อนหนึ่งเม็ด กดพิษไว้ในร่างได้ชั่วคราว
ไม่นานจีซั่งชิงก็เริ่มได้สติ หันมาเห็นเฉียวเจิงที่นั่งอยู่บนม้านั่งก็หน้าแดง “…ชิ่งจยามาแล้ว”
“อืม” เฉียวเจิงพยักหน้าด้วยสีหน้าเคร่งขรึม เขาไม่เขินอาย ในฐานะหมอ ท่องเหนือล่องใต้รักษาคนมามากมายปานนั้น โรคร้ายรักษายากตรงส่วนนี้ก็มีไม่น้อย
เขาเพียงแต่สงสัยใคร่รู้เล็กน้อย
ผู้ใดจะใหญ่กว่ากันนะ…
จีซั่งชิงอับอายจนแทบทนไม่ไหว กำผ้าห่มไม่ยอมปล่อยมือ
นี่หากเป็นท่านหมอคนอื่นก็แล้วไปเถิด แต่ดันเป็นบิดาของลูกสะใภ้เขา หลังจากนี้เงยหน้าไม่เจอก้มหน้าก็ต้องเจอ คิดแล้วก็อยากจะหารูมุดเข้าไปยิ่งนัก
เฉียวเจิงมองออกว่าเขาอับอายจึงกล่าวอย่างใจกว้าง “หากท่านอาย ข้าจะให้ท่านดูของข้าก็ได้นะ”
จีซั่งชิงหน้าแดง “ไม่ต้อง!”
…
ด้านนี้เฉียวเจิงกำลังรักษาจีซั่งชิง อีกด้านหนึ่งจีเหล่าฮูหยินก็เรียกทุกคนไปยังโถงหมิง สอบถามว่าเกิดเรื่องอันใดขึ้นกันแน่ เรือนถงมีงูพิษโผล่มาได้เช่นไร
ความคิดแรกของเฉียวเวยก็คือเจ้าลูกกระต่ายเสี่ยวไป๋ตัวนั้นแอบไปเก็บงูพิษจากที่ใดมาลับหลังนางอีกแล้ว! หนก่อนกลับมาจากที่นา นางก็พบว่าภายในตะกร้าสะพายหลังของมันซ่อนงูไผ่เขียวไว้สองตัว แต่ระหว่างทางถูกนางโยนทิ้งไปแล้ว หรือว่าเจ้าลูกเพียงพอนน่าชังตัวนั้น ตอนหลังจะไปเก็บงูไผ่เขียวกลับมาอีก
ดื่มชา ดื่มชา เงียบเอาไว้!
“เจ้ารอง งานป้องกันระวังภัยของทุกปีมอบหมายให้เจ้าเป็นผู้ไปจัดการไม่ใช่หรือ” จีเหล่าฮูหยินมองจีเซิ่งด้วยแววตาตำหนิ
จีเซิ่งลุกขึ้นยืน ประสานมือตอบว่า “ท่านแม่ ทุกปีลูกส่งคนไปตรวจค้นสามหน ไม่มีทางผิดพลาด”
“ไม่มีทางผิดพลาดแล้วมีงูได้เช่นไร” แล้วยังเป็นงูพิษอีก! นี่เจตนาจะทำร้ายลูกชายของนางให้ตายหรือไร จีเหล่าฮูหยินขมวดคิ้วจนเป็นร่องลึก
จีซวงยิ้มหยันมองสวินหลันที่นั่งอยู่บนเก้าอี้ แล้วเอ่ยอย่างมีเลศนัย “ผู้ใดจะรู้เล่า อาจมีคนอื่นนำงูเข้ามาจากข้างนอก ตั้งใจทำร้ายพี่ใหญ่ของข้าก็เป็นได้”
สวินหลันไม่เอ่ยวาจา
โจวมามาหวาดหวั่นจนเหงื่อเย็นไหลริน แม้ไม่รู้ว่างูตัวนั้นรู้จักทางจากบ้านชิงเหลียนมายังเรือนถงได้อย่างไร แต่นางคิดว่านั่นน่าจะเป็นงูที่ตนเองนำไปปล่อย
แปลกนัก พอนางยัดงูทุกตัวผ่านช่องสุนัขลอดเข้าไปในบ้านชิงเหลียนเสร็จ นางเกรงว่าพวกมันจะออกมาจึงปิดช่องโหว่ตรงนั้นไว้แล้ว งูตัวนั้นข้ามกำแพงเรือน เข้ามาในเรือนถงได้อย่างไรกันแน่
หรือว่า จะไม่ใช่งูที่ตนซื้อมา
จะต้องไม่ใช่แน่ ไม่เช่นนั้นต่อให้หนีออกมาจากบ้านชิงเหลียนได้ก็คงเลื้อยเข้ามาในเรือนถงไม่ได้สิจึงจะถูก!
