บทที่ 704 รักษาร่างกายตัวเองให้ดี
บทที่ 704 รักษาร่างกายตัวเองให้ดี
ฝูโหรวเตรียมอาหารไว้นานแล้ว
โดยทั่วไปจะเป็นอาหารอ่อน ด้วยการต้มข้าวฟ่างก่อน แล้วค่อยเตรียมอาหารที่ปรุงสุกอีกสองอย่างเป็นอันเสร็จ
นางเพิ่งทำอาหารจานสุดท้ายเสร็จ เหยาต้าหลางก็เดินเข้ามายกอาหารและข้าวฟ่างต้มออกไป
โต๊ะขนาดเล็กนอกลานกว้าง เหมาะกับการกินข้าวอย่างพอดิบพอดี
“ลำบากฮูหยินแย่เลย”
เหยาต้าหลางยื่นตะเกียบให้ฝูโหรว หญิงสาวคลี่ยิ้มออกมาพลางว่า “รีบกินเถอะ”
อาหารรองท้องที่เตรียมในวันนี้ เป็นอาหารที่ฝูโหรวชอบเป็นพิเศษ
นางหยิบตะเกียบกินอย่างเรียบง่าย ซดช้าวต้มไปครึ่งชาม เพราะไม่รู้ว่าตัวเองอยากอาหารแต่อย่างใด
“ข้าไม่กินแล้ว” ฝูโหรวเลื่อนชามข้าวออกไป
เหยาต้าหลางก้มหน้ามอง เห็นในชามข้าวของฝูโหรวยังเหลือข้าวต้มอีกครึ่งชาม แม้จะบอกว่าเป็นตอนเช้า แต่ก็ยังกินน้อยลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้
“เหตุใดไม่กินอีกละ? หรือว่ามีอะไรอยากกินเป็นพิเศษหรือ ข้าจะออกไปซื้อกลับมาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
ฝูโหรวอึ้งงันไปชั่วขณะและส่ายหน้า ดูเหมือนนางจะไม่ค่อยสนใจเรื่องอาหารสักเท่าไร
เหยาต้าหลางขมวดคิ้วแน่น ฝูโหรวมองแวบหนึ่ง จากนั้นก็เดินเข้าไปแตะไหล่ของเขาและเอ่ยว่า “ไม่เป็นไร แค่วันนี้กระเพาะไม่ค่อยดีเท่าไร”
อาจเพราะเหตุนี้ เหยาต้าหลางจึงไม่คิดอะไรมากนัก หยิบชามข้าวที่เหลือของฝูโหรวมาซดข้าวต้มอีกครึ่งหนึ่งของนางจนหมด
ฝูโหรวหน้าแดงเล็กน้อย ก่อนจะเก็บตะเกียบลวก ๆ จากนั้นก็ทำความสะอาดจวนอีกหนึ่งรอบ
เหยาต้าหลางออกไปข้างนอกรอบหนึ่ง จากนั้นก็กลับมาพร้อมกับเนื้อหมูสามชั่งในตอนเที่ยงวัน
“เหตุใดถึงซื้อเนื้อกลับมา?”
ฝูโหรวออกมาต้อนรับ นางรับเนื้อไปพลางเอ่ยถามสั้น ๆ ขณะเดียวกันก็ครุ่นคิดว่าเที่ยงวันนี้จะทำอย่างไรกับเนื้อดี
“ข้าเห็นเจ้าดูไม่อยากอาหารในตอนเช้า งั้นเที่ยงวันนี้มากินอะไรที่แตกต่างสักหน่อยดีกว่า”
นี่เหยาต้าหลางใส่ใจนาง หรือเป็นห่วงกลัวว่านางจะไม่กินอะไรเลย
ฝูโหรวยิ้มเล็กน้อย ตั้งใจว่าเที่ยงวันนี้จะนำเนื้อหมูมาผัดเป็นอาหารสองสามอย่าง จากนั้นก็ทำหมูราดน้ำแดงสักชาม วางลงบนโต๊ะเพิ่มสีสันให้กับอาหารครบถ้วนมากขึ้น
แต่ครั้นถึงเวลาอาหาร ฝูโหรวกลับรู้สึกไม่อยากอาหารอีกครั้ง แต่ครั้นเห็นเหยาต้าหลางนั่งมองตลอดจึงทำได้แค่พยายามกินมันเข้าไป
