War sovereign Soaring The Heavens – ตอนที่ 2036
ตอนที่ 2,036 : หอคุมขัง!

ต้องบอกเลยว่าต้วนหลิงเทียนถือว่าโชคดีไม่น้อย

บรรพชนตระกูลหลิวที่หลิวอวิ๋นกล่าวถึง ไม่ได้ไปทำงานและอยู่ที่บ้านพัก

หลังจากที่หลิวอวิ๋นกล่าวบอกเรื่องราวพักหนึ่ง บรรพชนตระกูลหลิวที่มีรูปลักษณ์เป็นชายวัยกลางคนก็ชักสีหน้าเคร่งขรึม ก่อนที่จะตกลงรับปากพาต้วนหลิงเทียนไปยังหอคุมขังเพื่อเข้าเยี่ยมก่านหรูเยี่ยน

“ขอบคุณท่านมากอาวุโสหลิวอวี่”

เมื่อเห็นชายวัยกลางคนรับคำ ต้วนหลิงเทียนก็เร่งประสานมือคารวะทันที

และภายใต้การแนะนำของหลิวอวิ๋น ต้วนหลิงเทียนก็ได้ทราบว่าชายวัยกลางคนเบื้องหน้าเรียกว่า หลิวอวี่ รูปร่างหน้าตาจะแลเหมือนชายวัยกลางคน ทว่าอีกฝ่ายก็เป็นถึงปู่ของปู่ของปู่หลิวอวิ๋น

ในฐานะที่เป็นรุ่นเยาว์มากพรสวรรค์ที่โดดเด่นที่สุดของสกุลหลิว หลิวอวิ๋นนั้นคู่ควรได้รับการยกย่องจากหลิวอวี่

เช่นนั้นหลิวอวี่จึงยอมรับคำร้องขอของหลิวอวิ๋นอย่างไม่อิดออด​และพาต้วนหลิงเทียนไปยังหอคุมขังเพื่อเข้าเยี่ยมก่านหรูเยี่ยน

แน่นอนว่าจำกัดแค่ได้พบก่านหรูเยี่ยนเท่านั้น

เพราะระหว่างทางมาที่นี่หลิวอวิ๋นได้กำชับต้วนหลิงเทียนซ้ำอยู่หลายรอบว่าอย่าได้เอ่ยถึงเรื่องธิดาเทพต่อหน้าหลิวอวี่เด็ดขาด ดังนั้นต้วนหลิงเทียนจึงได้แต่พยายามห้ามใจอย่างเต็มกลืน

ด้วยกลัวว่าจะถูกหลิวอวี่ค้นพบ

“เสี่ยวอวิ๋นเอ้อ…เดี๋ยวข้าจักพาเจ้าหนุ่มไปพบเจอกก่านหรูเยี่ยนเอง เจ้ากลับไปพักทั้งเร่งบ่มเพาะพลังสร้างความก้าวหน้าเถอะ…เจ้าต้องพยายามกลายเป็นอัจฉริยะท้าทายสววรรค์คนที่ 9 ให้จงได้”

ก่อนหลิวอวี่ที่จะพาต้วนหลิงเทียนไป ก็หันไปกล่าวกับคำหลิวอวิ๋นด้วยสายตามุ่งหวัง

ในวาจาเผยให้เห็นว่ามันตั้งความหวังกับหลิวอวิ๋นไว้สูงเพียงใด

เป็นความหวังอันสูงสุดของผู้ชราที่ฝากฝังไว้กับคนรุ่นใหม่

“ข้าทราบแล้วท่านบรรพชน”

หลิวอวิ๋นกล่าวตอบรับคำด้วยความเคารพ ก่อนที่จะมองต้วนหลิงเทียนด้วยสายตาจนใจ ก่อนจะกลับไปแต่โดยดี

“ต้วนหลิงเทียนเจ้าตามข้าไปหอคุมขังเถอะ”

