บทที่ 755 พี่น้องสกุลตู้
ตู้เว่ยและแม่นมจ้าวกลับไปยังเรือน แม่นมจ้าวทั้งหงุดหงิดและอารมณ์เสีย
“คุณหนู ข้าผิดเองเจ้าค่ะ ข้าไม่รอบคอบดูคนผิดจนทำให้พวกเราเกือบจะถูกหลอกเข้าเสียแล้ว”
ตู้เว่ยตบหลังมือปลอบโยนแม่นมจ้าวเบาๆ ไม่ใช่ความผิดของนางเลย ทั้งหมดนี้เป็นเพราะแม่นมจ้าวหวังดีกับนาง
“คุณหนู ท่านอยากถามอะไรหรือเจ้าคะ?”
ตู้เว่ยไม่ใช่คนช่างสงสัย เป็นเพราะนางพูดไม่ได้ นางจึงได้แต่ทำท่าทางยามที่นางอยากรู้เท่านั้น ข้อบกพร่องนี้เป็นปมในใจของเด็กสาว นางจึงเลิกคิดที่จะตั้งคำถามจนราวกับว่านางไม่มีความสนใจในเรื่องอื่นใด นอกจากที่นางจะอยากรู้มากจริงๆ จึงจะทำท่าแม่นมจ้าว
“คุณหนูอยากรู้ว่าสตรีผู้นั้นเป็นใครหรือเจ้าคะ?” แม่นมพยายามคาดเดา
ตู้เว่ยพยักหน้า หญิงสาวผู้นั้นได้ช่วยเหลือนาง นางจึงอยากจดจำผู้มีพระคุณไว้ในใจเพื่อที่จะมีโอกาสได้ตอบแทนบุญคุณในภายหลัง
เหนือสิ่งอื่นใด สตรีที่ช่วยเหลือนางนั้นดูแตกต่างจากสตรีอื่น ทำให้ตู้เว่ยชื่นชอบและอยากรู้จัก นางคิดว่าสตรีผู้นั้นช่างเหมือนตัวละครในเรื่องที่นางแต่ง เป็นคนที่มีอิสระ ไร้ข้อผูกมัด มีความสุขและท่าทางองอาจราวกับวีรสตรี
“ข้าไม่รู้ว่านางเป็นใคร แต่ข้าหาคำตอบให้ได้เจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวรับปาก
ดูจากเสื้อผ้าแล้ว นางน่าจะเป็นสตรีสูงศักดิ์ในเมืองหลวง แม้ว่าแม่นมจ้าวจะชอบซุบซิบนินทา แต่นางก็อยู่แต่ในจวนเท่านั้น ไม่มีโอกาสที่จะได้พูดคุยกับคนนอก ทำให้นางไม่ค่อยรู้เรื่องในเมืองหลวงเท่าไรนัก
นางรู้เพียงเรื่องบางอย่างที่สำคัญเท่านั้น เช่น ผู้สำเร็จราชการส่วนพระองค์ที่ทำงานแทนฝ่าบาท
หนึ่งนาย หนึ่งบ่าวเดินไปยังที่พัก แต่จู่ๆ ก็มีใครบางคนมาขวางทางพวกนางเอาไว้
“น้องสาว เจ้าไปไหนมาหรือ?” ผู้ที่ขวางนางเอาไว้เป็นเด็กสาวที่มีอายุมากกว่าตู้เว่ย นางอายุราวๆ สิบเก้าปี ใส่เสื้อผ้าที่มีสีสันสดใส ดูท่าทางเย่อหยิ่งไม่น้อย นางมีหน้าตาเรียบๆ หว่างคิ้วดูเป็นคนเปิดเผย แม่นมจ้าวเขม่นมองอย่างไม่พอใจ
“คุณหนูใหญ่ คุณหนูรองแค่ออกไปเดินเล่นเท่านั้นท่านอย่าได้เข้มงวดกับนางมากนักเลยเจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวพูดด้วยน้ำเสียงกระด้าง นางคือตู้เยี่ยน พี่สาวของตู้เว่ย
ตู้เยี่ยนยังคงสีหน้าอารมณ์ดี แม้จะได้ยินวาจาขัดหูของแม่นมจ้าว
“จะไม่ให้ข้าเป็นห่วงนางได้อย่างไรเล่า? เสี่ยวเว่ยเป็นเด็กสาวหน้าตาดีแต่นางเป็นใบ้ หากนางไปเจออันธพาล ชอบรังแกคนแล้วร้องขอความช่วยเหลือไม่ได้จะเป็นอย่างไร?”
