บทที่ 735 แม่ชียุง
บทที่ 735 แม่ชียุง
ในที่สุดทั้งสองคนก็มีโอกาสได้เห็นผู้โจมตีของพวกเขา นางเป็นแม่ชีเต๋าที่แต่งกายด้วยเสื้อคลุมสีเหลืองและถือแส้หางม้าอยู่ในมือ นางดูค่อนข้างธรรมดาแต่ก็ให้กลิ่นอายเย้ายวนอย่างประหลาด
ซูอันตกตะลึงเมื่อเห็นชุดของนาง “ลี้หมกโช้ว?”
การแต่งตัวและบุคลิกทั้งหมดของนางคล้ายกับลี้หมกโช้วแห่งมังกรหยกราวกับลอกแบบกันมา!
อย่างไรก็ตาม ความงามของนางยังค่อนข้างด้อยกว่ามากเมื่อเทียบกับลี้หมกโช้วในภาพยนตร์ที่เขาเคยดูเมื่อตอนอยู่โลกก่อนหน้านั้น
“หืม?” แม่ชีเต๋าผู้นั้นไม่ได้โจมตี และมองที่ซูอันด้วยความประหลาดใจ “ทักษะที่เจ้าเพิ่งใช้คืออะไร? ทำไมถึงได้เร็วขนาดนั้น?”
ซูอันพ่นลมหายใจ “ทำไมข้าต้องบอกเจ้า? ทำไมเจ้าไม่บอกข้าเกี่ยวกับฝ่ามือของเจ้าก่อน?”
แม่ชีเต๋าหัวเราะอย่างเย้ยหยัน “ไอ้เด็กเวร ปากกล้านักนะ!”
ฝ่ามือพุ่งเข้าหาพวกเขาทันที
ซูอันร้องออกมาด้วยความตื่นตระหนก เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันอย่างรวดเร็วเพื่อแยกร่างออกเป็นสามพุ่งไปในทิศทางที่ต่างกัน
แม่ชีเต๋าตกตะลึงกับภาพที่เห็น และดวงตาของนางก็เบิกกว้างขึ้นด้วยความตกใจมากขึ้น “ทักษะการเคลื่อนไหวนี้…!”
ซูอันไม่กล้าประมาท อุ้มชิวฮัวเล่ยไว้ในอ้อมแขนพยายามจะทะลุผ่านประตูเข้าไป
แน่นอนว่าแม่ชีเต๋าไม่ปล่อยให้เขาทำตามใจ ด้วยการสะบัดแส้หางม้าของนาง มันยืดออกทันทีจนมีความยาวหลายจั้ง ขวางทางเขาขณะไปที่ประตู
ซูอันตกใจ รีบเปลี่ยนทิศทางในทันที
อย่างไรก็ตาม แส้หางม้าก็ดูเหมือนมีชีวิต พวกมันม้วนตัวเหมือนงู
จากหางตาของเขา ซูอันสังเกตเห็นแส้หางม้าฟาดลงบนม้านั่งไม้ ทันใดนั้น ม้านั่งที่ดูแข็งแรงก็แยกออกเป็นสองส่วน และดูเรียบราวกับว่ามันถูกเฉือนด้วยลำแสงเลเซอร์ ไม่มีทางที่เขาจะปล่อยให้แส้นั่นสัมผัสตัวเขาได้เด็ดขาด!
