บทที่ 706 ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด
บทที่ 706 ท่านแม่ดีกับข้าที่สุด
สองปีหลังจากนั้น
ตอนนี้เด็กน้อยเดินได้แล้ว หลินซือพาลูกน้อยออกไปเที่ยวเล่นเฉกเช่นทุกวัน
เตร็ดเตร่ไปทั่วทุกหนแห่ง
“ท่านแม่ ข้ากินผลไม้เคลือบน้ำตาลนี้ได้หรือไม่?”
เสี่ยวเป่าเห็นแผงขายผลไม้เคลือบน้ำตาล ทันทีที่เดินเข้าไปตรงหน้าพวกเขาน้ำลายก็ไหลย้อยด้วยความอยากกระหาย
เขาจึงเอ่ยถามหลินซือที่อยู่ข้างกายอย่างระมัดระวัง
หลินซือคลี่ยิ้ม แล้วโน้มตัวบอกเขา “ไม่ได้ เจ้าชอบกินน้ำตาล ตอนนี้ฟันเจ้าผุหมดแล้ว พรุ่งนี้แม่ค่อยซื้อให้เจ้าดีหรือไม่?”
ครั้นเด็กน้อยได้ยินคำพูดของหลินซือ ใบหน้าก็เศร้าสร้อยลง “แต่ข้าอยากกิน!”
เสี่ยวเป่าพูดอย่างภูมิใจ และยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน
แผงขายผลไม้เคลือบน้ำตาลนั้นได้เอ่ยโน้มน้าวหลินซือ “เด็กคนนี้ยังเล็กนัก เขาอยากกินก็ซื้อให้เขาสักไม้เถอะ”
หลินซือจนปัญญา สุดท้ายก็ยอมซื้อให้ลูกชาย โดยการเลือกไม้ที่มีน้ำตาลเคลือบน้อยที่สุด
“ขอบคุณท่านแม่ ข้ารู้ว่าท่านแม่ดีกับข้าที่สุด!” เสี่ยวเป่าฉีกยิ้มเผยฟันขาว ก่อนจะส่งยิ้มหวานเยิ้มให้แก่หลินซือ
“เจ้าเด็กร้ายกาจ!” ครั้นเห็นท่าทางของเด็กน้อย หลินซือก็ได้แต่ยิ้มอย่างจนปัญญา “ตอนนี้ซื้อผลไม้เคลือบน้ำตาลให้เจ้าแล้ว เจ้าน่าจะพอใจกระมัง?”
“อื้อ! วันนี้ข้าจะไม่รบเร้าให้ท่านแม่ซื้อสิ่งใดอีก ท่านพ่อเคยกล่าวไว้ ข้าจะให้ท่านแม่ซื้อของให้ตลอดไม่ได้”
ครั้นเห็นท่าทางเชื่อฟังของเด็กน้อย หลินซือก็ดีใจอย่างมาก จากนั้นก็ยื่นมือออกไปเคาะศีรษะของเขา “เจ้าพูดได้เช่นนี้แม่ก็ดีใจมากแล้ว”
“ท่านแม่ซื้อของอย่างอื่นแล้วรีบกลับจวนกันเถอะ ประเดี๋ยวท่านพ่อกลับมา แล้วไม่เจอเราสองคน ต้องคะนึงหาเราตลอดเวลาเป็นแน่”
หลินซือได้ยินคำพูดของเด็กน้อยแล้วรู้สึกสมเหตุสมผล วันนี้พาเสี่ยวเป่าออกมาเดินเล่น ทั้งยังได้ซื้อของอย่างอื่นด้วย
วันนี้เป็นวันเกิดของเจี่ยงเถิง หลินซือเตรียมจะออกมาซื้อวัตถุดิบทำอาหาร ตั้งใจเข้าครัวทำอาหารให้เจี่ยงเถิงอย่างสุดความสามารถ
แต่ต้องพาเสี่ยวเป่าไปยังแผงขายผักและพ่อค้าแม่ขายหาบเร่มากหน้าหลายตาในตลาด
ปีนี้เด็กน้อยตามผู้เป็นแม่มาที่นี่เป็นครั้งแรก เมื่อครั้งวันเกิดของเจี่ยงเถิงปีที่แล้ว หลินซือตั้งใจจะทำอาหารสุดฝีมือให้แก่เจี่ยงเถิง แต่ตอนนั้นเด็กน้อยยังเล็กมาก จึงไม่ได้ตามมาด้วย
เขามองสิ่งของหลากหลายชนิดด้วยความประหลาดใจ มองซ้ายแลขวาเสียยกใหญ่
ทันใดนั้นก็ชี้ไปยังแผงขายเนื้อหมูแห่งหนึ่ง แล้วเอ่ยกับหลินซือ
“ท่านแม่ เราซื้อมันกลับไปทำให้ท่านพ่อกินสักตัวหรือไม่”
หลินซือมองขาหมูที่ขายอยู่บนแผงลอย ก็อดยิ้มไม่ได้ “พ่อเจ้าชอบกินสิ่งนี้ตั้งแต่เมื่อไร?”
