บทที่ 691 ชะตากรรมที่ถูกลิขิตให้ล้มเหลว

ระบบสุ่มดวงชะตา ข้าจะเป็นอมตะ

บทที่ 691 ชะตากรรมที่ถูกลิขิตให้ล้มเหลว

หานเจวี๋ยปรับอารมณ์ ปิดกล่องจดหมาย เริ่มสอดส่องแดนเซียน

เรื่องที่ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงต้องเผชิญ ทำให้หานเจวี๋ยใส่ใจมรรคาสวรรค์มากขึ้น

มรรคาสวรรค์ต้องแข็งแกร่งขึ้น แข็งแกร่งจนถึงระดับที่เทพโบราณอย่างเจ้าอวิชชาฟ้าบุพกาลไม่อาจรุกรานได้

หลังจากสำนักไร้วิถีเข้าสู่เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลเพื่อนำร่องให้ก่อน ก็เริ่มมีผู้บำเพ็ญเข้าสู่เส้นทางสวรรค์ฟ้าบุพกาลมากขึ้นเรื่อยๆ สำรวจดินแดนแห่งโชควาสนาที่ยังไม่ถูกค้นพบ

หากอ้างอิงจากแนวโน้มนี้ จะเกิดการพัฒนาแนวโน้มภาพรวมและกระแสทิศทางขึ้นในไม่ช้าก็เร็ว

ถึงแม้แดนเซียนจะขยายใหญ่ขึ้น แต่พื้นที่กว้างขวางเหล่านั้น กลับไล่ตามความเร็วในการขยายตัวของสิ่งมีชีวิตไม่ทัน

ความเร็วในการสืบทายาทของโลกมนุษย์เริ่มชะลอตัวลง เหล่าผู้ทรงพลังพบว่าในเวลานี้ต่อให้บุกเบิกฟ้าดินขึ้นอีก พลังวิญญาณก็สู้โลกมนุษย์ที่เกิดขึ้นก่อนหน้านี้ไม่ได้ นี่เป็นสัญญาณบ่งบอกว่าจำนวนโลกมนุษย์ที่มรรคาสวรรค์สามารถรองรับได้ใกล้ถึงขีดจำกัดแล้ว

ต้องทราบก่อนว่าโลกมนุษย์ใบหนึ่งมิได้เรียบง่าย มีเพียงผืนแผ่นดินแห่งหนึ่งเท่านั้น จะต้องสร้างห้วงอวกาศที่สอดรับกันด้วย คล้ายกับจักรวาลที่ดาวโลกตั้งอยู่

โลกมนุษย์หลายหมื่นใบ จักรวาลหลายหมื่นแห่ง จำนวนพลังวิญญาณที่ต้องการยากจะคำนวณออกมาได้

หานเจวี๋ยสอดส่องเมืองนรกในยมโลกต่อ

ปริมาณงานของวัฏจักรเพิ่มขึ้นจากก่อนหน้านี้มากนัก แม้แต่จำนวนเจ้าพนักงานผีก็เพิ่มพรวดพราดขึ้นเช่นกัน เมื่อทอดสายตามองออกไป มีตำหนักพญายมเพิ่มขึ้นหลายสิบหลัง บนแม่น้ำปรโลกก็ปรากฏสะพานอนิจจังขึ้นมากมาย ด้านหน้าสะพานอนิจจังแต่ละแห่งมีการต่อแถวกันยาวเหยียดเราวกับมังกร ลากยาวออกไปหลายร้อยลี้

เผ่าหายนะและเผ่าสวรรค์ก็เกิดเหตุการณ์สมรสเชื่อมสัมพันธ์กัน ทำให้ทั้งสองเผ่าสมานฉันท์กันมากขึ้น

ทุกอย่างดูสงบสุขดี ราบรื่นยิ่งนัก

ทันใดนั้นหานเจวี๋ยก็ค้นพบว่าจักรพรรดินีผืนพิภพยังไม่กลับมา

นางทอดทิ้งวัฏจักรไปแล้วหรือ?