หลิวอวี่มองเรียกต้วนหลิงเทียน ในสายตายังเผยความแปลกใจเล็กน้อย

และมันเองก็รู้ว่าเรื่องอยากพบก่านหรูเยี่ยนเป็นความต้องการของต้วนหลิงเทียน

ด้วยเหตุนี้ทำให้มันไม่ทราบจะดีใจหรือเสียใจดี ที่รุ่นเยาว์ที่โดดเด่นที่สุดของสกุลหลิวสนิทสนมกับอัจฉริยะเช่นนี้

กล่าวตามความสัตย์จริง หากไม่ใช่เพราะมีหลิวอวิ๋นที่เป็นความหวังของตระกูลมันมาร้องขอ มันก็ไม่กล้าให้ความช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน ยังไม่กล้าแม้แต่จะมาเกี่ยวข้องด้วย

ทว่าตอนนี้หลิวอวิ๋นมาพบมันในฐานะลูกหลาน และมันก็เป็นปู่ของปู่ของปู่อีกฝ่าย ย่อมไม่มีเหตุผลที่จะไม่ช่วยเหลือต้วนหลิงเทียน

“รบกวนอาวุโสแล้ว”

ต้วนหลิงเทียนตอบคำหลิวอวี่ก่อนที่จะเดินตามอีกฝ่ายไป

หลังออกจากที่พักของหลิวอวี่ ทั้งคู่ก็เดินผ่านหอหลักอีกครั้ง และทันใดนั้นเองหลิวอวี่ก็มองกล่าวกับต้วนหลิงเทียนออกมา “ต้วนหลิงเทียน ข้าบอกได้เลยว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ้อให้ความสำคัญกับเจ้าที่เป็นสหายไม่น้อย…”

กล่างถึงจุดนี้หลิวอวี่ก็หยุดลงคล้ายลังเลว่าจะพูดต่อหรือไม่พูดดี

“อาวุโสหลิวอวี่มีเรื่องจะกล่าวกับข้าหรือ ขอท่านกล่าวออกมาได้เลยอย่าได้เกรงใจ”

ต้วนหลิงเทียนพูดออกมาเมื่อเห็นทีท่าลังเลของอีกฝ่าย

“ข้าหวังว่า…หลังจากนี้ไปเจ้าจะช่วยรักษาระยะห่างกับเสี่ยวอวิ๋นเอ้อได้หรือไม่? พยายามอย่าได้เผยทีท่าสนิทสนมกับเสี่ยวอวิ๋นเอ้อต่อหน้าผู้คนได้ยิ่งดี…”

หลิวอวี่กล่าวต่อออกมา

“อาวุโสหลิวอวี่…ท่านกลัวว่าข้าจะพลอยทำให้ศิษย์พี่หลิวอวิ๋นติดร่างแหไปด้วยใช่หรือไม่”

ต้วนหลิงเทียนไม่ใช่คนไม่รู้ประสา ไหนเลยจะเดาความต้องการของหลิวอวี่ไม่ออก

“ไม่เพียงแต่ข้ากลัวว่าเสี่ยวอวิ๋นเอ้อจะติดร่างแห ข้ายังกลัวสกุลหลิวของข้าพลอยติดร่างแหไปด้วย…”

หลิวอวี่กล่าวอย่างตรงไปตรงมา “ลืมหลี่อันไปได้เลย มันกับข้าล้วนมีฐานะเท่าเทียมกันข้าย่อมไม่คิดหวาดกลัวมันแม้แต่น้อย! มันไม่มีวันแตะต้องอะไรสกุลหลิวของข้าได้…ทว่ากับอีก 2 คนที่เจ้ามีเรื่องด้วยหลังจากที่มาถึงดินแดนศักดิ์สิทธิ์ ข้ามิอาจไม่กลัว…”

