คุณหนูจวินฉวยจังหวะยกชาบนโต๊ะขึ้นมา
จานรองถ้วยชากระทบส่งเสียงใสกังวานทำลายบรรยากาศชะงักนิ่งในห้อง
“หลังจากนั้นเล่า?” นางถามต่อ
“ต่อมาพวกเราก็อาศัยอยู่ที่เขาจางชิงซานแห่งนี้ พี่ใหญ่บอกว่าทำสิ่งใดก็ต้องเหมือนสิ่งนั้น พวกเราเลยเริ่มล่าสัตว์ทำนา” หยางจิ่งเอ่ย
คุณหนูจวินคิดถึงตาข่ายฟ้าตาข่ายดินพวกนั้นบนเขา คล้ายมองเห็นยามนั้นบุรุษคนนั้นเดินอยู่ท่ามกลางสิ่งเหล่านี้ จดจ่อทั้งยังเงียบเหงาเปล่าเปลี่ยวอยู่บ้างวางทางลับและอาวุธลับ
“หลังจากนั้นผ่านไปอีกสองปี พี่ใหญ่ก็ตัดสินใจไปค้นหาหลักฐานกับพยาน บอกว่าไม่นานจะกลับมา ให้พวกเรารออยู่ที่นี่” เซี่ยหย่งเอ่ยต่อ
พูดจบประโยคนี้ในห้องก็จมสู่ความเงียบอีกหน
หลังจากนั้น คนผู้นี้ไปแล้วก็ไม่กลับมา ส่วนพวกเขาก็อยู่ที่เขาจางชิงซานรอหนหนึ่งก็สิบกว่าปี
มิน่าอาจารย์หญิงถึงโกรธ อาจารย์จากไปแล้วข่าวสักนิดก็ไม่ส่งไม่ทิ้งไว้ให้เช่นนี้ ช่าง…
คุณหนูจวินในใจถอนหายใจ วางถ้วยชาในมือลง
“พวกเราก็เคยลองไปตามหาพี่ใหญ่ แต่ก็ไม่กล้าจากไปไกลนัก พวกเราเคยไปหาทางการค่ายทหาร แต่พวกเขาไม่เพียงไม่เชื่อ ได้ยินว่าพวกเราเป็นชาวจัวโจวก็บอกว่าพวกเราเป็นสายลับ จับพี่น้องคนหนึ่งของพวกเราไป” เซี่ยหย่งเอ่ย เสียงแหบพร่าอยู่บ้าง “ให้พวกเราเอาเงินมาไถ่คน พวกเราชั่วขณะหาเงินไม่ได้ ผลสุดท้ายพี่น้องของเราจึงถูกทรมานในคุกทนพิษบาดแผลไม่ไหว…”
เขาพูดถึงตรงนี้ก็เล่าต่อไปไม่ไหวหันหน้าหนี
ฝ่าวงล้อมแน่นหนามีชีวิตรอดมาถึงตอนนี้ได้ย่อมต้องเป็นคนที่กล้าหาญยิ่งร้ายกาจยิ่ง ผลสุดท้ายไม่ได้ตายในสนามรบ ตายในมือโจรจิน กลับตายในคุก ตายด้วยมือคนของตนเอง
นี่มันช่าง…
คุณหนูจวินเงยศีรษะขึ้นถอนหายใจ
“พวกเราไปดื่มอีกสักจอก” นางยันมือลุกขึ้นยืน
……………………………………….
