บทที่ 737 กากอย

บทที่ 737 กากอย

“เจ้านี่มันน่าไม่อายจริง ๆ!”

ชิวฮัวเล่ยคุ้นเคยกับลักษณะการพูดแบบนี้ของเขาแล้ว ดังนั้นนางจึงไม่โกรธจริงจังนัก

หญิงสาวรีบอธิบาย “แม่ชียุงเป็นผู้บ่มเพาะที่ทรงพลังของเผ่าอสูรโลหิตที่บ่มเพาะโดยการดูดกินแก่นแท้โลหิตของเหล่าสิ่งมีชีวิต ในอดีตมีตัวตนแข็งแกร่งมากมายของทุกเผ่าพันธุ์ตกเป็นเหยื่อของนาง ข้าไม่คิดว่าจะเจอนางที่นี่”

“อสูรโลหิต?” ซูอันจำชั้นเรียนของซางหลิวอวี้ในสถาบันจันทร์กระจ่างเกี่ยวกับเผ่าพันธุ์นี้ได้ แต่เขานึกไม่ออกจริง ๆ ว่าเผ่าพันธุ์ที่แข็งแกร่งขนาดนี้วิวัฒนาการมาจากยุงได้อย่างไร?

โลหะเดียวดายพูดขึ้นเสียงดังก้อง “สำนักศักดิ์สิทธิ์ของเราและเผ่าอสูรโลหิตของเจ้าไม่เคยล้ำเส้นกันมาก่อน ทำไมเจ้าถึงฆ่าคนของเราเช่นนี้!?”

แม่ชียุงเอามือปิดปาก ร่างกายของนางสั่นสะท้านด้วยเสียงหัวเราะ “ล้อเล่นหรือไง? ข้าทำทุกอย่างที่ข้าต้องการเสมอ และฆ่าใครก็ตามที่ข้าต้องการจะฆ่า ทำไมข้าจะต้องอธิบายอะไรให้พวกเจ้าฟังด้วย? ออกไปจากสายตาข้า ถ้าหากเจ้ารู้ว่าอะไรดีที่สุดสำหรับเจ้า ถ้าไม่อย่างนั้นข้าก็ไม่รังเกียจที่จะสูบเลือดพวกเจ้าอีกสักสองสามคนให้แห้ง!”

สมาชิกที่เหลือของแปดเดียวดายก้าวถอยหลังไปเมื่อพวกเขาได้ยินคำพูดของนาง เห็นได้ชัดว่าชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของนางมีผลต่อขวัญกำลังใจของพวกเขา และยิ่งเมื่อนึกถึงภาพที่นางทำลายเกราะพลังธาตุของสายน้ำเดียวดายได้อย่างง่ายดายเพียงใด พวกเขาจึงสรุปได้ว่าระดับการบ่มเพาะของนางอย่างน้อย ๆ ก็ต้องอยู่ในระดับปรมาจารย์ สิ่งนี้ทำให้พวกเขายิ่งรู้สึกกลัวมากขึ้นไปอีก

ชิวฮัวเล่ยพูดขึ้นในเวลานี้ “เจ้าต้องการวิชาวัฏจักรหงส์อมตะใช่ไหม? แต่เจ้าสำนักของเรามีคำสั่งให้เรานำมันกลับไปที่สำนักเช่นกัน ดังนั้นไม่มีทางที่เราจะมอบมันให้กับเจ้าได้!”

นางพูดสิ่งเหล่านี้เพื่อปลุกใจที่โรยราของแปดเดียวดายและเตือนพวกเขาว่านี่เป็นหน้าที่ที่พวกเขาจำเป็นต้องถือมั่น

สมาชิกของแปดเดียวดายคล้ายกับได้สติ ตอนนี้พวกเขาจำได้แล้วว่าพวกเขาจะต้องอุทิศชีวิตเพื่อภารกิจนี้ การพ่ายแพ้โดยคู่ต่อสู้ที่แข็งแกร่งกว่านั้นเป็นเรื่องหนึ่ง