ภายในสวน ในที่สุดเสี่ยวไป๋ก็จับงูพิษแสนรักที่หนีไปได้แล้ว ภายในใจของเจ้างูพิษน้อยก็กำลังแหลกสลายเช่นกัน มันเป็นตัวผู้ แต่ดันไปกัดโดนตรงนั้น นับจากนี้ต่อไปมันจะใช้ชีวิตงูๆ ของมันให้ดีได้อย่างไร!
“ฮูหยินสี่ อาหารกินส่งเดชได้ แต่วาจาจะพูดส่งเดชมิได้ คนในเรือนถงล้วนจงรักภักดีต่อนายท่าน จะมีคนทำร้ายนายท่านได้อย่างไร” โจวมามาคลี่ยิ้มเอ่ยขึ้นมา
จีซวงลูบหน้าท้องกลมป่อง แล้วตอบด้วยท่าทางเกียจคร้าน “เรื่องนี้ก็ไม่แน่หรอก ไม่แน่ว่าอาจมีผู้ใดเห็นพี่ใหญ่ของข้าขัดตา จึงคิดจะกำจัดพี่ใหญ่ของข้าให้สิ้นเรื่องก็เป็นได้”
โจวมามามุมปากกระตุก เค้นรอยยิ้มออกมา “คนในเรือนของพวกเราล้วนหวังว่านายท่านจะมีชีวิตอยู่ ผู้ใดจะเห็นนายท่านขัดตา ทุกคนต่างหวังว่านายท่านจะอายุยืนยาวร้อยปีทั้งนั้น”
จีซวงกล่าวเสียดสี “พูดเสียน่าฟังยิ่งกว่าร้องเพลง หากเป็นเช่นนั้นจริง งูนี่มาจากที่ใดเล่า ยามนั้นมีคนอยู่เพียงสองคน แต่เหตุไฉนมันดันกัดพี่ใหญ่ของข้า”
นั่นสิ มีคนอยู่สองคน เหตุไฉนคนที่ถูกกัดจึงเป็นจีซั่งชิง สวินหลันโชคดีเกินไป จีซั่งชิงโชคร้ายเกินไป หรือว่ามีสิ่งใดซ่อนเร้นอยู่
เมื่อเห็นว่าทั้งสองคนใกล้จะวิวาทกันแล้ว จีเซิ่งจึงไกล่เกลี่ย “ไม่ว่าอย่างไรก็จับงูพิษให้ได้ก่อนเถิด ไม่ให้มัน…”
พูดยังไม่ทันจบ เสี่ยวไป๋ก็ถืองูพิษตัวน้อยตัวหนึ่งวิ่งปรู๊ดเข้ามา
มันเดินไปตรงหน้าโจวมามาแล้วยืดตัวขึ้น จากนั้นส่งงูพิษให้ ให้ท่าน!
โจวมามาตกใจจนกระโดดโหยงเหยง!