บทที่ 565 ลูกผู้ชายแก้แค้นไม่ต้องรอนานก็ได้ (1)
มีคนก่อเรื่องวุ่น
หลังจากได้ยินคำพูดของนักพรตเต๋าตั๋วเป่า หลี่ฉางโซ่วและจ้าวกงหมิงต่างก็มองหน้ากันในขณะที่พวกเขามีความคิดเหมือนกัน
แม้แต่นักพรตเต๋าตั๋วเป่า ก็ยังรู้สึกว่ามีบางอย่างผิดปกติหลังจากที่เขากล่าวจบ ดังนั้นเขาจึงครุ่นคิดอย่างละเอียดถี่ถ้วน…
เทพธิดาหั่วหลิงได้ย้ายไปบำเพ็ญเพียรที่ถ้ำหลัวฝูบนภูเขาเอ๋อร์เหมยแล้ว จ้าวกงหมิง ศิษย์คนโตของสำนักชั้นนอกแห่งสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้กลายเป็นคู่บำเพ็ญเต๋ากับศิษย์คนโตของสำนักชั้นใน เทพธิดาหั่วหลิง
นั่นเป็นคำพูดที่หวงหลงเจินเหรินแห่งวังอวี่ซวีกล่าวด้วยตัวเอง!
นักพรตเต๋าตั๋วเป่าพึมพำว่า “หรือว่า หั่วหลิง เทพธิดาหั่วหลิงจะถูกวางแผนทำร้าย?”
จ้าวกงหมิงตอบทันทีว่า “ศิษย์หลานหั่วหลิงและข้าจะมีความสัมพันธ์กันได้อย่างไร? แค่กๆ มันเกิดขึ้นได้อย่างไร? ก่อนหน้านี้ ศิษย์น้องหญิงจินกวงได้รับบาดเจ็บและเป็นลมหมดสติที่หน้าถ้ำของข้า
ข้าจึงพานางเข้าไปข้างในเคหาสน์ถ้ำ ครั้นเมื่อคิดว่ามันไม่เหมาะที่ข้าจะดูแลนางเอง ข้าจึงขอให้ศิษย์หลานหั่วหลิงมาช่วยดูแลจินกวง นางสนิทกับจินกวงที่สุด พวกนางมักอยู่ด้วยกันเสมอ”
ทันใดนั้นใบหน้าที่อวบอิ่มเล็กน้อยของนักพรตเต๋าตั๋วเป่าก็เผยการครุ่นคิดออกมามากขึ้นเล็กน้อยทันทีในขณะที่เขายืนเอามือไพล่หลังอยู่บนเมฆ
“นี่คือข่าวศิษย์น้องหวงหลงที่ปล่อยออกมา…”
“ศิษย์พี่ทั้งสอง” หลี่ฉางโซ่วยิ้มและกล่าวว่า “ไปที่ห้องโถงด้านในก่อน ห้องโถงด้านในมีแผนภาพไท่จี๋ปกคลุมเอาไว้ จะไม่มีผู้ใดได้ยินสิ่งที่พวกเราพูดคุยกัน”
เห็นได้ชัดว่าเขากำลังสื่อเป็นนัยถึงอะไรบางอย่าง
จ้าวกงหมิงกล่าวว่า“ ข้าจะกลับไปดูว่าเกิดอันใดขึ้นที่เคหาสน์ถ้ำ!”
“ไปด้วยกันเถิด” นักพรตเต๋าตั๋วเป่าเผยสีหน้าจริงจังที่หายากออกมา “ฉางเกิง เจ้าเป็นจอมวางแผนและมีสติปัญญาไหวพริบดี น่าจะคิดการณ์ได้มากกว่า เจ้ามากับพวกเราด้วยได้หรือไม่ แม้นี่จะเป็นเรื่องเล็กน้อย และบางทีอาจจะเป็นแค่เรื่องตลกจากศิษย์น้องหวงหลง แต่ก็ก่อให้เกิดความแตกแยกระหว่างสำนักบำเพ็ญเต๋าฉานและสำนักบำเพ็ญเต๋าเจี๋ยได้ง่ายมาก เจ้าเป็นศิษย์ของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน เจ้าอยู่ตรงกลางและน่าจะช่วยประสานไกล่เกลี่ยได้ง่ายกว่า”
“ตกลง”
หลี่ฉางโซ่วตกลงอย่างง่ายดาย จากนั้นเขาก็หยิบตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ออกมาจากแขนเสื้อแล้วส่งให้จ้าวกงหมิง
“ศิษย์พี่ ท่านนำตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์นี้ของข้าไปด้วยก่อน ข้าจะจัดการบางอย่าง”
“ได้”
กงหมิงและตั๋วเป่าพยักหน้าพร้อมกัน จากนั้นพวกเขาก็ขี่เมฆไปในทันที…แค่กๆ ขุดหลุม[1]แล้วพุ่งไปที่ถ้ำหลัวฝูบนภูเขาเอ๋อร์เหมย
หลังจากสองผู้ยิ่งใหญ่จากไป หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย เขาไพล่มือไว้ด้านหลังขณะลงมาจากก้อนเมฆและไปที่ห้องโถงด้านหลังของวิหารเทพทะเล
เรื่องนี้ง่ายทว่าซับซ้อน
หรือว่ามีคนเห็นว่าข่าวลือของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่แพร่กระจายไปอย่างรวดเร็วในดินแดนเทวะทั้งห้าและเลือกจะใช้เรื่องนั้นมาสร้างปัญหา?