แต่พอคิดดูอย่างละเอียด หากว่ากันในมุมของจักรพรรดินีผืนพิภพ เกรงว่าวัฏจักรคงเป็นเพียงภาระฉุดรั้ง

ระเบียบวัฏสงสารถูกกำหนดขึ้นแล้ว นางไม่จำเป็นต้องรับผิดชอบควบคุมอีก แต่นางก็ไม่สามารถบรรลุถึงระดับที่สูงยิ่งขึ้นไปได้ ถึงขั้นที่ถูกวัฏจักรผูกมัดเอาไว้อีกด้วย

สาเหตุที่นางพิสูจน์มรรคได้ คาดว่าคงเป็นเพราะตัดบ่วงกรรมกับวัฏจักรแล้ว

หานเจวี๋ยมองซูฉีศิษย์ของตน

เป็นอย่างที่คิดไว้!

ดวงชะตาวัฏจักรของซูฉีเหนือล้ำกว่าในอดีตมากนัก หากวัดกันดูแล้วไม่ด้อยไปกว่าจักรพรรดินีผืนพิภพในอดีตเลย

ดูเหมือนจักรพรรดินีผืนพิภพจะเลือกซูฉีเป็นผู้สืบทอดของตน

หานเจวี๋ยขมวดคิ้ว

เขาทำให้ซูฉีกลายเป็นเทพมารฟ้าบุพกาลแล้ว ไหนเลยจะถูกตำแหน่งอริยะแห่งวัฏจักรผูกมัดไว้ได้

เขานับนิ้วทำนายดู พบว่าซูฉีเพียงครอบครองดวงชะตาวัฏจักรเท่านั้น มิได้ถูกบ่วงกรรมวัฏจักรเหนี่ยวรั้งเลย

เด็กคนนี้มีลูกไม้อยู่บ้าง

หานเจวี๋ยไม่คิดจะไปสอบถามเขา ซูฉีเติบใหญ่แล้ว มีความสามารถพอจะรับผิดชอบตัวเอง หานเจวี๋ยจะคอยตามใส่ใจเขาไปเสียทุกเรื่องได้อย่างไร

หานเจวี๋ยหันเหสายตา มองออกไปนอกเขตยมโลก

สื่อหยวนหงเหมิง

เขายังอยู่ในสภาวะหลับใหล โลงศพไม่ไหวติง จารึกเบิกฟ้าตั้งอยู่หน้าโลงศพ ไม่ได้ผุกร่อนไปตามกาลเวลา

คาดว่าคงต้องรอให้กลายเป็นเทพมารอนธการได้สำเร็จก่อนคนผู้นี้ถึงจะตื่นขึ้นมา

หานเจวี๋ยใจเต้นแวบหนึ่ง เกิดความอยากรู้ขึ้นมา

เขาเปิดใช้ความสามารถวิวัฒนาการ ถามในใจว่า ‘อีกนานแค่ไหนกว่าเขาจะเปลี่ยนร่างสำเร็จ’

[จำเป็นต้องหักอายุขัยสองแสนล้านปี จะดำเนินการต่อหรือไม่]

ดำเนินการต่อ!

[เปลี่ยนร่างไม่สำเร็จ]

หืม

ไม่สำเร็จอย่างนั้นหรือ

เพราะเหตุใด

หานเจวี๋ยถามต่อ

[เนื่องจากเกี่ยวข้องกับปัจจัยที่อยู่เหนือขีดจำกัดของระบบในขณะนี้ ไม่สามารถวิวัฒนาการได้]

หานเจวี๋ยเข้าใจแล้ว ดูเหมือนจะมีกฎเกณฑ์ขั้นสูงควบคุมไว้อีกแล้ว

เขาอดไม่ได้ที่จะไว้อาลัยให้สื่อหยวนหงเหมิงอย่างเงียบงัน คาดว่าคนผู้นี้คงไม่ทราบถึงชะตากรรมของตน ถูกลิขิตไว้ให้ล้มเหลว

ล้มเหลวไปก็ดี

หากคนผู้นี้สำเร็จเป็นเทพมารอนธการจริงๆ อยู่ใกล้มรรคาสวรรค์เช่นนี้ อาจมาหาเรื่องมรรคาสวรรค์ก็ได้ หรือต่อให้ไม่มาหาเรื่อง ก็คงชักนำความเดือดร้อนมากมายมาให้มรรคาสวรรค์

หานเจวี๋ยถอนสายตากลับมา ทำความเข้าใจมหามรรคต่อ

พิสูจน์มหามรรคให้ได้ก่อนแล้วค่อยว่ากัน!

….