“บ่าวติดตามคุณหนูตลอดเจ้าค่ะ” สีหน้าของแม่นมจ้าวไม่สู้ดี
“ในฐานะผู้อาวุโสกว่า เจ้าสมควรจะห้ามปรามนางบ้างสิ” ตู้เยี่ยนพูดด้วยน้ำเสียงหยาบคาย
แม่นมจ้าวกลั้นหายใจด้วยความโกรธ ตู้เว่ยตบที่มือของนางเบาๆ แล้วดึงมือแม่นมจ้าวเลี่ยงออกไป
“น้องสาว…ที่ด้านนอกมีอันตรายมากมาย เจ้าอย่าออกไปเลย อยู่ในบ้านจะดีกว่า ผู้ชายข้างนอกไม่น่าไว้ใจ ข้ากับท่านแม่จะหาสามีให้เจ้าเอง” ตู้เยี่ยนพูดด้วยรอยยิ้ม
วันนี้ทั้งคู่เจอคนหลอกลวงแล้วยังโชคร้ายต้องมาเจอกับตู้เยี่ยนอีก เมื่อกลับเข้าไปในห้องแม่นมจ้าวเริ่มบ่นทันที
“ถึงแม้ฮูหยินตู้จะเป็นคนจู้จี้แต่นางยังมีใจเมตตาเป็นธรรมอยู่บ้าง ไฉนนางจึงได้เลี้ยงคุณหนูใหญ่ให้กลายเป็นคนใจร้ายและก้าวร้าวเช่นนี้ไปได้นะ?”
“ฮึ! รอให้หานางให้น่ะหรือ ผู้ชายที่คุณหนูใหญ่เลือกให้มีแต่พวกไม่เอาไหน นางไม่ชอบจึงได้ยัดเยียดส่งมาให้คุณหนูของข้า”
แม่นมจ้าวยิ่งคิดยิ่งโกรธมากขึ้น
แม่นมจ้าวย่อมอยากให้คุณหนูได้เจอสามีที่ดีกว่าตู้เยี่ยนเป็นพันเท่าเพื่อตบหน้าตู้เยี่ยนสักที
“ฮูหยินใหญ่กับนายหญิงเป็นลูกพี่ลูกน้องกัน ตอนที่นายหญิงจะเสียนางกำชับฝากฝังคุณหนูไว้กับฮูหยิน นางรับปากเป็นอย่างดี แล้วดูสิ ลับหลังกลับทำเช่นนี้ ช่างเป็นคนหน้าซื่อใจคดเสียจริง”
แม่นมจ้าวพูดด้วยโทสะ ตู้เว่ยอยากพูดว่า แท้จริงแล้ว นางก็ไม่ได้ปฏิบัติกับตู้เว่ยเลวร้ายมากนัก
ตู้เว่ยไม่ได้ขาดแคลนเสื้อผ้าและอาหาร เพียงแต่….ตู้เยี่ยนชอบพูดจาไม่ดีเท่านั้น เป็นความจริงที่ว่านางเป็นใบ้ หากถูกใครรังแกย่อมไม่อาจร้องเรียกให้ใครมาช่วยได้ นางชินชากับสภาพเช่นนี้อยู่แล้ว แต่เมื่อคิดถึงเว่ยจื่ออี้แล้ว ตู้เว่ยก็ไม่สบายใจ
เว่ยจื่ออี้อาจจะคิดว่านางเป็นคนเก่ง พูดจาฉะฉาน เหมือนหนังสือที่นางเขียน แต่แท้จริงแล้ว นางเป็นใบ้พูดไม่ได้แม้แต่คำเดียว
ตู้เว่ยก้มหน้า แม่นมจ้าวไม่ทันสังเกต นางยังอดบ่นพึมพำต่อไม่ได้
“ข้าเข้าใจแล้ว เป็นเพราะฮูหยินใหญ่อิจฉานายหญิงของข้ามานานแล้วนั่นเอง นายหญิงได้รับความรักและความเอ็นดูจากท่านจิงอ๋องมาก จนท่านอ๋องรับนางเป็นบุตรบุญธรรม ชื่อเสียงของนายหญิงเป็นที่เลื่องลือไปทั่ว ถ้าหากอดีตฮ่องเต้ไม่ลอบโจมตีท่านจิงอ๋องจนทำให้ต้องไปเฝ้าสุสานบรรพกษัตริย์..นางคงไม่ต้องแต่งเข้ามาในจวนเป็นภรรยาผิงชีเช่นนี้ เรื่องนี้ดูเหมือนฮูหยินใหญ่จะเป็นผู้ช่วยเหลือนางแต่แท้จริงแล้วกลับทำให้นายหญิงเสื่อมเสียชื่อเสียงมากกว่า”
“เหตุใดชีวิตคุณหนูถึงได้ต้องมาลำบากถึงเพียงนี้ด้วย?”
