บทที่ 563 สมบูรณ์แบบ (1)

สามีข้าคือขุนนางใหญ่

บทที่ 563 สมบูรณ์แบบ (1)

ม่านราตรีมืดมิดปกคลุม เสี่ยวจิ้งนั่งรถม้าของหลิวเฉวียนกลับมายังตรอกปี้สุ่ยอย่างว่าง่าย

องครักษ์ลับที่รับหน้าที่คุ้มกันเขาที่ลอยตัวเหนือหลังคารถก็ทะยานตัวเข้าไปในรอบรั้วของเรือน

“เจียวเจียว! เจียวเจียว!”

เสี่ยวจิ้งคงเดินเข้ามาในบ้านก็เรียกหาเจียวเจียวเป็นอันดับแรก โดยไม่สนใจว่ากู้เจียวจะอยู่หรือไม่ก็ตาม

โชคดีที่วันนี้เจียวเจียวอยู่บ้านจริงๆ

นางมาเพื่อรักษาตาเฒ่าจ้าวที่อยู่เรือนหลังถัดกัน ช่วงพลบค่ำ จู่ๆ หลานชายของตาเฒ่าจ้าวก็วิ่งเข้ามาในโรงหมอ บอกว่าตาเฒ่าจ้าวหกล้มลุกไม่ขึ้น กู้เจียวจึงรีบวางงานในมือแล้วบึ่งกลับมา

ที่ตาเฒ่าจ้าวหกล้มเป็นอุบัติเหตุ ข้อมือขวาและข้อเท้าขวาพลิก เพราะเจ็บปวดเกินทนจึงไม่อาจลุกยืนขึ้นได้ กู้เจียวตรวจอาการบาดเจ็บของเขาก็ถือโอกาสตรวจบริเวณอื่นไปด้วย จึงได้พบว่าตาเฒ่าจ้าวมีอาการความดันโลหิตสูง

เพียงแต่ไม่นับว่าร้ายแรงนัก ด้วยเหตุนี้ยามปกติตาเฒ่าจ้าวจึงไม่รู้สึกตัวสักเท่าไร

แต่หากรอถึงวันที่ทนไม่ไหว อาการจะรุนแรงมาก

กู้เจียวทำแผลให้ตาเฒ่าจ้าวเสร็จเรียบร้อย พร้อมกับจ่ายยาลดความดัน เพิ่งกลับมาถึงห้องฝั่งตะวันตกก็ได้ยินเสียงเสี่ยวจิ้งคง

กู้เจียววางกล่องยาแล้วเดินออกไป

“เจียวเจียว!”

เสี่ยวจิ้งคงโผเข้าหาอ้อมกอดของกู้เจียว

เด็กน้อยตัวกลมวัยห้าขวบไม่ได้แค่กอดขากู้เจียวเหมือนแต่ก่อนแล้ว ยามนี้เขาเขย่งปลายเท้าก็เอื้อมถึงเอวกู้เจียวได้แล้ว

ปกติกู้เจียวจะโน้มตัวลงมาแล้วอุ้มเสี่ยวจิ้งคงขึ้นมากอด

ท่วงท่าของนางไม่ได้อ่อนโยนเหมือนคนเป็นแม่อย่างแม่นางเหยา อันที่จริงนางออกจะแข็งกระด้างด้วยซ้ำ สีหน้าก็สงบนิ่งเหลือเกิน แต่ยามที่นางใช้ท่อนแขนรวบเสี่ยวจิ้งคงเอาไว้ ความรู้สึกปลอดภัยเหมือนดั่งขุนเขาสูงใหญ่โอบล้อมนั้นไม่อาจหาใดเปรียบ

เสี่ยวจิ้งคงสูดกลิ่นของกู้เจียวด้วยความผ่อนคลาย เปลือกตาปิดลง จิตใจสงบนิ่ง “เจียวเจียว”

กู้เจียวลูบหัวเขา “ไปวังหลวงมาหรือ”

กู้เจียวได้ยินแม่นางเหยาพูดแบบนั้น

“อืม!” เสี่ยวจิ้งคงพยักหน้า “ข้าไปเยี่ยมท่านย่ากับท่านพี่มาล่ะ!”