ตอนคุณหนูจวินโงนเงนสะบัดแขนเสื้อกลับมาถึงที่พักของตนก็ดึกดื่นแล้ว
“พี่สาว ท่านไปนอนเถอะ” จ้าวฮั่นชิงหาวอยู่ด้านหลังเอ่ยขึ้น
คุณหนูจวินหันหน้ากลับมา
“อย่าลืมใช้ยาทาหน้า” นางอมยิ้มเอ่ย
จ้าวฮั่นชิงขานตอบจากนั้นเข้าไปในห้องด้านข้าง
คุณหนูจวินยืนอยู่ตรงทางเดินมองท้องฟ้ายามราตรีหนหนึ่ง พระจันทร์สว่าง ดวงดาวน้อยนิด ค่ำคืนฤดูใบไม้ผลิผู้คนสุขสันต์ นางอดไม่ได้ยื่นมือค้ำเสาทางเดินไว้ เอนศีรษะพิง
เสาทางเดินยังเย็นสบายอยู่ แนบลงไปสบายยิ่งนัก
“เฮ้”
มีเสียงบุรุษติดจะหงุดหงิดอยู่บ้างลอยมาจากในห้อง
คุณหนูจวินที่พิงเสาทางเดินอยู่หันกลับไปมอง เห็นบุรุษผู้หนึ่งยืนอยู่หน้าประตู แสงโคมในห้องห่มบนร่างของเขาแสงสว่างกับความมืดผสานรวมกัน
คุณหนูจวินครุ่นคิดครู่หนึ่งก็เงยศีรษะมองรอบด้าน
“ข้าไม่ได้เดินมาผิดที่กระมัง?” นางเอ่ยขึ้น หน้าผากพลันแปะกับเสาอีกครั้งแล้วแย้มยิ้ม “สามี ทำไมข้าวิ่งมาถึงที่ของท่านได้?”
ดู ดูสภาพไม่เรียบร้อยนี่สิ!
จูจั้นกัดฟัน
“ถึงกับเป็นไอ้ขี้เมาคนหนึ่ง” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินหัวเราะคิกคัก
“ไม่ใช่ ข้าไม่ดื่มเหล้าหรอก เหล้าดื่มแล้วเมาแล้ว คนที่ต้องการจับก็หนีไปแล้ว” นางเอ่ยขึ้น ยื่นมือคล้ายต้องการไปจับจูจั้นที่เดินเข้ามา
จูจั้นกัดฟันกรอดๆ ครู่หนึ่งก็ยื่นมือมาจับหัวไหล่นางไว้ หิ้วเข้าห้อง
“ข้าถามเจ้า ฝั่งนั้นของเจ้ายังมีข่าวอย่างอื่นของเมืองหลวงอะไรไหม?” เขาเอ่ยถาม
“เมืองหลวงยังมีข่าวอะไรได้อีก นอกเสียจากปกป้องกั๋วกงหรือทำร้ายกั๋วกง” คุณหนูจวินยิ้มพูดขึ้น “กลัวเขาทำไม แค่ไปก็พอแล้ว”
จูจั้นยิ้มหยัน
“เจ้าก็พูดง่ายสิ พ่อข้าอาจไปตายก็ได้” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินยื่นมือคว้าแขนเขาไว้
“พ่อข้าตายแล้ว” นางเอ่ย “นั่นแล้วอย่างไร? ข้าก็ควรกลัวไม่ไปหรือ?”
พ่อนาง…
จูจั้นขมวดคิ้วมองดูสตรีที่แนบชิด เห็นความโกรธแค้นเศร้าโศกในดวงตาของนางชัดเจนยิ่งนัก
“…คนมากมายล้วนตายไปแล้ว” คุณหนูจวินเอ่ยต่อ จับแขนของจูจั้นไว้ “พวกเรากลัวอะไร? หลบอะไร! ต้องไปสิ!”
นางยื่นมือชี้เมืองหลวงอีกครั้ง
“ไปเมืองหลวง”
“ไปโวยวาย!”
“ไปให้พวกเขารู้ว่าอะไรเรียกยุติธรรม!”
“ไปให้พวกเขาหวาดกลัว!”
“ไปให้พวกเขาไม่ได้มีชีวิตสบาย!”
จูจั้นถูกนางดึงก้าวไปข้างหน้าก้าวหนึ่ง หงุดหงิดอยู่บ้างสะบัดมือของคุณหนูจวินออก
ดู ดูสภาพเสียสตินี่!