เพราะกินมากเกินไป ตกบ่ายฝูโหรวจึงไม่มีกระจิตกระใจจะทำสิ่งใด นอนหลับด้วยความเกียจคร้านไปตื่นหนึ่ง ครั้นตื่นขึ้นมาก็พลันรู้สึกเหมือนไม่สบายเนื้อไม่สบายตัว
แต่เนื่องจากอาหารยังไม่ย่อยนัก ดังนั้นนางจึงรู้สึกไม่ค่อยอยากอาหารสักเท่าไร
ฝูโหรวรู้สึกว่าตัวเองรู้สึกไม่สบายตัว ดังนั้นจึงไม่ค่อยสนใจสิ่งรอบนอก
สองสามวันหลังจากนั้น ฝูโหรวก็เป็นเช่นนี้มาตลอด อาหารก็กินน้อยลง ไม่หิวไม่อยากอาหาร แค่สองสามวันเท่านั้น นางกลับดูผายผอมลงทันตา
ใบหน้าของฝูโหรวที่ดูกลมเต็มสมบูรณ์ ดูน่ารัก แต่บัดนี้กลับมีแก้มที่ตอบลงทั้งสองข้าง แม้ว่าร่างทั้งร่างจะดูบางลง แต่นางก็ทำให้เจ็บปวดอยู่ไม่น้อย
ขืนเป็นเช่นนี้ต่อไป เหยาต้าหลางทนต่อไปไม่ไหวแน่นอน
“พรุ่งนี้ข้าจะไปเชิญหมอจีนมาตรวจอาการ”
ตกดึกเหลือแค่สองสามีภรรยาในห้อง เหยาต้าหลางเดินไปเดินมาชะเง้อแลมองอยู่ที่เดิม ใบหน้าที่ซูบตอบของฝูโหรวทำให้เขาร้อนใจไม่น้อย จึงรีบพาหมอจีนมาดูอาการทันที
ฝูโหรวรู้สึกไม่อยากอาหาร ไม่ใช่เรื่องใหญ่อะไร คิดว่าโน้นน้าวมากขึ้นอีกหน่อย แต่เมื่อเห็นสายตากลุ้มใจของเหยาต้าหลาง สุดท้ายจึงต้องพยักหน้าคล้อยตาม
ค่ำคืนนี้ เหยาต้าหลางไม่ได้นอนเลย นอนพลิกไปพลิกมาอยู่บนเตียง
เช้าตรู่วันที่สอง เขารีบเด้งตัวขึ้นจากเตียงจากนั้นก็วิ่งไปเชิญหมอจีนกลับมา
เหยาต้าหลางพาหมอจีนเข้ามาในห้อง ส่วนเขายืนอยู่ข้างกาย “รีบดูเร็วเข้า ตกลงภรรยาของข้าเป็นอะไร? ช่วงนี้นางมักไม่ค่อยกินอาหาร ดูผ่ายผอมลงไปทุกวัน”
หมอจีนลูบเคราเล็กน้อย จากนั้นก็ยื่นมือออกไปจับชีพจรของฝูโหรว
เหยาต้าหลางมองดูด้วยความเป็นห่วง กลัวว่าสิ่งที่หมอจีนจะพูดออกมาอีกชั่วครู่จะไม่ใช่ข่าวที่ดีนัก
แต่คาดไม่ถึงว่าหลังจากที่หมอจีนตรวจจับชีพจรแล้ว จะหมุนตัวกลับมามองเหยาต้าหลาง แล้วคลี่ยิ้มอย่างไม่น่าเชื่อ
นี่มันเกิดอะไรขึ้น? ทำไมหมอจีนถึงยิ้มเช่นนี้? เหยาต้าหลางตื่นตกใจจนหัวใจเต้นรัว
“ฮูหยินไม่ได้ป่วยหนัก แต่กำลังตั้งครรภ์ขอรับ ตอนนี้อายุครรภ์ยังน้อย ดังนั้นอารมณ์จึงไม่คงที่ มักอยากกินของกินอร่อย อีกไม่กี่เดือนก็ดีขึ้นมากแล้ว”
หมอจีนลูกเคราอีกครั้ง จากนั้นก็แจ้งข่าวดีกับเขา
เหยาต้าหลางตะลึงงันไปชั่วขณะ เขาครุ่นคิดถึงความเป็นไปได้สองสามอย่าง คาดไม่ถึงว่าฝูโหรวจะตั้งครรภ์เสียได้ อยู่ ๆ ก็มีเด็กเป็นโซ่คล้องใจของทั้งสองคน
“เจ้านะเจ้า เลอะเลือนจริง ๆ ในฐานะสามีไม่สังเหตเห็นถึงความผิดปกติของเรื่องนี้เลยหรือ?” หลังจากหมอจีนแจ้งเรื่องน่ายินดี ก็เห็นเหยาต้าหลางอึ้งงันไปชั่วขณะ เลยเอ่ยปากสั่งสอนเขา