กู้เจียวจูงมือน้อยของเขาเดินไปยังลานท้ายเรือน “ท่านย่ากับท่านพี่สบายดีหรือไม่”

เสี่ยวจิ้งคงเอ่ยอย่างอารมณ์ดี “สบายดี สบายดีกันทุกคน! ไม่สิ ท่านพี่ไม่สบายสักเท่าไร”

“เป็นอะไรหรือ” กู้เจียวถาม

เสี่ยวจิ้งคงทอดถอนใจ “เหมือนว่าจะเกิดเรื่องขึ้นกับแม่ของท่านพี่ ข้าเองก็ไม่รู้ว่าเกิดเรื่องอะไรขึ้น เขาเป็นห่วงเขาอยู่เหมือนกัน”

เกิดเรื่องขึ้นกับองค์หญิงหนิงอันรึ

กู้เจียวชะงักไป “เช่นนั้น ไว้ข้าจะไปถามมาให้เจ้านะ”

“อื้ม!”

ทั้งสองเดินมาถึงริมบ่อน้ำ กู้เจียวตักน้ำถังหนึ่งให้เขาล้างมือ

โชคดีที่เขาเป็นเด็กไม่กลัวหนาว จึงไม่งอแงเลยสักนิด หากเป็นฉินฉู้อวี้ป่านนี้คงร้องโอดครวญเพราะน้ำเย็นแล้ว

กู้เจียวรู้สึกว่าน้ำในบ่อยามฤดูหนาวนั้นอุ่นกำลังดี ใช้อาบน้ำได้เลยด้วยซ้ำ

เพียงแต่คนในบ้านไม่ยอม

เสี่ยวจิ้งคงที่ล้างมือเสร็จแล้วก็ไปต่อยมวย กู้ฉังชิงเป็นคนสอนเพลงหมัดให้เขา เขาฝึกซ้อมทุกวัน อย่างน้อยต้องมีหนึ่งยก อย่างมากก็สามสี่ยก ไม่มีว่างเว้น

กู้เจียวคิดว่าหากต้องการสร้างเสริมกำลัง แค่วันละหนก็เพียงพอแล้ว ไม่จำเป็นต้องลำบากขนาดนั้น

ทว่าเสี่ยวจิ้งคงนั้นไม่ได้ตั้งเป้าเพียงแค่สร้างเสริมกำลัง เขาต้องการปกป้องเจียวเจียว แล้วก็ปกป้องเจ้าไก่ของเขา

ฝึกมวยหนักสักหน่อยก็ไม่เสียหายอะไร กู้เจียวจึงตามใจเขา

ตกกลางดึก กู้เจียวรู้ข่าวที่ฮ่องเต้หมดสติไปเพราะถูกลอบสังหารแล้ว

ภายในห้องหนังสือของจี้จิ่วอาวุโส กู้เจียว เซียวเหิง และจี้จิ่วอาวุโส สามคนกำลังนั่งล้อมวงกันอยู่บนเบาะรอง

“ข้ารู้อยู่แล้วว่านางต้องลงมืออะไรสักอย่าง แต่ไม่คิดว่าจะเล่นแรงถึงเพียงนี้…” จี้จิ่วอาวุโสทอดถอนใจ

พวกเขาแพร่ข่าวคดีหอเซียนเล่อ เขาต้องการทั่วทั้งแคว้นกดดันให้ฮ่องเต้สืบคดีนี้ หาคำอธิบายให้ชาวเมือง หลังจากนั้นก็มีจดหมายสารภาพผิดขอฮวาซีเหยา

เดิมก็ตั้งใจบีบให้นางลงมืออยู่แล้ว

เพราะต้องมีคนลงมือก่อน จุดอ่อนจึงเผยออกมา

จี้จิ่วอาวุโสทำท่าครุ่นคิด “ข้าคิดว่านางจะเล่นบทโศก ให้ฝ่าบาทใจอ่อน หรือไม่ก็เผาจดหมายสารภาพผิดก่อนที่ฮ่องเต้จะได้อ่านมัน หลังจากนั้นก็สั่งฆ่าฮวาซีเหยา แต่เหตุใดนางถึงได้แทงฝ่าบาทเสียได้”

“ทุบหัวต่างหาก” เซียวเหิงแย้ง

“เหมือนกันแหละน่า” จี้จิ่วอาวุโสกระแอมให้โล่งคอ “ฝ่าบาทช่างน่าสงสารนัก”