“ท่านพ่อกล่าวไว้ ท่านแม่เพิ่งคลอดน้องสาวตัวน้อยออกมา ดังนั้นท่านแม่ต้องให้ท่านพ่อช่วยหาของมาบำรุงบ้าง ท่านป้าบอกว่านี่คือของดีที่สุดแล้ว!”
ครั้นได้ยินคำพูดอันไร้เดียงสาของลูกน้อย ใบหน้าของหลินซือแดงระเรื่อ คิดว่าผู้เป็นแม่จะพูดอย่างไรกับลูกน้อย
แม้จะบอกว่าเด็กยังไร้เดียงสา แต่คำพูดที่โพล่งออดมาช่างน่าอับอายยิ่งนัก
แต่สุดท้ายหลินซือก็เลือกซื้อขาหมูบางส่วน นับตั้งแต่ที่ตั้งครรภ์และคลอดลูกน้อยออกมา เจี่ยงเถิงก็ไม่เคยให้หลินซือตั้งครรภ์อีก
เขาไม่อยากให้หลินซือต้องเจ็บปวดทรมานเช่นนั้นอีก หลินซือรู้ แต่หลินซือคิดว่าคนเดียวไม่พอ จึงอยากจะมีน้องสาวให้ลูกน้อยคนนี้สักคน
หลังจากเดินเล่นในตลาดรอบหนึ่งแล้ว หลินซือและเด็กน้อยก็ถือของกันเต็มไม้เต็มมือ หลินซือพอใจมาก จูงมือเด็กน้อยกลับจวน
ผลปรากฏว่าระหว่างทางนั้น หลินซือได้เจอแผ่นหลังอันคุ้นเคยของคนคนหนึ่งท่ามกลางผู้คนมากมายก็พลันขมวดคิ้วแน่น
เขาใช่หรือไม่?
หลินซือจ้องเขม็งไปยังแผ่นหลังคนผู้นั้นตลอด ไม่แน่ใจว่าใช้องค์รัชทายาทหรือไม่ ผลปรากฏว่าตอนนี้เองคนผู้นั้นได้หันหลับมา ซึ่งก็เป็นเขาจริง ๆ
องค์รัชทายาทก็เห็นนางเช่นกัน หลินซือจึงเร่งฝีเท้าเดินเข้าไป กระทั่งเข้าใกล้จึงได้เห็นว่าในมือของหลินซือยังมีเด็กน้อยอีกคน
เท้าจึงหยุดชะงักลงเล็กน้อย จากนั้นก็ยิ้มตาหยีให้เด็กน้อยพลางเอ่ยถามหลินซือว่า “นี่คือบุตรชายของเจ้ากับเจี่ยงเถิงใช่หรือไม่?”
หลินซือยิ้มพยักหน้า แล้วกล่าวทักทายองค์รัชทายาท “ไม่เจอกันตั้งนาน ไม่คิดว่าจะได้มาเจอพระองค์ที่นี่เพคะ”
“ใช่ เราสองคนไม่เจอกันนานมากแล้ว”
องค์รัชทายาทเห็นใบหน้าของหลินซือแต้มไปด้วยความสุข อีกทั้งท่าทางของเด็กน้อยตัวกระเปี๊ยกนี่ก็ช่างน่ารักยิ่งนัก
คาดว่าตอนนี้หลินซือคงจะมีชีวิตที่เป็นสุข มีลูกน้อยน่ารักหนึ่งคน และมีสามีที่รักนางมาก
เดิมทีนางมีที่พักพิงอุ่นใจแห่งหนึ่งไปแล้ว
คิดได้ดังนั้น ในใจขององค์รัชทายาทก็เกิดความอิจฉาและรู้สึกเศร้าหมอง
แต่กลับไม่ได้แสดงออกมา หลีกเลี่ยงไม่ให้หลินซือรู้สึกลำบากใจ
“เด็กคนนี้ชื่ออะไร?”