“ทั้งสองคนที่เจ้าล่วงเกินไป เบื้องหลังของพวกมันคืออาวุโสเพลิงทองทั้งคู่ ข้าเกรงว่าสุดท้ายหากพวกมันทำอะไรเจ้ากับเสี่ยวอวิ๋นเอ้อไม่ได้และมิเจอภูมิหลังของเจ้า…พวกมันจะเอาโทสะมาลงที่สกุลหลิวของข้า…”

ขณะที่กล่าวสืบต่อ สีหน้าหลิวอวี่เผยความหวาดกลัวไม่น้อย

หลิวอวี่นั้นเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของสกุลหลิวในตอนนี้ก็ว่าได้

อย่างไรก็ตามแม้มันจะเป็นยอดฝีมืออันดับ 1 ของสกุลหลิว แต่มันก็เป็นแค่อาวุโสเพลิงเงินเท่านั้น พลังอำนาจของมันล้วนมีจำกัดนัก

กับตัวตนอย่างอาวุโสเพลิงทอง มันไม่อาจต่อต้านได้เลย

ได้ยินคำของหลิวอวี่ ต้วนหลิงเทียนก็นิ่งไปครู่หนึ่ง

เขาไม่เคยคิดถึงเรื่องนี้มาก่อนเลย

ตอนนี้พอได้ยินคำเตือนของหลิวอวี่ ทำให้เขาอดหลั่งเหงื่อเย็นออกมาเสียไม่ได้

หากหลิวอวิ๋นกระทั่งสกุลหลิวที่อยู่เบื้องหลังพลอยประสบเคราะห์ไปด้วยเพราะเขาจริงๆ เขาคงไม่อาจอภัยให้ตัวเองได้ตลอดชีวิต!

“ขอบคุณอาวุโสหลิวอวี่มากที่กล่าวเตือนเรื่องนี้แก่ข้า…เป็นข้าเลินเล่อไม่ทันได้ฉุกคิดไปแล้วจริงๆ”

กล่าวถึงตรงนี้ต้วนหลิงเทียนก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆ ค่อยกล่าวให้คำมั่นกับหลิวอวี่ “ขออาวุโสโปรดวางใจ ข้าจะทำให้ทุกคนเห็นชัดว่าข้ากับพี่หลิวแตกหักกันภายใน 1 เดือน!”

“ต้วนหลิงเทียนเมื่อเข้าใจแล้วเช่นนี้นับว่าประเสริฐนัก ข้าต้องขอบคุณเจ้ายิ่ง…เรื่องนี้ทำให้ข้ารู้ว่าสายตาเสี่ยวอวิ๋นเอ้อนับว่าไม่เลวเลยจริงๆ”

หลิวอวี่พยักหน้ารับด้วยความพึงพอใจ ก่อนที่จะย่นคิ้วกล่าวออกด้วยความกังวล “หากแต่จากลักษณะนิสัยของเสี่ยวอวิ๋นเอ้อ ข้าเกรงว่าต่อให้ตีให้ตายมันก็ไม่ใช่คนที่ทอดทิ้งสหายได้ลงคอ…”

“เรื่องนี้ขอท่านอาวุโสหลิวอย่าได้กังวล ข้าจะหาทางเกลี้ยกล่อมพี่หลิวเอง”

ต้วนหลิงเทียนให้คำมั่น

และเมื่อได้ยินวาจานี้ของต้วนหลิงเทียน หลิวอวี่ก็โล่งอกนัก

หลังจากนั้นมันก็ไม่มีอะไรจะกล่าวสืบต่อแล้ว

หอคุมขังที่เป็นดั่งเรือนจำของหอคุมกฏนั้น ตั้งอยู่ทางตอนเหนือหอหลักของหอคุมกฏ เป็นพื้นที่ๆตั้งอยู่ติดกับเขาสูงชันทางด้านทิศเหนือของเกาะหลักพื้นที่แถบนี้แลดูเปลี่ยวร้างวังเวงน่ากลัวไม่น้อย