เซียวเหิง ‘แต่สีหน้าท่านไม่ได้เป็นเช่นนั้นเลยสักนิด’

กู้เจียวจิบน้ำชา

เซียวเหิงสับเปลี่ยนน้ำชาที่เย็นชืดของนางราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น แทนที่ด้วยน้ำชาร้อนกรุ่นที่ตนยังไม่ได้ดื่ม

สายตาของเขาไม่ได้มองไปที่กู้เจียวแต่อย่างใด แถมสีหน้าก็ยังเรียบเฉย คล้ายกับว่าเป็นเรื่องธรรมดา เขาเอ่ย “ฝ่าบาทคงอ่านจดหมายสารภาพผิดแล้ว ทั้งยังเลือกที่จะไม่เชื่อนาง อาจถึงขั้นถอดยศนาง นางเข้าตาจนจึงเสี่ยงลงมือกับฝ่าบาท มีจุดที่น่าสงสัยอยู่สองจุด อย่างแรก เหตุใดฝ่าบาทถึงไม่เชื่อนาง อย่างที่สอง ข้างกายของฝ่าบาทมีองครักษ์หลงอิ่ง นางรอดพ้นจากเงื้อมมือขององครักษ์หลงอิ่งแล้วลงมือกับฝ่าบาทได้อย่างไร”

เซียวฮองเฮาไม่รู้ว่าฝีมือขององครักษ์หลงอิ่งนั้นเหนือชั้นเพียงใด จินตนาการไม่ออกว่าพวกเขาโจมตีได้รวดเร็วแค่ไหน ไม่มีใครสามารถทำร้ายฮ่องเต้ได้ภายใต้สายตาขององครักษ์หลงอิ่ง ต่อให้พวกเขาบาดเจ็บก็ไม่มีทางละทิ้งหน้าที่

“จุดแรกข้าสงสัยมาก” เซียวเหิงเอ่ย

กู้เจียวพยักหน้า

นางเองก็เช่นกัน

ฮ่องเต้รักใคร่เอ็นดูองค์หญิงหนิงอันเพียงนั้น แค่จดหมายสารภาพผิดฉบับเดียวก็ทำให้เขาสงสัยในตัวนางอย่างนั้นหรือ ฟังไม่ขึ้นเอาเสียเลย

เว้นเสียแต่ว่าเกิดเหตุบางอย่างขึ้นในห้องทรงอักษร ที่ทำให้ความรักที่ฮ่องเต้มีต่อองค์หญิงอันเสื่อมคลายลง

จี้จิ่วอาวุโสลูบเคราสีดอกเลาของตนพลางเอ่ย “ตอนนั้นจิ้งไท่เฟยลงมือเร็วไป ข้ารู้สึกว่าพวกเรามองข้ามบางสิ่งบางอย่างที่เกิดขึ้นระหว่างนางกับฝ่าบาทไป”

เซียวเหิงเอ่ย “ส่วนข้อสงสัยประเด็นที่สอง ข้าคาดการณ์ไว้อย่างหนึ่ง”

จี้จิ่วอาวุโสเหลียวมองเขา “เจ้าว่ามาสิ”

เซียวเหิงวิเคราะห์ “นางไม่มีทางลงมือกับฝ่าบาทโดยรอดพ้นจากสายตาขององครักษ์หลงอิ่งได้แน่นอน นางอาจจะล่อองครักษ์หลงอิ่งไปที่อื่น หรือไม่ก็เอาชนะองครักษ์หลงอิ่งได้ ก่อนหน้านั้นนางไม่รู้ว่าซุนผิงจะเป็นคนมาส่งจดหมาย การจะล่อองครักษ์หลงอิ่งออกไปทางอื่นไม่น่าจะเป็นไปได้”

“เช่นนั้นแล้วแปลว่านางเอาชนะองครักษ์หลงอิ่งได้อย่างนั้นหรือ” จี้จิ่วอาวุโสเหลียวไปมองกู้เจียว “เจียวเจียว นางมีวรยุทธ์หรือ”

กู้เจียวจิบชาร้อนที่สามียื่นมาให้ ความอุ่นซ่านแผ่ไปทั่วช่องท้อง นางส่ายหน้า “ไม่พบเลย”