เขาใช้วิชาร่างก้าวทานตะวันหลบการโจมตีอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตาม แส้หางม้าสีขาวดูไม่สิ้นสุด พวกมันยังคงยืดยาวและขยายออกไป ในที่สุดก็พาดพันไปทั่วทั้งห้องราวกับใยแมงมุม พื้นที่ปลอดภัยที่เขาสามารถเคลื่อนที่ได้นั้นเล็กลงเรื่อย ๆ
รอยยิ้มอันโหดร้ายปรากฏขึ้นบนใบหน้าของแม่ชีเต๋า ราวกับแมวที่ในที่สุดก็ทำให้หนูจนมุม “เด็กน้อย เจ้าช่างน่าประหลาดใจซะจริง ระดับการบ่มเพาะของเจ้าค่อนข้างธรรมดา แต่ทักษะการเคลื่อนไหวของเจ้านั้นเหนือกว่าผู้บ่มเพาะระดับปรมาจารย์ ๆ หลายคนซะอีก ข้าชักจะเริ่มสนใจเจ้ามากขึ้นเรื่อย ๆ”
“ถ้าเจ้าสนใจในตัวข้าทำไมเจ้าถึงใจร้ายนัก?” เหงื่อเริ่มไหลจากขมับของซูอัน แส้หางม้าสีขาวโยงใยไปทั่วทั้งห้อง เขารู้ว่าเขาจะต้องถูกจับได้ภายในเวลาไม่ถึงครึ่งนาทีนับจากนี้
แม่ชีเต๋ายิ้มร่าและกล่าวว่า “เพราะว่าข้าสนใจเจ้าจริง ๆ นั่นแหละ ข้าจึงใช้เวลาจับเจ้า ข้ารักชายหนุ่มที่มีสุขภาพดีเช่นเจ้า”
ความหนาวเย็นไหลลงกระดูกสันหลังของซูอัน “ขอโทษที ข้าไม่สนใจแม่ชีเฒ่าอย่างเจ้า!” เขาตะโกน
“เจ้าพูดอะไร?!” แม่ชีเต๋าโกรธจัด นางกรีดร้องออกมา แส้หางม้าของนางเริ่มขยับอย่างดุดันยิ่งขึ้นไปอีก
—
ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 678!
—
“แม่ชียุง?” ซูอันตกใจเมื่อเห็นการแจ้งเตือนของคะแนนความโกรธแค้น เขาคิดว่านางเป็นแมงมุมซะอีก
น่าเสียดายที่ราคาของการทำให้นางโกรธนั้นสูงมาก เหล่าเส้นสายจากแส้หางม้าปะทุพลังรุนแรงมากกว่าเดิม มันขวางทางหนีทุกวิถีทาง ซูอันทำได้เพียงมองดูหายนะที่กำลังคืบคลานเข้ามาอย่างไม่อาจหลีกหนี
แต่แล้วจู่ ๆ ชิวฮัวเล่ยก็หยิบโคมออกมา มันเปล่งแสงสีเหลืองซีด เหล่าเส้นสายจากแส้หางม้าที่ปิดระยะเข้ามาดูเหมือนจะถูกแช่แข็งทันที
ในระหว่างที่ซูอันหลบหลีกไปรอบ ๆ ห้องก่อนหน้านี้ มันเพียงพอที่จะทำให้ชิวฮัวเล่ยจัดการกับพลังชี่ที่ปั่นป่วนในร่างของนางได้
“อะไรกัน? โคมจักรพรรดินี!” แม่ชีโลหิตจ้องที่โคมในมือของชิวฮัวเล่ย ดวงตาเป็นประกายด้วยความโลภ
ชิวฮัวเล่ยเหงื่อออก “เราต้องไปเดี๋ยวนี้! ข้าไม่สามารถหยุดนางไว้ได้นาน!”
ซูอันพุ่งไปรอบ ๆ ห้องพร้อมกับนางในอ้อมแขน รู้สึกขุ่นเคือง ข้าก็อยากหนีเหมือนกัน แต่ตอนนี้ห้องนี้เป็นเหมือนถ้ำที่มีแต่ใยแมงมุม! ข้าควรจะหนียังไงล่ะ?
แม่ชีโลหิตหัวเราะคิกคัก “ระดับการบ่มเพาะของเจ้าต่ำเกินไป ดังนั้นเจ้าจึงไม่สามารถใช้พลังทั้งหมดของโคมได้ ข้าจะฟื้นตัวในไม่ช้าหลังจากนั้นโคมจักรพรรดินีก็จะเป็นของข้าด้วย”
นางไม่คิดว่าโชคของนางจะดีขนาดนี้ แผนการของนางคือการสังหารบุตรีสวรรค์แห่งสำนักมาร แล้วค่อย ๆ ทรมานซูอัน รีดเอาวิชาวัฏจักรหงส์อมตะมา แต่กลับไม่คิดว่าจะพบโคมจักรพรรดินีที่นี่!
แม้ว่ามันจะไม่ได้ทรงพลังเท่าที่นางจำได้ แต่อาจเป็นเพราะการบ่มเพาะของชิวฮัวเล่ยต่ำเกินไป
นางหัวเราะคิกคักด้วยความยินดี ก่อนหน้านี้ข้าต้องทำตัวให้ไม่เป็นจุดสนใจเพราะชื่อเสียงที่ผ่านมาของข้า แต่หลังจากนี้เมื่อข้ามีทั้งวิชาวัฏจักรหงส์อมตะและโคมจักรพรรดินีแล้ว ใครจะสามารถทำอะไรกับข้าได้อีก?