เมื่อมาถึงพื้นที่ใกล้ทางเข้าหอคุมขัง ต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวี่ก็ถูกหยุดขวางเอาไว้

“อาวุโสหลิวอวี่”

อาวุโสเพลิงทองแดงที่รับหน้าที่เฝ้าระวังเป็นผู้ที่ออกมาหยุดทั้งคู่ มันยังทักทายหลิวอวี่ด้วยทีท่าเคารพ

“พาข้าไปพบอาวุโสเมิ่งฉีกับคนอื่นๆ”

หลิวอวี่กล่าวสั่งออกเสียงเบา

“ทราบ”

หลังจากนั้นภายใต้การนำของอาวุโสเพลิงทองแดง ต้วนหลิงเทียนกับหลิวอวี่ก็ได้พบเจออาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3 ที่ได้รับมอบหมายให้ดูแลทั้งเฝ้าระวังเรือนจำ

และอาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3 นี้ก็เป็นที่รู้จักกันดีในบรรดาคนของหอคุมกฏ

และในบรรดาอาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3 ล้วนมีสัมพันธ์อันดับกับหลิวอวี่ทั้งสิ้น ทำให้อาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3 ตอบรับคำขอของหลิวอวี่ออกมาแทบจะทันที ไม่ขัดข้องอะไรเรื่องที่ต้วนหลิงเทียนคิดเข้าเยี่ยมก่านหรูเยี่ยน

อย่างไรก็ตามยังมีการจำกัดเวลา

ต้วนหลิงเทียนสามารถพบเจอกับก่านหรูเยี่ยนได้เพียง 1 เค่อเท่านั้น

ถึงแม้ต้วนหลิงเทียนจะรู้สึกว่าเวลาเพียงเค่อเดียวมันค่อนข้างสั้น แต่เขาก็ไม่คิดต่อรองขอเพิ่มอะไร เพราะเขารู้ดีแก่ใจว่าที่สามารถเข้าพบก่านหรูเยี่ยนได้ ล้วนเป็นเพราะอาวุโสเพลิงงานทั้ง 3 เห็นแก่หน้าของหลิวอวี่

เขาไม่มีคุณสมบัติจะต่อรองอะไร!

“เช่นนั้นรบกวนพวกเจ้าทั้ง 3 แล้ว”

เมื่อได้รับความยินยอมจากอาวุโสเพลิงเงินทั้ง 3หลิวอวี่ยกมือขึ้นมาป้องหมัด เป็นการคารวะขอบคุณทันที

ไม่นานต้วนหลิงเทียนก็ถูกพาเข้าไปในเรือนจำโดยอาวุโสเพลิงเงินคนหนึ่ง

หลังจากที่ต้วนหลิงเทียนถูกกนำเข้าไปด้านในหอคุมขังแล้ว อาวุโสเพลิงเงิน 2 คนที่อยู่ด้านนอกอดไม่ได้ที่จะถามหลิวอวี่ออกมาด้วยสงสัย “เฒ่าหลิวนี่เจ้าไปรู้จักมักคุ้นกับต้วนหลิงเทียนได้อย่างไรกัน รีบคายออกมาเร็วๆ!?”

“นั่นสิ เฒ่าหลิวที่แท้เจ้าไปรู้จักกับเจ้าเด็กน่ากลัวนั่นได้อย่างไร?”

เนื่องจากวีรกรรมอันหาญกล้าอุกอาจของต้วนหลิงเทียนในดินแดนศักดิ์สิทธิ์นั้น…เป็นอะไรที่เลื่องลือไปทั้งลัทธิบูชาไฟแล้ว! อาวุโสเพลิงเงินทั้ง 2 ย่อมอดไม่ได้ที่จะประหลาดใจ เมื่อได้มาพบเจอกกับต้วนหลิงเทียนในลักษณะนี้!!