หลี่ฉางโซ่วใส่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์กลับเข้าไปในคลังเก็บตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ใต้ดิน ในขณะที่ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์ในศาลสวรรค์เริ่มทำงานวุ่นวายและรีบขี่เมฆตรงไปที่วังดุสิต
แม้ช่วงนี้จะไม่ได้รับข้อมูลมากนัก แต่หลี่ฉางโซ่วก็ยังพอแยกแยะเหตุผลบางอย่างได้
หวงหลงเจินเหรินต้องได้พบเทพธิดาหั่วหลิงในถ้ำหลัวฝู
ปัญหาคือ หวงหลงเจินเหรินบอกเรื่องนี้กับคนอื่นหรือไม่ แม้จะเป็นเพียงถามคำถามง่ายๆ ว่า “เหตุใดเทพธิดาหั่วหลิงจึงอยู่ในถ้ำหลัวฝู?” แต่ข่าวลือนั้นจะต้องแพร่กระจายมาจากหวงหลงเจินเหริน ทว่าหากหวงหลงเจินเหรินก็ไม่ได้เล่าเรื่องนี้ให้ใครฟัง แล้วเรื่องนี้…
มันค่อนข้างน่าสนใจ โดยพื้นฐานแล้วข้าระบุความจริงได้ว่า มีคนกำลังแอบวางแผนทำร้ายข้าอยู่ลับๆ ซึ่งน่าจะเป็นคนจากสำนักบำเพ็ญประจิม เขาต้องมั่นคง เรื่องนี้เกี่ยวข้องกับสามสำนักบำเพ็ญเต๋า ไม่ว่าจะเป็นเรื่องเล็กน้อยเพียงใด มันก็อาจกลายเป็นพายุฝนฟ้าคะนอง[2]ใหญ่โตได้
หลี่ฉางโซ่วไม่กล้าไกล่เกลี่ยส่งเดช ปล่อยให้ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ปรากฏตัวออกมาน่าจะปลอดภัยกว่า…
ตุ๊กตากระดาษจำลองมนุษย์รีบพุ่งไปที่วังดุสิต หลี่ฉางโซ่วต้องการขอเข้าพบ แต่ประตูวังดุสิตก็ค่อยๆ เปิดออกช้าๆ
หลี่ฉางโซ่วยินดียิ่งเมื่อเห็นเช่นนั้น เขาถือแส้หางม้าและเดินขึ้นบันได จากนั้นก็รีบเข้าไปในวังแล้วพุ่งไปที่สนามด้านหลัง
ในที่สุด หลังจากเข้าออกจากหอสมบัติหลิงเซียวได้อย่างไม่เป็นทางการ เจ้าหน้าที่สามัญของศาลสวรรค์ก็ปล่อยให้เข้าออกจากวังดุสิตได้ตามประสงค์!
ใช่ เป็นคนต้องมีความฝัน
หลี่ฉางโซ่วตัดสินใจ และขั้นตอนต่อไปของเขาคือ มุ่งสู่วิหารไท่ชิงและเข้าออกได้ตามต้องการเพื่อเข้าถึงองค์ไท่ชิงได้อย่างอิสระและพยายามอย่างดีที่สุดเพื่อเกาะต้นขาของสำนักบำเพ็ญเต๋าหยิน!
เมื่อเห็นปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ในสวนหลังบ้าน หลี่ฉางโซ่วก็ขมวดคิ้วเล็กน้อย…
สถานที่พักผ่อนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่นั้นธรรมดาเรียบง่ายยิ่งนัก
เขาไม่มีแม้แต่ที่นอนดีๆ แล้วเขาจะนอนหลับสบายเมื่อนอนอยู่บนกองฟางที่ทำจากหญ้าเขียวขจีได้อย่างไร? แล้วเขาจะฝันหวานได้หรือไม่?