“ตั้งครรภ์หรือ?” เหยาต้าหลางมองหมอจีนอีกครั้ง
“ขอรับ ท่านเลอะเลือนยิ่งนัก ก็ตั้งครรภ์นะสิ ดึงสติกลับมาได้แล้ว นั่นลูกทั้งคนเลยนะ”
“ฮ่า ๆ เยี่ยมไปเลย ข้าจะมีลูกแล้ว” เหยาต้าหลางเหมือนยังสะลึมสะลือ ยิ้มอย่างโง่เขลา ส่วนคำสอนที่หมอจีนบอกเขา เหยาต้าหลางไม่ได้รู้สึกแย่แม้แต่น้อย ครานี้เขาไม่สังเกตจริง ๆ
เหยาเฟิงและเหมียวจวนกำลังวุ่นอยู่ในห้องครัว สองสามวันนี้ฝูโหรวต้องคอยดูแลกิจการ สองผู้เฒ่าจึงยิ่งกลุ้มใจอยู่ภายใน เลยทำการตุ๋นน้ำแกงไก่ในครัว ในเมื่อกินอะไรไม่ลง อย่างน้อยซดน้ำแกงเข้าไปบำรุงร่างกายบ้างก็ยังดี
ทั้งสองคนเดินเข้ามาในห้องและได้ยินพอดี หมอบอกว่าฝูโหรวกำลังตั้งครรภ์ ลูกชายผู้โง่เขลาของตนได้แต่ยืนตะลึงงันอยู่ที่เดิม กระทั่งได้ยินสิ่งที่หมอสอนจึงเดินเข้ามา
“เจ้าเด็กโง่ ภรรยาของตัวเองตั้งครรภ์ก็ไม่รู้ มิน่าล่ะหมอถึงได้สั่งสอนเจ้า” แม่เหยารุดหน้าเข้ามาตำหนิเขา จากนั้นก็นั่งลงข้างกายฝูโหรวมองนางด้วยแววตาสงสาร
“พวกเจ้าสองคนเจอหน้ากันทุกวัน หรือว่าเจ้าใส่ใจฝูโหรวน้อยลง เลยไม่ทันสังเกตเห็น?”
แม่เหยาโพล่งประโยคนี้ออกมา น้ำเสียงนั้นเต็มไปด้วยความเคร่งขรึม ถ้าเหยาต้าหลางไม่ให้ความสนใจฝูโหรวจริง ๆ นั้นคือเรื่องแรกที่นางจะไม่มีวันให้อภัย
“ข้าผิดเอง”
เหยาต้าหลางพยักหน้า เขาได้รับการสั่งสอนจากผู้อื่นจึงรู้สึกหม่นหมองในใจ
จากนั้นในบรรดาครอบครัวของพวกเขา มีชีวิตน้อย ๆ เพิ่มมาอีกหนึ่งคน เป็นชีวิตน้อย ๆ ที่มีสายเลือดของเขาและฝูโหรวไหลเวียนอยู่ด้วยกัน ไว้โตขึ้นก็คงจะเรียกฝูโหรวว่าท่านแม่ และเรียกเขาว่าท่านพ่อแล้ว
ฝูโหรวนั่งอยู่บนเตียง ตอนนี้ยังคงอึ้งงัน
นางก้มหน้ามองท้องของตัวเอง ตอนนี้ยังแบนราบมองไม่ออกว่าตั้งครรภ์ ไม่คิดว่าในนี้จะมีชีวิตน้อย ๆ ซ่อนอยู่
แต่เมื่อได้ยินที่แม่เหยาสั่งสอนเหยาต้างหลางมาตลอด กระทั่งเห็นเขายืนก้มหน้า ใบหน้าเริ่มแดงก่ำ พลางยื่นมือไปดึงมือของแม่เหยา “ท่านแม่หยุดพูดเถอะ ครั้งแรกข้าก็ไม่รู้ อย่าว่าเขาเลย แม้แต่ตัวข้าเองก็คาดไม่ถึง จู่ ๆ ก็ตั้งครรภ์เสียอย่างนั้น”
น้ำเสียงของฝูโหรวต่ำลงเรื่อย ๆ จะพูดก็รู้สึกลำบากใจ
“ต่อไปจะไม่ใส่ใจกันไม่ได้แล้วนะ ตอนนี้ในท้องเจ้ายังมีอีกหนึ่งชีวิต ดูแลปกป้องร่างกายของตัวเองให้ดี ๆ อยากให้ตัวเองหนาวเหน็บเด็ดขาด”
แม่เหยาคว้ามือของฝูโหรว แล้วตบมันเบา ๆ
ทุกคนนั่งลงด้วยรอยยิ้ม นี่คือเรื่องที่หน้ายินดีที่สุดเรื่องหนึ่ง
——————————————–