“พี่เจ็ดกำลังล้อเล่นอยู่หรือ”
อวี้จิ่นเลิกคิ้วขึ้น “ทำไมหรือ หรือว่าน้องแปดเห็นว่าในบรรดาพี่น้องของพวกเรายังมีผู้ใดรักใคร่กันมากกว่าข้ากับพี่สะใภ้เจ็ดของเจ้าอีก”
เซียงอ๋องส่ายหัวทันที
ไม่มีแน่นอน
อย่าว่าแต่พี่สี่ที่เอาแต่ยุ่งอยู่กับการหลับนอนกับนางสนมเพื่อที่จะรีบมีบุตรชายเลย พี่ห้าก็ถูกพี่สะใภ้ห้าถือมีดหั่นผักไล่ฆ่าเกือบทุกวัน พอนึกถึงพี่สะใภ้หกที่ท่าทางเย็นชา ก็เห็นได้ชัดเลยว่าความสัมพันธ์กับพี่หกคงไม่ได้ดีมากขนาดนั้น
ความสัมพันธ์ของพี่สามกับพี่สะใภ้สามที่ถูกไล่ไปเฝ้าสุสานก็ถือว่าไม่เลว แต่ถึงอย่างไรผู้ที่หน้าไม่อายอย่างพี่เจ็ดนั้นก็พบเจอได้น้อยมาก เมื่ออยู่ต่อหน้าผู้อื่นแทบจะเอาแต่ปกป้องพี่สะใภ้เจ็ด
หากพูดถึงความรักใคร่กลมเกลียวกันของพี่เจ็ดกับพี่สะใภ้เจ็ด เขาเชื่ออยู่แล้ว
“เช่นนั้นก็ถูก น้องแปดก็อายุไม่ใช่น้อยๆ แล้ว จนถึงวันนี้ยังตัวคนเดียวอยู่เลย ที่เสด็จพ่อเรียกข้ากับเจ้าเข้าวังไปพร้อมกัน ก็เพราะจะได้ให้น้องแปดเข้าใจว่าคู่สามีภรรยาที่รักใคร่กลมเกลียวกันบนโลกนี้นั้นมีอีกมากมาย ทุกคนไม่ได้เหมือนแม่นางชุยที่สวมเขาให้ว่าที่เจ้าบ่าวก่อนเช่นนั้น แถมยังฆ่าผู้ชายคนสนิทในคืนสมรสใหม่ด้วย…”
พออวี้จิ่นพูดถึงชุยหมิงเย่ว์ เซียงอ๋องก็หน้าเขียวขึ้นมา
สวมเขาให้ว่าที่เจ้าบ่าวก่อน…ว่าที่เจ้าบ่าวคนนั้นก็คือเขานี่นา!
ความโกรธยังไม่ทันปะทุออกมา ก็ถูกประโยคหลังทำเอาตกใจขวัญหนีดีฝ่อ พี่เจ็ดพูดว่าชุยหมิงเย่ว์เป็นคนฆ่าจูจื่ออวี้งั้นรึ
ชุยหมิงเย่ว์หนีงานอภิเษกสมรส บ่าวรับใช้สมองทึ่มที่เขาส่งไปเฝ้าติดตามดูเพิ่งจะกลับมายังจวนเซียงอ๋อง ดันพาตัวชุยหมิงเย่ว์กลับมาด้วย เขาก็เลยต้องฆ่าปิดปากและจัดการศพ มาคิดดูภายหลัง ที่ชุยหมิงเย่ว์หนีไปได้และจูจื่ออวี้ตาย หากไม่ใช่เพราะชุยหมิงเย่ว์ลงมือแล้วจะเป็นใครไปได้
สตรีที่จิตใจโหดเหี้ยมที่สุด!