แต่ถ้าพวกเขาสูญเสียซูอันเพราะพวกเขาถอยหนีไปอย่างขี้ขลาด มันมีจะแต่ความโหดร้ายและการทรมานที่รอพวกเขาหลังจากกลับไปที่สำนัก

ชิวฮัวเล่ยพูดต่อ “ข้าไม่เชื่อว่าเจ้าสามารถทำทุกอย่างที่เจ้าต้องการได้จริง ๆ ไม่เช่นนั้นเจ้าคงจะไม่ถูกไล่ล่าตลอดมาและถูกบังคับให้ต้องอยู่อย่างหลบ ๆ ซ่อน ๆ มานานหลายปี”

ซูอันค่อนข้างประหลาดใจ ชิวฮัวเล่ยช่างสมควรกับชื่อเสียงคณิกาอันดับหนึ่งของหอสุขนิรันดร์อย่างแท้จริง นางสามารถเปลี่ยนอารมณ์และเพิ่มความมั่นใจให้กับพันธมิตรของนางได้อย่างสมบูรณ์ด้วยคำพูดเพียงไม่กี่คำ…

นี่นางเกือบจะเก่งพอ ๆ กับข้าแล้ว!

แม่ชียุงโกรธจัด “นังหญิงเลวน่ารำคาญ! ข้าเกลียดเจ้าตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้ว…ตายซะ!”

ทันทีที่คำพูดออกจากปากนาง แม่ชียุงพุ่งตัวเข้าหาชิวฮัวเล่ยโดยตั้งใจจะฆ่าให้ตายในทันที

สมาชิกที่เหลือของแปดเดียวดายเตรียมพร้อมอย่างเต็มที่ ด้วยการสะบัดพัดของนางสายลมเดียวดายได้ส่งลมกระโชกแรงผลักชิวฮัวเล่ยและซูอันออกไปให้พ้นแนวโจมตี และพร้อมกันนั้นพายุหมุนหลายลูกได้ล้อมแม่ชียุงอย่างรวดเร็ว

แม่ชียุงหรี่ตา นางเหวี่ยงแส้หางม้าสองสามครั้งเพื่อทำลายพายุหมุนด้วยกำลัง อย่างไรก็ตาม การโจมตีของสายลมเดียวดายยังคงสามารถขจัดพลังของนางออกไปได้ส่วนหนึ่ง

ด้วยเสียงคำรามก้อง สายฟ้าเดียวดายก็กระโจนขึ้นไปบนท้องฟ้าพร้อมกับค้อนยักษ์ในมือซึ่งถูกโอบล้อมไปด้วยสายฟ้าอันรุนแรงมากมาย เป้าหมายของนางมีเพียงอย่างเดียวคือฟาดเข้าใส่หัวของแม่ชียุงที่อยู่เบื้องล่าง

สายฟ้าที่หมุนวนรอบค้อนนั้นดูรุนแรงอย่างยิ่งยวด มันเป็นเรื่องง่ายที่จะจินตนาการถึงพลังที่มีอยู่ในการโจมตีอันดุเดือดครั้งนี้ ดังนั้นแม่ชียุงจึงไม่กล้าเผชิญการโจมตีที่รุนแรงเช่นนี้โดยตรง นางฟาดแส้หางม้าพันรอบค้อนของสายฟ้าเดียวดายและใช้ความยืดหยุ่นของเส้นใยเบี่ยงเบนพลังของการโจมตีไปด้านข้าง

สายฟ้าเดียวดายไม่อาจต้านทานการถูกเบี่ยงเบนของแม่ชียุงได้แม้แต่น้อย นางสูญเสียการควบคุมทิศทางของค้อน และทำได้เพียงมองค้อนของตัวเองโจมตีเข้าใส่เสาทั้งหลายของโรงเตี๊ยมอย่างมโหฬาร

เพียงพริบตาโรงเตี๊ยมก็พังทลายลง ควันและฝุ่นฟุ้งกระจายออกไปทุกทิศทุกทาง

เกือบครึ่งหนึ่งของโรงเตี๊ยมทั้งหมดพังทลายลงในทันที ทว่าพลังสายฟ้ายังคงเปรี้ยงปร้างซึ่งแสดงให้เห็นว่าพลังของสายฟ้าเดียวดายรุนแรงถึงเพียงไหน