“แค่กๆ ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่… ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่? ศิษย์พี่?”
หลี่ฉางโซ่วเรียกออกมาเบาๆ ทว่าจังหวะการกรนของปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เสวียนตูนั้นก็ไม่ได้ถูกรบกวนแต่อย่างใดเลย
“นี่…”
หลี่ฉางโซ่วหยิบม้านั่งในแขนเสื้อออกมาพร้อมกับนั่งลง แล้วหยิบเอ้อร์หูออกมาอีกอันหนึ่ง และบรรเลงเพลงแข่งม้าที่ปลุกเร้าออกมา
“หือ?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ที่กำลังหลับสนิท ค่อยๆ ลืมตาขึ้นช้าๆ แล้วหันหน้าไปมองหลี่ฉางโซ่วซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา จากนั้นก็เหยียดยืดเอวแล้วลุกขึ้นนั่ง
“ฉางโซ่ว เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดรังแกเจ้า? ”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ซึ่งกำลังนอนหลับสนิทค่อยๆลืมตาขึ้น เขาหันไปมองหลี่ฉางโซ่วซึ่งนั่งอยู่ไม่ไกลจากเขา เขายืดตัวและลุกขึ้นนั่ง
“ฉางโชว เกิดอะไรขึ้น? ผู้ใดรังแกเจ้า”
หลี่ฉางโซ่วเก็บเอ้อร์หู แล้วอธิบายเรื่องเล็กน้อยที่กำลังเกิดขึ้นในขณะนี้อย่างรวดเร็ว
เมื่อได้ยินเรื่องนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็คลี่ยิ้มและกล่าวว่า “บางที อาจเป็นเพียงเรื่องเข้าใจผิดเท่านั้น ไม่ต้องกังวลเพียงนี้”
“หากก่อนเกิดเหตุการณ์ในทะเลบูรพา ศิษย์ก็คงคิดว่าเป็นเรื่องเข้าใจผิด” หลี่ฉางโซ่วกล่าว “ทว่าหลังจากการต่อสู้ครั้งก่อน ในเวลานี้ ศิษย์ผู้นี้ก็ต้องคิดให้มากกว่านี้อีกสักหน่อยจริงๆ ตามข้อมูลที่ศิษย์เพิ่งได้รับมา ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านสามารถหยั่งรู้นาม ‘ตี้จั้ง’ ได้หรือไม่ขอรับ? เขาน่าจะเป็นศิษย์ของจอมปราชญ์แห่งสำนักบำเพ็ญประจิม”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าวว่า “แต่เหวินจิง…”
“ท่านปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่!”
ทันใดนั้น หลี่ฉางโซ่วก็ขัดจังหวะและแสดงท่าทางให้เขาเงียบทันที
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่อดจะหัวเราะไม่ได้ “นี่คือ วังดุสิต เจ้าจะกลัวอันใดกัน?”
ในขณะนั้น ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ถือแผนภาพไท่จี๋เอาไว้ในมือซ้ายและหลับตาเพ่งจิต เขาเริ่มทำการหยั่งรู้อย่างระมัดระวัง และในไม่ช้า… ดอกบัวทองคำระดับสิบสองก็ส่งคำเตือนออกมา
แผนภาพไท่จี๋หมุนไปช้าๆ และเสี้ยวลมปราณหยินหยางก็ก่อตัวขึ้นมาจากอากาศ แล้วเข้าไปในภาพลวงตาของแผนภาพนี้
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่หลับตาลง แล้วเสี้ยวอักขระเต๋าก็ล้อมรอบร่างเขา หลังจากนั้นไม่นานนัก เขาก็หายใจออกมาช้าๆ
“ตี้จั้งที่เจ้ากำลังเอ่ยถึงนี้ เป็นศิษย์ของอาจารย์อาแห่งสำนักบำเพ็ญประจิม ระดับพลังของเขาไม่เลว ดูเหมือนว่าเขาเพิ่งออกมาจากการปิดด่านเมื่อไม่นานมานี้”
หลี่ฉางโซ่วถามว่า “เขาเป็นคนที่วางแผนเรื่องในทะเลบูรพาหรือขอรับ?”