แม่นมจ้าวพร่ำพรรณนายาวเหยียด แต่เมื่อนึกขึ้นมาได้ นางถึงกับสะดุ้งเอามือปิดปากของตนเอาไว้ราวกับรู้ตัวว่าได้หลุดเรื่องไม่สมควรพูดออกไป
ตู้เว่ยจับมือของแม่นมจ้าวเขียนคำสามคำอย่างประณีตและงดงามลงในกระดาษแล้วมอบให้นาง
“เว่ย จื่อ อี้?”แม่นมจ้าวอ่านออกเสียง ตู้เว่ยพยักหน้า
“คุณหนูอยากให้ข้าสืบเรื่องของเขาหรือเจ้าคะ?”
เด็กสาวพยักหน้า
แม่นมจ้าวเก็บกระดาษเอาไว้ เมื่อมีโอกาสนางจะหาทางสืบเรื่องของนายน้อยเว่ยจื่ออี้ผู้นี้
แม่นมจ้าวไม่ได้สานสัมพันธ์กับใครและรู้จักผู้คนน้อยมาก แต่หลังจากที่นางได้สอบถามจึงรับรู้ว่านายน้อยเว่ยจื่ออี้เป็นผู้ที่มีชื่อเสียงมาก แม่นมจ้าวถึงกับตกใจ
“คุณหนูเจ้าคะ ข้ารู้เรื่องของฮูหยินผู้นั้นและคุณชายเว่ยจื่ออี้แล้วเจ้าค่ะ ตัวตนของทั้งสองไม่ง่ายเลย ซ้ำพวกเขายังเกี่ยวข้องกันด้วย” นางรีบบอกตู้เว่ย
“ฮูหยินที่ช่วยเหลือพวกเราเอาไว้ ชื่อว่าถังหลี่ นางเป็นพระชายาของท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เจ้าค่ะ” แม่นมจ้าวบอก
ดวงตาของตู้เว่ยเบิกกว้าง พระชายาของท่านผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์หรือหรือ?