ซูอันเห็นไก่บางตัวบินออกจากครัว โชคไม่ดีสำหรับพวกมันที่ถูกสายฟ้าย่างสดในทันที

ชายหนุ่มลอบกลืนน้ำลาย นี่เป็นพลังที่ร้ายแรง…น่าเสียดายที่มันไม่โดนแม่ชียุง

แม่ชียุงยังคงมุ่งความสนใจไปที่ชิวฮัวเล่ย แต่ร่างสูงแข็งแรงก็กระโดดมาขวางทางนาง

“เจ้ากำลังรนหาที่ตาย!”

แม่ชียุงยิ้มอย่างชั่วร้าย ทันใดนั้น รอยยิ้มของนางก็ดูเหมือนจะยาวไปถึงหูของนาง แส้หางม้าที่อยู่ในมือของนางพุ่งออกไปและแทงเข้าหาร่างที่ขวางทางนางไว้

แส้หางม้านี้ได้รับการประดิษฐ์ขึ้นอย่างพิถีพิถันโดยวัสดุชั้นเลิศ พวกมันยืดหยุ่นและแข็งแกร่งอย่างไม่น่าเชื่อ และสามารถดูดเลือดจากสิ่งที่พวกมันเจาะได้ แม้แต่ช้างก็ยังถูกดูดให้แห้งในไม่กี่อึดใจ ตราบใดที่มันทะลุเข้าไปในร่างกาย นับประสาอะไรกับผู้ชายเพียงคนเดียว

น่าเสียดายที่เส้นใยหนึ่งในสามของมันถูกเผาโดยตะเกียงน้ำมันของซูอัน แค่คิดก็ร้อนรนด้วยความเศร้าโศกและโทสะ มันเป็นการยากมากที่จะสร้างเส้นใยแต่ละเส้นขึ้นมาใหม่!

ท่านยั่วยุแม่ชียุงสำเร็จ

ได้รับคะแนนความโกรธแค้น + 731!

“ระวัง!” ซูอันรีบตะโกนเตือนพสุธาเดียวดาย

แม่ชียุงผู้นี้เกลียดข้ามาก… นางไม่ลืมที่จะให้คะแนนความโกรธแก่ข้า แม้ว่านางจะต่อสู้กับคนอื่นก็ตาม!

ถ้าข้าตกไปอยู่ในมือนาง…ไม่อยากจะคิดเลย…!

พสุธาเดียวดายส่งเสียงคำราม ทันใดนั้น โล่ทรงสี่เหลี่ยมขนาดมหึมาที่สูงเท่ากับตัวเขาเองก็ปรากฏขึ้นตรงหน้า แส้ที่เหมือนเข็มจำนวนนับไม่ถ้วนก็พุ่งเข้าชนมัน

แม่ชียุงรู้สึกรำคาญใจในตอนแรกเมื่อเห็นอีกฝ่ายนำโล่ออกมา แต่แส้หางม้าของนางก็สามารถทำลายได้แม้แต่หินผา และมันก็ไม่ยากเลยที่จะเจาะโลหะหรือหยกด้วย

โล่ห่วย ๆ แบบนี้มีประโยชน์อะไร?!

อย่างไรก็ตาม ในเวลาต่อมา ดวงตาของนางก็พลันเบิกกว้าง แส้หางม้าของนางไม่สามารถเจาะทะลุโล่ยักษ์นี้ได้!

“ผู้บ่มเพาะธาตุดิน?” นางรู้ได้อย่างรวดเร็วว่าเกิดอะไรขึ้น โล่นี้ไม่ธรรมดา และเมื่อรวมกับพลังธาตุดินที่เสริมเข้าไป มันจึงค่อนข้างยากที่จะเจาะทะลุ!

แต่นางก็สามารถตอบสนองอย่างรวดเร็วเช่นกัน ด้วยการสะบัดมือของนาง เส้นใยจากแส้หางม้าอ้อมไปรอบ ๆ โล่ โจมตีคู่ต่อสู้ของนางจากสามมุมที่แตกต่างกัน จากด้านซ้าย ด้านขวา และด้านบน!