ไม่เพียงเท่านั้นวีรกรรมที่ต้วนหลิงเทียนเคยก่อก่อนที่จะเข้าเป็นศิษย์ดินแดนศักดิ์สิทธิ์พวกมันก็รู้

“ก็มิได้มีใดมาก แค่มันเป็นสหายของรุ่นเยาว์ในตระกูลข้า และเจ้าเด็กน้อยนั่นก็มาร้องขอข้าให้ช่วยสหายมันเท่านั้น”

หลิวอวี่ยิ้มบางๆกล่าวตอบ

“เฒ่าหลิวจะอย่างไรเจ้าเด็กนั่นก็เสมือนเผือกร้อน…ข้าว่าเจ้าอยู่ห่างๆมันหน่อยเถอะ”

“นั่นสิ มันกล้ากระทั่งงัดข้อกับต่งหลิน…เจ้าอย่าได้ลืมไปว่าต่งหลินนั่นมันเป็นลูกรักของรองจ้าวหอคุมกฏถึงเพียงใด! เพื่อต่งหลินแล้วข้ากลัวว่ารองจ้าวหอคงไม่คิดปล่อยเจ้าเด็กแซ่ต้วนไปง่ายๆแน่!”

อาวุโสเพลิงเงินทั้ง 2 นั้นค่อนข้างสนิทกับหลิวอวี่ไม่น้อย จึงกล่าวเตือนสหายออกมาด้วยความหวังดี

“ขอบใจพวกเจ้ามาก เรื่องนี้ข้าเองก็รู้ดี…”

หลิวอวี่พยักหน้ารับ หากมันไม่เข้าใจในเรื่องนี้ไหนเลยจะกล่าวกับต้วนหลิงเทียนแต่แรก

อย่างไรก็ตามพอจำได้ว่าต้วนหลิงเทียนเข้าใจและรับปากมันเป็นมั่นเหมาะ มันก็รู้สึกโล่งอกไม่น้อย

ส่วนอีกด้านนั้น ต้วนหลิงเทียนก็ถูกอาวุโสเพลิงเงินนาม ‘เมิ่งฉี’ พาเดินลึกเข้ามาในหอคุมขัง จนกระทั่งมาถึงส่วนเรือนจำ

ทันทีที่เข้ามาในเขตเรือนจำ ต้วนหลิงเทียนพลันสัมผัสได้ถึงไอเย็นเยียบสายหนึ่งตีกระทบเข้าใบหน้า พานให้ร่างเขาอดสะท้านไปคราหนึ่งเสียไม่ได้…อากาศภายในเรือนจำแห่งนี้กลับเยียบเย็นเสมือนอยู่ในหุบเขาน้ำแข็งก็ไม่ปาน!

“ต้วนหลิงเทียนข้าขอถามอะไรเจ้าหน่อยเถอะ…เจ้ามีความสัมพันธ์อันใดกับเผ่าพันธุ์มังกรหรือไม่?”

เมิ่งฉีที่ไม่พูดอะไรตั้งแต่แรก อยู่ๆก็กล่าวถามออกมาด้วยความสงสัย

“ขอกล่าวบอกอาวุโสเมิ่งฉีตามตรง ข้าเพียงบังเอิญมีวาสนาได้รับสืบทอดมรดกของมังกรเทพยดา 9กรงเล็บมาเท่านั้น ถึงได้มีพรสวรรค์มังกรแปลง จนทำให้ข้าแปลงร่างเป็นนักรบมังกร 9 กรงเล็บได้…สำหรับเผ่าพันธุ์มังกรนั้นข้าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องอะไรด้วยเลย”

ต้วนหลิงเทียนเผยยิ้มแห้งๆออกมา

“ด้วยพลังสามารถระดับนี้ของเจ้า หากเจ้าไปเผ่าพันธุ์มังกรล่ะก็…พวกมันต้องอุ้มชูสนับสนุนเจ้าด้วยทุกสิ่งทุกอย่างที่พวกมันมีแน่นอน!”