แม้ว่าตู้เว่ยจะไม่ได้ออกไปไหน แต่นางย่อมรู้จักชื่อเสียงของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เป็นอย่างดี ย้อนกลับไปในตอนที่รุ่ยอ๋องก่อกบฏและควบคุมฮ่องเต้ไว้ ผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้เป็นผู้ที่พลิกสถานการณ์และปราบกบฏลงจนสำเร็จ ทำให้เขาได้ขึ้นสู่ตำแหน่งสูงสุด
การกระทำที่เด็ดเดี่ยวของเขาทำให้ทุกคนต่างเคารพและหวาดกลัว โดยเฉพาะสกุลตู้ที่ตกต่ำ
ว่ากันว่าผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ผู้นี้มีพระชายาเพียงคนเดียว เขารักและทะนุถนอม แทบจะวางนางไว้บนฝ่ามือ
ในความคิดของตู้เว่ยแล้ว พระชายาของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ควรจะเป็นหญิงสง่างาม ไว้ตัวและนุ่มนวลราวกับดอกไม้ แต่ไม่ใช่เลย นางกลับเป็นหญิงสาวที่ตรงไปตรงมา ไร้การเสแสร้ง กล้าที่จะยืนหยัดทวงความยุติธรรมให้ผู้คน
“เว่ยจื่ออี้ เป็นบุตรชายคนรองของผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์เจ้าค่ะ” ประโยคต่อมาทำให้ตู้เว่ยตกตะลึง
เว่ยจื่ออี้หรือที่นางรู้จักในนามเฟยจูเป็นบุตรชายของพระชายาผู้นั้นหรือ? บิดาของเขาเป็นผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์ ส่วนมารดาก็เป็นพระชายา สถานะของเขาช่างสูงส่งมาก
“ว่ากันว่าเขาเป็นเพียงบุตรบุญธรรมเท่านั้น แต่ทั้งสองรักคุณชายเหมือนบุตรแท้ๆ คุณหนูรู้จักคุณชายได้อย่างไรเจ้าคะ?” แม่นมจ้าวอดสงสัยไม่ได้ ในความคิดของนาง เด็กหนุ่มผู้นี้ไม่คู่ควรกับคุณหนู ต่อให้สกุลตู้ได้รุ่งเรืองเหมือนเช่นเดิมก็ตามที นางจึงไม่อยากคิดให้ไกลเกินไป เพียงแต่สงสัยเท่านั้น
ตู้เว่ยส่ายหน้า นางไม่อยากพูดถึงเรื่องนี้อีกต่อไป
หลังจากที่แม่นมจ้าวออกจากห้องไปแล้ว เด็กสาวทอดสายตาออกไปนอกหน้าต่างอย่างเศร้าสร้อย
นางและเฟยจูถือได้ว่าเป็นมิตรสหายและมีจิตใจที่ผูกพันกันทางจิตวิญญาณ พวกเขาไม่เคยสนใจสถานะและตัวตนของอีกฝ่ายเลย แต่เมื่ออยู่ในโลกของความเป็นจริงแล้ว พวกเขาต้องคำนึงถึงสถานะทางสังคมและภูมิหลังของตระกูลเป็นธรรมดา
ตู้เว่ยเป็นใบ้! นางพูดไม่ได้!
ความคิดที่ชั่วร้ายผุดขึ้นมาในใจของนางอย่างช่วยไม่ได้ หากเฟยจูเป็นบุตรนอกสมรสที่ไม่ได้ตั้งใจของสกุลอู่ ช่องว่างระหว่างนางกับเขาคงไม่ห่างกันมากจนเกินไปนัก นางจะได้ไม่รู้สึกว่าตนเองด้อยกว่าเขา
แต่นี่สถานะของเขาสูงส่งเกินไป…
ตู้เว่ยถือเทียบเชิญวันเกิดไว้ในมือรู้สึกราวกับว่าเป็นของร้อนอย่างไรอย่างนั้น……
แม่นมจ้าวที่กำลังเดินออกไป จู่ๆก็มีคนมายืนขวางหน้า เมื่อเห็นว่าเป็นใครสีหน้านางเปลี่ยนไปทันที
“เหตุใดคุณหนูใหญ่ถึงได้มีเวลาออกมาเดินเล่นได้ไกลถึงเพียงนี้เจ้าคะ?”
ตู้เยี่ยนยิ้มไม่สนใจคำค่อนขอดของนาง
“ข้ามาเยี่ยมน้องสาว เจ้าจะมาหาว่าข้าเดินเล่นได้อย่างไร?”
“คุณหนูทำงานอยู่เจ้าค่ะ คุณหนูใหญ่อย่าได้มารบกวนนางเลย”
“ข้าได้ยินมาว่าเจ้าสืบหาเรื่องของใครบางคนเมื่อเร็วๆนี้ น้องสาวของข้าขอให้เจ้าไปสืบหรือ?” แม่นมจ้าวไม่ตอบ นางรีบเดินหนีไปทันที
“คนที่เสี่ยวเว่ยอยากรู้ ชื่อ เว่ยจื่ออี้หรือ?” ตู้เยี่ยนพึมพำอย่างครุ่นคิด