พสุธาเดียวดายเตรียมตัวไว้แล้ว เขากระแทกฝ่ามือลงกับพื้น จากนั้นจู่ ๆ พื้นดินบวมขึ้น และร่างขนาดใหญ่หลายตัวก็ลุกขึ้นคืบคลานผุดขึ้นมา

“กากอย?” ซูอันกลอกตาด้วยความโง่งม สิ่งที่พสุธาเดียวดายเรียกออกมาจากพื้นดินมันมีรูปร่างไม่ต่างอะไรกับ ‘กากอย’ ในภาพยนตร์จากโลกก่อนหน้าของเขา

แต่ก็มีบางอย่างที่แตกต่างออกไปเล็กน้อย แม้ว่าซูอันจะไม่สามารถระบุได้ว่าต่างกันที่ตรงไหน แต่ดูเหมือนว่ากากอยเหล่านี้ขาดกลิ่นอายที่เย็นชาและน่าขนลุกของกากอยที่ชายหนุ่มจำได้

เหล่ากากอยล้อมรอบพสุธาเดียวดายปัดป้องการโจมตีจากแส้หางม้าเอาไว้

แม่ชียุงหัวเราะ นางสะบัดข้อมืออีกครั้ง เปลี่ยนเส้นใยแส้หางม้าของตัวเองประหนึ่งกระบี่และฟันกากอยขาดออกเป็นสองท่อนภายในพริบตา

อย่างไรก็ตาม รอยยิ้มของนางแข็งค้างอย่างรวดเร็วเพราะกากอยดินพวกนี้ แม้ว่ามันจะถูกฟันขาดออกจากกัน

แต่เพียงชั่วอึดใจต่อมา ร่างกายของพวกมันสมานเข้าหากันอย่างรวดเร็ว จากนั้นเหล่ากากอยพุ่งเข้าหานางจากทุกทิศทุกทาง!

แม้จะดูงุ่มง่าม แต่จริง ๆ แล้วเหล่ากากอยก็ค่อนข้างว่องไว พวกมันปิดระยะห่างในชั่วพริบตา เอื้อมมือออกไปจับแม่ชีโลหิต

แม่ชีโลหิตซัดฝ่ามือทุบแขนของกากอยแหลกเป็นชิ้น ๆ ทันที แต่ทว่าแรงปะทะทำให้ร่างกายของนางสั่นสะท้านเช่นกัน

นางรู้ว่าการเผชิญหน้ากับหุ่นดินยักษ์เหล่านี้ไม่ใช่ทางเลือกที่เหมาะควร ท้ายที่สุด คู่ต่อสู้ของนางสามารถคืนร่างพวกมันได้จากเศษที่แตกออก

พสุธาเดียวดายรู้สึกยินดีเป็นอย่างยิ่ง แม่ชีโลหิตผู้นี้แม้จะโด่งดังมากจากชื่อเสียงที่ชั่วร้ายของนาง แต่ดูเหมือนความเป็นจริงนางจะไม่ได้แข็งแกร่งเท่าไหร่นักเหมือนข่าวลือ เขาสั่งให้กากอยล้อมนางและคร่ากุมนางไว้

กากอยจับแขนและขาของแม่ชีโลหิตแล้วดึงออกสุดกำลัง

ร่างกายที่ดูบอบบางของแม่ชีโลหิตถูกฉีกออกเป็นชิ้น ๆ

ทุกคนในสนามรบตกตะลึง และแม้แต่พสุธาเดียวดายก็ตกตะลึง เขาไม่คาดคิดมาก่อนว่าแม่ชีโลหิตที่มีชื่อเสียงจะถูกฆ่าได้อย่างง่ายดาย

แต่…นี่เป็นร่างปลอมหรือไม่?

ทันใดนั้น ศพที่ถูกทำลายของแม่ชีโลหิตกลายร่างเป็นฝูงยุงดำ ซึ่งจากนั้นพวกมันก็บินหนีออกจากกากอย

“ระวัง!” เสียงเตือนดังขึ้นจากเหล่าสหายของพสุธาเดียวดาย