ที่เซียงอ๋องตกใจก็คืออวี้จิ่นรู้เรื่องพวกนี้ได้อย่างไร
“เหตุใดน้องแปดถึงได้มีสีหน้าย่ำแย่ขนาดนั้น” อวี้จิ่นถามออกไปด้วยความเป็นห่วง
เซียงอ๋องริมฝีปากแห้งผาก “พี่เจ็ดอย่าได้พูดจาส่งเดช”
อวี้จิ่นยิ้มเยาะออกมา “พูดส่งเดชงั้นหรือ น้องแปดช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจริง นึกไม่ถึงเลยว่าจะไม่ได้ยินข่าวลือเหล่านั้น”
“ข่าวลืออันใด” เซียงอ๋องระงับอารมณ์ไว้ไม่อยู่จึงเอ่ยถามออกไป โดยมองข้ามที่อีกฝ่ายพูดว่าตนใสซื่อบริสุทธิ์
เขายินดีให้คนอื่นคิดว่าเขาใสซื่อบริสุทธิ์ จะได้ไม่เอาเรื่องที่ชุยหมิงเย่ว์หายตัวไปมาพัวพันกับเขา
การที่อวี้จิ่นบังเอิญเผยความคิดที่มีต่อเซียงอ๋องออกมาทำให้เซียงอ๋องสบายอกสบายใจมาก จึงคุยต่อด้วยความสนใจอย่างไม่รู้ตัว
“ล้วนพูดกันว่าจูจื่ออวี้ถูกแม่นางชุยฆ่า แล้วก็บอกว่าน้องแปดโชคดียิ่งนักที่รอดมาได้…”
เซียงอ๋องหน้าเขียวคล้ำ
หากว่ากันตามจริงก็นับว่าเขาโคดีจริงๆ ถ้าวันนั้นการอภิเษกสมรส กราบไหว้ฟ้าดินของคู่บ่าวสาวเป็นไปได้อย่างราบรื่น ไม่แน่คนที่ต้องตายอาจจะเป็นเขา แต่นี่จะนับว่าเป็นโชคดีบ้าบออะไรกัน อยู่ดีๆ เขาก็เขาไปพัวพันกับนางงูพิษอีกทั้งยังเป็นหญิงสำส่อน เขาเลือกได้ที่ไหนกัน
อวี้จิ่นที่ทอดถอนใจเอ่ยเสียงดังขึ้นมาอีกครั้ง “พอมาคิดดูตอนนี้ ที่คำโบราณกล่าวไว้นั้นไม่มีผิด จิตใจมนุษย์นั้นยากแท้หยั่งถึง รู้หน้าไม่รู้ใจ ปกติแม่นางชุยก็ดูสวยเพียบพร้อม มีสติปัญญาหลักแหลม ใครจะรู้ว่าจะทำเรื่องสะเทือนขวัญไปทั่วแผ่นดินเช่นนี้ น้องแปด เจ้าคิดเหมือนกันหรือไม่”
จากใบหน้าสีเขียวของเซียงอ๋องกลายเป็นดำคล้ำทันที มันย่ำแย่ถึงขีดสุด
อวี้จิ่นตบบ่าเซียงอ๋องด้วยความเห็นใจ พลางเอ่ยปลอบ “น้องแปดมองไปข้างหน้าเถอะ โดนแค่ครั้งเดียวไม่จำเป็นต้องขยาดไปนานหรอก ไม่แน่เสด็จพ่ออาจจะเลือกสาวบริสุทธิ์ที่อ่อนโยนใสซื่อที่แม้แต่มดก็ไม่กล้าเหยียบมาให้เจ้าก็ได้”
หลังจากปลอบใจเสร็จ อวี้จิ่นก็สาวเท้าเดินจากไป ปล่อยให้เซียงอ๋องเหม่อลอย
สาวบริสุทธิ์งั้นหรือ ใครจะรับประกันได้ว่าจะพบเจอกับเรื่องโชคดีเช่นนี้ ถ้าหากว่าเสด็จพ่อเลือกผู้ที่เหมือนชุยหมิงเย่ว์อีกคนมาล่ะ
เมื่อคิดเช่นนี้ เซียงอ๋องหน้าดำคร่ำเครียด นอกจากจะรู้สึกสิ้นหวังแล้วก็แอบก่นด่าอวี้จิ่นเงียบๆ นี่มันไม่ใช่การปลอบนี่นาพี่เจ็ด นี่มันโอ้อวดกันชัดๆ!