ณ ชั้นฟ้าที่สามสิบสาม อาณาเขตเต๋าอริยะ

หวงจุนเทียนกำลังนั่งสมาธิฝึกบำเพ็ญ หลังสำเร็จเป็นอริยะ บุคลิกของเขาไม่ธรรมดาเลย บุคลิกคล้ายกับปรมาจารย์ลัญจกรสรวงและจอมอริยะเสวียนตูยิ่ง

เขาลืมตาขึ้น ถอนหายใจออกมาคราหนึ่ง

“ระดับความก้าวหน้าของตบะช่างเชื่องช้าเหลือเกิน จนแทบจะย่ำอยู่กับที่อยู่แล้ว”

หวงจุนเทียนมีสีหน้ากลัดกลุ้ม

ในอดีตกาลตำแหน่งอริยะเคยอยู่สูงจนเขาเอื้อมไม่ถึง ยามนี้พอบรรลุถึง เขาย่อมเลี่ยงไม่ได้ที่จะอยากแข็งแกร่งมากขึ้น ผลคือพบว่าเป็นไปไม่ได้เลย

หากไม่ได้รู้จักหานเจวี๋ยและผานซิน เขาอาจจะพอใจกับสิ่งที่มี

แต่นิสัยของมนุษย์ก็เป็นเช่นนี้ ขอเพียงเคยพบเห็นสิ่งที่ดียิ่งกว่ามาก่อน ย่อมไม่รู้สึกพอใจ

หวงจุนเทียนนึกถึงหานเจวี๋ย เขาได้ยินข่าวมาว่า หลังพิสูจน์มรรคหานเจวี๋ยแข็งแกร่งขึ้นอย่างรวดเร็วเสมอมา ราวกับมิใช่อริยะ

ตอนนี้เขาได้แต่หวังพึ่งหานเจวี๋ยแล้ว

ขอเพียงสงบใจทำงานรับใช้หานเจวี๋ย เขาเชื่อว่าหานเจวี๋ยไม่มีทางเอาเปรียบเขา

หลังพิสูจน์มรรค เขาลองเอ่ยถึงหานเจวี๋ยกับเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยดู สอบถามเพื่อดูว่าเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยมีทัศนคติอย่างไรต่อหานเจวี๋ย ผลคือถูกเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยตำหนิอย่างหนัก ไม่ให้พูดถึงหานเจวี๋ยส่งเดช ความเคารพที่แฝงอยู่ในคำพูดนั้นกระตุ้นหวงจุนเทียนอย่างลึกซึ้ง

เขามั่นใจว่า เหตุผลที่เขาพิสูจน์มรรคได้ เป็นเพราะหานเจวี๋ยผลักดันอยู่เบื้องหลังแน่นอน ก่อนหน้านี้เจ้านิกายเทียนเจวี๋ยไม่เคยสนิทสนมใกล้ชิดกับเขาขนาดนั้น!

หวงจุนเทียนปรับอารมณ์ ตัดสินใจยุติการบำเพ็ญ เริ่มใคร่ครวญถึงความตั้งใจของหานเจวี๋ย

ต้องทำอย่างไรกันแน่ ถึงจะช่วยงานหานเจวี๋ยได้

“เจ้าอยากแข็งแกร่งขึ้นหรือ”

เสียงหนึ่งพลันแว่วอยู่ในหูของหวงจุนเทียน

หวงจุนเทียนขมวดคิ้ว กวาดจิตศักดิ์สิทธิ์ออกไป ทว่ากลับไม่พบร่องรอยของผู้ใด

“คุณสมบัติของเจ้าถึงขีดจำกัดแล้ว หากคิดจะปีนสูงขึ้นไปอีก จำเป็นต้องทำลายทิ้งแล้วตั้งต้นใหม่”

เสียงนั้นดังแว่วขึ้นอีกครั้ง หวงจุนเทียนไม่เคยได้ยินเสียงนี้มาก่อน รู้สึกไม่คุ้นเคยยิ่ง

“อริยะมรรคาสวรรค์เป็นเพียงเรื่องหลอกลวงที่บรรพชนเต๋าสร้างขึ้น อาศัยพลังพิสูจน์มรรคใช่ว่าจะเป็นไปไม่ได้ ข้าช่วยให้เจ้าเปลี่ยนแปลงได้ ให้เจ้าอยู่เหนือมรรคาสวรรค์ทั้งปวงได้”

หวงจุนเทียนขมวดคิ้วแน่นยิ่งกว่าเดิม ถามเสียงขรึม “ท่านคือผู้ใด”

“มาหาข้า…ข้าจะรอเจ้า…”

ขณะที่เสียงแว่วอยู่นั้น หวงจุนเทียนคล้ายจะตระหนักอะไรได้ สายตามองไปยังโลงศพใบหนึ่งที่อยู่นอกเขตยมโลกอย่างไม่อาจควบคุมตัวเองได้

เป็นสิ่งนั้น!

