มีสตรีเช่นนี้ได้อย่างไร!
จูจั้นถลึงตา
คุณหนูจวินแหงนหน้าหัวเราะฮ่าฮ่า เดินเฉียดหัวไหล่เขาส่ายอาดๆ ไปข้างหน้า
“เฮ้”
หลังร่างเสียงตะโกนโมโหของจูจั้นดังขึ้น
คุณหนูจวินไพล่มือไว้ด้านหลังเม้มปากยิ้มเดินไปข้างหน้าไม่สนใจ
จูจั้นไม่กี่ก้าวก็ตามมา
“เฮ้” เขาร้องเรียกอีกครั้ง
“ท่านเรียกใคร?” คุณหนูจวินขานหืมทีหนึ่งแล้วเอ่ยขึ้น
“คนแซ่จวิน” จูจั้นเอ่ย “พอประมาณก็พอได้แล้ว”
คนแซ่จวิน
คุณหนูจวินฉับพลันคิดได้ เหมือนเขาไม่เคยเรียกชื่อของตนเลย จิ่วหลิงชื่อนี้
เขา ทำไม….
นางหันศีรษะมองจูจั้นกะทันหัน
จูจั้นก็ฉับพลันถอยหลังก้าวหนึ่ง
“ฮ่า” เขาสีหน้ากังวลหวาดระแวง “เจ้าคิดทำอะไร? แววตาเจ้าอยากกินคน”
คุณหนูจวินอดไม่ได้หัวเราะพรืด ยื่นมือปิดตาไว้
“ความคิดข้าชัดปานนี้เชียวหรือ?” นางเอ่ยถาม
“ความคิดของเจ้าแต่ไหนแต่ไรก็ชัดมาก” จูจั้นเอ่ย
มือของคุณหนูจวินเกาปลายจมูก มองดูเขาดวงตากลอกกลิ้งเร็วไว
“เจ้าดูสิเจ้าดู” จูจั้นเอ่ยทันที ชี้นางพลางถอยหลังก้าวหนึ่ง “เหมือนนอกจากเจ้ายังมีอีกคนหนึ่งกำลังมองข้าอยู่”
คุณหนูจวินสีหน้าแข็งค้าง
ใช่แล้ว ใต้หนังผืนนี้ ยังมีอีกคนหนึ่งกำลังมองเขาอยู่
เขามองเห็นรึ?
หรือตั้งแต่หลังวันนั้นที่เห็นจูจั้นวางดอกไม้ดอกนั้นหน้าสุสานของตนเอง นางก็ใช้ฉู่จิ่วหลิงมองเขามาตลอด ไม่เคยคิดตั้งใจปกปิด
“เฮ้เฮ้ เจ้าหัวเราะอะไร? เจ้าหัวเราะประหลาดอะไรอีกแล้ว?”
เสียงของจูจั้นดังขึ้นในหูอีกครั้ง
รอยยิ้มที่มุมปากของคุณหนูจวินคลี่ออกกว้างทันที นางจึงแหงนหน้าหัวเราะเสียเลย
หัวราะจนจมูกแสบเสียงแหบพร่าอยู่บ้าง
“พอแล้ว” แล้วนางก็พลันหุบยิ้ม ยื่นมือจะตบจูจั้นเบาๆ
จูจั้นเตรียมระวังอยู่ก่อนแล้วก็กระโดดออกห่าง
“จูจั้น ท่านวางใจ” คุณหนูจวินยิ้มน้อยๆ เอ่ยขึ้น “ข้าไม่ได้หวังอะไรจากครอบครัวของพวกท่าน”
จูจั้นเก็บอาการระแวงเต้นเร่าเกินจริงไป ยืนตัวตรงมองนางเขม็ง
“สละกองทหารชิงซาน ช่วงชิงอนาคตให้พวกเขา” เขาเอ่ยขึ้น “คุณหนูจวิน ความใจกว้างเช่นนี้ของเจ้า คนที่ได้อนาคตไปคนไหนจะละทิ้งเจ้าได้?”