จี้จิ่วอาวุโสขมวดคิ้ว “หรือว่านางจะเป็นยอดฝีมือ เหมือนจิ้งไท่เฟยที่ใช้ยาปรับสัญญาณชีพ ปกปิดเรื่องที่ตนเองมีวรยุทธ์”

กู้เจียวเอ่ย “หากเป็นเช่นนั้น ร่างกายของนางต้องมีอาการเหนื่อยล้า แต่นางไม่มีท่าทางเช่นนั้นเลย”

เซียวเหิงเอ่ยต่อ “หากจะต่อกรกับองครักษ์หลงอิ่งไม่จำเป็นต้องมีวรยุทธ์ก็ได้ ทุกสรรพสิ่งบนโลกย่อมมีที่มาที่ไป องครักษ์หลงอิ่งมากจากแคว้นเยี่ยน ข้าคิดว่าแคว้นเยี่ยนต้องมีวิธีรับมือกับองครักษ์หลงอิ่งแน่นอน”

ทุกคนต่างนึกถึงผู้มีอิทธิพลที่อยู่เบื้องหลังหอเซียนล่อขึ้นมาอย่างไม่ได้นัดหมาย

ที่ทุกย่างก้าวของเขาพวกเขานั้นมีแต่อุปสรรคเช่นนี้ หรือว่าจะเป็นเพราะนายน้อยแห่งหอเซียนเล่อผู้นั้น

ว่ากันด้วยความอดทนของจวงไทเฮา การจะปลดตำแหน่งองค์หญิงผู้นี้หาใช่เรื่องยากไม่

เพราะอย่างนั้นพวกเขาจึงต้องถอยออกมาเพื่อตั้งหลักวางแผน โดยหลักแล้วก็เพื่อลองหยั่งเชิงอำนาจของแคว้นเยี่ยนที่อยู่เบื้องหลัง

เซียวเหิงชะงักไปก่อนจะเอ่ย “ฮวาซีเหยาคงอยู่ที่กรมยุติธรรมต่อไปไม่ได้แล้ว”

จดหมายสารภาพผิดฉบับนั้น ฮ่องเต้มองไม่ออกว่าจริงหรือปลอม แต่นายน้อยแห่งหอเซียนเล่อย่อมมองออกทะลุปุโปร่งภายในปราดเดียว เพราะสิ่งที่เขียนในจดหมายสารภาพนั้นไม่ใช่ประวัติที่แท้จริงของฮวาซีเหยาเลย คำเรียกแทนตัวที่ใช้ในการเล่าเรื่องราวก็ไม่ถูกต้อง มีเพียงสิ่งเดียวที่เหมือนคือลายมือ แต่หากสองอย่างแรกปลอมแปลงขึ้นมา ก็เดาไม่ยากว่าลายมือก็ถูกคนอื่นสวมรอยเช่นกัน

เท่าที่นายน้อยแห่งหอเซียนเล่อรู้ในตอนนี้ก็คือฮวาซีเหยาไม่ได้ทรยศนาง ทว่าสถานการณ์บีบคั้น ในเมื่อนางคิดทำการใหญ่ เช่นนั้นแล้วความเสี่ยงที่ต้องแบกรักย่อมสูงกว่าเดิม การมีอยู่ของฮวาซีเหยาย่อมเป็นภัยต่อนางเข้าสักวัน

เซียวเหิงไม่ได้สนใจชีวิตของฮวาซีเหยาแม้สักนิด ฮวาซีเหยาเป็นแค่พยานบุคคลสำคัญคนหนึ่งที่จะเป็นเครื่องมือล้มนายน้อยแห่งหอเซียนเล่อ

หลังจากสุมหัวคิด คืนวันนั้นฮวาซีเหยาก็ถูกส่งไปยังโรงหมออย่างลับๆ พักอยู่ห้องถัดกันกับม่อเชียนเสวี่ย

ฮวาซีเหยา “…”

ม่อเชียนเสวี่ย “…”

กู้เจียวตั้งว่าจะส่งองครักษ์เจี่ยไปคุ้มกันฮวาซีเหยา ม่อเชียนเสวี่ยส่งเสียงฮึดฮัด “ไม่ต้องวุ่นวายขนาดนั้นหรอก ข้าจะจับตาดูนางเอง…เตรียมยาแก้ก้างปักคอไว้เยอะๆ หน่อยล่ะ!”

ฮวาซีเหยา “…”