หวงจุนเทียนเคยได้ยินเจ้านิกายเทียนเจวี๋ยเอ่ยถึงมาก่อน โลงศพใบนั้นอันตรายยิ่งนัก ห้ามเข้าใกล้ส่งเดช

ไม่ทราบว่าเพราะเหตุใด ความไม่พอใจในระดับตบะของหวงจุนเทียนเริ่มขยายใหญ่ขึ้น ยึดกุมหัวใจของเขาอย่างรวดเร็ว

แต่ถึงอย่างไรเขาก็ยังคงเป็นอริยะ ได้สติขึ้นมาในทันใด เหงื่อเย็นเฉียบผุดซึมออกมา

อีกฝ่ายเป็นตัวตนเช่นใดกันแน่

อาศัยเพียงวาจาก็สามารถล่อลวงจิตใจอริยะอย่างเขาได้!

หวงจุนเทียนมองโลงศพของสื่อหยวนหงเหมิงอีกครั้ง ในใจพลันเกิดอารมณ์ชั่ววูบอยากไปสำรวจโลงศพใบนี้ขึ้นมาอีกครั้ง

ถ้าไม่เช่นนั้น ลองไปดูสักหน่อยดีหรือไม่

อยู่ใกล้ๆ มรรคาสวรรค์ จะเกิดเรื่องได้หรือ

หวงจุนเทียนกัดฟัน ตัดสินใจว่าจะลองไปดู เขาจะใช้ร่างแยกไปก่อน ให้ร่างจริงยืนอยู่ในขอบเขตมรรคาสวรรค์ เผื่อต้องเผชิญกับการโจมตีลอบสังหาร

เมื่อตัดสินใจได้ เขาค่อยๆ ลุกขึ้นยืน เลือนหายไปจากจุดเดิม

….

ห้าพันปีผ่านไปในชั่วพริบตา

หานเจวี๋ยลืมตาขึ้น บุคลิกของตัวคนดูเลื่อนลอย ราวกับเลือนหายไปตามเวลา

ถึงแม้จะยังไม่ได้พิสูจน์มหามรรค แต่เขาอยู่ในระหว่างปรับเปลี่ยนสู่อริยะมหามรรค

จากมรรคสู่มรรค สุญตาเลื่อนลอย คงอยู่ทุกที่ แต่ไม่ว่าที่ใดก็เสาะหาไม่พบ

“ฮู่…”

หานเจวี๋ยพรูลมหายใจออกมา แววตาแจ่มชัด

ยังขาดไปอีกเล็กน้อย!

ต้องใช้เวลาสำหรับทำความเข้าใจ

หานเจวี๋ยเรียกกล่องจดหมายออกมา ต้องการเบี่ยงเบนความสนใจสักหน่อย

[หวงจุนเทียนสหายของท่านเผชิญกับการโจมตีจากผู้ทรงพลังลึกลับ กายเนื้อแตกสลาย]

[ปรมาจารย์ลัญจกรสรวงสหายของท่านเผชิญกับความเสียหายจากค่ายกลลึกลับ มหามรรคหลุดลอยไป]

[โจวฝานศิษย์ของท่านเผชิญกับการโจมตีจากมารปีศาจฟ้าบุพกาล] x7821023

[จักรพรรดินีผืนพิภพสหายของท่านเผชิญกับคำสาปแช่งลึกลับ]

[หวงจุนเทียนสหายของท่านผสานรวมกับผู้ทรงพลังลึกลับ พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

[หานทั่วบุตรชายของท่านพลัดหลงเข้าสู่แดนต้นกำเนิดฟ้าบุพกาล พลังมรรคเพิ่มขึ้นฉับพลัน]

………………………………………………………………