คุณหนูจวินแย้มยิ้ม
“นี่ไม่ใช่สิ่งที่ข้าวางแผนไว้ นี่คือความยุติธรรม มีคนเคยกล่าวสรุปความยุติธรรมนี่ไว้ประโยคหนึ่ง” นางเอ่ย “เขาบอกว่า แรง ส่งผลต่อกัน”
ใคร คำพูดนี้ฟังปุบก็ไม่ใช่คนปกติ
จูจั้นแค่นสียง
“คนเหล่านี้มีความดีความชอบยิ่งใหญ่เช่นนี้แล้วยังเก่งเช่นนี้อีก บวกกับพวกเขาเป็นคนที่เจ้าฝากฝัง พ่อข้าต้องมองพวกเขาเป็นคนสนิทแน่ ให้ตำแหน่งที่ดีที่สุด สิ่งตอบแทนที่ดีที่สุดแก่พวกเขา จะทำให้พวกเขาเปลี่ยนเป็นยิ่งแข็งแกร่ง” เขาเอ่ยต่อ
คุณหนูจวินยังคงอมยิ้ม
“แรงส่งผลต่อกัน นี่สำหรับบิดาของท่านแล้วไม่ใช่เรื่องแย่” นางเอ่ย
จูจั้นมองนาง
“ที่แท้เจ้าต้องการอะไร?” เขาเอ่ยถาม
“ข้าไม่ได้ต้องการอะไร ข้าเพียงคิดจะทำเรื่องบางอย่างเท่านั้น” คุณหนูจวินยิ้มบอก “และเรื่องเหล่านี้สำหรับพวกท่านแล้วไม่ใช่เรื่องเลวร้าย”
จูจั้นยังอยากพูดอะไรอีก คุณหนูจวินก็อ้าปากขัดเขาก่อน
“จูจั้น เรื่องเหล่านี้ที่ท่านคิดออก บิดาของท่านย่อมคิดออก” นางเอ่ย “บิดาของท่านยังไม่กลัว ท่านจะกลัวอะไร?”
จูจั้นยิ้ม ก้าวมาข้างหน้าหลายก้าว จ้องมองคุณหนูจวิน
ยามที่สีหน้าเขานิ่งสงบไม่โศกเศร้าไม่ยินดีไม่โกรธแค้น ทั้งมีความเคร่งขรึมของนายหญิงอวี้แล้วมีความอ่อนโยนของเฉิงกั๋วกง ความเคร่งขรึมนี้ทำให้เขาแลดูมีอำนาจ ส่วนความอ่อนโยนก็ทำให้เขาดูไม่อาจจับต้องได้ขึ้นหลายส่วน
“คุณหนูจวิน พวกเราก็นับว่ายุ่งเกี่ยวกันมาหลายครั้ง ข้ารู้จักเจ้า เจ้าก็รู้จักข้าดียิ่งนัก แต่ไหนแต่ไรข้าไม่กลัวผู้อื่นจะเล่นเล่ห์กับข้าอย่างไร” เขาเอ่ย “ต่างฝ่ายได้สิ่งที่ต้องการ ยุติธรรมเป็นธรรม”
“ถ้าอย่างนั้นท่านยังกังวลสิ่งใด?” คุณหนูจวินยิ้มเอ่ย
จูจั้นมองนางนิ่งๆ
“เจ้าแปลกยิ่งนัก” เขาเอ่ย “สิ่งที่เจ้าปฏิบัติกับข้า กับครอบครัวของพวกเรา ล้วนแปลกยิ่งนัก”
คุณหนูจวินแย้มยิ้ม มองเขาพลางพยักหน้า
“ใช่แล้ว ข้าปฏิบัติกับครอบครัวของพวกท่านต่างออกไป” นางพูด
“เหตุผล” จูจั้นเอ่ยขึ้น
คุณหนูจวินคิดนิดหนึ่งแล้วส่ายศีรษะ
“ข้าพูดไม่ได้” นางเอ่ยท่าทางติดจะเย้ยหยันตนเองอยู่บ้างแล้วพรูลมหายใจ “สรุปก็คือข้าเพียงอยากทำ รวมถึงบังเอิญทำเรื่องเหล่านี้ได้เท่านั้น จูจั้น ท่านวางใจเถอะ”
พูดจบก็เดินไปข้างหน้า
“เฮ้” จูจั้นร้องเรียกด้านหลังอีกครั้ง เรียกเฮ้ๆ ติดกันหลายหน
คุณหนูจวินได้แต่หยุดเท้า
“ข้ามีชื่อ” นางเอ่ยขึ้น
“คนแซ่จวิน” จูจั้นเอ่ย “แรงส่งผลต่อกันก็จริง แต่ระวังแรงมากจะทำร้ายตัวเจ้าเอง พ่อข้าดูไปแล้วมีหน้ามีตา ทว่าในความมีหน้ามีตานี้กลับอันตรายยิ่งนัก ข้องเกี่ยวกับครอบครัวพวกเราไม่ใช่เรื่องดีอะไร”
สิ้นเสียงของเขาก็เห็นเด็กสาวคนนั้นฉับพลันหมุนกายมา สีหน้าจริงจัง
“จูจั้น” นางเอ่ยท่าทางเคร่งขรรึมอยู่บ้าง
นางอยากพูดอะไร?
เหตุผลนั้นหรือ?