องค์รัชทายาทโน้มตัวลงไป มองเด็กน้อยตรงหน้าพลางเอ่ยถามหลินซือ
ไม่ทันรอให้หลินซือตอบกลับ เด็กน้อยก็ตอบคำถามขององค์รัชทายาทด้วยน้ำเสียงเจื้อยแจ้ว
“ข้าเสี่ยวเป่า ท่านแม่ของข้าชื่อหลินซือ ท่านพ่อของข้าชื่อเจี่ยงเถิง”
นี่คือประโยคที่เจี่ยงเถิงสอนเสี่ยวเป่า บอกเสี่ยวเป่าว่า ถ้าเจอกับบุรุษข้างนอกมาพูดคุยกับหลินซือ ให้ตอบกลับเขาไปเช่นนี้
เสี่ยวเป่าจึงปฏิบัติเช่นนี้อย่างเชื่อฟัง
กระทั่งได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่า หลินซือก็ยิ้มอย่างจนปัญญา คิดว่าคำพูดเหล่านี้ต้องมาจากเจี่ยงเถิงแน่นอน
“แล้วเจ้าอายุกี่ขวบแล้วล่ะ?”
องค์รัชทายาทเอยถามเสี่ยวเป่าต่อ เสี่ยวเป่าชูนิ้วสั้น ๆ ขึ้นมาสองนิ้ว “ปีนี้ข้าสองขวบแล้ว และได้ยินว่าปีนี้ข้าจะได้น้องสาวเพิ่มอีกคนด้วย!”
คำพูดนี้ได้ทิ่มแทงลงมากลางใจขององค์รัชทายาทอย่างไม่ต้องสงสัย
นัยน์ตาคู่นั้นแฝงไปด้วยความผิดหวัง แต่กลับพยายามปิดบังอย่างสุดความสามารถ
“ท่านอา ท่านหน้าตาหล่อเหลามาก เหมือนกับท่านพ่อของข้า”
เสี่ยวเป่ายกมือขึ้น เท้าใบหน้าของตัวเองพลางครุ่นคิดอย่างละเอียด
“แต่ข้ารู้สึกว่าท่านพ่อของข้าหล่อที่สุดแล้ว!”
ครั้นได้ยินคำพูดของเสี่ยวเป่า องค์รัชทายาทรีบหุบยิ้มทันที หลินซือรีบลากเสี่ยวเป่ามาด้านหลังของตัวเอง ก่อนจะส่งยิ้มอย่างลำบากใจให้เขา “ตองขอประทานอภัยด้วย ลูกของหม่อมฉันช่างไร้เดียงสา ไม่ค่อยเกรงกลัว”
“ไม่เป็นไร ข้าชอบเสี่ยวเป่านะ เด็กตัวน้อยน่ารักที่สุดแล้ว”
องค์รัชทายาทไม่ได้มีท่าทีจะอารมณ์ดีสักนิด “เห็นเจ้ามีความสุขเช่นนี้ ข้าก็วางใจ หวังว่าเจ้าจะมีความสุขเช่นนี้ไปทุกวัน ทุกปีและตลอดไป ถือไม้เท้ายอดทองกระบองยอดเพชรกับเจี่ยงเถิง”
ครั้นได้ยินคำอวยพรขององค์รัชทายาท หลินซือก็วางใจและเบิกบานใจในเวลาเดียวกัน ใบหน้าปรากฏรอยยิ้มออกมาในที่สุด
“ขอบคุณสำหรับคำอวยพรของพระองค์เพคะ หม่อมฉันและเจี่ยงเถิงก็ขอให้พระองค์เจอสตรีที่รักอย่างหมดใจในเร็ววัน สนับสนุนกัน ถึงตอนนั้นหม่อมฉันจะพาเราสามคนไปถวายของขวัญและอวยพรแด่องค์รัชทายาทด้วยตัวเราเอง”
องค์รัชทายาทพยักหน้าอย่างหนักแน่น แต่ในใจตอนนี้ได้ปลดปล่อยแล้ว คิดว่าหลินซือคงมีความสุขดีแล้ว เขาไม่ควรเข้าไปพัวพันอีก
“ดี งั้นข้าขอตัว เจ้ารักษาตัวด้วย”
ขณะกล่าว องค์รัชทายาทได้หมุนตัวจากไป ไม่หลงเหลือความอาวรณ์
หลินซือจูงมือเสี่ยวเป่ายืนอยู่ที่เดิม มองแผ่นหลังขององค์รัชทายาทที่ไกลออกไป นัยน์ตาสะท้อนแสงอาทิตย์อัสดง ท่าทางเหมือนครุ่นคิดบางอย่าง
——————————————–