“ทำไมข้าต้องคุยกับไอ้ขี้เมาคนนี้อย่างเจ้าด้วย” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์ ยกเท้าเดินไปทางด้านนอก
คุณหนูจวินคว้าแขนของเขาเอาไว้ ถูกเขาพาไปด้านหน้าพลันสะดุดล้ม
จูจั้นเดิมทีจะสะบัดออกไม่สนใจ แต่ก็ยังยื่นมือไปรั้งไว้ ไม่ให้นางล้มลงกับพื้น
คุณหนูจวินจับแขนของเขาไว้ ยืนตรงมองดูเขา
“จูจั้น” นางเอ่ยจริงจัง “หลบไม่ได้ กลัวไม่ได้ ถอยไม่ได้ ไม่ได้เด็ดขาด สวรรค์มีความยุติธรรม”
จูจั้นมองนาง ดวงตาของนางเวลานี้กระจ่างใส บนใบหน้ายิ่งไม่มีความเมามายสักนิด
แน่นอนไม่มีทาง…
“ข้าไม่ได้บอกว่ากลัวหรือจะหลบ” เขาเอ่ยอย่างไม่สบอารมณ์
สิ้นเสียง คุณหนูจวินก็หัวเราะฮ่าฮ่า ตบหัวไหล่เขา
“ไม่ผิด กลัวอะไร” นางยื่นมือชี้ฟ้า “สวรรค์มีความยุติธรรม ไม่ให้ ข้าก็จะไปคว้า พวกเราไปเอา ไปแย่งมันมา!”
จูจั้นหน้าดำ
“เจ้าขี้เมานี่” เขาโมโหเอ่ยขึ้น แงะมือคุณหนูจวินออกจากร่าง แขนยาวๆ ผลักนางออก “ไป ไป ไป”
คุณหนูจวินล้มไปข้างหลัง ยังดีด้านหลังมีโต๊ะขวางอยู่
จูจั้นสีหน้ารังเกียจรีบเดินไปทางด้านนอก เดินไปถึงประตูก็หยุดเท้าอีกครั้ง มองซ้ายมองขวา ไม่เห็นสาวใช้หญิงรับใช้สักคน
“ทำอะไรลับๆ ล่อๆ กระทั่งคนรับใช้ก็ไม่เอา” จูจั้นหงุดหงิดพึมพำทีหนึ่ง หันกลับไปมอง เห็นคุณหนูจวินนั่งลงบนโต๊ะแล้วยังนั่งขัดสมาธิ มือยันใต้คางมองเขา
เห็นเขามองมาก็ยิ้มทีหนึ่ง
ดูสิดู ดูสิดูสภาพไม่เรียบร้อยนี่ ผู้คนที่ยกย่องนางเป็นหมอเทวดาเป็นเทพพวกนั้น รู้สภาพที่แท้จริงนี่ของนางไหม? เห็นเข้าคงตกใจ
จูจั้นหันศีรษะไปเห็นห้องด้านข้างโคมยังสว่างอยู่ รู้ว่าที่นี่เด็กสาวที่เรียกตนเองว่าเป็นน้องสาวคนนั้นพักอยู่ เขาจึงก้าวไปเคาะประตู
“เฮ้เฮ้เฮ้” เขาตะโกนไปพลาง นี่เป็นการเตือนอีกฝ่ายว่าตนเป็นบุรุษ
ด้านในประตูไม่มีความตระหนกลนลาน ยิ่งไม่มีคำถาม นาทีต่อมาประตูก็ดึงพรึบเปิดออก
คนทั้งหน้าดำปี๋เหลือเพียงดวงตาสุกใสสองข้างคนหนึ่งปรากฏตัวตรงหน้า
“เฮ้ย” จูจั้นตกใจสะดุ้งโหยงหลุดปากตะโกน
“ทำอะไร?” จ้าวฮั่นชิงเอ่ยถาม
จูจั้นจ้องหน้าของนาง หลังเสียกิริยาชั่วขณะก็ฟื้นกลับมาปกติ ประหนึ่งหน้าของจ้าวฮั่นชิงไม่มีสิ่งใดผิดแปลกสักนิด เขายื่นมือชี้ห้องของคุณหนูจวิน
“ยัยนั่นดื่มเมาแล้ว เจ้าไปดูแลหน่อยสิ” เขาเอ่ย
จ้าวฮั่นชิงก็มองเขาบ้าง
“ข้ายุ่งอยู่นะ” นางเอ่ย “เจ้าไม่ใช่ไม่มีธุระรึ? เจ้าไปสิ”
พูดจบก็ปิดประตู
คุณพระ! ในใจจูจั้นตะโกนอีกครั้ง นี่ล้วนเป็นคนยังไงกันฮะ?
ดึกดื่นเที่ยงคืนเช่นนี้ให้เขาบุรุษคนหนึ่งไปดูแลสตรีที่ดื่มจนเมาคนหนึ่ง? เด็กสาวคนนี้ซื่อบื้อหรือไม่?