เมิ่งฉีกระพริบตาปริบๆค่อยกล่าว “แม้ข้ามิรู้ว่าเจ้ากับตาแก่หลิวมีสัมพันธ์อันใดกัน แต่ในเมื่อเจ้านั่นเต็มใจช่วยเจ้าให้เข้าพบก่านหรูเยี่ยนแบบนี้ได้ แสดงว่าเจ้ามีความสัมพันธ์อันดีกับมันไม่น้อย”

“ข้ากับตาแก่หลิวเป็นสหายกันมานานปี และเห็นแก่มิตรภาพของพวกเรา ข้าขอแนะนำให้เจ้ารีบไปจากลัทธิบูชาไฟโดยเร็วที่สุดเถอะ เพราะรองจ้าวหอคุมกฏของพวกเรามิใช่ตัวตนที่เจ้าจะตอแยด้วยได้!”

ขณะกล่าวถึงรองจ้าวหอคุมกกฏ แววตาทั้งท่าทางของเมิ่งฉีเผยความหวาดกลัวออกมาชัดเจน

“ขอบคุณสำหรับความหวังดีของท่านมากอาวุโสเมิ่งฉี”

เมื่อเห็นว่าเมิ่งฉีกล่าวเตือนเขาด้วยความหวังดีต้วนหลิงเทียนก็เร่งกล่าวขอบคุณออกไปทันที หากแต่เขาก็ไม่คิดจะนำคำเตือนของเมิ่งฉีมาคิดแม้แต่น้อย

เขามาลัทธิบูชาไฟแห่งนี้ด้วยวัตถุประสงค์เพียงหนึ่งเดียวเท่านั้น

ช่วยเค่อเอ๋อกับลูกสาวเขา!

ก่อนที่จะช่วยพวกเค่อเอ๋อแม่ลูกให้พ้นเงื้อมมือของลัทธิบูชาไฟได้ เขาไม่คิดจากที่นี่ไปง่ายๆ

เมื่อเห็นความดื้อรั้นที่เผยออกในแววตาต้วนหลิงเทียน เมิ่งฉีก็ไม่คิดจะกล่าวใดให้มากความ นิ่งเงียบไปตลอดทาง

ยิ่งเดินเข้าไปในเรือนจำลึกมากเท่าไหร่ ไอเย็นที่ตกกระทบทั่วร่างของต้วนหลิงเทียนยิ่งมาก็ยิ่งหนาวเหน็บมากขึ้นเท่านั้น

“อาวุโสเมิ่งฉี…ภายในเรือนจำมันเหน็บหนาวถึงเพียงนี้เลยหรือ?”

สีหน้าของต้วนหลิงเทียนเปลี่ยนเป็นเคร่งขรึมจริงจังทันที ก่อนที่จะกล่าวถามเมิ่งฉีออกไปเสียงหนัก

เมื่อมองลึกเข้าไปยังเรือนจำ ใจเขาก็สั่นไหวไม่น้อย

“บริเวณที่กักขังนักโทษนั้น ยังหนาวกว่าบริเวณนี้มาก”

เมิ่งฉีกล่าวตอบ

“ยังหนาวเย็นกว่าที่นี่อีกหรือ?!”

ลูกตาของต้วนหลิงเทียนหดหยีลงทันใด สิ่งแรกที่เขานึกถึงก็คือเค่อเอ๋อกับลูกสาวของเขา

สภาพแวดล้อมที่หนาวเย็นถึงเพียงนี้ เค่อเอ๋ออาจสามารถทานทนได้เพราะพลังฝึกปรือของนาง…

แต่ลูกสาวของเขาเล่า?

นางยังพึ่งอายุเท่าไหร่กัน?

นางจะทนได้หรือ…

คิดถึงจุดนี้ หัวใจต้วนหลิงเทียนพลันปวดแปลบขึ้นมาปานมีร้อยมีดกรีดแทง!