จูจั้นก็สีหน้าจริงจังอยู่บ้างมองนางเช่นกัน
แต่กลับเห็นเด็กสาวคนนี้ดวงตายกโค้ง
“ท่านกำลังเป็นห่วงข้าหรือ? ดังนั้นเลยไม่อยากให้ข้าเกี่ยวข้องกับพวกท่านสินะ?” นางกะพริบตาเอ่ยถาม
จูจั้นสีหน้าแข็งทื่อจากนั้นก็โมโห คุณหนูจวินหัวเราะฮ่าฮ่าดังลั่นหมุนตัวไปแล้ว
ผู้หญิง…ไม่ปกติ…คนนี้
ถูกนางหยอกอีกแล้ว
“ดูเจ้าสิ!” เขาตะโกน “พูดคำนี้ไม่กล้วฟ้าผ่าลิ้น”
คุณหนูจวินแหงนหน้าหัวเราะลั่นไม่หันกลับมา มือไพล่หลังร่าง เดินส่ายอาดๆ จากไปแล้ว
“อย่าให้ข้าเห็นเจ้าอีก”
จูจั้นโมโหทิ้งท้ายประโยคหนึ่งอยู่ด้านหลัง แล้วก้าวยาวจากไป
แต่น่าเสียดาย ประโยคนี้ทิ้งไว้ได้ไม่นาน ก็ถูกตัวเขาเองเก็บขึ้นมาแล้ว
เห็นจูจั้นยืนอยู่ในเรือน จ้าวฮั่นชิงที่กำลังเดินออกจากในห้องพลันตกใจสะดุ้งโหยง
“เจ้าอยู่ตรงนี้ทำอะไร?” นางเอ่ย
ส่วนจูจั้นเห็นนางก็ตกใจสะดุ้งโหยงด้วย
“เจ้า…” เขาสีหน้าตกตะลึงเอ่ยขึ้น มองใบหน้าของจ้าวฮั่นชิง
จ้าวฮั่นชิงอยู่ในเรือนไม่ปิดหน้าจนคุ้นชินแล้ว เพราะหลายวันนี้ทายาบ่อยครั้ง บนใบหน้าจึงไม่สบาย
นางไม่ได้กระอักกระอ่วนกับการตกตะลึงของอีกฝ่าย
ส่วนจูจั้นก็ฟื้นกลับมาสงบอย่างรวดเร็วยิ่ง
“ทำไมข้าจะมาที่นี่ไม่ได้ ข้าคือท่านชาย” เขาหน้าบึ้งเอ่ย
“ฮั่นชิง ควรดื่มยาแล้ว” เสียงของคุณหนูจวินดังมาจากด้านใน
จ้าวฮั่นชิงขานตอบไม่สนจูจั้นอีกยกเท้าเข้าไปแล้ว
คุณหนูจวินตอนนี้เพิ่งเดินออกมาจากด้านใน
“ถูกแม่ของท่านไล่ออกมารึ?” นางหัวเราะคิกคักเอ่ยถาม
ในเมื่อบอกว่าจะยังใช้ชื่อคู่หมั้นของท่านชายเหมือนเดิม นายหญิงอวี้ย่อมต้องเรียกให้จูจั้นเล่นละครให้มาก มาด้านนี้เพื่อแสดงว่าสองฝ่ายชอบพอกัน
“เจ้าอย่าอาศัยว่าแม่ข้าติดหนี้เจ้า…” จูจั้นเอ่ยเสียงเข้ม
คุณหนูจวินขัดเขาทันที
“จูจั้น” นางเอ่ยเสียงละมุน “ที่จริงท่านไม่ควรสนใจที่พ่อแม่ท่านติดหนี้ข้า ท่านลืมไปแล้วใช่ไหม ท่านก็ยังติดหนี้ข้าอยู่นะ?”
จูจั้นสีหน้าแข็งทื่อ
ใช่แล้ว เขาเหมือนจะติดหนี้นางอยู่นิดหน่อยจริงๆ …
“ท่านหญิงกับท่านกั๋วกงคืนสิ่งที่ติดค้างข้าอย่างฉับไวไปแล้ว พวกเราจึงนับว่าจ่ายเงินได้ของสองฝ่ายไม่ติดค้าง” คุณหนูจวินเอ่ยต่อด้วยเสียงอ่อนโยน สีหน้าจริงจัง “แล้วท่านคิดจะคืนข้าเมื่อไร? หนี้นี้จะคืนหรือไม่คืน หากไม่คืน ท่านคิดจะเอาอะไรมาชดใช้…”
จูจั้นยกมือขัดนาง
“ไม่ใช่แค่หญ้าต้นเดียวรึ?” เขาเอ่ย “ข้าจะไปตามหาให้เจ้าเดี๋ยวนี้”
พูดจบก็หมุนตัวก้าวยาวจากไป
คุณหนูจวินพรูลมหายใจ หมุนตัวปัดๆ มือ
“เอาล่ะ ไม่มีอะไรแล้ว ทำงานเงียบๆ ได้แล้ว” นางเอ่ย “ฮั่นชิง ฝนหมึกให้ที”
จ้าวฮั่นชิงที่อยู่ในห้องขานรับ เสียงฝนหมึกแผ่วเบาดังขึ้น