“ไม่ต้องกลัว ข้าจะให้เจ้าตายอย่างไม่เจ็บปวด ข้าชอบเลือดของคนรุ่นเยาว์ที่แข็งแรงเป็นที่สุด และเนื่องจากเจ้าเป็นหญิงสาวที่งดงามมาก ข้าจะไม่ทำให้ศพของเจ้าแห้งกรังไปแบบเสียเปล่า หลังจากข้าสังหารเจ้าเสร็จข้าจะถลกหนังอันสมบูรณ์แบบของเจ้าออก แล้วจากนั้นข้าจะค่อย ๆ ลิ้มรสความหวานหอมของเลือดเจ้าทีละนิด ๆ ฮิ ๆๆ” แม่ชีเต๋าเลียริมฝีปากสีแดงของนางและหัวเราะร่าอย่างน่ากลัว
ชิวฮัวเล่ยเป็นบุตรีสวรรค์ของสำนักมารและเคยเห็นความโหดร้ายทุกประเภทมาก่อน
อย่างไรก็ตาม ผู้หญิงคนที่อยู่ตรงหน้าก็แปลกเกินไป หากนางถูกแม่ชีคนนี้จับตัวได้ นางคงจะถูกดูดเลือดและถลกหนังอย่างทารุณ!
หญิงสาวตัวสั่นสะท้านด้วยความกลัว
ซูอันก็รู้สึกหนาวเหน็บเช่นกัน สิ่งนี้…ถูกเรียกว่าแม่ชียุง ถ้างั้นนางก็ต้องเป็นพวกสัตว์ประหลาดยุงใช่ไหม?
ยุงดูดเลือด! ตัวใหญ่ขนาดนี้มันคงจะดูดข้าจนแห้งเป็นใบไม้กรอบภายในพริบตาแน่ ๆ!
ผลของโคมจักรพรรดินีอ่อนแอลงเรื่อย ๆ และแม่ชีเต๋าก็เริ่มขยับเข้าหาพวกเขา ทั้งสองคนตกใจกลัว เมื่อเผชิญกับความแข็งแกร่งอย่างแท้จริง พวกเขาก็คิดอะไรไม่ออก
สายตาของซูอันกวาดไปทั่วก่อนจะสะดุดตากับตะเกียงน้ำมันบนโต๊ะด้านข้าง เขาหยิบมันขึ้นมาแล้วสาดน้ำมันลงไปบนเหล่าเส้นใยจากแส้หางม้า จากนั้นก็โยนตะเกียงที่ไฟลุกโชนตามไป
เกิดเสียงระเบิดดังก้อง จากนั้นเส้นใยจากแส้ก็ลุกเป็นไฟลามเลียไปตามความยาวของมันอย่างรวดเร็ว แม่ชีเต๋าส่งเสียงร้องด้วยความหวาดกลัวและดึงแส้หางม้ากลับไป
ภายใต้สถานการณ์ปกติ แม้แต่เปลวไฟของผู้บ่มเพาะธาตุไฟก็ไม่สามารถทำอะไรต่อแส้หางม้าของนางได้ แต่น่าเสียดายที่ตอนนี้นางยังคงอยู่ภายใต้ผลกระทบของแสงสีเหลืองซีดจากโคมจักรพรรดินี ซึ่งเป็นสาเหตุที่ทำให้ไฟลุกไหม้แส้ของนางได้อย่างง่ายดาย
ซูอันใช้โอกาสนี้พังประตูด้านข้าง
“เกิดอะไรขึ้น?” ในที่สุดเสียงดังก็ปลุกสมาชิกคนอื่น ๆ ของแปดเดียวดาย
เมื่อพวกเขาเห็นชิวฮัวเล่ยซุกอยู่ในอ้อมกอดของซูอันโดยไม่มีการต่อต้าน ความโกรธของแต่ละคนก็ปะทุขึ้น
“ไอ้บ้า แกทำอะไรอยู่!?!”
“ปล่อยบุตรีสวรรค์ของเราเดี๋ยวนี้!”
—
ท่านยั่วยุแปดเดียวดายสำเร็จ
ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 555…555…555…
—