ไม่ ไม่ใช่ซื่อบื้อ ไม่ปกติ
ทำไมคนที่ติดตามนางล้วนไม่ปกตินะ?
จูจั้นถลึงตามองประตูครู่หนึ่ง จะสะบัดมือจากไป แต่ก็ยังชิงชังหมุนกลับไป
“ถือว่าใช้หนี้แทนพ่อข้าแล้วกัน” เขาพึมพำประโยคหนึ่ง
……………………………………….
แสงสว่างส่องบนใบหน้า คุณหนูจวินยกมือขึ้นบังดวงตา พร้อมกันนั้นก็พลิกกายทีหนึ่ง พลันรู้สึกว่าปากแห้งลิ้นร้อน หลับตาคลำไปที่หัวเตียงโดยไม่รู้สึกตัว
คลำไม่พบถ้วยชา แต่มีน้ำหยดพรมบนใบหน้า
เย็นช่ำ ฝนตกแล้วหรือ?
ไม่น่าใช่ นางค้างแรมข้างนอกล้วนดูอากาศล่วงหน้าเตรียมพร้อมเรียบร้อยเสมอ ถูกฝนสาดเรื่องเช่นนี้ตั้งแต่หลังนางอายุสิบสามก็ไม่เคยพบอีก
คุณหนูจวินพลันลืมตาขึ้น เห็นหน้าเตียงจูจั้นก้มมองนาง
มือข้างหนึ่งของเขาถือถ้วยชา มือข้างหนึ่งกำลังแตะอยู่ข้างใน เห็นนางมองมา นิ้วของเขาก็ดีดอีกครั้ง
คุณหนูจวินยกมือขึ้นกัน หยดน้ำร่วงลงบนหลังมือ
“ทำอะไร?” นางเอ่ย เสียงติดจะแหบพร่าจากอาการเมาค้าง
หลังจากนั้นนางก็คิดขึ้นได้ว่าเกิดเรื่องอะไร อายเล็กน้อยยื่นมือกุมหน้าผาก แล้วเงยศีรษะมองจูจั้น
“เรียกพวกสาวใช้หญิงรับใช้มาก็ได้แล้ว” นางคิดนิดหนึ่งแล้วเอ่ยบอก
จูจั้นยิ้มหยัน
“สภาพนี้ของเจ้าซ่อนไว้เป็นดี เจ้ายังได้ชื่อว่าภรรรยาของท่านชายอยู่นะ หลังเมามายพ่นวาจาผิดจารีตอะไรออกมาจะพัวพันถึงตระกูลของพวกเรา” เขาเอ่ย
คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่า
นางย่อมเข้าใจความกังวลของจูจั้น ไม่ใช่เช่นนั้นอย่างที่เขาว่า แต่เห็นที่นี่ของนางปกติไม่ให้สาวใช้บ่าวหญิงคอยรับใช้ เขาคงคิดว่ามีเจตนาลึกซึ้งอะไร
ที่จริงก็แค่ให้สะดวกกับฮั่นชิงเท่านั้น อย่างไรสาวใช้หญิงรับใช้ทั้งหลายเหล่านี้เห็นสภาพของฮั่นชิงเข้าก็ยากเลี่ยงซุบซิบนินทา
เขาถึงกับใส่ใจรายละเอียดเล็กน้อยนี่ แล้วยังเฝ้าดูด้วยตนเองคืนหนึ่ง
รอยยิ้มบนหน้าของคุณหนูจวินเปลี่ยนเป็นอ่อนโยนอีกครั้ง
“ขอบคุณท่าน” นางเอ่ย “เป็นเด็กดีคนหนึ่งจริงๆ”
ประโยคแรกยังนับว่าปกติ ประโยคที่สองก็ไม่ปกติทันที เรียกใครว่าเด็กกันเล่า
จูจั้นสบถทีหนึ่ง กำลังจะพูดอะไรก็มีนายทหารยื่นศีรษะมาจากนอกประตูเรือน
“ท่านชาย ท่านหญิง ท่านกั๋วกงให้มาบอกว่าท่านหญิงเฉิงกั๋วมาถึงแล้วขอรับ” เขาเอ่ยเสียงดัง