หึ นึกว่าเขาไม่รู้หรืออันที่จริงพี่เจ็ดมีความรักใคร่ห่วงใยต่อพี่สะใภ้เจ็ดมาตั้งนานแล้ว จึงรู้ใจกันดีถึงได้มีความรักที่สวยงามเฉกเช่นวันนี้
รู้ใจกันดี…เซียงอ๋องเหมือนจะนึกอะไรออกขึ้นมา กำหมัดแน่น
ไม่ได้การล่ะ เขาไม่อาจนั่งงอมืองอเท้ารอเสด็จพ่อกำหนดงานอภิเษกสมรสตามอำเภอใจได้
ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากแต่งงาน แต่เขาต้องได้รับรู้เข้าใจทุกอย่าง การรู้จักตื้นลึกหนาบางของฝ่ายหญิงถึงจะเป็นหลักประกันได้!
เซียงอ๋องลังเลเล็กน้อย ในที่สุดก็ตัดสินใจหันหลังเดินกลับไปที่ประตูราชวังอีกครั้ง
จนกระทั่งแผ่นหลังของเซียงอ๋องหายเข้าไปในประตูราชวัง ไม่ไกลนักถึงได้มีชายหนุ่มเยาว์วัยโผล่ออกมาครึ่งตัว
อวี้จิ่นหัวเราะออกมาเบาๆ
เขาคอยผสมโรงพาฮองเฮามาถึงจุดนี้ ไม่นึกเลยว่าเสด็จพ่อจะมีตัวเลือกสองคน นี่เขาเป็นไอ้โง่ที่ลงมือทำเพื่อคนอื่นเปล่าๆ โดยที่ตัวเองไม่ได้อะไรเลยงั้นหรือ
ถึงแม้จะมั่นใจเกือบครึ่งว่าวันนี้จะชนะ ทว่าเขาไม่อยากเสี่ยงแม้แต่นิดเดียว เช่นนั้นเมื่อครู่ถึงได้พูดกับเซียงอ๋องออกไปอย่างนั้น
ด้วยนิสัยของอวี้จิ่น เขาคงไม่มีทางเสียเวลาพูดกับเซียงอ๋องมากขนาดนี้หรอก
อวี้จิ่นชักสายตากลับอย่างไม่สนใจใยดี แล้วหันหลังเดินจากไป
เจ้าแปดช่างใสซื่อบริสุทธิ์เสียจริง ฟังเขาพูดไม่กี่คำก็เข้าวังไปหาเสด็จพ่อแล้ว หึหึ นึกไม่ถึงเลยว่าเจ้าโง่ที่ฟังคำพูดเพียงไม่กี่คำก็คล้อยตามจนไม่รู้เหนือรู้ใต้จะอยู่ในการพิจารณาของฮ่องเต้ด้วย นี่ตาบอดไปแล้วงั้นหรือ
อวี้จิ่นแสดงถึงความไม่พอใจต่อสายตาจิ่งหมิงฮ่องเต้ในใจอีกครั้ง แล้วกลับจวนไปหาภรรยา
ขณะที่จิ่งหมิงฮ่องเต้กำลังหาทางแก้ไขจนต้องกุมขมับ ก็ได้ยินข้าหลวงรายงานว่าเซียงอ๋องขอเข้าพบ
เหตุใดเจ้าแปดถึงกลับมาอีก
ช่วงเวลาละเอียดอ่อนเช่นนี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ตะลึงไปครู่หนึ่งถึงได้ออกคำสั่งให้ข้าหลวงเชิญเซียงอ๋องเข้ามา
“ถวายบังคมพ่ะย่ะค่ะเสด็จพ่อ” ทันทีที่เซียงอ๋องเข้ามา ก็ทำความเคารพอย่างมีพิธีรีตอง
จิ่งหมิงฮ่องเต้ขมวดคิ้วขึ้นโดยไม่รู้ตัว “มีเหตุอันใดรึ”