“โอ้?”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่เลิกคิ้วพลางยิ้มและกล่าวว่า “ถูกต้อง ฉางโซ่ว ยากนักที่เจ้าจะพบกับคู่ต่อสู้ของเจ้าได้”
หลี่ฉางโซ่วกล่าวต่ออีกครั้งว่า “ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ ท่านทำการหยั่งรู้ต่อไปได้หรือไม่ขอรับ? ศิษย์อยากรู้ว่ามีพลังเวทที่ทรงพลังใดๆ ของตี้จั้งซ่อนอยู่ในสถานที่นี้ด้วยหรือไม่ โดยเฉพาะพลังเวทสดับฟัง เป็นไปได้มากที่หวงหลงเจินเหรินจะรีบไปหาจ้าวกงหมิงที่ถ้ำหลัวฝูและจากนั้นก็บังเอิญได้พบกับเทพธิดาหั่วหลิง บางที คงมีคนได้ยินบทสนทนาของพวกเขาทั้งสอง”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ไม่เข้าใจ เขายิ้มและกล่าวว่า “ผู้ใดจะคอยจับจ้องถ้ำหลัวฝูได้?” ทว่าแม้เขาจะกล่าวเช่นนั้น แต่ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็ยังคงหลับตา เพ่งสมาธิ และทำการเขาหยั่งรู้อย่างระมัดระวัง
ครั้งนี้เขาใช้ความพยายามอย่างมากจริงๆ และปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ก็เผยสีหน้าดูเคร่งขรึมออกมาเล็กน้อยเช่นกัน…
“มีสัตว์มงคลชื่อว่า ตี้ทิง สัตว์มงคลตัวนี้คือ สัตว์เทพพาหนะคู่บารมีของตี้จั้ง” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่กล่าว
“มันถูกความลับแห่งสวรรค์เปิดเผยออกมา มีพลังเวทที่สามารถฟังเสียงความคิดของสิ่งมีชีวิตในสามอาณาจักรและแยกแยะความจริงจากความเท็จในใต้หล้าได้ นี่ไม่ถือว่าเป็นพลังเวทที่ทรงพลัง ขอบเขตของมันอยู่สูงกว่าเล็กน้อยเท่านั้น หากเจ้าเตรียมพร้อมล่วงหน้าและปิดผนึกหัวใจเต๋าของเจ้าเอาไว้ มันก็จะไม่ได้ยินอะไรเลย”
หลี่ฉางโซ่วถอนหายใจอย่างโล่งอก “ดีที่เราสามารถป้องกันมันได้”
ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “เจ้ากำลังบอกว่า ตี้จั้งกำลังใช้พลังเวทของตี้ทิงเพื่อใช้เล่นเล่ห์วางเหลี่ยมหรือ?”
“ศิษย์เพียงแค่คาดเดาเท่านั้น ไม่กล้าด่วนตัดสินใจวู่วามขอรับ”
หลังจากครุ่นคิดอยู่ครู่หนึ่ง หลี่ฉางโซ่วก็ถามว่า “ในโลกบรรพกาล มีสัตว์มงคลเช่นนี้อีกมากมายหรือไม่ขอรับ?”
“ข้าไม่รู้ชัดเจนนัก” ปรมาจารย์เต๋าผู้ยิ่งใหญ่ยิ้มและกล่าวว่า “ผู้ทรงพลังมากมายหลายคนที่ยังรอดและดำรงอยู่มาตั้งแต่สมัยโบราณจนถึงทุกวันนี้ ก็มีพลังเวทที่แปลกประหลาดเช่นนี้ ส่วนสัตว์มงคลนั้น เมื่อศาลปีศาจโบราณอยู่ในสถานะสูงสุด มีจอมปีศาจตนหนึ่งนามว่า ไป๋เจ๋อ
ผู้มีพลังเวทแห่งโชคชะตาในการแสวงโชคและหลีกเลี่ยงภัยพิบัติ เขาหายตัวไปเมื่อมหาสงครามจอมเวท-ปีศาจครั้งที่สามได้เริ่มต้นขึ้น
ข้าได้ต่อสู้กับไป๋เจ๋อสองครั้ง และเขาก็หนีไปได้ก่อนทุกครั้ง ความจริงแล้ว แม้แต่ตอนที่ข้าคิดจะสังหารเขา สหายผู้นี้ก็สัมผัสได้ถึงอันตราย ซึ่งยากลำบากกว่าตี้ทิงเป็นร้อยเท่า”
ไป๋เจ๋อในสมัยโบราณ ยังคงชีพอยู่หรือ?
………………………………………………………………..
[1] ตั๋วเป่า
[2] เป็นปัญหาใหญ่ เป็นเรื่องอันตรายร้ายแรง