ไม่มีผู้ใดคอยเอาอกเอาใจโดยไม่หวังประโยชน์ แม้ว่าจะไม่เหมาะสมเท่าไรหากใช้คำนี้กับตัวเอง แต่เจ้าแปดออกไปแล้วกลับมาอีกครั้ง แถมยังแสดงความเคารพอย่างเป็นพิธีรีตองอีก นี่คิดจะทำอะไรกัน
จิ๊…หรือว่าเจ้าเด็กนี่จะได้ยินข่าวลือแล้ว
เมื่อนึกถึงความเป็นไปได้นี้ จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็พระพักตร์ขรึมขึ้นมาทันที
เซียงอ๋องลุกขึ้น เหลือบมองสีหน้าของจิ่งหมิงฮ่องเต้ ความฮึกเหิมเมื่อครู่ลดฮวบไปเกือบครึ่งอย่างรวดเร็ว
เสด็จพ่อดูอารมณ์ไม่ค่อยดีเลย เขาวิ่งกลับมาพูดเวลานี้ ฉุกละหุกเกินไปรึเปล่านะ
เมื่อคิดเช่นนี้ เซียงอ๋องก็ลังเลขึ้นมา
“องค์ชายแปด เจ้ามีเรื่องอะไรกันแน่” ถึงแม้จิ่งหมิงฮ่องเต้จะกลับมาสู่ท่าทีนิ่งสงบ ทว่านัยน์ตากลับฉายแววอยากถามเจาะจง
เซียงอ๋องใจกระตุกวูบ พูดติดอ่างเล็กน้อย “ลูก…ลูกฝัน…”
จิ่งหมิงฮ่องเต้มองตาขวาง “อะไรนะ”
ช่วงนี้การฝันเป็นที่นิยมหรือ
ครั้งแรกเขาเชื่อ ครั้งที่สองเขาก็เชื่ออีก แล้วครั้งที่สามเขาจะเชื่อได้อีกหรือไม่
เจ้าแปดกลับมาอีกครั้ง เพราะมีปัญหาจริงๆ ด้วย
“ฝันว่าอะไร” จิ่งหมิงฮ่องเต้ตรัสถามเสียงสุขุม
คำพูดของอวี้จิ่นเมื่อครู่ปลุกแผลใจอันใหญ่หลวงที่ชุยหมิงเย่ว์ให้ไว้กับเซียงอ๋องขึ้นมาอีกครั้ง ทำเอาเซียงอ๋องกระสับกระส่าย เอ่ยขึ้น “ฝันถึงเย่ว์เหล่า[1] บอกว่าภายในสามปีนี้ลูกไม่เหมาะที่จะมีภรรยา…”
“แล้วอย่างไร”
ภายใต้แววตาที่อยากรู้อยากเห็นของจิ่งหมิงฮ่องเต้ เซียงอ๋องอดกลั้นความตื่นตระหนกไว้พร้อมกับเอ่ยขึ้น “ที่จริงลูกก็รู้สึกว่าความฝันนี้มันช่างไร้สาระ แต่พอมาคิดดูยอมเชื่อดีกว่าไม่เชื่อ จึงมารายงานเสด็จพ่อไว้พ่ะย่ะค่ะ”
จิ่งหมิงฮ่องเต้เงียบไปนาน แล้วพยักหน้าช้าๆ “อืม ข้ารับทราบแล้ว”
เซียงอ๋องอึ้งไปเลย
เสด็จพ่อตอบรับง่ายขนาดนี้เลยหรือ เหตุใดถึงรู้สึกไม่สบายใจเลย…
จนกระทั่งเซียงอ๋องกลับไปถึงจวนเซียงอ๋องด้วยความงุนงง ยังคงรู้สึกปั่นป่วน ทว่าก็คิดไม่ออกว่าตรงไหนมันผิดปกติ
เขาบรรลุเป้าหมายที่ต้องการแล้วแท้ๆ ควรจะรู้สึกมีความสุขถึงจะถูก
……
หลังจากเซียงอ๋องออกไปได้ไม่นาน จิ่งหมิงฮ่องเต้ก็วางถ้วยน้ำชาลงบนโต๊ะ ถือเป็นการตัดสินใจได้แล้ว
เจ้าเจ็ดแล้วกัน
[1]เย่ว์เหล่า เทพพรหมลิขิต